บทที่ 14 ศึกนอกศึกในรุมเร้า
บทที่ 14 ศึกนอกศึกในรุมเร้า
เฉินเสี่ยวเลี่ยนยังไม่ทันได้ขยับ จู่ๆ หานปี้ก็เดินเข้ามายืนชิดด้านข้างเฉินเสี่ยวเลี่ยน ไหล่ชนไหล่ ค่อยๆ กุมข้อมือเฉินเสี่ยวเลี่ยนไว้
“อย่าวู่วาม!”
หานปี้กดเสียงต่ำ
เฉินเสี่ยวเลี่ยนกัดฟันมองหานปี้แวบหนึ่ง
หานปี้มองหญิงสาวทั้งสอง พูดเสียงต่ำ “คนที่อายุน้อยนั่น... ฉันจำได้ว่าบนเครื่องบินเธอนั่งที่นั่งด้านข้างนายใช่ไหม รู้จักกันเหรอ? เพื่อนหรือว่าน้องสาว?”
พูดแล้วหานปี้ก็เลิกคิ้วมองดูเฉินเสี่ยวเลี่ยน เสียงต่ำพูดรัวเร็ว “ไม่ว่ายังไหนนายก็ห้ามวู่วาม... ถ้านายวู่วามก็จบเห่แน่ นอกจากเปิดเผยตัวเองแล้วยังช่วยพวกเธอไม่ได้ด้วย อดทนไว้ ค่อยๆ หาโอกาส...”
......
นิวตันเดินมาทางตู๋หยา มองดูเขา แล้วก็มองดูผู้หญิงสองคนที่อยู่ด้านหลังตู๋หยา “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ฮ่า ฉันก็ไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไร ฉันกำลังไล่จับสัตว์ตัวหนึ่งอยู่ ไม่คิดว่ายิ่งไล่ตามก็ยิ่งไกล จนพาฉันกลับไปที่เครื่องบินนั่น สุดท้าย... ดูสิ ว่าฉันเจออะไร!”
“NPC 2 ตัว?” นิวตันแสยะยิ้ม ใช้สายตาเย็นชามองผู้หญิงทั้งสอง ชิซูกะตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ส่วนซูซูกัดริมฝีปากอย่างแรง น้ำตาไหลพรากๆ
ท่าทางนิวตันดูผิดปกติเล็กน้อย “ฉันไม่รู้มาก่อนว่าดันเจี้ยนนี้มี NPC ด้วย ที่นี่เป็นดันเจี้ยนประเภทรวบรวม พื้นที่ที่เลือกก็ไม่ใช่เขตที่มีคนพลุกพล่าน บนเครื่องบินน่าจะเป็นร่างโฮสที่จัดมาเรียบร้อยแล้วสิ ทำไมถึงมี NPC อยู่ด้วย?”
“ใครมันจะไปรู้ล่ะ แต่ว่า... ทีมพัฒนาก็ไม่ใช่ผิดพลาดแค่ครั้งสองครั้งอยู่แล้ว” ตู๋หยาแสยะยิ้ม แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก สายตาหื่นกระหายมองไปยังชิซูกะ หยุดสายตาลงมองขาเรียวยาวที่สวมถุงน่องทั้งสองข้างของชิซูกะอยู่นานอย่างโจ่งแจ้ง “ยังไงก็เป็นการเก็บได้โดยบังเอิญ หัวหน้า ฉันเป็นคนเจอก็ยกให้ฉันแล้วกัน? เตรียมตัวอยู่ที่นี่ตั้งสามวันแล้ว โคตรน่าเบื่อเลย ให้หาอะไรสนุกๆ ทำบ้างเถอะ ฮ่าๆๆ...”
“ปัญหาของทีมพัฒนากลับไปฉันจะรายงานแน่” นิวตันเอ่ยเสียงเย็นชา “ตู๋หยา เก็บนิสัยของนายเอาไว้ก่อน ถ้าเป็นสองวันก่อนนายจะทำอะไรฉันก็ไม่สน แต่ว่าวันนี้ไม่ได้... ดันเจี้ยนจะเปิดแล้ว ออมกำลังไว้บ้าง รอให้ผ่านดันเจี้ยนก่อน ถ้ายังมีเวลาเหลือ ผู้หญิงสองคนนี่ก็ให้เป็นของเล่นนายแล้วกัน อยากจะทำอะไรก็เชิญ... แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้... ถ้าทำให้ภารกิจเสียหาย ฉันจะหักกระดูกนายเองกับมือ!”
สายตาของตู๋หยามีแววผิดหวังและหงุดหงิดแวบผ่าน ส่งเสียงฮึทีหนึ่ง “ก็ได้ นายเป็นกัปตันทีมนี่!”
เขาหมุนตัวเข้าใกล้ชิซูกะ จงใจทำจมูกสูดดมฟุดฟิด สูดดมตรงช่วงลำคอของแอร์โฮสเตสสาวพลางยิ้มพูด “หอมจัง... นี่มันเซอร์ไพรซ์สุดๆ ไปเลย แต่ว่าของดีต้องเก็บไว้ทีหลัง รอให้ภารกิจสำเร็จก่อน ฉันจะค่อยๆ เชยชมเธอนะ”
ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือออกมาตบสะโพกชิซูกะทีหนึ่ง แอร์โฮสเตสสาวกรีดร้องหลบไปอีกทางจนเกือบจะล้มลงบนพื้น
“ใจเย็น!”
หานปี้รู้สึกได้ว่าเฉินเสี่ยวเลี่ยนจะขยับตัว จึงเพิ่มแรงฉุดข้อมือเขาไว้ พูดเสียงต่ำ “ถ้าไม่อยากตายก็ทนไว้ อีกอย่าง นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนั้น เชื่อฉันสิ”
“...”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนระบายลมหายใจยาว ร่างกายที่ตึงเขม็งผ่อนคลายลงในที่สุด
“เอาละ เอา NPC สองตัวนี่ไปไว้ที่อื่นก่อน ดันเจี้ยนเปิดแล้วอาจใช้เป็นหินเบิกทางได้” นิวตันแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ซารอส!”
ซารอสรีบเดินมาข้างเขา “มีอะไร”
“เจ้าสองตัวนี่ให้เธอจับตาดูแลแล้วกัน” นิวตันยิ้ม “ฉันไม่ไว้ใจตู๋หยา เจ้าหมอนั่นควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้”
ซารอสหัวเราะคิก โปรยสายตาให้นิวตันทีหนึ่งแล้วเดินไปมองแอร์โฮสเตสสาว
ชิซูกะเบิกตาโตมองซารอสด้วยความหวาดกลัว “หัวหน้า?”
ซารอสยิ้ม “หัวหน้า? อ๋อ ฉันเกือบลืมไปแล้วว่าร่างโฮสของฉันเป็นหัวหน้าลูกเรือบนเครื่องบิน แต่เสียใจด้วยนะ ฉันไม่ใช่หัวหน้าลูกเรืออะไรของเธอหรอก อีกอย่าง...” เธอจ้องใบหน้าแอร์โฮสเตสสาว “ฉันเห็นหน้าสวยๆ ของเธอแล้วหงุดหงิดชะมัด อย่ามาเสวนากับฉัน อย่าทำให้ฉันโมโห ไม่งั้น ฉันจะกรีดหน้าเธอให้เละเดี๋ยวนี้เลย”
ชิซูกะกระถดตัวหนี กัดริมฝีปากไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่กลับใช้สายตามองซารอสด้วยความหวาดกลัว
ซารอสคุกเข่านั่งลงตรงหน้าซูซู
“เจ้าตัวน้อยน่ารัก” ซารอสยื่นมือออกไปบิดแก้มยุ้ยแบบเด็กๆ ของซูซู จากนั้นหันหน้ากลับไปถามนิวตันว่า “ฉันชอบเจ้าตัวนี้ ให้ฉันเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงได้ไหม? เดี๋ยวฉันจะทำกรงใส่หล่อนเอาไว้ แล้วก็หาชุดสวยๆ ให้ใส่”
แม้น้ำเสียงของเธอดูอ่อนโยน แต่สิ่งที่พูดออกมากลับทำให้คนฟังรู้สึกหนาวเยือก
“บอกแล้วไง หลังภารกิจสำเร็จ พวกเธออยากจะทำอะไรก็ทำ ถ้าตอนนั้นเจ้าสองตัวนี่ยังไม่ตายก่อนละก็นะ”
นิวตันส่งเสียงฮึแล้วเงยมองดูท้องฟ้า “เอาละ สายมากแล้ว รีบเตรียมตัวให้ไวกันหน่อย ดันเจี้ยนจะเปิดแล้ว!”
ซารอสรับช่วงดูแลผู้หญิงทั้งสองต่อจากตู๋หยา ตู๋หยาแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง ถึงจะดูไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่กล้าขัดคำสั่งนิวตัน
ทว่าตอนที่ซารอสกำลังพาผู้หญิงทั้งสองเดินเข้าไปในค่ายของสมาพันธ์ตัดวายุ ก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
จู่ๆ ซูซูก็มองเห็นเฉินเสี่ยวเลี่ยนที่ยืนอยู่ข้างหานปี้ ดวงตาแวววาวนั้นฉายประกายออกมาชั่วขณะ เธอกรีดร้อง ส่งเสียงตะโกน วิ่งพุ่งเข้ามาหาเฉินเสี่ยวเลี่ยน
“โอปป้า ช่วยด้วย!”
ถึงแม้จะโดนโซ่มัดไว้แต่ซูซูกลับวิ่งพุ่งเข้ามา ใช้ศีรษะพุ่งโถมเข้าหาอ้อมอกของเฉินเสี่ยวเลี่ยน
เฉินเสี่ยวเลี่ยนตะลึงงัน
หานปี้ที่อยู่ด้านข้างสะดุ้งโหยงอยู่ในใจ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ปล่อยมือเฉินเสี่ยวเลี่ยนตามสัญชาติญาณ
ซูซูซบอยู่กับอกเฉินเสี่ยวเลี่ยน ร้องไห้อย่างเจ็บปวด
เฉินเสี่ยวเลี่ยนรู้สึกได้ถึงสายตาที่ผิดปกติจากรอบด้าน
นิวตัน ซารอส ตู๋หยา... และยังมีเดม่อนที่ใช้สายตาท่าทางเย็นชายืนชมดูอยู่ไกลๆ กระโจมอื่นๆ ที่อยู่ในค่ายของสมาพันธ์ตัดวายุก็มีสมาชิกทีมมองมาทางเขาหลายคน
ซูซูในอ้อมอกของเขากำลังร้องไห้ เฉินเสี่ยวเลี่ยนอยากยกแขนขึ้นโอบกอดเด็กน้อยที่น่าสงสารไว้เหลือเกิน ทว่าตอนนี้ หัวใจเขาเต้นตูมตามอย่างบ้าคลั่ง เหงื่อเย็นเยียบบนแผ่นหลังซึมเปียกเสื้อตัวใน
เวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วินาทีกลับดูเชื่องช้ายาวนานเป็นชาติ!
สุดท้ายเฉินเสี่ยวเลี่ยนก็ไม่ได้ยกแขนขึ้นมา เขาก้มลองมองซูซู...สีหน้าเรียบเฉย ไม่ยอมขยับตัว
“อะไรกัน? เจ้าตัวน้อยนี่รู้จักเธอเหรอ?”
ซารอสหัวเราะคิกคักเดินเข้ามา...ที่จริงแล้วเสียงหัวเราะนั้นน่าฟังเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เฉินเสี่ยวเลี่ยนฟังแล้วกลับรู้สึกเย็นเยียบบาดหู
เขาลอบระบายลมหายใจ เฉินเสี่ยวเลี่ยนพยายามใช้น้ำเสียงไม่ใส่ใจอย่างสุดความสามารถ “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
ซูซูในอ้อมอกยังร้องไห้สะอึกสะอื้น “โอปป้า ทำไมไม่พูดกับฉันละ ทำไมไม่ช่วยฉันละ... ฮือๆๆๆๆ...”
ใบหน้าเฉินเสี่ยวเลี่ยนกระตุก พยายามทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น มองตรงไปยังซารอส “ทำไมยังไม่พาออกไปอีกล่ะ?”
“ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กนี่จะชอบเธอมากเลยนะ” ซารอสหรี่ตาลง
“เจ้าตัวเล็กนี่คงรู้จักร่างโฮสของเสียวเหลี่ยนละมั้ง...”
คนที่เปิดปากพูดคือหานปี้ เขายืนอยู่ด้านข้าง พูดอย่างระมัดระวังว่า “ยังไงทุกคนก็นั่งเครื่องบินลำเดียวกัน บางทีร่างโฮสของเสียวเหลี่ยนอาจมีความสัมพันธ์กับเจ้าตัวเล็กนี่ก็เป็นได้ เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นก็เรียกเธอว่าหัวหน้าไม่ใช่หรือไง?”
“เอ๋? จู่ๆ ท่อนไม้อย่างนายก็ดูฉลาดขึ้นมาซะงั้น” ซารอสแสยะยิ้ม
เธอยื่นมาออกมาอย่างรวดเร็ว คว้าจิกผมของซูซู ดึงเด็กน้อยกลับไป หลังจากนั้นก็เหวี่ยงซูซูที่กำลังดิ้นรนให้ชิซูกะอย่างไม่ใส่ใจ “จับไว้ให้ดีล่ะ ตามฉันมา ถ้าไม่ฟังละก็ฉันจะฆ่าเธอก่อน”
ชิซูกะกอดซูซูไว้ด้วยความตื่นกลัว ตัวเธอเองก็ตกใจจนน้ำตาไหล แต่กลับออกแรงปิดปากซูซูเอาไว้ ใช้เสียงต่ำพูดอะไรบางอย่างอย่างรวดเร็ว แล้วโอบซูซูตามซารอสไป
ก่อนจากไป ชิซูกะเหลือบมองเฉินเสี่ยวเลี่ยนแวบหนึ่งแต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา
......
“นายเป็นหนี้ฉันเรื่องหนึ่งแล้วนะ” หานปี้จงใจเดินเข้ามาใกล้เฉินเสี่ยวเลี่ยน ทำหน้ายิ้มๆ เกาะไหล่เขา ดูเหมือนทั้งคู่สนิทสนมกันมาก แต่กลับพูดเสียงต่ำที่เจือไปด้วยความโกรธเคือง “...ผู้หญิงสองคนนั่นมีความเป็นมายังไง เมื่อคืนนายไม่ยอมปริปากบอกฉันสักคำ เหมือนจะมีความจริงอีกหลายเรื่องที่นายไม่บอกฉันอยู่นะ!”
“...”
“หุบปากไปซะ” หานปี้พูดเสียงเย็น “นับตั้งแต่นี้ฉันจะไม่เชื่อใจนายอีกแล้ว ถ้านายอยากตายนักก็อย่ามาลากฉันไปด้วย!”
หลังปล่อยมือจากเฉินเสี่ยวเลี่ยน หานปี้ก็เดินกลับไปนั่งอีกทาง ไม่ยอมมองเฉินเสี่ยวเลี่ยนซ้ำสอง
เฉินเสี่ยวเลี่ยนกัดฟัน นั่งลงไม่ห่างจากหานปี้มากนัก ลอบกำหมัดแน่น
ศึกนอกศึกในรุมเร้า!
ในสมาพันธ์แสนอันตรายและแปลกประหลาดแห่งนี้ หนทางข้างหน้าไม่ชัดเจน... ส่วนเพื่อนคนเดียวที่มีอยู่ข้างกายกลับผิดใจกัน
เฉินเสี่ยวเลี่ยนรู้สึกปวดกบาลโคตรๆ
…………………………