ซัพที่39: หญิงปลอมชายเข้าทัพหรือจะสู้ชายปลอมหญิงเป็นนางกำนัล!
ซัพที่39: หญิงปลอมชายเข้าทัพหรือจะสู้ชายปลอมหญิงเป็นนางกำนัล!
“พระองค์แน่ใจแล้วหรือว่าจะไป ข้าว่าให้นางกำนัลจากตระกูลจินไปคงจะดีกว่า” หย่งเล่อถาม ขณะเห็นจินหลงนั่งใส่ชุดนางกำนัลแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก
“ไม่ได้ๆ นางกำนัลจากตระกูลจินไม่รู้ว่าข้าเป็นองค์ชายนะ ข้าแค่ส่งพวกนางเข้ามาโดยบอกเพียงให้มาทำงานสืบข่าวคราว” จินหลงยืนยันคำเดิม ขณะใช้ตะเกียบดัดขนตา
เมื่อแต่งเสร็จ องครักษ์หนุ่มคิดว่าจะจบเพียงเท่านี้ ทว่าองค์ชายตัวแสบกลับยังคงนั่งแช่หน้ากระจก หันมาจัดแต่งทรงผมต่อแทน
“องค์ชาย.. ข้าว่าพระองค์คล่องแคล่วเกินกว่าปกตินะ” หย่งเล่ออดผิดสังเกตไม่ได้ ที่จู่ๆ องค์ชายของเขาลุกขึ้นมาหยิบจับเครื่องสำอางราวกับไม่ใช่ครั้งแรก
“เอ้า ก็จะแต่งทั้งทีก็ต้องทำให้เต็มสิ ไม่งั้นมีหวังคนเขาจับได้ก็จบเห่สิ นี่มันเรื่องจริงไม่ใช่ละคร ที่ผู้หญิงจะหน้าอย่างหวานอย่างสวยปลอมเป็นผู้ชาย แต่กลับไม่มีใครดูออก” จินหลงยังคงบรรจงแต่งหน้าทำผม
“บางทีข้าก็สงสัยว่ามีอะไรกระเทือนกับสมองท่านหรือไม่ เหตุใดคิดทำแต่ล่ะอย่าง ไม่รู้จักมีศักดิ์ศรีซะบ้าง ชายแต่งหญิง หากฝ่าบาทรู้เข้าพระองค์คงกริ้วตายแน่” จินหลงจุ๊ปากหันมาฉีกยิ้ม
“อย่างแรกศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ อย่างที่สองในโลกเดิมของข้า ผู้ชายแต่งหน้าก็ไม่ได้แปลกอะไรขนาดนั้น อีกอย่างคลิปสอนแต่งหน้าก็เกลื่อนโซเชียล” จินหลงยกมุมปาก ก่อนจะหันไปทำผมต่อ
“โซเชียลแปลว่า?” หย่งเล่อควักสมุดโน้ตออกมาอีกครั้ง
“สังคมออนไลน์ สังคมที่ทุกคนไม่ต้องมาเจอหน้ากันก็สามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา” เจ้าตัวแสบอธิบายต่อ ก่อนลุกขึ้นหันมาหาหย่งเล่อพร้อมสะบัดผมเบาๆ
“อย่างสุดท้าย ข้าเพิ่งอายุสิบห้า แถมหน้าตาก็หล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ ก็สวยได้แล้ว” หย่งเล่อกุมขมับ ไม่อยากเชื่อว่าองค์ชายตรงหน้าจะทำได้ถึงเพียงนี้
“เป็นไงเหมือนไหมล่ะ เสียงข้าก็ยังไม่แตกด้วย ตีเนียนได้ง่ายๆ เลย แอ๊บเสียงหน่อยก็ยิ่งเหมื๊อนเหมือน” จินหลงบีบเสียงให้เล็กลง จนหย่งเล่อไม่อยากจะมองไม่อยากจะฟัง
“ตอนนี้ข้าล่ะอยากจะเปลี่ยนตัวกับหยางเค่อจริงๆ” องครักษ์หนุ่มบ่นอุบ จินหลงจึงหันขวับมารั้ง
“ไม่ได้! ข้ายังมีงานสำคัญให้เจ้าทำอยู่นะ” เป็นจินหลงที่ยิ้มเจ้าเล่ห์บ้าง ทำเอาหย่งเล่อสัมผัสได้ถึงลางร้าย
“งานอะไรหรือพะยะค่ะ” หย่งเล่อถามกลับ เจ้าตัวแสบหัวเราะในลำคอ ก่อนจะตอบว่า
“เสด็จพ่อสั่งกักบริเวณข้า แต่ข้ากำลังจะหนีออกไปอยู่ด้านนอก เจ้าคิดว่าข้าหมายถึงอะไรเล่า?” หย่งเล่อหน้าถอดสี
“ภารกิจของเจ้าคือปิดบังฝ่าบาท!!”
โทษตายเลยนะนั่น!!
จินหลงจัดการทำเรื่องส่งตัวนางกำนัลที่ไม่มีอยู่จริงเข้าไปทำงานในวังหลัง เพื่อให้ตนสามารถกลมกลืนเข้าไปได้ งานแรกที่จินหลงต้องทำ คงไม่แคล้วซักเสื้อผ้าของเหล่านางกำนัลด้วยกัน
หากหย่งเลอเห็นข้าทำเช่นนี้ คงได้อกแตกตายเป็นแน่
เจ้าตัวแสบยังคงนั่งซักเสื้อผ้าด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะเปลี่ยนมาสอด่องนางกำนัลแต่ล่ะนาง จนกระทั่งพบเห็นเหตุการณ์น่าสนใจใกล้ๆ นางกำนัลสามคนกำลังล้อมอะไรบางอย่างอยู่ ทั้งยังส่งเสียงเอะอะโวยวาย
องค์ชายสี่ในคราบนางกำนัลลุกขึ้นไปดูเรื่องน่าสนุกด้วยความสนใจ ก่อนจะพบว่านางกำนัลตัวน้อยวัยพอๆ กับเขา กำลังถูกนางกำนัลรุ่นพี่ต่อว่าและทำร้ายร่างกายจนลงไปกองกับพื้น ทั้งยังใช้น้ำซักผ้าสาดลงไปบนตัว ก่อนจะเขวี้ยงถังใส่นาง แล้วเดินเชิดออกไป
“ฮืออ..อ..” เสียงร้องไห้ของนางกำนัลนางนั้นดังออกมาโดยไม่สนใจผู้คน ไม่สิ.. อาจเป็นผู้คนโดยรอบไม่สนใจนาง ภาพเช่นนี้เป็นภาพที่ชินชาของคนในวัง แต่ไม่ใช่ภาพที่ชินชาสำหรับคนที่เกิดมาเป็นถึงองค์ชายถึงสองชาติ จินหลงในคราบนางกำนัลเดินไปหา ก่อนจะคุกเข่ายื่นผ้าเช็ดหน้าของเขาให้
“เช็ดหน้าเช็ดตาแล้วไปเปลี่ยนชุดซะสิ” นางกำนัลนางนั้นเงยหน้ามองผู้ช่วยเหลือ ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำใสดูสับสน เพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาช่วยหรือเห็นใจ
“ข้าชื่อจินเหริ่นหลง เพิ่งย้ายมาจากตำหนักซื่อเหริน” จินหลงแนะนำตัวในชื่อใหม่ ก่อนจะยัดผ้าเช็ดหน้าลงในมือของนาง
“เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยหรือ?” เขาถาม แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งคล้ายหวาดกลัว
“เจ้าจะกลัวไปทำไม ข้าแค่ถามเอง ไม่ได้จะเอาไปวิ่งโร่ฟ้องใครเสียหน่อย” ราวกับเจ้าตัวแสบจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร
“ข้าก็มิได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่.. หากเจ้ามายุ่งกับข้า อาจจะถูกรังแกไปด้วยก็ได้นะ” นางเอ่ย ทั้งยังใช้แขนเสื้อเช็ดตา ไม่ยอมใช้ผ้าเช็ดหน้าที่จินหลงมอบให้
องค์ชายสี่ในคราบนางกำนัลผู้ต่ำต้อยถอนหายใจ
ใต้หล้านี้จะมีก็แต่พี่รองนี่แหละที่กล้ารังแกข้า!
“ข้า..ข้าว่าเจ้าเอาผ้าเช็ดหน้าของเจ้าคืนไปเถอะ อย่ามายุ่งกับข้าเลย” นางรีบคืนผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะลุกขึ้นเครียมวิ่งหนี ทว่าจินหลงกลับคว้าแขนไว้
“ข้าบอกให้ยืมก็ให้ยืม แล้วเจ้าไม่ต้องคิดมากเรื่องคนรอบข้างหรอก เพราะข้าก็คงอยู่ที่นี่ได้ไม่นานเท่านั้น” จินหลงไม่ปิดบัง ขืนเขาอยู่นานกว่านี้ หากเสด็จพ่อรู้ความจริง คงได้โดนโบยจนนอนเป็นผักแบบเมิ่งชงหยวนแหง
นางกำนัลนางนั้นยังคงลังเล ทั้งยังมองไปโดยรอบ จินหลงจึงสังเกตได้ถึงสายตาของเหล่านางกำนัลที่รอใส่สีตีไข่
เจ้าตัวแสบคว้าข้อมือนางกำนัลผู้ถูกรังแก ก่อนจะดึงให้เดินออกห่างจากตรงนี้
ให้ตายเถอะ เรื่องกลั่นแกล้งภายในนี่จะมีทุกยุคทุกสมัยเลยใช่ไหม?
“แค่นี้ก็พอแล้วสินะ” จินหลงปล่อยมือนาง ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าอีกรอบ
“อ..อืม.. อืม” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอึกอัก แล้วจึงรับผ้าผืนนั้นไปเช็ดหน้า จินหลงเห็นดังนั้นจึงพ่นลมหายใจ ก่อนจะเดินจากไป
“ข้าไปทำงานต่อก่อนล่ะ เจ้าก็ไปเปลี่ยนชุดซะเถอะ”
จางเหมย หรือนางกำนัลวัยสิบสี่ปีผู้ถูกจินหลงช่วยไว้ ได้แต่มองแผ่นหลังของอีกฝ่ายเดินจากไป มีเพียงผ้าเช็ดหน้าในมือเท่านั้นที่ยังคงอยู่ ทว่าผ้าผืนนี้ช่างเนื้อดียิ่งนัก แม้แต่เส้นด้ายที่ปักคำว่าจินยังเป็นด้ายสีทองเงางาม ทว่าสิ่งที่ตราตรึงใจนั้นกลับเป็นแผ่นหลังของจินหลงหรือเหริ่นหลงที่เดินจากไปด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ทั้งยังน้ำใจที่หยิบยื่นให้
“ข้ายัง..ไม่ได้บอกชื่อให้นางรู้เลย”
เมื่อถึงเวลาพักผ่อนจินหลงจึงรีบกระโดดกลับตำหนักด้วยความเร็วสูง เพื่อไปรายงานตัวให้คนในตำหนักรับรู้ว่าเขายังอยู่ เจ้าตัวแสบปีนหน้าต่างเขามาในห้อง ก่อนจะพบหย่งเล่อกำลังเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง
“ข้ากลับมาแล้ว” จินหลงรายงานตัวขณะกระโดดกลับเข้ามา เมื่อหย่งเล่อเห็นองค์ชายกลับมาก็โล่งใจ
“พระองค์ทรงหายไปนานเกินแล้ว!” องครักษ์หนุ่มเอ็ด รังสีอำมหิตกระจายไปทั่วห้อง
“เอาน่าๆ ข้าก็กลับมาทันเวลาแล้วนี่ไง เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จต้องรีบนอน แล้วค่อยไปที่นั่นอีกรอบ” จินหลงถอนหายใจ แล้วรีบถอดชุดนางกำนัลออก เปลี่ยนเป็นชุดองค์ชาย โดยไม่ลืมลบเครื่องสำอางบนใบหน้า และจัดทรงผมเสียใหม่
“นี่พระองค์ยังไม่คิดเลิกอีกหรือ?” หย่งเล่อถามต่อ จินหลงส่ายหน้า
“ไม่ล่ะ ถ้าข้าคิดจะทำ ข้าต้องทำให้ได้.. แต่วันนี้ข้าดันไปเจอเรื่องน่าเบื่อเข้านี่สิ” องค์ชายสี่ถอนหายใจ ขณะที่หย่งเลอกมลงเก็บเศษซากเครื่องแต่งกายขององค์ชายตน
“เรื่องอะไรหรือ” หย่งเล่อถามต่อ
“การกลั่นแกล้งน่ะ ในรั้ววังนี่แหละ ก็รู้อยู่ว่ามี แต่ไม่คิดว่าจะกล้ารังแกได้แม้กระทั่งนางกำนัลเด็กตัวน้อยๆ” หย่งเล่อเลิกคิ้ว
“อย่าบอกนะว่าพระองค์เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว?” ราวกับเห็นด้วยตาตน หย่งเล่อคาดการณ์ได้แม่นยำนัก
“จะว่ายุ่งก็ไม่เชิง แค่เข้าไปพยุงกับให้ผ้าเช็ดหน้าไปยืมก็เท่านั้น” จินหลงแก้ความเข้าใจผิด ก่อนจะหันกลับไปถามอีกฝ่ายแทน
“จะว่าไป แล้วเจ้าใช้วิธีอะไรอ้างเรื่องข้า?” จินหลงเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง
“บอกว่าพระองค์ต้องการสมาธิทำงาน ห้ามใครรบกวน” หย่งเล่อตอบตามจริง นอกจากเหตุผลนี้ เขาก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว
“อืม ก็ดี”
เช้าวันต่อมาจินหลงรีบตื่นมาแต่เช้าก่อนที่นางกำนัลจะมาปลุก เพื่อไปรายงานตัวที่ที่พัก
“เหริ่นหลง เจ้าหายไปไหนมาทั้งคืน” นางกำนัลนางหนึ่งถาม จินหลงจึงตีเนียนตอบกลับ
“เมื่อคืนข้ากลับไปตำหนักซื่อเหรินมาน่ะ คิดว่าคงต้องไปๆ มาๆ สักวันสองวัน” เพราะอีกแค่สองวันข้าก็จะเปลี่ยนไปหา นค่ายทหารแล้ว!
“จินเหริ่นหลง” ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะถามอะไรต่อ เสียงเรียกจากหัวหน้านางกำนัลก็ดังขึ้น
“เจ้าค่ะ” จินหลงรีบโค้งกายคำนับ ก่อนจะได้รับคำสั่งที่ชวนตะลึง
“วันนี้นางกำนัลที่ตำหนักตี้เมี่ยนเกิดป่วยกะทันหัน เจ้าไปแทนแล้วกัน” คำสั่งของหัวหน้านางกำนัลเรียกเสียงวี๊ดว้ายจากเหล่านางกำนัลด้านหลังได้เป็นอย่างดี ยกเว้นเพียงจินหลงที่กระพริบตาปริบๆ
ตำหนักตี้เมี่ยน... ตำหนักตี้เมี่ยน..ตำหนักของใครนะ
“เหริ่นหลง! สุดยอดไปเลย ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ” นางกำนัลด้านข้างเข้ามาเขย่าแขนแสดงความยินดี
“ทำไมล่ะ ทำไมต้องอิจฉาข้าด้วย ตำหนักตี้เมี่ยนมีอะไรงั้นหรือ?” จินหลงยังคงไม่เข้าใจ ทว่าคำพูดของเขากลับสร้างความตื่นตระหนกเกินคาด
“เจ้าไม่รู้จักตำหนักตี้เมี่ยนได้ยังไงกัน! ตำหนักตี้เมี่ยนคือตำหนักที่องค์ชายรองประทับอยู่ไงเล่า” ห้ะ!!!ตำหนักพี่รองเนี่ยนะ?! เจ้าตัวแสบอ้าปากค้าง
“ข้าไม่ไป ข้าขอเปลี่ยนตัว!” จินหลงในคราบนางกำนัลแหกปากโวยวายหน้าถอดสี หัวหน้านางกำนัลขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“เหตุใดจึงไม่อยากไปเล่า” นางถาม จินหลงเลิ่กลั่กไม่รู้จะตอบเช่นไร
ขืนข้าไปแล้วพี่รองจับได้ มีหวังได้เอาดาบมาไล่ฟันถึงตายแน่!
“ก็..ก็ข้ากลัวองค์ชายรองนี่” จินหลงตอบเสียงอ่อย แอ๊บแบ๊วทำหวาดกลัว นางกำนัลใกล้ๆ จึงรีบเสนอตัวทันที
“เจ้าจะกลัวองค์ชายรองไปทำไม พระองค์ออกจะรูปงามนัก ใบหน้าคมดุดัน ข้าเคยเห็นพระองค์ฝึกร่างกายครั้งหนึ่ง กล้ามเนื้อนี่เป็นมัดๆ โอ้ยยย เหริ่นหลง เจ้าไม่ไปข้าไปเอง!” เจ้าตัวแสบแสดงท่าทางอี๋ได้อย่างชัดเจน แต่ไม่ทันที่เขาจะตอบตกลง หัวหน้านางกำนัลก็ขัดขึ้น
“ไม่ได้ ข้าส่งชื่อเหริ่นหลงไปแล้ว อีกอย่างเหริ่นหลงมีประสบการณ์รับใช้องค์ชายสี่มาก่อน ไม่เหมือนพวกเจ้า แหม๊ พอได้ยินว่าเป็นองค์ชายรองล่ะระริกระรี้กันเชียว” หัวหน้านางกำนัลตอบ ก่อนจะหันไปเหน็บนางกำนัลรอบข้าง
“โธ่ ก็ถ้าเหริ่นหลงไม่อยากไป ข้าก็ไปให้ไง ระริกระรี้อะไรกัน” ผู้โดนเหน็บทำท่าแง่งอน กระทืบเท้าเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคน ยกเว้นเพียงจินหลงที่แทบทรุดกับพื้น
ไม่ๆๆๆๆ ข้ามาหาว่าที่ฮองเฮา ไม่ได้มารับใช้พี่ร๊องงงง
หลังจินหลงลากสังขารตัวเองออกไปได้สักพัก จางเหมยจึงเดินมาตามหาเขา หวังจะคืนผ้าเช็ดหน้าให้ ทว่ากลับไร้วี่แวว
“ขอโทษนะ ข้ามาหาจินเหริ่นหลินน่ะ พวกเจ้าเห็นนางบ้างไหม?” จางเหมยตัดสินใจเดินไปถามนางกำนัลนางหนึ่ง เมื่อนางกำนัลเห็นว่าผู้ถามเป็นใคร สีหน้าสดใสจึงเปลี่ยนเป็นขยะแขยง
“มีธุระอะไร” เสียงห้วนตอบเชิงไม่ตอบ จางเหมยกำผ้าเช็ดหน้าในมือ ก่อนจะถามต่อ
“ข้าแค่จะเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มาคืนเหริ่นหลงเท่านั้น” อีกฝ่ายปรายตามองผ้าเช็ดหน้าในมือจางเหมย
“วันนี้เหริ่นหลงต้องไปทำงานที่ตำหนักตี้เมี่ยนชั่วคราว ไม่อยู่ทั้งวัน เจ้าอย่ามาเสียเวลาหาเลย” พูดจบนางจึงหันหลังเดินหนี ไม่สนใจ
จางเหมยกำผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะยอมเดินกลับ ในใจคิดเพียงพรุ่งนี้จะต้องมาพบเหริ่นหลงให้ได้
ด้านจินหลงที่ควรเดินทางไปยังตำหนักตี้เมี่ยน บัดนี้กลับรีบวิ่งแจ้นกลับมายังตำหนักตนเพื่อให้ทันเวลาที่นางกำนัลต้องมาดูแลรับใช้เป็นกิจวัตร
องค์ชายน้อยรีบถอดชุดนางกำนัลซ่อนไว้ใต้โต๊ะทำงาน ทั้งยังรีบเช็ดเครื่องสำอางออกอย่างลวกๆ ขยี้ผมตัวเองให้ฟูๆ คล้ายเพิ่งตื่นนอน ก่อนจะคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม
“องค์ชายเพคะ เช้าแล้วเพคะ ทรงตื่นบรรทมได้แล้วเพคะ” ซูเม่ยเดินเข้ามาในห้องพร้อมนางกำนัลที่ยกถังน้ำอุ่นสำหรับล้างหน้าเข้ามา
“อืออ..” จินหลงแกล้งครางเชิงไม่ชอบใจที่ถูกปลุก
“องค์ชายเพคะ พระองค์ยังมีงานที่ต้องสะสางอยู่นะเพคะ ลุกขึ้นมาได้แล้ว” จินหลงแกล้งยืดตัวไปมา ก่อนจะยอมลุกด้วยท่าทางงัวเงีย หลังเจ้าตัวแสบอาบน้ำแสบทานอาหารเช้าแล้ว จึงให้นางกำนัลไปเรียกหย่งเล่อมาโดยพลัน
เมื่อหย่งเล่อเดินเข้ามา เจ้าตัวแสบจึงโบกมือไล่นางกำนัลและขันทีทั้งหมดออกไป ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” หย่งเล่อถาม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่มองหน้าเขาด้วยสายตาประหลาด จินหลงอ้าปาก ก่อนจะเอ่ยว่า
“เมเด เมเด ปี๊ป่อ ปี๊ป่อ ข้าถูกส่งไปรับใช้พี่รอง!” จินหลงเบะปากจะร้องไห้ หย่งเล่อกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะย้อนถาม
“แล้วเมเดกับปี๊ป่อคืออะไร?”
นั่นไม่ใช่ประเด็นมั้ยยยย!!
สามารถติดตามอ่านตอนต่อไปได้ที่ fictionlog