ตอนที่แล้วบทที่29: ข้อสันนิษฐาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่31: งักโยว

บทที่30: ไขคดี


บทที่30: ไขคดี

“อย่าโกรธพวกเขาเลยนะ ทั้งหมดที่คุยกันก็เป็นเพียงการสันนิษฐานเพื่อหาความจริงเท่านั้น พวกเขาแค่อยากช่วยตระกูลของเจ้า”

ไป่ยู่ชี้แจ้งให้กับงักฮัว สองคนนั่งกันอยู่ในสวนของที่ว่าการอำเภออยู่เพียงลำพัง โดยที่ เฉินหลิน โจวหม่าจงและหงซาเถียน ยืนดูอยู่ห่างๆ ทุกคนไม่แน่ใจว่านางได้ยินพวกเขาคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ หากได้ยินกระทั่งตอนที่หม่าจงสันนิษฐานด้วยแล้วละก็

รองหัวหน้ามือปราบกับเจ้าเมืองหัวอันได้แต่ถอนหายใจ ทว่าพอทั้งคู่หันไปเห็นใบหน้าบึ้งตึงของเฉินหลินก็ต้องสะดุ้ง จนดรุณีน้อยหันมามองด้วยแววตาราวกับเสือร้าย ซาเถียนรีบหลบตา ขณะที่หม่าจงได้แต่ยิ้มแหยงๆ พลางนึกในใจว่า คนที่ซวยสุดอาจไม่ใช่ตนเองแล้วงานนี้

“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ว่า...” งักฮัวกล่าวขึ้นแล้วหยุดไป น้ำเสียงสั่นเครือและมีน้ำตาคลอ

“เจ้ากลัว” ไป่ยู่ต่อคำ เด็กสาวพยักหน้า

“เล่าให้ฟังได้ไหม?” งักฮัวเช็ดน้ำตา

“พี่ไป่อยากรู้เรื่องอะไร”

“ทุกเรื่อง”

“เสี่ยวจือนางเป็นลูกที่ท่านย่าพาเข้ามา ข้าไม่รู้แน่ชัดถึงที่มาที่ไปของนาง เพราะไม่เคยมีใครพูดหรือเล่าให้ฟัง ซ้ำข้าเกิดหลังจากที่นางเข้ามาในสกุลแล้ว ข้าคิดเอาเองว่านางน่าจะเป็นลูกบุญธรรมมากกว่า เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่เปิดเผยให้ชัดเจน เพราะงั้นถึงไม่มีใครยอมรับ แต่ข้าก็นับถือนางนะ เพราะหากไม่มีเสี่ยวจือสักคน คฤหาสน์หลังนั้นคงแย่กว่าที่เป็น”

“นอกจากงักเจียงที่ไม่ถูกกับนางแล้ว มีใครไม่ชอบนางอีกไหม”

“ไม่มี กับพี่ใหญ่ นางก็ให้ความเคารพด้วยซ้ำ กับงักโยวนางก็ดูแลอย่างดี ท่านย่าฝูก็วางใจในตัวนาง”

“แล้วเรื่องพ่อแม่เจ้าละ” คำถามนี้ทำให้งักฮัวนิ่งไปพักใหญ่

“อย่างที่พี่ได้ยินคนอื่นเล่ามา พ่อเข้าไปน่าเพื่อหาสมบัติที่บรรพชนซ่อนไว้ ตระกูลเราไม่ได้ทำมาหากินอะไร ที่อยู่ได้เป็นเพียงเพราะสมบัติพระราชทาน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้มีมากมายอะไรแล้ว”

“เจอใช่ไหม” ไป่ยู่ถาม งักฮัวนิ่งไปนาน จนเข้าเปลี่ยนคำถามใหม่

“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ของเจ้า”

คราวนี้คนถูกถามหันมามอง น้ำตาไหลเต็มสองแก้มก่อนจะส่งเสียงสะอื้นแทนคำตอบ เด็กสาวซบหน้าลงบนอกของจอมเวท ไป่ยู่ได้แต่ทอดถอนใจปล่อยให้นางทำเช่นนั้น

เฉินหลินที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ดวงตาเบิกกว้างลุกวาวด้วยโทสะ นางขยับตัวจะเดินเข้าไป แต่สองคนที่ยืนอยู่ด้วยรั้งไว้

“ปล่อยข้า! ต่อให้นางเป็นปีศาจข้าก็ไม่กลัว บังอาจมาล่วงเกินพี่ไป่แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้”

“เดี๋ยวก่อน คุณหนูหม่า โปรดใจเย็น” ซาเถียนกล่าวเบาราวกระซิบ

“เย็นอะไรกัน หากปล่อยไว้แบบนี้ เดี๋ยวพี่ไป่ เอ่อ ท่านไป่ก็เสร็จมารยาของยัยปีศาจนั่นพอดี”

“ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ดูดีๆ ไป่ยู่ไม่ได้สัมผัสตัวนางเลยนะ” หม่าจงกล่าวเสริม

เฉินหลินถึงยอมหันไปพินิจใหม่อีกครั้งก็เห็นจริงดังที่อีกฝ่ายว่า

“ใช่ๆๆ ไป่ยู่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ล่วงเกินอะไรคุณหนูงักอัวแน่นอน” ซาเถียนกล่าวย้ำ

“ฮึ! ท่านไป่ไม่ทำ แต่นางปีศาจนั่นต่างหากที่ไว้ใจไม่ได้” ดรุณีน้อยหันไปแว๊ดใส่เจ้าเมือง

“นี่เงียบก่อน สองคนนั้นคุยกันต่อแล้ว” หม่าจงรีบเตือนทั้งคู่เมื่อเห็นงักฮัวผละออกจากอกของไป่ยู่

“ข้าขอโทษ” งักฮัวกล่าวแล้วซบน้ำตา

“ไม่เป็นไร ร้องออกมาน่ะดีแล้ว จะได้สบายใจขึ้น”

“บิดามารดาของข้าเสียชีวิตพร้อมกัน ตอนนั้นข้ายังเด็กจำความไม่ได้เท่าไหร่ คนที่อยู่ในเหตุการณ์นอกจากข้าก็มีเพียงงักโยว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขา... กลายเป็นอย่างทุกวันนี้”

ทุกอย่างที่ได้ยินในตอนนี้ ไม่ต่างอะไรจากที่งักเจียงเคยเล่าให้ไป่ยู่ฟังมาทั้งหมดแล้วกระทั่งเรื่องที่งักฮัวเข้าป่าไปเขาก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร ความจริงของคนที่กระทำการเรื่องนี้ทั้งหมด เขาก็ทราบเรียบร้อยแล้วว่าเป็นใคร ปัญหาคือสิ่งที่แม่เฒ่าฝูปิดบังไว้

สองคนนั่งเงียบกันอยู่นาน ในที่สุด งักฮัวก็ตอบคำที่ไป่ยู่ถามค้างคาไว้

“หาจนเจอ... บิดากับมารดาข้า ตายในวันที่พวกเขาเจอสิ่งที่ค้นหา”

“...”

“เพียงแต่ว่าสิ่งที่ท่านเจอไม่ใช่สมบัติอย่างที่คาดหวังไว้”

“เขาเจอสิ่งใด”

“...”

“...”

“วิญญาณบรรพชน”

สิ้นคำนั้นไป่ยู่ลุกขึ้นยืนในทันที ปริศนาทุกสิ่งที่ครุ่นคิดคลี่คลายแล้ว

“ไปกันเถอะ”

“ไปที่ใด?”

“คฤหาสน์สกุลเจ้า”

“พี่ไป่หมายความว่า!?”

“ใช่ ข้ารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินหลิน หม่าจงและซาเถียนจึงเข้ามาร่วมวงสนทนา ซาเถียนคิดจะไปตามเจ้าหน้าที่มือปราบเพื่อไปจับกุมคนร้ายตัวจริง แต่ไป่ยู่มีเงื่อนไข

 

...................................................

 

งักหลิวถูกนำตัวออกจากคุก เพื่อเดินทางร่วมกับไป่ยู่ เฉินหลิน หม่าจง หานตง ซาเถียน งักฮัวและเจ้าหน้าที่มือปราบอีกสิบกว่านาย

ทั้งหมดเดินทางไปยังคฤหาสน์สกุลงัก แม้ซาเถียนจะเห็นฝีมือและยอมรับในการใช้วิชาอาคมของจอมเวทแล้วก็ตาม แต่ยังอดแคลงใจนิดๆ ในการวิเคราะห์และสืบหาความจริง ทว่าหม่าจงรับประกันในความสามารถด้านนี้ของอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เขาจึงยอมรับทุกเงื่อนไขที่ถูกขอร้องมา

‘ห้ามนำความจริงของเรื่องนี้ไปเปิดเผย สิ่งที่จะทำหลังไขความจริงจับ มีเพียงการจับกุมคนร้ายตัวจริงเท่านั้น’

ทันทีที่ไปถึงคฤหาสน์ ทุกคนในสกุลมาร่วมตัวกันในห้องโถงใหญ่ พวกบ่าวและเจ้าหน้าที่มือปราบซึ่งไม่เกี่ยวข้องถูกกันออกไปจากห้องนั้น โดยให้พร้อมระวังไว้หากเกิดเรื่องราวใดๆ ขึ้นหลังจากนี้

คนที่เหลืออยู่จึงมีเพียง ไป่ยู่ หม่าจง ซาเถียน แม่เฒ่าฝู เสี่ยวจือ งักหลิว งักโยว งักฮัวและวิญญาณของงักเจียงกับบิดา งักหลอ

เฉินหลินที่ถูกมองว่าไม่เกี่ยวข้องกับสกุลและไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนสำคัญในคดีจึงถูกกันออกมาให้รอหน้าห้องพร้อมกับคนอื่นๆ ทว่าดรุณีน้อยไม่ยอมแพ้ คอยแอบเงี่ยหูฟังอยู่หน้าประตูอย่างไม่ลดละ

“คดีนี้มีปริศนาหลายอย่าง หลักใหญ่ๆ คือการตายของงักเจียงและการถูกลักพาตัวไปของงักโยว ว่าใครเป็นคนทำ ทว่าทุกสิ่งของคดีนี้เริ่มต้นที่การตายของชายฉกรรจ์ห้าสิบสองศพที่กำแพงนอกด่านซึ่งอยู่อีกด้านของป่าต้องห้ามแห่งนี้ ทั้งสามเหตุการณ์เกิดขึ้นด้วยฝีมือคนๆ เดียว”

ไป่ยู่กล่าวเกริ่นเพื่อชี้แจงที่มาที่ไปของคดี

“ห้าสิบสองศพนั่น เป็นเหล่านักล่าสมบัติ ที่พวกเขาเข้ามาในป่าแห่งนี้เพราะข่าวลือเรื่องสมบัติของตระกูลงักที่บรรพชนเก็บซ่อนไว้ โดยที่พวกเขายินยอมพร้อมที่จะเสี่ยงกับอันตรายต่างๆ ที่เร้นกายอยู่ในป่า ทว่าสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงคืออันตรายที่ว่าเป็นปีศาจ และปีศาจที่ว่าไม่ได้มีเพียงหนึ่ง”

“เจ้าหมายถึงปีศาจสองตนที่อาเหวินบอกไว้ใช่ไหม?” ซาเถียนกล่าวถาม

“ทั้งถูกและไม่ถูก” ไป่ยู่ตอบ

“หมายความว่ายังไง?” คราวนี้เป็นงักหลิวที่สงสัย ท่าทางของเขาแม้จะดีขึ้นไม่หวาดกลัวเหมือนตอนที่อยู่ในคุก แต่ก็ยังมีอาการอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด

“ก่อนนี้ท่านให้ใต้เท้าเถียนกับเหล่าเจ้าหน้าที่มือปราบเข้าไปตามหาน้องชายคนเล็กของท่านในป่าต้องห้าม เพราะสงสัยว่าคนร้ายจะนำเขาไปซ่อนไว้ที่นั่น ในวันนั้นมีหมอกลงจัด คนที่โดนทำร้ายจนสาหัสและเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น คืออาเหวิน เขากล่าวว่า...”

“อย่า!” แม่เฒ่าฝูร้องห้ามแทรกขึ้นกลางคันพยายามยื่นมือและลุกขึ้น จนทุกคนหันไปมอง

“ท่านแม่” เสี่ยวจือต้องประคองและรั้งไว้ให้นั่งลง ไป่ยู่เห็นท่าทางของนาง ก็พอเข้าใจ เขาพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ อีกฝ่ายจึงยอมนั่งลง

“สิ่งที่อาเหวินเห็น คือปีศาจตนหนึ่ง ทว่าเขาโดนทำร้ายด้วยปีศาจอีกตนหนึ่ง และถูกช่วยไว้จากปีศาจอีกตนหนึ่ง”

“เจ้าหมายถึง มีปีศาจในป่านั่นสามตัว” หม่าจงถามอย่างประหลาดใจ เพราะข้อสันนิษฐานนี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ไป่ยู่พยักหน้าตอบ

“หลักฐานละว่ามีปีศาจอยู่สามตัวละ แล้วมันเป็นอะไรมาจากไหน?” งักหลิวถามเอาความ

“ตนหนึ่งเป็นปีศาจหมูป่า ทุกคนส่วนใหญ่ได้เห็นแล้วย่อมเป็นพยานยืนยันได้ อีกตนคือตัวที่อาเหวินเห็นในป่ากลางหมอกวันนั้น...” ไป่ยู่หยุดคำไว้แค่นั้น หันไปมองงักฮักชั่วครู่หนึ่งก่อนจะเห็นสายตาเดียวกันของแม่เฒ่าฝู

“ปีศาจตนนี้พวกท่านในสกุลรู้จักดี เขาคืองักหลอ บิดาของท่านเอง” งักหลิวคิ้วขมวดแน่น แม่เฒ่าฝูหลั่งน้ำตาออกมา

“ละ เหลวไหล” งักหลิวกล่าวเบาราวกระซิบ หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงตะคอกใส่ไปแล้วทว่าในเวลานี้ ความเชื่อที่เขายึดมั่นหมดสิ้นไปตั้งแต่เมื่อคืน

“ท่านเองก็ได้เห็นกับตาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ว่าศพคนตายยังกลายเป็นผีดิบฟื้นขึ้นมาได้ จะนับประสาอะไรกับวิญญาณคนที่ตายไปแล้วไม่ยอมไปผุดไปเกิดจนกลายเป็นปีศาจ ข้าไม่อาจทำให้พวกท่านเห็นเขาได้ แต่เชื่อเถอะว่าเขาอยู่กับพวกเราในห้องนี้”

สิ้นคำมีเสียงอุทานเบาจากซาเถียน เขามองไปรอบๆ ท่าทางหวาดระแวง วิญญาณงักเจียงหันไปมองพ่อตัวเอง เขายืนอยู่ใกล้งักฮัวและมีร่างกายที่แปลกประหลาดไปทุกทีคล้ายกับปีศาจอย่างที่ไป่ยู่กล่าวไว้

“ส่วนปีศาจตนสุดท้ายนั่นแหละ คือตัวที่ทำร้ายอาเหวิน สังหารงักเจียง ฆ่านักล่าสมบัติห้าสิบสองศพและใช้มนต์ดำบังคับศพให้ฟื้นกลายเป็นผีดิบขึ้นมาเพื่อหวังฆ่างักหลิวที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกที่ว่าการอำเภอ”

“มันเป็นปีศาจตัวไหนกัน” ซาเถียนถามสงสัย ไป่ยู่สูดหายใจลึกแล้วหันไปมองใครบางคนในกลุ่ม

“มันเป็นวิญญาณบรรพชนที่มีความแค้นฝังลึก ไม่ยอมปล่อยวางต่อเรื่องทางโลก จึงได้มาสิงสู่คนในสกุลและหวังฆ่าทุกคนโดยใช้ความโลภเป็นเครื่องมือ ข้าพูดถูกไหม งักโยว”

คำกล่าวของไป่ยู่ทำให้ทุกคนตกตะลึง กระทั่งแม่เฒ่าฝูยังไม่คาดคิด

“เดี๋ยวก่อน เจ้าหมายความยังไง นั่นเป็นคนบะ เอ่อ สติไม่สมประกอบนะ” ซาเถียนท้วงคำกล่าวหา

“ไม่นับเรื่องที่วิญญาณบรรพชนสิงอยู่ในกายและให้มองว่าที่เขาสติไม่สมประกอบ เป็นการแกล้งประพฤติตัวเช่นนั้นเพื่อให้คนคลายใจ คนที่จะทำให้อุบายในคืนที่งักเจียงตายพร้อมทั้งลักพาตัวเขาไป ท่านใต้เท้าคิดว่าควรจะเป็นใครที่สามารถทำได้”

“แต่...”

“ข้อยืนยันคือการที่เขาใส่ร้ายงักหลิวว่าเป็นคนทำ คนสติไม่สมประกอบหรือจะใส่ร้ายคนอื่นได้ และเพราะแผนเช่นนี้ก็กำจัดทายาทที่สืบทอดสกุลไปได้พร้อมกันในครั้งเดียว”

“เรื่องนั้นเขาอาจทำตามคำสั่งของเสี่ยวจือ อย่างที่พวกเราสันนิษฐานกันก็เป็นได้นี่”

“ผิดแล้ว เรื่องนั้นต่างหากที่ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะสุดท้ายต่อให้ไม่ต้องทำอะไรสมบัติทั้งหมดก็จะตกเป็นของนางอย่างถูกต้อง”

“เจ้าหมายความว่าไง!?”

“ทายาทที่สืบทอดสกุลงักที่แท้จริง คือเสี่ยวจือเพียงคนเดียวเท่านั้น”

“เหลวไหล!”

“เรื่องนี้แม่เฒ่าฝูน่าจะอธิบายได้ดีกว่า แต่ถ้าให้บอกกันสั้นๆ คือตั้งแต่แรกแล้วที่แม่เฒ่าฝูแอบอ้างว่าตนเองและลูกชายเป็นทายาทสกุลงัก เพื่อหวังสมบัติทั้งหมด นั่นเองที่เป็นสาเหตุให้วิญญาณบรรพชนโกรธแค้นและหวังที่จะมาทำลายร้างสกุลที่มีแต่ทายาทจอมปลอม”

แม่เฒ่าฝูไม่เพียงไม่กล่าวค้าน ยังนั่งนิ่งร้องไห้คล้ายเป็นการยอมรับ ขณะที่งักโยวนั่งนิ่งไม่ได้แสดงท่าทางราวกับคนเป็นบ้าดังเช่นที่เคย

แท้จริงตั้งแต่ในครั้งแรกที่เดินเข้ามาในห้องแล้ว ท่าทางของเขาก็ดูสงบกว่าที่เป็น ไป่ยู่คาดว่าเขาคงว่าแผนการไว้ว่าจะจะเปิดเผยตัว โดยอ้างว่าหายดีเพราะได้รับแรงกระทบกระเทือนทางใจ ดังเช่นที่เคยทำในตอนที่แกล้งเป็นบ้า แล้วค่อยรับตำแหน่งเป็นเจ้าบ้าน เพียงแต่เขาคงไม่คาดคิดว่านอกจากผีดิบที่เมื่อคืนส่งไปฆ่างักหลิวจะทำงานไม่สำเร็จแล้ว วันนี้ยังต้องมาโดนเปิดเผยแผนชั่วช้าที่เขาเข่นฆ่าพี่น้องตัวเองอีกด้วย

“ไป่ยู่ สมแล้วที่เป็นไป่ยู่ เคยได้ยินข่าวลือเรื่องเจ้ามามากวันนี้กลับได้เห็นประจักษ์ตา” งักโยวกล่าวขึ้นพร้อมลุกยืน

“เจ้า!” นอกจากซาเถียนที่อุทานตกใจ ทุกคนในสกุลงักต่างมีสีหน้าแปลกประหลาดและคาดไม่ถึง

“ข้าอุตส่าห์อดทนรอเวลานี้มาตั้งนาน กลับต้องมาผิดแผนทุกอย่างเพราะมีคนเช่นเจ้าเขามาในคฤหาสน์”

“พี่จง” ไป่ยู่ถอยร่นมายืนข้างหม่าจงพร้อมเรียกอีกฝ่าย รองหัวหน้ามือปราบพยักหน้ารับรู้ว่าอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจึงกำดาบที่สะพานอยู่ข้างเอวแน่นกระชับ

“อาโยว เจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าฆ่าพี่ตัวเองทำไม” แม่เฒ่าฝูร้องถามพลางสะอื้น งักโยวยิ้มเหยียดสีหน้าไม่เหลือเค้าเด็กน้อยไรเดียงสา

“เรื่องอื่นจะยังไงก็ช่างหัวมันแล้วในเวลานี้ แต่วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดต้องตายอยู่ภายในห้องนี้” สิ้นคำร่างของงักโยวพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง

ร่างนั่นสั่นเกร็ง มีมือมากมายงอกออกมาจากด้านหลังฉีกกระชากเสื้อจนขาด มันขยับไปมา สีหน้าของงักโยวดูบิดเบี้ยว ดวงตาเป็นสีแดง

“วันนี้คือวันตายขอพวกเจ้า!” เสียงที่ตวาดลั่นไม่ใช่เสียงของเขาอีกต่อไป มันกลายเป็นเสียงของวิญญาณอาฆาตที่ผูกพยาบาลมานานหลายสิบปี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด