ตอนที่แล้วบทที่ 13 ความเชื่อมั่นของสือเสี่ยวไป๋สั่นคลอนเสียแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 จิตสัมผัสแห่งเทพ

บทที่ 14 ชั้นยอมนายทุกอย่างเลย


บทที่ 14 ชั้นยอมนายทุกอย่างเลย

 

สือเสี่ยวไป๋มองตัวเลือกทั้งสองตรงหน้า รู้สึกได้ถึงลางร้าย ถ้าเขาเลือกสละสิทธิ์ไปเลย คะแนนการทดสอบความสามารถของเขาก็จะเป็นศูนย์ แต่ถ้าเลือกหลับตายิงหนึ่งครั้ง คะแนนเขาก็น่าจะเท่ากับศูนย์เหมือนกัน ความเป็นไปได้ที่จะได้ถึงหนึ่งคะแนนน้อยมาก

 

ไม่ว่าจะเลือกข้อไหน คะแนนการทดสอบความสามารถของสือเสี่ยวไป๋ก็ไม่เข้าตากรรมการทั้งนั้น พูดได้ว่าทั้งสองตัวเลือกนั้นสูสีกันเลยทีเดียว แต่ตัวเลือกแรกคือรางวัลระดับ D ส่วนตัวเลือกที่สองกลับเป็นรางวัลระดับ E ตามหลักแล้วสือเสี่ยวไป๋ควรจะเลือก สละสิทธิ์เอารางวัลระดับ D

 

แต่เมื่อครู่เขารับปากกับหลีจื่อไว้แล้วว่าจะต้องได้มากกว่าศูนย์คะแนน เพราะงั้นหนึ่งคะแนนหรือศูนย์คะแนนสำหรับเขาแล้วมีความแตกต่างกันอยู่ แต่ว่าหนึ่งคะแนนนี้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย

 

ฝั่งหนึ่งก็เป็นรางวัลระดับ D อีกฝั่งก็เป็นความหวังริบรี่ของโอกาสที่จะตีไข่ให้แตก สือเสี่ยวไป๋ควรจะเลือกทางไหนกันแน่?

 

“อา กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ จะว่าไปข้าเกิดใหม่มามากว่าล้านครั้ง ก็ยังไม่เคยได้ศูนย์คะแนนสักที ครั้งแรกที่แสนสำคัญนี้จะยอมทำลายอนาคตของตัวเองเพื่อรางวัลระดับ D กระจอกๆ นี่ได้ยังไง? ถ้าเป็นระดับ C ก็ยังพอถูไถ…”

 

สือเสี่ยวไป๋กลัดกลุ้มเป็นเวลานาน สุดท้ายก็ได้เลือกตัวเลือกที่ หนึ่ง [ ช่วงระหว่างการทดสอบความสามารถ ห้ามลืมตาและสามารถยิงได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ]

 

……

 

ให้ทำการยิงแบบ Blind-Fire (บลายฟายเออร์)[1] ไปยังเป้าหมายที่จะปรากฏขึ้นมาที่ใดเวลาใดก็ได้ ซ้ำยังต้องยิงให้โดนในนัดเดียว นี่เป็นการทดสอบที่ยากมากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สือเสี่ยวไป๋ไม่สนใจสักนิด

 

“ข้ายึดคติทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน”

 

สือเสี่ยวไป๋ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ วิสัยทัศน์การมองเห็นพลันมืดมิด แต่แสงรอบๆ ที่ตกกระทบสะท้อนออกมาจากกำแพงโลหะทำให้วิสัยทัศน์ในความมืดของสือเสี่ยวไป๋เกิดเป็นแสงสว่างสลัวๆ ชั้นหนึ่ง เป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยเล็กน้อย

 

ผู้อาวุโสปรายตามองสือเสี่ยวไป๋ครั้งหนึ่ง หลงคิดว่าสือเสี่ยวไป๋กำลังหลับตารวบรวมสมาธิ ผู้อาวุโสให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มคุณสมบัติระดับ S คู่อยู่แล้ว ไม่ว่าลักษณะนิสัยของสือเสี่ยวไป๋จะเป็นอย่างไร ก็จะต้องเป็นเด็กใหม่ที่สำคัญที่สุดของ [ไกอา] ในหลายปีมานี้แน่ ขอเพียงคะแนนการทดสอบความสามารถของเขาไม่ใช่ศูนย์ เขาจะกลายเป็นเด็กใหม่ระดับ S ไปโดยปริยาย

 

หลายปีมานี้อันดับของ [ไกอา] ในเซี่ยกั๋วไม่สูงไม่ต่ำสถานการณ์ก็พาลกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในระดับนานาชาตินั้น [ไกอา] ได้ถูกขับออกจากรายชื่ออันดับต้นๆ มาอยู่กลางน้ำเรียบร้อยแล้ว

 

คุณสมบัติของสายเลือดใหม่ที่รับเข้ามาในปีนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลย หากยังสามารถเพิ่มเด็กใหม่ระดับ S อีกสักคน อาจจะทำให้ [ไกอา] ได้รุ่งเรืองอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เองทำให้ในใจของผู้อาวุโสหวังในตัวสือเสี่ยวไป๋

 

“คุณสมบัติ และ ความสามารถ เป็นมาตรฐานตัดสินเด็กใหม่ที่สำคัญของ [ไกอา] อย่าได้หมดกำลังใจเพียงเพราะผลคุณสมบัติออกมาต่ำ และอย่าได้กระหยิ่มยิ้มย่องด้วยเพราะผลคุณสมบัติออกมาสูง”

 

ผู้อาวุโสกล่าวเตือนสติอีกครั้ง เห็นเด็กใหม่ทั้งสี่เตรียมตัวพร้อมแล้ว ประกาศว่า “เริ่มการทดสอบ!”

 

เมื่อเสียงสิ้นสุดลง นอกจากสือเสี่ยวไป๋ที่ยังคงหลับตาอยู่นั้น อีกสามคนต่างก็ใช้สมาธิจับจ้องไปยังหน้าจอสีขาวโพลนที่เกือบจะบังกำแพงโลหะทั้งหมดอย่างใจจดใจจ่อ การแข่งขันที่แย่งเป้าหมายกันเช่นนี้ จะแพ้หรือชนะไม่ได้ขึ้นอยู่กับวินาที แต่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเสี้ยววินาทีเท่านั้น! แม้ว่าในใจของพวกเขาจะตื่นเต้นแค่ไหน แต่มือที่ถือปืนอยู่นั้นจะต้องนิ่ง เพราะเพียงการตอบสนองที่ว่องไวไม่ใช่ทุกสิ่ง การยิงที่แม่นยำก็สำคัญเช่นกัน ข้อนี้แม้แต่จงเยว่เอ๋อที่ทำตัวอย่างกับเด็กสี่ขวบยังแสดงออกถึงการเตรียมตัวมาอย่างดี สำหรับทั้งสามที่เกิดมาในโลกของฮีโร่แล้ว ความสามารถพื้นฐานแต่ละข้อของการเป็นฮีโร่นั้นเป็นสิ่งที่ต้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก

 

จอภาพสีขาวขนาดใหญ่ราวกับพื้นที่ราบเรียบขนาดใหญ่ถูกตั้งขึ้น ขาวโพลนไม่มีสีอื่น ทันใดนั้นเอง จุดเล็กๆ สีดำรูปร่างคล้ายดอกบัวดอกหนึ่งก็บานขึ้นมาอย่างเงียบๆ!

 

“ซวบ! ซวบ! ซวบ!”

 

ลำแสงสามสีถูกยิงออกไปในเวลาเกือบจะพร้อมกัน ใครจะโดนจุดสีดำเล็กๆ ก่อน มองด้วยตาเปล่าแล้วแทบแยกไม่ออก

 

“ครั้งที่หนึ่งสีฟ้า!”

 

เสียงเรียบเย็นแบบหุ่นยนต์ประกาศออกมาจากลำโพงด้านในกำแพงโลหะ หลังจากนั้นตัวเลข “0” หลังชื่อหยางหยาง ที่มุมซ้ายบนของจอภาพก็ได้เปลี่ยนเป็น “1”

 

เด็กใหม่ทั้งสี่ใช้ปืนลำแสงคนละสี สือเสี่ยวไป๋ใช้สีแดง ข่ายเหวินสีเหลือง หยางหยางสีฟ้า จงเยว่เอ๋อร์สีม่วง ใช้วิธีนี้ในการตัดสินว่าใครยิงโดนเป้าหมายก่อนกัน โอกาสครั้งแรกเป็นหยางหยางที่ช่วงชิงไปได้

 

เกือบจะทุกคนที่รู้สึกได้ว่าขาดลำแสงสีหนึ่งไป แต่ขณะนี้ก็เพิ่งจะครั้งแรกเท่านั้น พวกเขาเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก

 

ต่อมาผ่านไปกว่าสิบครั้งแล้ว สือเสี่ยวไป๋ก็ยังคงไม่ยิงสักนัด

 

ผู้อาวุโสหันมามองสือเสี่ยวไป๋ ถามขึ้นด้วยความตกใจว่า “สือเสี่ยวไป๋ ทำไมยังหลับตาอยู่อีกล่ะ?”

 

เมื่อคำถามนี้ดังขึ้น ทุกคนในห้องต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน ที่แท้แล้วสือเสี่ยวไป๋หลับตามาโดยตลอด?”

 

ข่ายเหวินและมู่หงลี่ปรีดาขึ้นมาทันที พวกเขาที่เดิมไร้ความหวังในชัยชนะเหมือนจะมีความหวังขึ้นมาหน่อยๆ หากสือเสี่ยวไป๋ได้คะแนนทดสอบความสามารถเป็นศูนย์ ก็จะถูกจัดเป็น “ผู้ไร้ความสามารถ” ส่งผลกระทบต่อลำดับอย่างมาก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ข่ายเหวินที่ด้อยกว่าจากการทดสอบคุณสมบัติจะมีโอกาสตีเสมอ

 

หยางหยางกลับตกอยู่ในห้วงความคิด แต่เขาก็จัดการอารมณ์กลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ จะต้องรักษาความนิ่งของใจไว้อยู่ตลอด การทดสอบคุณสมบัติทำให้เขาสูญเสียศักดิ์ศรีไปมาก ในการทดสอบความสามารถที่เขาเชี่ยวชาญนี้ เขาจะต้องรักษาศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่เอาไว้ให้ได้

 

ความมีสติของหยางหยางได้เก็บเกี่ยวผลลัพท์มาให้เขาอย่างเห็นได้ชัด อีกหลายสิบนัดต่อมา เขายังคงรักษาอันดับหนึ่งไว้ได้ ค่อยๆ ทำคะแนนทิ้งห่างให้เป็นที่ประจักษ์ถึงความสามารถในการยิงปืนที่ไม่ธรรมดาของเขา

 

หลีจื่อที่นั่งอยู่กลับร้อนใจจนอยากจะร้องไห้ โก่งคอตะโกนไม่หยุด

 

“สือเสี่ยวไป๋ หยุดเล่นเดี๋ยวนี้!”

 

“สือเสี่ยวไป๋ ชั้นจะโกรธจริงๆ แล้วนะ!”

 

“สือเสี่ยวไป๋ ถ้านายยังไม่ลืมตา อย่าหาว่าหมัดและเท้าของชั้นไร้ความปราณี!”

 

“สือเสี่ยวไป๋ นายอย่ามาทำโซ่ตกตอนเวลาสำคัญ[2]ได้ไหม!”

 

“สือเสี่ยวไป๋ ชั้นของร้องหล่ะ รีบลืมตาเร็วเข้าเถอะ!”

 

“สือเสี่ยวไป๋ ชั้น… พี่หลีจื่อจะไม่ตีนายอีกแล้ว นายลืมตาสักหน่อยเถอะนะ?”

 

“......”

 

ราวกับว่าสือเสี่ยวไป๋ไม่ได้ยินเสียงตะโกนของหลีจื่อ ยังคงหลับตานิ่งไม่ขยับเขยื้อน ผู้อาวุโสทั้งสามข้างๆ ก็ช่วยพูดให้สือเสี่ยวไป๋อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้สักหนึ่งคะแนน อธิบายว่าหนึ่งคะแนนนี้มีความเกี่ยวโยงถึงการที่เขาจะเป็นเด็กใหม่ระดับ S ได้หรือไม่ ทว่าแม้แต่คิ้วของสือเสี่ยวไป๋ก็ยังคงไร้การเคลื่อนไหว

 

ราวกับว่าสือเสี่ยวไป๋ได้หลับไปแล้ว เป็นรูปปั้นแกะสลักนิ่งไม่ไหวติง

 

มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? สือเสี่ยวไป๋เป็นอะไรไป? หรือมีปัญหาด้านประสาท? หรือตาเป็นอะไรไป? หรือว่ายิงปืนไม่ได้ เลยจะหนี?

 

ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในใจของผู้ชม เสียงการทดสอบกำลังจะเข้าสู่ช่วงสุดท้าย

 

“ครั้งที่เก้าสิบสามสีฟ้า!”

 

ตอนนี้หยางหยางมีห้าสิบแต้ม ข่ายเหวินมีสามสิบเอ็ดแต้ม จงเยว่เอ๋อร์มีสิบสองแต้ม แต่สือเสี่ยวไป๋ยังคงศูนย์แต้ม

 

ใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของมู่หงลี่ก็ค่อยๆ คลายลง เธอไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ หันไปแสยะยิ้มใส่หลีจื่อพลางกล่าว “อย่าลืมการเดิมพันของเราซะล่ะ ฉันหวังว่าพรุ่งนี้จะได้ยินข่าวการลาออกจากการเป็นพอนทัสของเธอนะ”

 

หลีจื่อตะโกนจนลำคอแหบแห้ง ถ้าไม่ใช่เพราะการทดสอบไม่สามารถเข้าไปขัดขวางกลางคันได้ เธอคงจะวิ่งขึ้นไปทุบตีสือเสี่ยวไป๋ชุดใหญ่แล้ว ตอนนี้มาได้ยินคำเยาะเย้ยของมู่หงลี่ เธอก็ยิ่งกดดันและร้อนใจเป็นหมื่นเท่า

 

“สือเสี่ยวไป๋! รีบลืมตาเอามาสักคะแนน แค่คะแนนเดียว ชั้นจะยอมนายทุกอย่างเลย!”

 

หลีจื่อร้อนรนจนไม่ทันได้คิดให้ดีก่อนพูด

 

หลังจากหลุดปากพูดออกไป เรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น สือเสี่ยวไป๋ขยับร่างกายเล็กน้อย แม้ว่าจะยังคงหลับตาอยู่ แต่ปากก็ได้เผยออ้าช้าๆ หลังจากนั้นเสียงทรงพลังของสือเสี่ยวไป๋ก็ดังขึ้น

 

“สาวน้อย จะยอมข้าทุกอย่างจริงนะ?”

 

 

 

[1] Blind-Fire (บลายฟายเออร์) การยิงแบบสุ่ม หรือ การยิงปืนออกไปโดยที่ผู้ยิงห้ามเล็ง หรือ   เรียกง่ายๆว่า ยิงในจุดบอด

[2] ทำโซ่ตกตอนเวลาสำคัญ (关键时掉链子) หมายถึง การทำเรื่องใหญ่พลาดเพราะเรื่องเล็กน้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด