ตอนที่แล้วซัพที่37: หยั่งเชิงพี่จ๋ากันเถอะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่39: หญิงปลอมชายเข้าทัพหรือจะสู้ชายปลอมหญิงเป็นนางกำนัล!

ซัพที่38: นอกจากแกล้งบ้าแล้วท่านยังจะ... โอ้ยยย นี่ท่านมีศักดิ์ศรีบ้างไหม!!


ซัพที่38: นอกจากแกล้งบ้าแล้วท่านยังจะ... โอ้ยยย นี่ท่านมีศักดิ์ศรีบ้างไหม!!

และแล้ววันขององค์ชายห้าก็มาถึง จินหลงนั่งหยิบขนมบนโต๊ะมาเคี้ยวตุ้ยๆ ระหว่างรอ แต่รอแล้วรอเล่าไม่ว่าจะรอยังไง น้องชายเพียงคนเดียวก็ยังไม่โผล่หน้ามา

“หย่งเล่อ.. นี่มันชักจะนานเกินไปแล้วนะ” จินหลงเริ่มผิดสังเกต เมื่อรอเท่าไหร่องค์ชายห้าจิ้งฉวี่ก็ยังคงไม่มา

“ให้ข้าเดา ก็คงไม่แคล้วไม่ยอมมา” หย่งเล่อตอบขณะวิดพื้นอยู่ใกล้ๆ

เพราะจินหลงไม่ชอบให้มีนางกำนัลอยู่รอบข้าง ทำให้ส่วนใหญ่ประตูห้องมักจะปิด เพื่อความเป็นส่วนตัว

“ทำไมมั่นใจขนาดนั้น?” จินหลงหันไปถามกลับ

“พระองค์ก็รู้ดีนี่ ว่าองค์ชายห้าเป็นเช่นไร หากให้ข้าคาดก็คงคลุกตัวอยู่แต่ในตำหนักเช่นเคย” หย่งเล่อลุกขึ้นมา

“งั้นถ้าจิ้งฉวี่ไม่มาหาข้า ข้าก็จะไปหาเขาเอง!”

 

กว่าเจ้าตัวแสบจะมุ่งกลับมาวังหลังได้ ก็เรียกได้ว่าหลับไปไม่รู้กี่รอบ เมื่อถึงที่จึงต้องลำบากหย่งเล่อปลุกขึ้นมา

“ขออีกห้านาทีไม่ได้เหรอออ” จินหลงตาปรือ นั่งหันข้างให้องครักษ์ตน

“ไม่ได้พะยะค่ะ พระองค์ทรงอยากมาเองนะ” หย่งเล่อเริ่มหงุดหงิดกับนิสัยขององค์ชายตน

“ตื่นก็ได้ๆ” จินหลงหาวหวอด ก่อนจะลงมาจากเกี้ยว เพื่อเดินเข้าไปด้านในวังหลังพร้อมขันทีและนางกำนัล ส่วนหย่งเล่อและทหารได้แต่รอด้านนอก

สถานที่ที่จินหลงมุ่งไป คงไม่แคล้วตำหนักของเสียนเฟย เมื่อมาถึงก็ย่อมต้องไปคารวะเจ้าของตำหนักให้เรียบร้อย ก่อนจะถามเป้าหมาย

“ไม่ทราบว่าจิ้งฉวี่อยู่หรือไม่พะยะค่ะ” เสียนเฟยหรี่ตามองจินหลงอย่างไม่ชอบใน ก่อนจะเสมองไปทางอื่น

“ไม่อยู่” จินหลงเลิกคิ้วสูง

“หากจิ้งฉวี่ไม่อยู่ ข้าเกรงว่าคงต้อทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบ” จินหลงตอบเสียงเรียบ ทั้งยังทำท่าราวกับจะหันหลังกลับ ประโยคของเขาทำให้เสียนเฟยต้องรีบหันขวับมา

“เจ้าว่าอะไรนะ! จิ้งฉวี่ไม่อยู่ก็คือไม่อยู่ เหตุใดต้องโยงทูลฮ่องเต้ด้วย” เสียนเฟยไม่พอใจ จินหลงกลอกตา ก่อนจะถามว่า

“ข้าคิดว่าเสด็จพ่อน่าจะประกาศราชโองการออกมาเป็นแน่แท้แล้ว ว่าแต่ล่ะวันให้องค์ชายแต่ละพระองค์ไปหาข้าที่ตำหนักซื่อเหริน ซึ่งวันนี้ควรเป็นจิ้งฉวี่ที่ไปที่นั่น ไม่ใช่ข้า” จินหลงเอ่ยเสียงเรียบ

“เช่นนี้องค์ชายสี่คงคลาดกับจิ้งฉวี่แล้วกระมัง ที่เขาไม่อยู่ก็เพราะไปหาพระองค์ที่ตำหนักชื่อเหริน” เสียนเฟยเอ่ย

“ได้ ซูเม่ย เจ้าให้คนกลับไปบอกจิ้งฉวี่ที่ตำหนักว่าข้าจะรอเขาที่นี่ ให้เขามาหาข้าซะ ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้เจอจิ้งฉวี่ข้าจะไม่กลับ” จินหลงหันไปสั่งหัวหน้านางกำนัลของตน ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องรับแขก เสียนเฟยเห็นท่าทีไม่สำรวมของเขาก็ไม่พอใจ

“องค์ชายสี่! ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ พระองค์จะมานั่งได้ตามใจชอบนะ” จินหลงเลิกคิ้ว

“ทำไมล่ะ ข้าแค่มารอน้องชายข้าก็เท่านั้น ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย หรือท่านจะให้ข้าเรียกจิ้งฉวี่ไปตำหนักเสด็จแม่ข้าล่ะ แบบนั้นจะดีกว่าไหม?” จินหลงสวนกลับ เขารู้อยู่แก่ใจว่าเสียนเฟยและกุ้ยเฟยนั้นมีเรื่องบาดหมางกันนัก ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะเกลียดชัง และแน่นอนว่าหากไม่ใช่เพื่อความสะใจ เสียนเฟยไม่มีวันไปเหยียบตำหนักของกุ้ยเฟยเป็นแน่

ไมทันที่เสียนเฟยจะตอบอะไร จิ้งฉวี่กลับเดินมาปรากฏตัวบริเวณประตู ขวางหน้าซูเม่ยไว้ ทำให้นางต้องหลบทาง จินหลงไขว้ขามองจิ้งฉวี่อย่างพึงพอใจ

“พอแล้วพี่สี่ ข้ามาแล้ว” จิ้งฉวี่เอ่ย จินหลงพยักหน้า

“ดี.. ก็ดี เจ้ามาแล้ว เช่นนั้นเราไปคุยอะไรที่สวนหน่อยดีกว่าไหม บรรยากาศที่นั่นน่าจะทำให้เจ้าผ่อนคลายกว่าอยู่ที่นี่” จินหลงลุกขึ้นยืน เดินออกไปที่สวน ทว่าจังหวะที่เดินผ่านจิ้งฉวี่ อีกฝ่ายกลับเอ่ยขึ้น

“ไม่ต้อง ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับท่าน” จินหลงกลอกตา ก่อนจะหันมาเอียงคอถามจิ้งฉวี่

“เจ้าแน่ใจนะ ว่าไม่มีอะไรจะคุยกับข้า?” เจ้าตัวแสบถามย้ำอีกรอบ จิ้งฉวี่พยักหน้า จินหลงลอบยิ้มก่อนจะหันมาทำหน้าแอ๊บแบ๊วพร้อมดึงแขนจิ้งฉวี่

“แต่ข้ามีอะ! ข้ามีเรื่องคุยกับเจ้าเยอะแยะไปหมด เนี่ยเสี่ยวเหมยก็มีเรื่องคุยกับเจ้า เจ้าไม่เห็นแก่เสี่ยวเหมยเพื่อรักข้าเลยหรือ” จินหลงงัดลูกบ้ามาสู้ พลางชี้อากาศข้างๆ ตัวเอง โมเมว่าเป็นเสี่ยวเหมย

“พี่สี่มีเรื่องอะไรก็พูดมา ข้าจะรีบไป” จิ้งฉวี่ไม่สะทกท้าน ทว่าแววตากลับแฝงไว้ด้วยความเศร้า ..ไม่ต่างจากสิบปีที่แล้วสักนิด

จินหลงเห็นแววตานั้น ก็ได้แต่ถอนหายใจ

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว! ข้าไม่คุยกับเจ้าในสวนนี่ล่ะ เราไปสระบัวกัน!” ไม่ว่าเปล่า จินหลงจัดการฉุดกระฉากจิ้งฉวี่ไปทันใด ทั้งยังไม่สนใจเสียนเฟยที่โวยวาย

 

เมื่อมาถึงสระบัวจินหลงจึงปล่อยแขนติ้งฉวี่ลง ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับทรุดลงไปนอนกับพื้นเพราะเหนื่อยจากการวิ่ง ต่างจากตัวก่อนเรื่องที่ยังคงยิ้มแป้นได้อยู่

“พ..แฮ่ก..ๆ พี่สี่.. พี่สี่ต้องการอะไรจากข้ากันแน่” จิ้งฉวี่ถามด้วยความไม่เข้าใจ พลางมองพี่ชายที่มีอายุห่างจากตนเพียงหนึ่งปี แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาทำให้องค์ชายห้าแสบตา จินหลงก้มหน้าลงมามองน้องชาย

“ไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น เป็นข้าต่างหากที่ต้องถามเจ้า ว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่” จิ้งฉวี่ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่จินหลงจะซื่อ

“ตอนนี้เจ้าไม่เหนื่อยเหรอ เห็นหอบซะขนาดนั้น งี้แหละนะพวกเก็บตัวไม่ออกกำลังกาย” เจ้าตัวแสบแอบแซะน้องชายเบาๆ

“หึ ไม่เหนื่อย..สิแปลก ท่าน..ท่านคิดว่าท่านลากข้ามา..ตั้ง..ตั้งไกลแค่ไหน” จิ้งฉวี่ตาขวาง

“งั้นเจ้าก็ตะโกนออกมาเลยสิ” จินหลงเสนอ ยิ่งทำให้จิ้งฉวี่ไม่เข้าใจ

“ตะโกน? ตะโกนอะไร?” จินหลงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะแหกปากออกมาลั่น

“เหนื่อยโว้ยยยยยยย” เสียงเล็กที่ตะโกนออกไปนั้น ทำเอาจิ้งฉวี่และนางกำนัลที่เดินผ่านต่างสะดุ้งตกใจ

“ท่านทำบ้าอะไรน่ะ!” จิ้งฉวี่รีบลุกขึ้นมาห้าม แต่จินหลงยังไม่หยุด

“เหนื่อยๆๆๆๆ เหนื่อยที่สุดดดด พี่รองบ้าพลังบ้าอำนาจ น่ารำค๊านนน” เจ้าตัวแสบตะโกนสุดเสียง ยิ่งทำให้จิ้งฉวี่ร้อนรน

“พี่สี่ท่านจะตะโกนทำไม!” จินหลงเงียบปาก หันมามองหน้าน้องชาย

“เจ้าก็ตะโกนบ้างสิ ตะโกนไปเลย! พูดไปเลยว่าเจ้าเหนื่อยแค่ไหนกับการวิ่งแบบนี้” จิ้งฉวี่รีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่มีทาง! ข้าไม่ทำเรื่องหน้าอายเช่นนั้นหรอก” จิ้งฉวี่ทำท่าจะเดินกลับ แต่กลับถูกจินหลงหมุนตัวให้หันไปทางสระบัว

“เอ้า ตะโกนออกไป” น้องเล็กยังคงลังเล จินหลงจึงใช้มือข้างหนึ่งบีบแก้มทั้งสองของเขา บังคับให้พูด ส่วนมืออีกข้างก็ล็อกตัวอีกฝ่ายไว้

“อี่อำอี้อ้าอะอะโอนอังไออ” จิ้งฉวี่พยายามสื่อให้จินหลงเอามือของเขาออกไปจากหน้า

“ตะโกนเร็วอย่ามาลีลา!” จินหลงดุ จิ้งฉวี่จึงยอมอ้าปาก

“เอื่อยย”

“ไม่ผ่าน! เสียงเบาอย่างกับลมตด” จินหลงไม่พอใจ จิ้งฉวี่หันขวับมาทางเขาด้วยใบหน้าแดงน้อยๆ

“พี่สี่! ท่านมาพูดเรื่องอะไรแบบนี้ตรงนี้ได้ยังไง” น้องเล็กดึงหน้าหนีก่อนต่อว่า

“งั้นเจ้าก็ตะโกนๆ ไปเซะ ใครถามก็บอกว่าข้าบังคับ” เจ้าตัวแสบบงการ จิ้งฉวี่หมดทางเลือก จึงสูดหายใจเข้าปอด ก่อนจะตะโกนออกมา

“เหนื่อยยยย!!” องค์ชายห้าตะโกนสุดเสียง สร้างความพึงพอใจให้กับจินหลงอย่างมาก เจ้าตัวแสบจึงยอมปล่อยอีกฝ่าย ก่อนจะมายืนด้านข้าง

“เหนื่อยๆๆๆๆ” จินหลงตะโกนบ้าง ก่อนจะหัวเราะคิกคัก จิ้งฉวี่หันมามองพี่ชายตาปริบๆ ก่อนจะหันไปตะโกนบ้าง

“เหนื่อยยยยๆๆ!” เจ้าตัวแสบกระตุกยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้าของจิ้งฉวี่ดูดีขึ้น

“เป็นไงล่ะ ได้ตะโกนออกมา รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?” จินหลงถาม จิ้งฉวี่จึงเผยยิ้มจางๆ

“ก็.. ดีขึ้นบ้าง” องค์ชายสี่ส่ายหัวกับนิสัยของน้องชายคนนี้ แม้ภาพของน้องชายในชาติแรกจะซ้อนทับกับภาพของจิ้งฉวี่ตอนนี้ก็ตาม

‘เสด็จพี่ ถ้าข้าตะโกนออกไปแล้ว จะดีขึ้นจริงๆ หรือ?’ ภาพน้องน้อยวัยหกปีในชาติแรกปรากฏขึ้นในความจำ

‘จริงสิ พี่ใหญ่จะหลอกเจ้าไปทำไม?’ หยางฮุ่ยหลง หรือจินหลงในชาติแรกตอบกลับ ก่อนเขาจะสาธิตตัวอย่าง โดยการหันหน้าไปยังบึงตรงหน้า

‘เสด็จพ่อขี้งกกกก!’ ฮุ่ยหลงตะโกน สร้างความตื่นตระหนกให้น้องชาย

‘เสด็จพี่ท่านพูดอะไรออกไปน่ะ’ เด็กชายตัวน้อยรีบร้องโวยวาย หันไปมองนางกำนัลและขันทีโดยรอบที่ตื่นตระหนก

‘ข้าก็แค่ระบายความในใจเท่านั้นเอง ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เจ้าก็ลองบ้างสิ การได้ตะโกนออกมามันรู้สึกดีนะ’ ฮุ่ยหลงชวนน้องชายด้วยรอยยิ้ม อีกฝ่ายลังเล

‘เอาสิตะโกนออกมาเลย’ ฮุ่ยหลงยุ เด็กชายตัวน้อยจึงสูดหายใจเข้า ก่อนจะตะโกนว่า

‘ข้าไม่อยากเรียนแล้ววว’  ผู้เป็นพี่ฉีกยิ้ม ก่อนจะลูบขยี้หัวน้องชายตัวน้อย

‘ดี! มันต้องอย่างนี้สิถึงจะเป็นน้องข้า’ ฮุ่ยหลงเท้าเอวภาคภูมิ ก่อนจะตะโกนออกมาว่า

‘เสด็จพ่อขี้ง..โป๊ก! โอ้ย!!’ ไม่ทันตะโกนจบ กำปั้นปริศนาจึงเขกลงมากลางหัวฮุ่ยหลง ทว่าเมื่อหันไปจะโวยวายว่าใครบังอาจ ก็ต้องพบใบหน้าของเสด็จพ่อผู้รักยิ่ง

‘หยางฮุ่ยหลง เจ้ากล้าว่าใครขี้งก?’ ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ขัดกับเส้นเลือดที่ปูดบนขมับ ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของเขา รวมทั้งเสียงหัวเราะของน้องน้อยที่ได้เห็นเขาโดนลงโทษ

‘ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆ’

“วิธีนี้น่ะนะ เป็นวิธีที่ถึงจะช่วยได้ไม่มาก แต่ก็ช่วยได้” จินหลงตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ต่างจากปกติ ทำให้จิ้งฉวี่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“พี่สี่ ท่านเป็นอะไรไปน่ะ?” จินหลงเมื่อได้สติ ก็รีบส่ายหน้า

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร เราไปนั่งคุยกันเถอะ” เจ้าตัวแสบรีบกลับมาสนใจน้องชายตรงหน้า พลางคิดในใจ

หวังว่าชาตินี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีก

มือซ้ายของเด็กชายกำเสื้อบริเวณหัวใจแน่นด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ไม่ว่ายังไง.. ไม่ว่ายังไงชาตินี้ข้าก็จะไม่ให้เกิดการนองเลือดอีก!

 

หลังเจ้าตัวแสบกลับมาถึงตำหนักซื่อเหรินของตน ก็เอนกายลงบนเตียงตามเคย ไม่สนใจเสียงหย่งเล่อที่เรียกไปอาบน้ำแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวข้าจะไปอาบเมื่อไหร่ก็ไปเองแหละน่ะ” จินหลงนอนเอาขาก่ายกำแพง ปล่อยให้หย่งเล่อกุมขมับโดยมีนางกำนัลด้านหลังถือผ้าเช็ดตัวทำท่าเลิ่กลั่ก

“อาการช่วงนี้เย็นนัก หากอาบน้ำกว่านี้พระองค์คงมิวายบ่นแต่ว่าหนาว” องครักษ์หนุ่มดักทาง

“ไม่บ่นหรอก ข้าจะบ่นได้ยังไง ขอใช้ความคิดก่อนเถอะน่ะ”

 

“น..หนาว..หนาว..หนาววว กึกๆๆๆ” จินหลงซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหลังจากอาบน้ำเสร็จ ก่อนจะหันไปมองหย่งเล่อที่ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์

“ข้าก็บอกพระองค์แล้ว ไม่ฟังข้าเอง” หย่งเล่อไม่สะท้านกับสายตาขอความช่วยเหลือ จินหลงจึงต้องซุกอยู่ใต้ผ้าห่มพักใหญ่ ก่อนจะยื่นหน้าออกมาคล้ายเต่าที่ออกจากกระดอง

“แล้วเจ้าคิดว่าเป็นยังไงบ้าง กับองค์ชายสี่องค์” เจ้าตัวแสบเข้าประเด็น

“ข้าจะรู้ได้ยังไง ข้าอยู่เพียงองค์ชายรองเท่านั้น นอกนั้นพระองค์ต้องตัดสินใจเอาเอง” หย่งเล่อตอบตามตรง จินหลงบุ้ยปาก

“พี่ใหญ่กับพี่รองตัดทิ้งไปเลย เหลือแค่พี่สามกับน้องห้า คนนึงก็ดูไม่มักใหญ่ใฝ่สูง เป็นคนชิลๆ ส่วนอีกคนก็เก็บกดขี้กลัว แต่ก็นะ..ในใจข้าตอนนี้เริ่มมีน้องห้าบ้างแล้ว” จินหลงเอ่ย ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อหย่งเล่อค่อยๆ แอบถอยไปบริเวณประตู

“อะไรของเจ้า” เจ้าตัวแสบไม่เข้าใจเมื่อเห็นหย่งเล่อหน้าซีด

“ในใจของข้าเริ่มมีน้องห้า.. นี่อย่าบอกนะว่าพระองค์คิดกับองค์ชายห้าแบบ..” เมื่อเข้าใจความหมาย หมอนบนเตียงจึงถูกปาใส่ผู้พูดทันใด

“จะบ้าเรอะ! ข้าหมายถึงข้าเริ่มลังเลระหว่างพี่สามกับน้องห้าต่างหาก ว่าข้าควรสนับสนุนใครให้ครองบัลลังก์” จินหลงรีบแก้ ก่อนจะเปลี่ยนมานั่งกอดอกบนเตียง

“เห้อ.. นี่ถ้ามีคนที่ช่วยสามารถกำหนดตัวฮ่องเต้ได้เลยก็ดีสิ” เด็กชายครุ่นคิด หย่งเล่อจึงเดินเข้ามาหาพร้อมหมอนในมือ

“คนๆ นั้นคือใครเล่า พระองค์บอกเองนี่ว่าพระเจ้าให้พระองค์เป็นผู้เลือก” หย่งเล่อเอ่ย จินหลงจึงเงยหน้าถามเขา

“แต่พระเจ้า ไม่ได้บอกให้ข้าเลือกฮองเฮานี่” เจ้าตัวแสบกระพริบตาปริบๆ องครักษ์หนุ่มพยายามคิดตาม

“แปลว่า ตัวฮองเฮาอาจกำหนดไว้แล้วงั้นหรือ? หรือไม่ก..” ไม่ทันที่หย่งเล่อจะเอ่ยจบ องค์ชายสี่กลับลุกพรวดขึ้นมา

“งั้นแปลว่าถ้าข้าหาตัวว่าที่ฮองเฮาพบ ข้าก็ให้นางเลือกได้ว่านางชอบใครสินะ!”

“ไม่ข้าจะบอกว่าหรือไม่ก็ฮ่องเ..”

“เอาล่ะ! วิธีเลือกฮองเฮาไม่ได้ยากมาก พล็อตฮองเฮามันก็มีไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ” จินหลงดวงตาคล้ายมีไฟลุก ต่างกับหย่งเล่อที่คิดในใจ

หรือไม่ก็ฮ่องเต้นี่แหละที่เป็นคนเลือกฮองเฮา! พระองค์หัดฟังข้าให้จบบ้างได้หรือไม่

“แล้วพล็อตที่พระองค์ว่าคืออะไรบ้างล่ะ” หย่งเล่อถามต่อ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ฟังเขาแล้ว จินหลงนิ่งคิดก่อนจะตอบว่า

“ปกติแล้วในนิยายในซีรีส์ ฮองเฮาที่สูงศักดิ์มักมาจากนางกำนัลที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร และฉลาดเฉลียว ไม่ก็เด็กที่แค้นราชวงศ์ ลูกสาวขุนนางที่ไม่อยากเป็นฮองเฮา ผู้หญิงที่ปลอมเป็นผู้ชายมาเป็นทหารเป็นแม่ทัพ” จินหลงไล่สิ่งที่คิดออกมา

“แล้วพระองค์จะทำเช่นไร?” หย่งเล่อถามต่อ จินหลงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

“เพราะน้องห้ายังเด็กข้าจะปลอมเป็นนางกำนัลขององค์ชายทั้งสามพระองค์!”

“ห้ะ!!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด