ตอนที่ 204 ใครบอกว่าองค์ชายผู้นี้จิตใจโลเล
เฟิงเฟินไดมองตามที่เฟิงเฉินหยูชี้ และเห็นฮันชิเดินไปกับเฉินชิง เฉินชิงพูดคุยกับนางด้วยความเคารพนับถือ ฮันชิยกมือข้างหนึ่งปิดปากและหัวเราะ นางจับข้อมือของเฉินชิง นางหัวเราะจนตัวสั่น ใครจะรู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เฉินชิงพูดนั้นตลกแค่ไหนเพราะนางไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะของนางไว้ได้
“อนุฮัน เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” เฟิงเฉินหยูขมวดคิ้วใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล “แม้ว่าลูกพี่ลูกน้องจะเป็นเด็กรุ่นหลัง แต่เขาก็ยังเป็นผู้ชายดี คุณธรรมของเจ้าอยู่ที่ใด เจ้าจึงทำตัวเช่นนี้บนถนน ?”
ดวงตาของเฟิงเฟินไดเบิกกว้างด้วยความโกรธ แต่นางก็ไม่ลืมที่จะพูดปัดความผิด “เห็นได้ชัดว่าคุณชายเฉินทำตัวไม่เหมาะสม พี่ใหญ่อย่าได้กล่าวโทษอนุฮันเลยเจ้าค่ะ” ถึงแม้ว่านางจะพูดแบบนี้นางก็รีบเดินไปหาฮันชิ เช่นเดียวกับที่ฮันชิกำลังจะจับแขนของเฉินชิงด้วยมือทั้งสองข้างของนาง เฟิงเฟินไดก็ดึงนางกลับมาและพูดเสียงดัง “คุณชายเฉิน ถ้าท่านมีอะไรจะพูด ให้รอจนกว่าเราจะกลับไปที่คฤหาสน์และแจ้งท่านย่า ท่านมาพูดคุยกับอนุที่นี่ได้อย่างไร ?”
เฉินชิงในตอนแรกมีสีหน้าที่ตกใจ เมื่อได้เห็นเฟิงเฟินไดมา ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่ได้โมโหกับคำพูดของเฟิงเฟินได เขาคิดว่าคุณหนูสี่มาช่วยเขา เขาคำนับอย่างรวดเร็วและพูดว่า “คุณหนูสี่พูดถูกต้องแล้ว เฉินชิงอยู่ที่คฤหาสน์เฟิงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบจอหงวน ทุกอย่างถูกจัดการโดยท่านฮูหยินผู้เฒ่า ความตั้งใจดีของอนุฮัน เฉินชิงไม่กล้ารับขอรับ”
ฮันชีกลอกตาและพูดพึมพำ “ท่านพี่บอกให้เราดูแลเจ้าให้ดีก่อนที่ท่านพี่จะออกเดินทาง ข้าไม่ได้ทำตามนั้นหรอกหรือ ?”
เฟิงเฟินไดจ้องมองนาง “มีท่านย่าอยู่ ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ?” เมื่อมองดูที่เฉินชิงอีกครั้งสายตาของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ “ท่านเป็นผู้ชาย ทำไมท่านไม่เดินแยกจากผู้หญิง ? ท่านยืนอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร ? ไปให้พ้น!”
เฉินชิงก้มศีรษะลงเมื่อได้ยินเสียงขับไล่ของนางแล้วเดินจากไป
เฟิงเฟินไดจับแขนฮันชิ นางโกรธจนตัวสั่น “เจ้าหัดควบคุมตัวเองบ้างไม่ได้หรือ ? ท่านพ่อพึ่งอยู่กับเจ้าในคืนที่แล้วและออกจากเมืองหลวงไป แต่เจ้ามาก้อร่อก้อติกกับผู้ชายอีกคนในพริบตา?”
“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ?” ฮันชิเอามือปิดปากเฟิงเฟินไดด้วยความกลัว “ข้าแค่บอกเขาว่าถ้าเขาต้องการอะไรเพิ่มเติมสำหรับการเล่าเรียนของเขาก็บอกมา”
เฟิงเฟินไดดึงมือนางออกไป แม้ว่านางจะโกรธ นางก็ยังรู้จักที่จะลดเสียงของนาง “มีความจำเป็นที่จะต้องขยับมือของเจ้าเมื่อพูดสิ่งนี้หรือไม่? ลองดูสิตอนนี้มือของเจ้าอยู่ที่ไหน? ข้าจะบอกเจ้า ถ้าเจ้าไม่ควบคุมตัวเองไม่มีใครจะช่วยเจ้าได้”
เฟิงเฟินไดพูดด้วยความโกรธทำให้ฮันชิกลัว ฮันชิได้แต่แก้ตัวว่า “มันเป็นสิ่งที่ข้าคุ้นเคย ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางพึมพำกับตัวเองแล้วนึกถึงสิ่งที่เฟิงเฟินไดพูดกับเฟิงเฉินหยูที่ประตู นางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น “อย่าเพิ่งด่าข้า เจ้าต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจ คุณหนูใหญ่คิดอะไรจึงได้พูดเช่นนี้ออกมา ? วันนี้เราโชคดีที่ได้อันชิช่วยปกปิด ข้าจะเห็นสิ่งที่เจ้าจะทำ ! ถ้าเรื่องนั้นแพร่หลายออกไปคนที่ทนทุกข์จะไม่ใช่เพียงแค่เฟิงเฉินหยูคนเดียว แต่มันจะเป็นตระกูลเฟิงทั้งหมด !”
อย่างไรก็ตามเฟิงเฟินไดไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ “หากข้าไม่ได้สิ่งที่ข้าต้องการ ตระกูลเฟิงก็จะต้องถูกทำลาย”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หัวใจของฮันชิสั่น
นางเข้าใจบุตรสาวของนางเป็นอย่างดี นางอายุเพียง 10 ปี แต่นางมีความทะเยอทะยานมากกว่าเฟิงเฉินหยู นางไม่เคยพอใจกับสถานะของนางในฐานะบุตรสาวของอนุ นางอยากได้ตำแหน่งในฐานะบุตรสาวของฮูหยินใหญ่มาหลายปีแล้วและหวังว่าจะได้รับมา ฮันชิเข้าใจว่าตราบใดที่นางไม่ได้รับตำแหน่งบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ เฟิงเฟินไดก็จะไม่ยอมแพ้
นางค่อย ๆ ลูบท้องของนางเองและหวังว่านางจะตั้งครรภ์ และต้องตั้งครรภ์บุตรชายเท่านั้น เมื่อมีบุตรชายอยู่ข้างนาง ความหวังจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม
จากประตูของคฤหาสน์เฟิงถึงประตูทิศเหนือ คนกลุ่มใหญ่ดูมีชีวิตชีวา ดังนั้นมันจึงดูเหมือนไม่ไกล อย่างไรก็ตามการเดินทางกลับนั้นยากขึ้น โดยปกติแล้วบรรดาฮูหยินและคุณหนูก็ไม่ค่อยได้เดินไปไหนมาไหนด้วยตนเอง สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าและเดินช้าลง
เฟิงหยูเฮงมีร่างกายที่แข็งแรงและเฟิงเซียงหรูก็ฝึกฝนกับนางมาเป็นเวลานาน นางไม่ได้เป็นเด็กหญิงที่อ่อนแออีกต่อไป ทั้งสองเพิ่มความเร็วของพวกเขา เมื่อพวกเขาเดินผ่านร้านห้องโถงสมุนไพร พวกเขาหยุด และมองไปรอบ ๆ
เมื่อพวกเขามาถึงก็มีชายวัยกลางคนเพิ่งซื้อยาจากภายใน เขาเดินออกมาในขณะที่ขอบคุณพนักงาน เฟิงหยูเฮงรู้สึกว่าคน ๆ นี้ดูคุ้นเคย เมื่อบุคคลนั้นหันกลับมานางก็จำเขาได้ เขาเป็นคนที่ถูกกล่าวหาว่าตายเพราะกินยาที่ร้านห้องโถงสมุนไพรของนาง นางจำเขาได้อย่างแม่นยำ
หลังจากถูกย้ายไปยังพื้นที่ของเฟิงหยูเฮง บุคคลนี้มีความขยันขันแข็งมาก เขาชี้แจงสถานการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เขายังช่วยเจ้าเมืองในการสอบสวน น่าเสียดายที่เฟิงหยูเฮงส่งคนมาถามประมาณสองสามครั้งและพบว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้าจากเจ้าเมือง ดังนั้นนางไม่ได้กังวลกับมันอีก
เมื่อได้พบกับเฟิงหยูเฮงที่ทางเข้าร้านห้องโถงสมุนไพรทำให้อีกฝ่ายนั้นมีความสุขมาก เขารีบไปหานางทันที เฟิงเซียงหรูตกใจแต่ก็จำคนผู้นั้นได้ นางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้าเป็นคนที่พี่รองช่วยให้รอดตายใช่หรือไม่ ?”
ชายคนนั้นพยักหน้า “ข้ารู้สึกซาบซึ้งมาก ขอบคุณคุณหนูรองสำหรับการช่วยชีวิตข้า ข้าน้อยสำนึกในบุญคุณมากขอรับ” บุคคลนี้ซื่อสัตย์ในขณะที่เขาคำนับอยู่ตรงหน้าเฟิงหยูเฮงสามครั้งโดยที่หัวของเขาแตะพื้น จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ตอนที่ข้าได้ยินว่าคุณหนูรองถูกไฟคลอกเสียชีวิตที่บ้านของบรรพบุรุษ คนต่ำต้อยคนนี้ไปที่คฤหาสน์เฟิงเพื่อเผากระดาษเงินกระดาษทอง ในเวลาต่อมาเราพบว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกพาเข้าไปในพระราชวังโดยฮ่องเต้และพระราชทานตำแหน่งเป็นองค์หญิงแห่งมณฑล ข้าน้อยได้รับการช่วยเหลือจากองค์หญิงแห่งมณฑล ถือเป็นวาสนาของข้าจริง ๆ ขอรับ”
เฟิงหยูเฮงส่ายหน้า “การที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องบังเอิญ ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดมาก” จากนั้นนางมองไปที่มือของเขา “มีคนในครอบครัวของเจ้าป่วยหรือ ?”
ชายผู้นั้นพยักหน้า “ฮูหยินของข้าป่วย ข้าจึงมาซื้อยาขอรับ เสมียนที่ร้านลดราคาค่ายาให้และเพิ่มยาให้ข้าด้วยขอรับ”
เฟิงหยูเฮงอนุมัติให้วังหลินทำสิ่งเล็กน้อยเช่นนี้ “รีบกลับบ้าน อย่าให้คนป่วยรอนานเกินไป”
“ขอรับ” ชายคนนั้นคารวะเฟิงหยูเฮงอีกครั้ง จากนั้นก็เตรียมออกเดินทาง ในเวลานี้ผู้คนในตระกูลเฟิงได้ติดตาม เฟิงเฟินไดก็อยู่ข้างหน้า เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงและเฟิงเซียงหรูกำลังยืนอยู่ที่ทางเข้าร้านห้องโถงสมุนไพร นางจึงโบกมือให้ทุกคนอย่างรวดเร็ว “ไปพักที่ร้านห้องโถงสมุนไพรก่อน เพื่อดื่มน้ำและอุ่นเท้า ข้าไม่สามารถเดินต่อได้อีกแล้ว” ขณะที่นางพูดอย่างนี้นางเดินไปที่เฟิงหยูเฮงและพูดว่า “พี่รอง เรามาถึงที่ร้านของพี่รองแล้ว มันคงจะไม่รบกวนมากเกินไปในการที่เราจะขอดื่มชาสักถ้วย ?”
ก่อนที่เฟิงหยูเฮงจะตอบอะไร ชายที่กำลังจะจากไปก็หยุดชะงัก เมื่อมองไปที่เฟิงเฟินไดด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเขาไม่พอใจ
เฟิงเฟินไดก็เห็นเขาเช่นกัน ตอนแรกนางตกตะลึงจากนั้นนางก็จ้องมองอย่างดุดันจนทำให้ชายคนนั้นกลัวและก้าวถอยหลัง
เฟิงหยูเฮงมองดูทั้งสองและเริ่มคิด หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็เข้าใจสถานการณ์
ตอนที่ชายคนนั้นฟื้นขึ้นมา เขาบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งสวมหมวกไม้ไผ่ได้พบเขา ตัวตนของผู้หญิงคนนั้นไม่ถูกเปิดเผยโดยทางการเจ้าเมือง พวกเขายังวิเคราะห์สถานการณ์ก่อน ในตอนเริ่มต้นพวกเขาเชื่อว่าเป็นฉิงเล่อ แต่เนื่องจากนางสูญเสียเส้นผมของนาง เบาะแสมันดูชัดเจนเกินไป นางไม่คิดว่ามันจะเป็นฉิงเล่อแต่อย่างใด นางควรจะคิดออกหลังจากนั้นมีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย เมื่อนางเห็นปฏิกิริยาของชายคนนี้ นางก็ดูเหมือนจะค้นพบความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้
เนื่องจากเฟิงเฟินไดล้มเหลวในการเกลี้ยกล่อมซวนเทียนหมิงและตกลงในน้ำ นางจึงถูกส่งไปยังเขตชานเมืองของเมืองหลวง ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่คิดที่จะกลับใจและจะทำสิ่งนี้แทน
“พี่รองจำหน้าทุกคนได้อย่างไร ?” เฟิงเฟินไดจ้องมองที่ชายผู้นั้นและพูดอย่างเยือกเย็น “ข้าคิดว่าพี่รองจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่ร่ำรวยและมีอำนาจเท่านั้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพี่รองจะพูดคุยกับคนธรรมดาสามัญแบบนี้”
เฟิงหยูเฮงช่วยชายคนนั้นหยิบยาที่เขาทำตกแล้วส่งกลับไปให้เขา ในเวลาเดียวกันนางพูดว่า “ข้าเป็นองค์หญิงแห่งมณฑลและข้าก็เป็นหมอเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงไม่ว่าจะอายุน้อยหรือมาก รวยหรือจน หมอรักษาอาการเจ็บป่วย ไม่ใช่ผู้คน” หลังจากพูดอย่างนี้ นางตบหลังมือชายผู้นั้นเบา ๆ “กลับบ้าน ข้าจะให้คนไปส่งเจ้า” จากนั้นนางก็มองหวงซวน
เฟิงเฟินไดเบิกตากว้างขณะมองหวงซวนพาชายผู้นั้นออกไป นางยังเห็นคนนั้นหันหลังกลับและเหลือบมองนางหลังจากเดินไปพักหนึ่ง ชั่วครู่หนึ่งนางรู้สึกกระวนกระวาย
“น้องสี่อยากดื่มชาหรือไม่ ?” เฟิงหยูเฮงยิ้มเยาะและมองนางด้วยสายตาที่สงบนิ่ง ดูเหมือนว่านางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ถึงร้านห้องโถงสมุนไพรของข้าไม่ใหญ่นัก แต่เพราะข้าช่วยให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้งที่นี่ ทำให้มีชื่อเสียงมาก น้องสี่อยากเข้าไปดูหรือไม่ ?”
ใบหน้าของเฟิงเฟินไดกลายเป็นสีเขียว “มีอะไรให้ดูในร้านขายยา ?” หลังจากพูดแล้วนางก็เดินจากไป
คนในตระกูลเฟิงที่ตามมา ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ฮันชิถามว่า “เจ้าบอกว่าเราจะพักไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้ารีบไป ?”
เฟิงหยูเฮงออกไป เฟิงเซียงหรูก็เดินทางกลับคฤหาสน์เฟิง ขณะเดินนางพูดว่า “น้องสี่อาจไม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว หรือบางทีนางคิดว่าร้านห้องโถงสมุนไพรของข้าเล็กเกินไป กลับบ้านกันเถอะ”
เฟิงเฟินไดเดินไปที่ด้านหน้าได้ยินคำพูดของนาง นางภูมิใจในตัวนางเสมอ ดังนั้นความโกรธในใจของนางก็พุ่งสูงขึ้น นางอดไม่ได้ที่จะหยุดเดินและหันไปเผชิญหน้ากับเฟิงหยูเฮง นางพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “พี่รองใจดีจริง ๆ เท่าที่ข้ารู้มา องค์ชายเก้าออกเมืองหลวงไปหลายวันแล้วมิใช่หรือ ? พี่รองไม่เป็นห่วงพระองค์หรือเจ้าคะ ?”
เฟิงหยูเฮงยิ้มแล้วพูดว่า “สำหรับผู้ชาย คำสั่งสำคัญที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์อยู่ที่ค่ายทหารฝึกทหารเพื่อปกป้องครอบครัวและอาณาจักรของเรา มีอะไรให้ข้าต้องกังวล ?”
เฟิงเฟินไดคิดอย่างรวดเร็วว่า “ถ้าอย่างนั้นพี่รองไม่กังวลหรอกหรือ? องค์ชายเก้าจิตใจโลเล บางทีพระองค์อาจจะลืมพี่รองไปนานแล้ว มิเช่นนั้นพระองค์จะจากไปได้อย่างไรและไม่มาหาพี่รองเลย”
เฟิงหยูเฮงมองเฟิงเฟินไดด้วยการเยาะเย้ย เด็กคนนี้คงรู้สึกไม่สบายใจหากนางไม่ได้สร้างปัญหา
“ไม่ว่าพระองค์จะลืมข้าหรือไม่ มันเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างไร ?” เฟิงหยูเฮงหยิบโคมไฟเล็ก ๆ จากแผงลอยและเริ่มเล่นกับมัน “ดูโคมไฟนี้” นางพูดแบบนี้ขณะยื่นเงิน 3 เหรียญเงินจ่ายเงินให้คนขายก่อนจะพูดต่อว่า “ตอนนี้มันเป็นของข้า แต่เจ้าต้องกังวลด้วยหรือว่าข้าจะจุดมันหรือไม่ ? แม้ว่าข้าจะไม่เอาและทิ้งไว้ที่นั่น เจ้าก็ไม่สามารถนำมันไปได้”
“เจ้า…” เฟิงเฟินไดไม่รู้จะตอบโต้นางเช่นไร นางจ้องมองไปที่โคมไฟด้วยความลังเลและความโลภ “เฟิงเฟินไดไม่สามารถแข่งขันกับพี่รอง แต่เฟิงเฟินไดเตือนพี่รองด้วยความหวังดี แม้ว่าองค์ชายเก้าจะหมั้นกับพี่รอง อีกไม่กี่ปีก่อนที่พี่รองจะแต่งงาน พี่รองควรจะจับเขาให้มั่น หากมีบางสิ่งเกิดขึ้นนั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่”
เฟิงเฮงยิ้ม รอยยิ้มนี้เหมือนดอกไม้ รอยยิ้มนี้เป็นเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นในฤดูหนาวและตรงไปที่เฟิงเฟินได
เฟิงเฟินไดสงสัยว่าคนผู้นี้กลายเป็นคนงี่เง่าหรือไม่ ในเวลานี้นางได้ยินเสียงมาจากด้านหลังทำให้นางวิงเวียนด้วยความกลัว “ใครบอกว่าองค์ชายผู้นี้จิตใจโลเล ?”