บทที่ 13 ยอมรับเงื่อนไขของฉันก่อน ฉันถึงจะยอมจดทะเบียนสมรสกับคุณ
บทที่ 13 ยอมรับเงื่อนไขของฉันก่อน ฉันถึงจะยอมจดทะเบียนสมรสกับคุณ
“พ่อคะ บริษัทมีความจำเป็นเร่งด่วนขนาดนั้นเลยจริงๆ เหรอคะ” ฉางฉิงพยายามกลั้นอย่างสุดชีวิตเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เมื่อก่อนเวลาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เธอจะคุยกับเยี่ยนเหล่ยตลอด แต่ตอนนี้จะเพิ่มภาระให้กับเขาไม่ได้
เยี่ยนเหล่ยไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร “ฉางฉิง ตอนแรกพ่อกลัวจริงๆ ว่าจะทำให้ลูกต้องลำบากใจ แต่ซ่งฉู่อี๋ใช้ได้ทีเดียว...”
“เอาล่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ พ่อไม่ต้องกังวลนะคะ เมื่อวานเราคุยเข้าขากันได้ดีมากเลย” ฉางฉิงวางสาย แล้วหยิบนามบัตรสีขาวใบสวยออกมาจากกระเป๋า
เธอมองดูนามบัตรอยู่นานทีเดียวกว่าจะกดโทรหาซ่งฉู่อี๋
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใครพูดครับ” เสียงที่อยู่ปลายสายทุ้มต่ำ ฟังไม่คุ้นหู
“...ใช่...คุณหมอซ่งหรือเปล่าคะ ฉัน...เยี่ยนฉางฉิงค่ะ”
“คุณเยี่ยน...” ซ่งฉู่อี๋ดูเหมือนไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย “ตัดสินใจจะไปจดทะเบียนสมรสกับผมเมื่อไรครับ”
มุมปากฉางฉิงกระตุก “ทำไมคุณถึงได้แน่ใจนัก...”
“ผมคิดว่าไม่เห็นมีเหตุผลที่คุณจะปฏิเสธผม” ซ่งฉู่อี๋เดาสิ่งที่เธอจะพูดได้หมดทุกอย่าง
ฉางฉิงนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งถึงเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณคิดว่าเมื่อไรคะ”
“...อืม มะรืนนี้ตอนเช้า ผมน่าจะเจียดเวลาได้นิดหน่อย เราไปเจอกันด้านหน้าที่ว่าการอำเภอตอนสิบโมง ส่วนเรื่องไปเยี่ยมเยียนคนในครอบครัวคุณ เอาไว้เป็นมะรืนนี้ตอนเย็นก็แล้วกัน ความจริงผมควรไปหาก่อน แต่ช่วงนี้มีเคสผ่าตัดใหญ่สามสี่เคส ผมไม่มีเวลาจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ...” อย่างไรเสียฉางฉิงก็ไม่ได้คิดอะไรกับการแต่งงานนี้อยู่แล้ว
ช่างเถอะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ไหนๆ อีกฝ่ายก็ไม่ปกติเรื่องอย่างว่า เธอเองคงไม่ต้องทำหน้าที่ภรรยาให้กับเขา ต่อไปต่างคนก็ต่างอยู่
_ _ _ _ _ _ _ _
เช้าวันที่ต้องไปจดทะเบียนสมรส ฉางฉิงนอนเพลินเลยเวลา
สุดท้ายป้าจางที่เป็นแม่นมต้องขึ้นมาเคาะประตูห้องเธอ “คุณหนูคะ คนที่ชื่อคุณซ่งโทรมาหาคุณหนูค่ะ”
ฉางฉิงตกใจตื่นทันทีและรีบลงบันไดไป ตอนที่รับโทรศัพท์ เธอเหลือบดูนาฬิกาทีหนึ่ง สิบโมงห้านาทีแล้ว
“คุณเยี่ยน ตั้งแต่เก้าโมงเช้าผมโทรเข้ามือถือคุณไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง ถึงแม้คุณไม่คิดจะจดทะเบียนแล้ว แต่คุณก็ควรรับโทรศัพท์หน่อยไม่ใช่เหรอ” เสียงของซ่งฉู่อี๋ฟังดูเย็นชา
“ไม่ใช่ค่ะ ฉัน...นอนเพลินเลยเวลา” ฉางฉิงอธิบายเสียงเบา “ฉันปิดมือถือเลยไม่ได้ยินค่ะ”
“...คุณรีบมาที่ว่าการอำเภอก็แล้วกัน ผมจะรอคุณที่นี่ อย่าลืมเอาทะเบียนบ้านมาด้วยล่ะ” ซ่งฉู่อี๋เงียบครู่หนึ่งแล้วพูด
เมื่อฉางฉิงขับรถมาถึงด้านหน้าที่ว่าการอำเภอ เธอก็เห็นซ่งฉู่อี๋ยืนรออยู่แล้ว มือข้างหนึ่งสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง คิ้วหนาเฉียงขึ้น รูปร่างที่สูงโปร่งสง่าผ่าเผยสามารถทำให้ทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสิ่งที่ขับให้เขาเด่นยิ่งขึ้น
ในหัวใจเธอเหมือนถูกก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่
ตั้งแต่เด็กจนโตคนที่เธออยากแต่งงานด้วยคือฟู่อวี้ แต่ฟู่อวี้มีแฟนแล้ว เธอเองก็ควรหยุดละเมอเพ้อฝันได้แล้ว
ฉางฉิงสวมผ้าปิดปาก แล้วเดินเข้าไปหา ดวงตาของซ่งฉู่อี๋เป็นประกายจางๆ “วันสำคัญแบบนี้ผมนึกว่าคุณจะนอนไม่หลับเสียอีก คิดไม่ถึงว่าคุณจะนอนเพลินเลยเวลาได้”
มุมปากของฉางฉิงกระตุก “ฉันนอนไม่หลับค่ะ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ตีสาม”
ซ่งฉู่อี๋เหลือบมองเธอทีหนึ่ง แล้วหมุนตัวเข้าประตู “เข้าไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ...” ฉางฉิงเรียกตัวเขาไว้ ในใจรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อย “คุณต้องยอมรับเงื่อนไขของฉันก่อน ฉันถึงจะยอมจดทะเบียนสมรสกับคุณ”
“ว่ามา”
ฉางฉิงเชิดหน้าอย่างหยิ่งยโสเล็กน้อย “หลังจากแต่งงานแล้ว ห้ามบอกให้คนอื่นรู้เรื่องแต่งงานของเรา คุณห้ามจุ๊บฉัน แล้วก็ห้ามแตะต้องตัวฉัน ต้องนอนแยกห้องกัน คุณก็อยู่ส่วนคุณ ฉันก็อยู่ส่วนฉัน ห้ามก้าวก่ายชีวิตกันและกัน”
“ตกลง” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา แววตาเย็นยะเยือก
ฉางฉิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ เธองงงันเล็กน้อยและยิ่งเชื่อหมดใจว่า เรื่องอย่างว่าไม่ได้เรื่องจริงๆ ด้วย
เธอรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
ถ้าต่อไปหย่าร้างกันได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่สามารถหย่ากันได้ ไม่เท่ากับว่าเธอจะไม่มีวันได้สัมผัสรับรู้ถึงรสชาตินั้นหรอกเหรอ
แม้ว่าเธอจะไม่ได้หมกมุ่นเรื่องนั้น แล้วก็ไม่ได้ชอบเขา แต่เธอก็ยังอยากรู้อยู่ดี
..........................................................