Money Monster Episode XXX [JUDAS CLUB]
Money Monster Episode XXX [JUDAS CLUB]
สิ่งที่อยู่ในกล่องโลหะคือธนบัตรชนิดหนึ่งพันเหรียญของMoney Monsterจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันใบ รวมเป็นเงินประมาณหนึ่งล้านเหรียญถ้วน การ์ดสีทองแรทบิทกันเนอร์หนึ่งใบ กับซองจดหมายที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งถ้อยคำใดๆ
ไลท์ที่กลับมาจากการล่าอันเหน็ดเหนื่อยถึงกับนอนไม่หลับ เขาควรดีใจที่ลากหล่อนได้รับเงินมาแบบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย แต่กลับม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องของปู่
ปู่ในความทรงจำอันเลืองลางของไลท์คือชายชราที่เปี่ยมล้นไปด้วยวิสัยทัศน์และเกรียงไกร คำถามคือ ปู่ได้ขออะไรเอาไว้ตอนทำสัญญากับมาม่อน และผลสุดท้ายแล้วสามารถชดใช้หนี้จนหมดได้หรือไม่
เช้าวันรุ่งขึ้นไลท์เรียกอเดมัสมาพบเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเนื่องจากอเดมัสไม่สามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ หากต้องการถามจะต้องไปยังธนาคารข้อมูลที่อยู่ในวอลสตรีท ไลท์รีบไปที่นั่นและจ่ายเงินเพื่อค้นหาแต่ทว่า..
ไม่มีแฟ้มข้อมูลหลงเหลืออยู่เลย นอกจากประวัติและข้อมูลอันน้อยนิด ว่าใช้อาวุธอะไร การ์ดคู่หูคือใบไหน ซึ่งปู่ท่านก็ใช้ปืนเป็นอาวุธหลักเหมือนกับไลท์และมีการ์ดแรทบิทกันเนอร์เป็นสหายคนสนิท
“ปู่..” ไลท์เอ่ยคิดถึงอย่างแผ่วเบา เขากลับมานั่งที่ชิงชังบริเวณสวนสาธารณะแถวบ้านหลังจากไม่ได้ความอะไรเพิ่มเติมเลย
“แหมๆ ยังไม่เลิกหาอีกหรือครับ นายท่านของกระผม” อเดมัสโผล่ออกมา
“ไง พ่อคุณไร้ประโยชน์”
“แหมๆ พูดจาแรงจังนะครับ นายท่านของกระผม”
“ปู่ฉันเป็นยังไงบ้าง ไม่บอกบ้างเลยรึไง”
“กระผมไม่ได้มีสิทธิหรือหน้าที่ในการบอกสารดังกล่าวครับ”
“เฮ้อ นั่นไง ไร้ประโยชน์จริงๆ ด้วย”
“แต่ๆๆ ถ้าธนาคารข้อมูลไม่มีเรื่องของท่านปู่ของท่านนับว่าเป็นการผิดปกติอย่างร้ายแรง เพราะปกติแล้วธนาคารข้อมูลจะเก็บและรวบรวมวีรกรรมของโบรกเกอร์ทุกคนเอาไว้และจะเปิดเผยให้คนอื่นทราบได้ก็ต่อเมื่อปลดหนี้ได้สำเร็จหรือเสียชีวิต แต่ก็มีอีกกรณีหนึ่ง”
“อีกกรณีหนึ่ง?”
“ใช่ครับ บางทีท่านปู่ของนายท่านอาจยังมีชีวิตอยู่” ทันทีที่อเดมัสเอ่ยประโยคนี้ออกมาก็ทำให้ร่างของไลท์แข็งค้างไม่ต่างจากหิน หัวสมองประเมินผลช้ากว่าปกติ
บุคคลที่ควรตายแล้วแต่แท้จริงยังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ แถมนั่นยังมีศักดิ์เป็นปู่แท้ๆ ถ้าเช่นนั้น..
ศพที่ถูกฝังที่เขาเคยเห็นนั่นหมายความว่าอย่างไร และหากยังมีชีวิตอยู่จริงทำไมจึงไม่โผล่หน้ามาหาครอบครัว
คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวไลท์ดังดอกเห็ด ความเป็นไปได้มากมายค่อยๆ โผล่ออกมาอย่างต่อเนื่องจนแทบบ้า อเดมัสเห็นเช่นนั้นจึงยิ้มบางๆ ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้แล้วจึงหายไปว่า
“ก็เป็นแค่คำสันนิษฐานของกระผม ขอให้โชคดีครับ นายท่านของกระผม”
“......”
จะบอกพ่อแม่ยังไงดีล่ะ
จนสุดท้ายแล้วไลท์ก็บอกพ่อแม่ไปเท่าที่รู้แต่ก็ไม่ได้บอกเรื่องที่ปู่อาจมีชีวิตอยู่ก็ได้ จากนั้นเขาก็พยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายวัน แต่ก็เลิกล้มความตั้งใจไปเสียก่อนหลังไม่คืบหน้าเลย แล้วใช้ชีวิตประจำวันกับผองเพื่อนกับการล่ากรีดต่อไป
สองสัปดาห์ผ่านไป
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ออกมาจากศูนย์อบรม กลุ่มของไลท์ก็เริ่มปรับตัวและทำผลงานได้ดียิ่งขึ้น โดยการทำงานเป็นทีม ซึ่งมีไลท์และแจ๊สเปอร์ช่วยกันวิเคราะห์และสร้างแบบแผนเพื่อกำหนดหน้าที่ของแต่ละคนเอาไว้อย่างชัดเจน
ไลท์เป็นหน่วยสั่งการและจู่โจมสำรอง เขานับว่าเป็นผู้นำโดยชอบธรรมเพราะมีความเฉลียวฉลาดและการตัดสินใจที่เฉียบคมที่สุดในกลุ่ม แม้ความจริงแจ๊สเปอร์จะฉลาดไม่แพ้กันแต่กลับไร้ไหวพริบ เหตุผลที่เป็นตำแหน่งจู่โจมสำรองเพราะหากในกรณีที่เจอกรีดเลเวลหนึ่งและสองเขาจะไร้ค่าไปในทันที เพราะได้ไม่คุ้มเสีย
ครอสซ์ หน่วยจู่โจมหลัก มนุษย์สุดแสนงั่งแต่บริสุทธิ์ที่สมองกล้ามแบบสุดขั้ว อธิบายแผนการยากๆ ให้ฟังก็ไม่เข้าใจจำเป็นต้องมีคนสั่งตลอดจึงรับตำแหน่งที่ง่ายดายที่สุดเป็นหน่วยจู่โจมหลัก ใช้กำปั้นและลูกถีบเข้ากระทืบกรีดเยี่ยงนักเลงข้างถนน
ลูน่า หน่วยสนับสนุน เพราะยังไม่กล้าสู้กรีดแบบซึ่งๆ หน้า จึงคอยช่วยเหลือทั้งไลท์และครอสซ์อยู่อย่างห่างๆ ถึงจะเป็นอาวุธระยะไกลเหมือนไลท์แต่อย่างน้อยเธอก็ค้นพบว่าการเหวี่ยงคฑาไปโจมตีก็เป็นการค้นพบที่ไม่เลว
แจ๊สเปอร์ หน่วยสำรวจ ในตอนศูนย์ฝึกอบรมเขาคิดว่าตนเองจะเป็นตัวถ่วงกลุ่มชนิดไม่ต่างจากกาฝากที่วันๆ ทำอะไรไม่ได้นอกจากกินส่วนแบ่งอย่างเดียว แต่พอเอาเข้าจริงแจ๊สเปอร์กลับมีความสำคัญสูงสุด เพราะแม้จะสู้ไม่ได้แต่ก็สามารถหากรีดได้เยอะขึ้นเพราะรัศมีการค้นหาที่สูงเอาเรื่อง
แต่สุดท้ายแล้วทั้งนี้ทั้งนั้นก็เหมือนจะดี แต่ความเป็นจริงแล้วก็ไมได้สวยหรูอย่างที่คาดเอาไว้..
เพราะจำนวนกรีดที่ค้นพบและสังหารได้ก็น้อยจนน่าใจหายอยู่ดี
กลุ่มนี้มีไลท์และครอสซ์ที่พอมีฝีมือจึงรับมือกับกรีดเลเวลสามที่ให้ค่าตอบแทนสวยเอาเรื่องได้อยู่ แต่ยิ่งเลเวลสูงก็ยิ่งหายาก แถมพอเจอพวกระดับต่ำก็ไม่คุ้มค่าแรงรายหัวต่อวันอีกต่างหาก แต่ปริมาณหนี้สินที่ต้องจ่ายแต่ละเดือนของทุกคนไม่ต่ำกว่าหลักแสน
ความเป็นจริงแล้วหากแยกออกไปเดี่ยวๆ เลยอาจดีกว่าเพราะไม่ต้องหารสี่กันอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะแต่ละคนอยู่ในสถานะที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน จึงพยายามขบคิดอย่างสุดความสามารถว่าจะทำอย่างไรเพื่อจะได้จัดการกับปัญหานี้ได้
“แล้ว เพราะว่าคิดไม่ออกเลยมาถามพวกฉันสินะ” เมซูลกอดอกเอ่ยออกมาด้วยมาดสุขุม พวกไลท์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจึงผงกศีรษะรัวๆ
หลังจากจนปัญญากันไลท์จึงนัดเมซูลมาในวอลสตรีท และด้วยความที่หญิงสาวเพิ่งจะว่างจากธุระจึงลงเอยโดยการยกทีมล่าของเมซูลที่มีทั้งเจเรมี่ คุโรงาเนะ สก็อตมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งผู้ชักชวนอย่างไลท์ต้องเป็นผู้เลี้ยงข้าวแลกข้อมูลกันตามมารยาท
“เมซูล คุณเจเรมี่ด้วย ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าทำยังไงถึงจะหากรีดได้ง่ายๆ นอกจากชิพเตอร์”
“ก็ต้องมีเครื่องรับสัญญาณน่ะจ๊ะ” เจเรมี่ยิ้มเอ่ย ส่งผลให้ทั้งสี่เอียงคออย่างงุมงง
“เครื่องรับสัญญาณ?”
“ใช่ แต่มันมีราคาแพงมากเลยนะ พวกที่มีใช้ส่วนใหญ่จะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือมหาอำนาจ ขนาดองค์กรเบรสซันอย่างพวกเรายังไม่มีใช้กันเลย” เจเรมี่เอ่ยตอบ
“หลักการง่ายๆ คือการเช่าสัญญาณเครือข่ายดาวเทียมของMoney Monsterจากมาม่อนเพื่อยิงสัญญาณมาสำรวจในบริเวณที่กำหนด มันจะทำหน้าที่ตรวจจับอานุภาพที่มีเฉพาะกรีดและส่งข้อมูลกลับไป พอได้รับตำแหน่งของเป้าหมายก็ส่งสัญญาณให้พวกเดียวกันออกไปล่า ประมาณนี้ล่ะนะ” คุโรงาเนะอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบและตักข้าวผัดทานอย่างผ่อนคลาย
“แพงมากเลยใช่ไหมครับ” แจ๊สเปอร์เอ่ยถาม โต๊ะฝั่งตรงข้ามพากันเงียบครู่หนึ่งก่อนที่สก็อตจะเป็นฝ่ายตอบ
“รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดว่ากันว่าไม่ต่ำกว่ากว่าหมื่นล้านเหรียญ”
“หมื่นล้าน!!!!”
“เออสิ! ถ้ามันถูก ป่านนี้ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วเฟ้ย”
“ไม่ไหวหรอกไม่ไหวๆ แพงขนาดนั้นยังอุตส่าห์มีคนจ่ายอีกนะ” แจ๊สเปอร์กล่าวลนๆ ก่อนที่จะสบเข้ากับสายตาราวสัตว์ป่าของสก็อต ร่างของหนุ่มผมเทาพลันสะดุ้งเฮือก
“บ้าเด๊ะ! มีคนเยอะแยะที่ยอมจ่ายแต่มันเสียแค่ไม่มีเงินเฟ้ย แกลองใช้สมองสลั่วๆ คิดให้ดี ถ้ารู้ตำแหน่งของกรีดที่แม่นยำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น นั่นหมายความว่ารายได้ของคนทั้งองค์กรจะมากขึ้น เติบโตรวดเร็วและส่งผลต่อระยะยาว น่าจับตามอง มีแต่คนอยากเข้ามาเป็นลูกน้องเพราะสะดวกสบายยังไงล่ะเฟ้ย”
“อา..นั่นสินะครับ” แจ๊สเปอร์ปาดเหงื่อที่ไหลซิกหลังฟังคำพูดของสก็อตจบ
“ปัจจุบันนี้องค์กรที่มีกำลังพอจะจ่ายเครื่องรับสัญญาณก็มีแค่องค์กรมหาอำนาจและอีกนิดหน่อยเท่านั้น ก็ต้องพึ่งพาอีกสองวิธีที่เหลือ” เมซูลกล่าวไลท์จึงเอียงคอเบาๆ รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“หาชิพเตอร์มา”
“เรื่องนั้นรู้อยู่แล้ว! แต่มันหาไม่เจอนี่หว่า”
“วิธีต่อมาคือกระจายรัศมีการค้นหา”
“แบบการให้การ์ดคู่หูที่อัญเชิญได้หลายตัวออกมาพร้อมกันแล้วให้แยกกันหาหรือครับ?” แจ๊สเปอร์ถามแต่เมซูลกลับยักไหล่เป็นการปฏิเสธ ทำให้เขายิ่งสับสนเข้าไปใหญ่
“จริงอยู่ที่การอัญเชิญคู่หูออกมามากๆ แล้วส่งออกไปค้นหาจะเป็นวิธีที่คลาสสิก แต่ก็ได้ผลไม่ได้ดีไปตามที่คิดหรอกนะ การ์ดน่ะยิ่งอัญเชิญยูนิตมาเยอะเท่าไหร่ความพยายามก็ยิ่งถูกลดทอนมากเท่านั้น ความสามารถในการจับกลิ่นอายก็เหมือนกัน”
“อ่าว...เป็นแบบนี้เองเหรอเนี่ย จริงสิ ตอนศูนย์อบรมก็มีออกข้อสอบนี่ แต่ไม่เห็นระบุเอาไว้ว่ารวมถึงความสามารถในการจับกลิ่นอายด้วย”
“ใช่ และก็ว่าด้วยเรื่องของระยะด้วย”
“ระยะ?”
“ยิ่งมอนสเตอร์ออกห่างจากเจ้าของมากเท่าไหร่ความสามารถในการสั่งการก็จะลดลงเหมือนกัน เหมือนพอวิ่งออกห่างเจ้าของก็ลืมไปแล้วว่าโดนสั่งให้ทำอะไรกันแน่ ยกเว้นการ์ดที่มีระบุเอาไว้ว่า[สติปัญญา] พวกการ์ดสติปัญญาจะฉลาดมาก ต่อให้อยู่กันอีกซีกโลกก็ทำตามคำสั่งได้อย่างเคร่งครัด”
“อืม ถ้าอย่างนั้นแล้วต้องใช้วิธ๊ไหน?” ไลท์เอ่ยถาม
“วิธีสุดคลาสสิก ให้โบรกเกอร์ประจำตำแหน่งในรัศมีหนึ่งถึงสองถึงสามกิโลเมตรต่อกลุ่ม ถ้าหากเจอก็กำจัดซะ แต่ถ้าสู้ไม่ไหวก็ติดต่อโบรกเกอร์กลุ่มอื่นให้มาช่วยเหลือ ช่วยกันกำจัดเสร็จก็แบ่งเงินตามข้อตกลง ถ้าหาไม่เจอก็รอการติดต่อไปช่วยคนอื่น นี่เป็นวิธีที่พวกในองค์กรใช้กัน”
“อืม แบบนี้เอง..แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในองค์กรล่ะ?”
“ก็ดำน้ำไป หาชิพเตอร์ให้พบหรือสร้างเครือข่ายของตัวเองขึ้นมา”
“ก็มีแต่ต้องสร้างเครือข่ายของตัวเองดูล่ะนะ” ไลท์กล่าวพลางพยักหน้าเหมือนนี่จะเป็นวิธีเดียวที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้
“แต่ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างเองหรอกนะจ๊ะ ถ้าหาดีๆ อาจมีสักคนสร้างไว้แล้วก็ได้ เราแค่ต้องหาเขาและไปขอเข้าร่วมด้วย รอไปหาพ่อค้าข่าวและถามเขาดูสิ เสียเงินสักหน่อยก็น่าจะได้ข่าวดีบ้างแล้ว”
“ขอบคุณมากครับ คุณเจเรมี่ พวกเราไปกันเถอะ” ไลท์โน้มศีรษะลงให้หญิงสาวก่อนจะหยิบบิลค่าใช้จ่ายไปชำระที่โต๊ะบริการ ก่อนจะมุ่งหน้าไปหาพ่อค้าข่าว
ไลท์กับแจ๊สเปอร์ทั้งคู่เข้าไปในบาร์แห่งหนึ่งโดยปล่อยให้ครอสซ์และลูน่าคอยรออยู่ด้านนอก เดินเข้าไปหาหญิงขายเหล้าเพื่อติดต่อขอพบกับพ่อค้าข่าวจนได้รับอนุญาตเข้าไปชั้นสอง จึงได้พบกับชายวัยกลางคนร่างเล็กดูดไปป์นั่งรออยู่ตรงระเบียง ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้าให้กันก่อนจะไปนั่งที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ยินดีต้อนรับๆ”
“พ่อค้า พวกเราต้องการรู้ว่ามีเครือข่ายโบรกเกอร์ที่ร่วมมือกันหากรีดที่ไหนบ้าง”
“อืม มีอยู่สองสามที่ สองที่เพิ่งเกิดคนยังน้อย แต่มีหนึ่งที่ที่สร้างมาสี่ห้าเดือนแล้ว จำนวนคนค่อนข้างเยอะแต่ค่าสมาชิกแพงนะ”
“จำนวนคนยิ่งเยอะยิ่งมีโอกาสเจอกรีดมากขึ้นใช่ไหม”
“ใช่แล้ว”
“ถ้างั้นขอข้อมูลของเครือข่ายที่ว่า” ไลท์พูดจบพ่อค้าข่าวพลันเลื่อนกระดาษเล็กๆ มาให้หนึ่งแผ่น มันมีตัวเลขกำกับอยู่ตามด้วยสัญลักษณ์เหรียญทอง ชายหนุ่มทั้งสองทำสีหน้างุมงงสักพักก่อนที่ชายตรงหน้าจะยิ้มกว้างขึ้น
“จ่ายมาก่อนสิ”
“หนึ่งหมื่นเหรียญเลยงั้นเหรอ” แจ๊สเปอร์กระตุกคิ้วรัวๆ นับเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย แต่ไลท์ก็ได้แต่ถอนหายใจพลางยื่นบัตรMMCออกมาถอนเงินยื่นให้อีกฝ่ายอย่างว่าง่าย ในกรณีแบบนี้ไม่ควรจะงกเงินที่สุดโดยเฉพาะตอนมีความจำเป็นเร่งด่วน พ่อค้าข่าวลูบปากลูบครางเปลี่ยนบัตรมาให้อีกใบแทนที่
[JUDAS CLUB]
“จูดัสคลับ? ชื่อนี้ไม่เป็นมงคลนี่มันอะไรกัน” ไลท์หรี่ตามองเมื่ออ่านชื่อบนบัตรจบ
“คนที่สร้างเครือข่ายมีชื่อว่าจูดัส มันก็เท่านั้น” พ่อค้าข่าวตอบอย่างเรียบง่าย
“พ่อแม่ประสาอะไรนะครับ ตั้งชื่อลูกแบบนี้”
“ไปกันเถอะครับ” แจ๊สเปอร์หยิบบัตรมาพลิกดูพบช่องทางเข้าร่วมเอ่ยขึ้น ไลท์ลุกและเดินกลับไปสมทบกับครอสซ์ที่ด้านล่างแล้วมุ่งไปยังจุดหมายในทันที
สถานที่ตั้งของจูดัสคลับอยู่หลังอาคารเก่าแห่งหนึ่งในวอลสตรีท เป็นพื้นที่โล่งกว้างขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลสองแห่งติดต่อกัน โดยมีสถานที่คล้ายโรงรถใหญ่ๆ ตั้งอยู่บริเวณจุดกึ่งกลาง
พวกไลท์เดินเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ด้วยความรู้สึกที่กดดัน ลมพัดกระโชกแรงเอาดินและทรายขึ้นมาส่งผลต่อการมองเห็น พวกเขายกมือขึ้นกำบังฝ่าไปยังโรงรถที่ซึ่งมีป้ายขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า[JUDAS CULB] แต่ทันทีที่มาถึงสถานที่การต้อนรับกลับไม่ดีเท่าที่คาดเอาไว้
“แก! ไอ้สัตว์ประหลาด” เสียงร้องของชายผู้หนึ่งดังขึ้นทำให้พวกไลท์ต้องหันไปเหลียวมอง พบชายอายุราวยี่สิบนิดๆ ชี้มาที่ไลท์ด้วยสีหน้าซีดเผือดราวกับมองเห็นอสุรกายที่น่าหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทาดวงตาน้ำเริ่มเอ่อ เข่าทรุดลงกับพื้นอย่างไร้สติ
“อย่าเข้ามานะ! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ชายคนนั้นเตรียมหน้าไม้ขึ้นเล็งมาที่ไลท์ทั้งที่ตัวกำลังสั่นอยู่ ส่งผลให้ไลท์และคนอื่นรอบๆ บริเวณนั้นเริ่มตกใจกับการกระทำของเขา
“เฮ้ย! ใจเย็นๆ น่า มีอะไรพูดคุยกันก่อน” เพื่อนของชายคนนั้นเริ่มเอ่ย
“ปะ..ปีศาจ เจ้าหมอนี่มันเป็นปีศาจ พวกมันฆ่าฉัน ฆ่าคนอื่นๆ และมันจะฆ่าพวกเราทุกคน!! อย่าให้มันเข้ามาในคลับนะ รีบไล่มันออกไปเร็วๆ” ชายผู้นั้นพร่ำคำพูดออกมาไม่หยุด น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกลัวจนแทบเสียสติจนผู้คนรอบๆ ต้องหันมามองไลท์ด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
“เดี๋ยวก่อนนะ ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง” ไลท์รีบแก้ต่างความเข้าใจจริง
“ไม่! เป็นแกนั่นแหละไลท์ ลินสตอร์ม ฉันยังจำวันสอบได้ ตอนนั้นแกฆ่าพวกเราเป็นร้อยคนทั้งที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ แกมันปีศาจ ไอ้ฆาตกร”
“ตอบสอบอบรม..”
‘พวกที่มาขัดขวางเราพร้อมกับเซลิเป้สินะ’
“ชะ..ใช่ ไอ้หมอนี่แหละที่ฆ่าฉัน จำที่ฉันเล่าให้ฟังได้ไหม ไอ้หมอนี่แหละที่ฆ่าล้างบางพวกเราทุกคนเอง!” คนกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งโผล่มาเห็นเริ่มแสดงอาการไม่ต่างจากชายคนก่อนหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเดียวกันที่มาขัดขวางไลท์เอาตอนสอบอบรม
โบรกเกอร์รอบๆ เริ่มหวาดระแวง ยกอาวุธขึ้นมาเพ่งเล็งใส่ไลท์และผองเพื่อน ดูเหมือนพวกนั้นจะเอาเรื่องราวตอนที่แท้งค์เทอเทิลอาละวาดมาเล่าให้คนอื่นฟังโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอะไรเลย ถ้าให้เดาคงใส่สีตีไข่จนไลท์กลายเป็นจอมปีศาจผู้ชั่วช้าไล่สังหารหมู่คนเป็นร้อยภายในพริบตาไปแล้ว
“เดี่ยวก่อน มอนสเตอร์ของฉันอาละวาด ฉันไม่เกี่ยวด้วย”
“หนวกหู! มอนสเตอร์บ้าอะไรจะอาละวาด ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
“แกต้องแอบสั่งให้มันฆ่าพวกเราแน่!”
“ฟังกันบ้างสิ! ตอนนั้นฉันเองก็โดนมอนสเตอร์ตัวเองโจมตีแถมโดนฆ่าด้วยนะ จำไมได้รึไง”
“ก็แค่การแสดงล่ะน่า! ไอ้คนเจ้าเล่ห์”
“ไม่เห็นจำได้ว่าแกก็โดนฆ่าไปด้วยเลย อย่ากุเรื่องมาแถจะดีกว่า”
‘เจ้าพวกนี้ อคติจนไม่ฟังอะไรแล้วรึไง’ ไลท์คิดพลางกัดฟันอย่างเจ็บใจ ในเมื่อไม่สนใจเหตุผลก็คุยกันไม่รู้เรื่องอีกแล้ว แต่ถึงกระนั้นไลท์ก็เลือกที่จะไม่เสกอาวุธมาขึ้นมือพร้อมห้ามปรามคนอื่นไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่ามอีกด้วย
“เฮ้ยๆๆๆๆ!!! เรามาดีนะเฟ้ย ทำแบบนี้กับพวกเราได้ยังไง” ครอสซ์เริ่มไม่พอใจแหกปากออกมา
“ฮือ น่ากลัวอ่ะค่ะ” ลูน่าทำทีเป็นจะร้องไห้
“ไลท์ แบบนี้ท่าไม่ดีแล้วนะ” แจ๊สเปอร์ยังคงสติไว้ได้เอ่ยถามกับเพื่อนด้วยความร้อนใจ
“รู้แล้ว แต่เรามาทำธุระนะไม่ได้จะมาตบตี อย่าเพิ่งทำอะไรโง่เง่า อย่าตอบโต้”
“ซุบซิบอะไรกันอยู่น่ะห๊ะ!” ชายคนหนึ่งร้องตะโกนออกมาพลางเล็งศรธนูมาที่กลางหน้าอกของไลท์
“พวกเรามาดีและต้องการเข้าร่วมจูดัสคลับด้วย ไม่ได้มีประสงค์จะมาทำร้ายหรือหาเรื่องแต่อย่างใด” ไลท์เอ่ยก่อนจะหยิบบัตรที่ได้มาจากพ่อค้าข่าวชูขึ้นฟ้าให้คนอื่นดู
“ขอย้ำ เราไม่ได้ประสงค์ร้าย”
“อึก” เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นระงม โบรกเกอร์คนอื่นเริ่มหันมาสบตากันเองแล้วเริ่มลดอาวุธลง ไลท์คลี่ลมหายใจลากยาวด้วยความโล่งอก ทว่า นั่นกลับทำให้เกิดช่องว่างขึ้น
“แกตาย!!” ชายคนแรกที่ตะโกนตั้งแต่เห็นหน้าไลท์สติแตก เหนี่ยวไกลยิงลูกศรออกจากหน้าไม้ตรงมาที่ไลท์หวังจะปลิดชีวิต ชายหนุ่มที่ลดการป้องกันลงไปแล้วไม่ต่างจากเป้านิ่ง ได้แต่มองวัตถุทรงมาที่ตนตาค้าง
“ระวัง!” ในเวลาที่กะชันชิดร่างกายของครอสซ์ตอบสนองต่อสัญชาตญาณได้รวดเร็วกว่า พุ่งผลักร่างของไลท์ให้ล้มลงพื้น ชายหนุ่มทั้งสองกลิ้งเป็นลูกขนุนปล่อยให้ลูกศรที่พุ่งเข้ามาผ่านอากาศไปปักดินอย่างฉิวเฉียด
“คุณไลท์ คุณครอสซ์คะ” ลูน่าตะโกนเรียกชื่อทั้งสองพลางเสกคฑาออกมาด้วยความร้อนรน ไลท์ที่เพิ่งได้สติเอื้อมมือคว้าปืนกลางอากาศเล็งไปที่ชายคนนั้นด้วยสีหน้าเปี่ยมโทสะ เพียงแต่ กลับช้าเกินไป
[Attack Card : ศรเพลิงกัปนาท 89,100 Coin]
“เช็ค!!”
[Payout Complete (ชำระเสร็จสิ้น)]
“แหลกไปซะ!! มอดไหม้เป็นเถ้าธุลีซะเถอะ” ชายผู้นั้นแหกปากออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับลูกศรเพลิงขนาดใหญ่ที่พร้อมจะแผดเผาทุกอย่างในบริเวณนั้นให้หายไปในพริบตา ไลท์ที่เพิ่งได้สติกลับทำอะไรไม่ได้เลย ขบฟันแน่นอย่างเจ็บแค้น
ตูม!
ลูกศรเพลิงขนาดใหญ่กระทบกับอะไรบางอย่างจนระเบิดออกมาก่อนที่จะถึงตัวเป้าหมายด้วยซ้ำ ทำให้ทุกคนฉงนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ไม่ได้นะๆ อย่าทะเลาะกันที่พื้นที่ของผมจะได้รึเปล่า” เสียงอ่อนนุ่มและสุภาพเอื้อนเอ่ยขึ้น ทุกคนหันหน้าไปมองที่ต้นทางเสียงพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง