ภาค 1 ตอนที่ 13 ช่วยทางอ้อม
ตอนที่ 13 ช่วยทางอ้อม
โจวต้าเจิ้งเคาะโต๊ะอย่างหงุดหงิด สูบบุหรี่แบบมวนต่อมวน บนโต๊ะมีอาหารกลางวันที่เสี่ยวไป๋ซื้อมาให้ เย็นไปตั้งนานแล้ว ยังมีเอกสารหลายอย่างเกี่ยวกับคดีสวีลี่วางอยู่ด้วย การขัดขวางจากเบื้องบนใช่ว่าเขาไม่เคยเจอมาก่อน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าครั้งนี้เขายังไม่ทันได้หลักฐานมัดตัวอวี๋เทาที่แน่นหนาพอก็แหวกหญ้าให้งูตื่นซะแล้ว ทั้งหมดก็ต้องโทษตัวเอง เขารู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่ตอนนั้นปล่อยตามอารมณ์ที่สั่งให้พวกไป๋หลิงไปจับตัวอวี๋เทาอย่างเอิกเกริก
หลับตาลง ควันบุหรี่ตลบอบอวลรอบตัว ต้าเจิ้งบังคับให้สมองแล่นอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวก็เป็นรายงานการชันสูตรศพของสวีลี่ เดี๋ยวก็เป็นเสียงเย็นชาของสวินเข่อหรันที่ด่าเขาไม่มีศักดิ์ศรี เดี๋ยวก็เป็นใบหน้าขมวดคิ้วของผู้การ เดี๋ยวก็เป็นภาพที่สวีลี่ถูกพวกสัตว์นรกทั้งหลายข่มเหงย่ำยีในคลิปวีดีโอ แล้วจู่ๆ ภาพรอยบีบบนคอโกโก้ก็ผุดขึ้นมา
ลืมตาขึ้น ปวดหัว
ไป๋หลิงพรวดพราดเข้ามาในห้อง กลิ่นบุหรี่ทำให้หายใจไม่ออกปะทะหน้าอย่างจัง ไม่สนใจว่าจะสำลักควันหรือไม่ รีบพูดอย่างเร็วว่า "หัวหน้า เบื้องบนส่งคนมาแล้ว..."
"มาก็มาสิ ของต่างๆ รวบรวมให้พวกเขาก็แล้วกัน"
"ไม่ใช่ พวกเขา...พวกเขาพุ่งไปที่แผนกนิติเวชก่อนแล้ว จะเอาศพไป พี่สวินไม่ยอม กำลังประจันหน้ากันอยู่"
ต้าเจิ้งลุกขึ้นพรวด รีบพุ่งตัวออกไป
——————————————
เสี่ยวเจ๋อกันท่าอยู่ที่ประตูห้องชันสูตรศพ
"เรื่องอะไร รายงานหลักฐานและชันสูตรศพก็ให้พวกคุณไปแล้ว พวกคุณจะเอาศพของสวีลี่ไปทำไม"
ตำรวจที่แสดงสีหน้าผดุงความยุติธรรมยืนอยู่หน้าเสี่ยวเจ๋อ ด้านหลังเขาเป็นทีมสืบสวนที่จัดขึ้นฉุกละหุกโดยคำสั่งจาก ‘เบื้องบน’ นอกจากตำรวจหัวหน้าทีมที่ยังรักษาใบหน้ายิ้มแย้มแล้ว คนที่เหลือเริ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
"สืบคดีทั้งที จะขาดศพของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายได้ยังไง ห่วงโซ่หลักฐานก็ขาดนะสิ"
ซูเสี่ยวเจ๋อที่โมโหแต่แรกอยู่แล้ว พูดจาอย่างไม่เกรงใจคนว่า "หลักฐานทางเราตรวจสอบและเตรียมให้เสร็จแล้ว แค่พวกคุณ..."
"บอกแล้วไงว่าคดีนี้ให้ทางมณฑลรับต่อ พวกคุณยุ่งไม่เข้าเรื่อง ส่งแค่ศพมาเท่านั้นพอ!" ในที่สุดคนในทีมสอบสวนเริ่มรำคาญและออกปาก "โอ้ นี่หัวหน้าโจวไม่ใช่เหรอ"
โจวต้าเจิ้งพาคนในหน่วยอาชญากรรมมาหลายคนเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน ไม่ทันรอให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ ก็แทรกเข้าไประหว่างเสี่ยวเจ๋อกับคนของมณฑล แล้วคนทั้งสามฝ่ายก็เกิดเป็นวงล้อมขึ้นมา คนของมณฑลอยู่ด้านนอกสุด คนของต้าเจิ้งกันพวกเขาไว้ ส่วนเสี่ยวเจ๋อก็ชิดติดกับประตูของแผนกนิติเวช ไม่ยอมให้คนอื่นเข้าใกล้
"หัวหน้าโจว คุณทำอย่างนี้หมายความว่าอะไร" ตำรวจหัวหน้าทีมยังคงรักษาสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
"คนแซ่ฉี ผมโจวต้าเจิ้งฟังคำสั่งของหัวหน้า ไม่ได้หมายความว่าคนของพวกคุณจะมารังแกคนของผมได้ คุณพาคนแข็งแรงกำยำมากมายมาที่หน้าห้องแผนกนิติเวชที่มีเพียงสองคน พวกคุณหมายความว่าอะไร"
"พวกเรามากันเยอะก็เพื่อมาขนเอกสารข้อมูลนี่"
"เหลวไหล พวกคุณมาหาเรื่องนะสิไม่ว่า..." ไป๋หลิงโพล่งปากพูดออกไปอย่างอดไม่ได้
คนของมณฑลก็เริ่มจะทนไม่ไหวเหมือนกัน "พวกคุณทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
โต้ตอบกันไปมา โจ้วต้าเจิ้งกับหัวหน้าที่แซ่ฉีถลึงตาจ้องใส่กัน คนอื่นๆ ด้านหลังพวกเขาก็พูดใส่กันไม่หยุดหย่อน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
ก๊อง!
——————————————
เสียงกระทบดังมาจากประตูห้องแผนกนิติเวช ทุกคนหันไปมอง โกโก้กำลังยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงนั้น ในมือถือค้อนขนาดกะทัดรัด เสียงเมื่อครู่นี้ก็เกิดจากของสิ่งนี้กระทบกับเหล็กดัดของหน้าต่าง
"หนวกหู" โกโก้พูด "พวกคุณจะเอาศพของสวีลี่ไปทำไม ชันสูตรอีกครั้งเหรอ พวกคุณเห็นแผนกนิติเวชของเทศบาลเมืองเป็นอนุบาลหรือยังไง"
หัวหน้าที่แซ่ฉีพูดยิ้มๆ "ไม่ๆ ในเมื่อคุณหมอสวินมีรายงานชันสูตรศพอยู่แล้ว พวกเราจะทำซ้ำอีกทำไม เพียงแต่อยากแบ่งเบางานของพวกคุณ คืนศพไปให้ครอบครัวไปฌาปนกิจ"
"ไม่ต้องรบกวนหรอก ฉันได้แจ้งพ่อแม่ของสวีลี่แล้ว พวกเขากำลังมาที่นี่ พอถึงแล้ว ฉันจะคืนศพให้พวกเขาโดยตรง พร้อมกับจัดการฌาปนกิจศพให้ ถ้าพวกคุณยังไม่ไว้ใจก็สามารถร่วมงานเผาได้ตลอดเวลา" โกโก้เลิกคิ้วแล้วพูด "ถ้าไม่กลัวว่ามีอะไรตามพวกคุณกลับบ้านละก็"
คนของมณฑลอึ้ง รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง
หัวหน้าฉีไม่คิดว่าสวินเข่อหรันคนนี้จะไวขนาดนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะยังไงเบื้องบนกำชับไว้ว่าต้องรีบเผาศพอย่างเร่งด่วน ขอเพียงบรรลุเป้าหมายก็พอ ไม่คิดเลยหมอนิติเวชที่ท่าทางเย็นชากลับให้ร่วมมืออย่างดี
เสี่ยวเจ๋อเข่นเขี้ยวแล้วพูด "พี่สวิน พี่เอาศพของเธอไปเผาได้ยังไง"
โกโก้หันไปมองเสี่ยวเจ๋ออย่างเย็นชา เสี่ยวเจ๋อกัดริมปากแล้วเงียบลง
"ยังยืนเซ่ออยู่ตรงนี้ทำไม พวกคนของมณฑล ข้อมูลของคดีสวีลี่ไม่ได้มีที่แผนกนิติเวชเท่านั้น ในหน่วยอาชญากรรม หรือที่อื่นๆ ก็มี พวกคุณจะเฝ้าดูความเคลื่อนไหว เหลือไว้เพียงคนเดียวก็พอ สุนัขดีไม่ขวางทาง" โกโก้พูด "จ้องฉันทำไม คำสั่งที่พวกคุณได้รับคืออะไร เราทั้งสองฝ่ายรู้อยู่แก่ใจ อย่าเสียแรงอ้อมไปอ้อมมา"
แต่ละคนมองหน้ากัน ไม่มีใครขยับ
"ไม่ยอมไสหัวไปอย่างนี้ คิดจะค้างในตู้เก็บศพของฉันที่นี่หรือไง แค่พยักหน้า ฉันก็จะหาตู้ว่างให้พวกคุณได้แล้ว ไม่รู้ว่าสวินเข่อหรันหยิบมีดผ่าตัดออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังเช็ดอยู่อย่างเบามือ
หัวหน้าตำรวจแสร้งทำเป็นกระแอมขึ้นมา "หัวหน้าโจว พวกเราก็ต้องมารับมอบงานต่อดีๆ เชิญๆ.."
"คุณก็เกรงใจเกินไป" ต้าเจิ้งแสร้งพูดอย่างเป็นทางการทั้งที่ยังตีหน้ายักษ์อยู่ "พวกเราก็รู้สึกไม่สบายใจที่เพิ่งเริ่มสืบก็ต้องให้พี่น้องในมณฑลรับช่วงงานเละเทะนี้ต่อ"
ทั้งสองคนยังคงส่งสายตา ‘ไปตายเถอะ’ ให้อีกฝ่ายไม่หยุด ในมือกลับทำท่าเชิญคุณก่อนแล้วออกจากแผนกนิติเวชอย่างชักช้า ก่อนจากไปต้าเจิ้งทิ้งให้ไป๋หลิงอยู่เฝ้าต่อ
โกโก้จะกลับเข้าห้องชันสูตรศพ เสี่ยวไป๋กับพนักงานคนหนึ่งของมณฑลคิดจะตามเข้าไปด้วย โกโก้มองทั้งสองคนอย่างเย็นชา "ค่าเข้าชมศพหญิงเปลือยนาทีละหนึ่งร้อยหยวน"
ทั้งสองคนอึ้ง แล้วก็ชะงักทันที ประตูของแผนกนิติเวชปิดโครมลง ไป๋หลิงกับอีกฝ่ายได้แค่บ่นพึมพำแล้วยืนอยู่ที่ประตู เล่นเกมส์จ้องตาใส่กัน
——————————————
พ่อแม่ของสวีลี่นำศพของลูกสาวกลับไปด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ โกโก้ยืนอยู่ที่ประตูกองบังคับการ มองรถที่บรรทุกสวีลี่จนพ้นสายตา ก่อนจากไป พ่อของสวีลี่ได้คุยกับเธอเป็นการส่วนตัว คนแก่ที่อายุเกือบห้าสิบคนนี้ดูเหมือนจะมีผมหงอกมากกว่าครั้งที่เจอกัน สายตาที่มองโกโก้ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ห้ามใจไว้ โกโก้ไม่ได้พูดอะไร เขาเลยนิ่งสงบแล้วสงบอีก สุดท้ายทิ้งคำว่าขอบคุณแล้วจากไป
โกโก้ไม่ได้บอกให้รู้ว่าสวีลี่เจอกับเหตุการณ์อะไรบ้าง คนอื่นในหน่วยอาชญากรรมได้บอกเขาไว้หรือเปล่าเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สีหน้าที่อยากจะพูดแต่ห้ามใจไว้นั้น ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก เธอก็ไม่รู้ว่าการตัดสินใจเผาศพของสวีลี่นั้นเป็นทางเลือกที่ถูกหรือไม่ เธอเพียงแต่รู้ว่า ถ้าคนของมณฑลรับงานไป ไม่รู้จะทำอะไรกับศพนั้นอีกหรือเปล่า ทำลายศพเพื่อทำลายหลักฐาน หรือใช้ศพเพื่อบังคับให้พ่อแม่ไม่สืบหาสาเหตุการตายของลูกสาวอีก บางทีเธออาจจะคิดมากเกินไป แต่เพราะสวีลี่ได้รับความทุกข์ทรมานมามากเกินไป ให้เธอได้รับความสงบเถอะ...
ยืนเหม่อลอยที่ประตูอย่างนั้น จนกระทั่งฟ้าที่ครึ้มตั้งแต่ช่วงสายเริ่มโปรยฝนลงมา ฝนที่สะสมอยู่ที่ชายคาหยดลงมากระเด็นใส่คอของโกโก้ เธออดไม่ได้ที่จะย่นคอ แล้วเพิ่งจะสังเกตว่าโจวต้าเจิ้งยืนอยู่ข้างตัว
"คนของมณฑลล่ะ" โกโก้เบนสายตาออก
"ผู้การพาไปเลี้ยงข้าวอยู่" ต้าเจิ้งสำรวจด้านหลังของโกโก้ เธอกำลังแหงนหน้ามองฟ้า รอยบีบจางๆ บนคอปรากฏให้เห็น
"ไม่น่าเชื่อว่าตาเฒ่าจิ้งจอกนั้นจะยอมออกหน้า"
"เขาบอกว่าเขาไม่ว่าง กำลังประชุมอยู่ แต่จู่ๆ ผมนึกขึ้นมาได้ว่ามีพักร้อนครึ่งเดือนที่ยังไม่ได้ใช้สักวัน พอคุยถึงเรื่องนี้ เขาก็ว่างขึ้นมาทันที..."
โกโก้หัวเราะเบาๆ "เมื่อก่อนท่านผู้เฒ่าพูดอยู่เสมอ พวกคุณหน่วยอาชญากรรมฉลาดเป็นกรดทุกคน"
"ไม่หรอก ท่านผู้เฒ่าฉางสิสั่งสอนได้ดี เธออายุยังน้อยก็มีความสามารถชั้นเลิศแล้ว" ถึงขั้นปีศาจแล้ว ประโยคหลังนี้ติดที่คอของต้าเจิ้งไม่กล้าพูดออกไป กระแอมไปสองที พยายามทำสีหน้าเป็นทางการอย่างเวลาประชุม "แต่สวินเข่อหรัน เธอพูดผิดไปประโยคหนึ่ง ผมโจวต้าเจิ้งไม่ใช่ตำรวจที่ไม่มีศักดิ์ศรี"
โกโก้หันมา เงยหน้าจ้องไปที่เขา "พิสูจน์ได้ยังไง"
"ผมกะว่า...จะพักการสืบเรื่องของอวี๋เทาไว้ก่อน เธออย่าเพิ่งถลึงตาใส่ ฟังผมพูดให้จบ เธอเคยคิดบ้างหรือเปล่า อวี๋เทาเพิ่งถูกพวกเราจับเมื่อวาน วันนี้ทางมณฑลก็มารับคดีต่อ สาเหตุก็เพราะอวี๋ไหลเหอใช้เส้นสาย ถ้าไม่มีอวี๋ไหลเหอสักคน คดีของอวี๋เทาเกือบถูกตัดสินโทษได้แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์"
ตาของโกโก้เป็นประกาย "นายคิดจะสืบอวี๋ไหลเหอเหรอ"
ต้าเจิ้งยิ้มที่มุมปาก "ฉลาด"
โกโก้ก้มหน้าเช็ดมีดผ่าตัดในมือ "นี่ไม่ใช่งานของหน่วยอาชญากรรมนี่นา"
"ถ้างั้นก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักหน่วงของแผนกอื่นก็แล้วกัน" ต้าเจิ้งก้มมองโกโก้ไปทีหนึ่ง ปรายตาเห็นรอยช้ำที่ยังไม่หายที่ด้านหลังของคอ "อวี๋ไหลเหอทำงานได้ไวขนาดนี้ นอกจากใช้เส้นสายแล้วต้องใช้เงินไปไม่น้อย ซึ่งอาจเกิดการผิดพลาดในเวลาวุ่นวาย ขอเพียงผมสืบเจอว่าเงินที่เขาใช้ในการเดินเรื่องไม่ตรงกับรายได้ที่แท้จริง...นี่ เธออย่ายิ้มอย่างมีเลศนัยอย่างเดียวสิ เธอก็ไม่ได้ส่งหลักฐานทั้งหมดไปแต่โดยดีแน่นอน"
โกโก้หรี่ตาแล้วยิ้มแหะๆ "หัวหน้าโจว ฉันเพิ่งสังเกตว่านายก็มีสมองเหมือนกันนะ"
ต้าเจิ้งเลิกคิ้ว แต่ในใจปลื้มมาก
"ท่าวิ่งก็เท่นะ โดยเฉพาะเวลาวิ่งตามรถตำรวจ"
"ไสหัวไป ถ้าพูดถึงเรื่องนี้อีกผมเอาเธอตาย"
——————————————
"โอ๊ยตายแล้ว น่ากลัวจังเลย เสี่ยวเจ๋อนายมาเร็วๆ หัวหน้าพวกเรากับท่านหมอนิติเวชของพวกนายกำลังยิ้มอย่างมีเลศนัยด้วยกัน แม่เจ้าเว้ย น่าสยดสยอง..." ไป๋หลิงเกาะขอบหน้าต่างของทางเดินบนชั้นสี่ที่แผนกนิติเวชตั้งอยู่ กำลังใช้กล้องส่องทางไกลมองไปที่ด้านนอก "น่ากลัวใช่ไหม นายเห็นหรือยัง หือ นายเข่นเขี้ยวไปทำไม"
"เพราะผมเห็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมนะสิ" ซูเสี่ยวเจ๋อพูดอย่างแค้นเคือง
ซูเสี่ยวเจ๋อมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนโบราณจีน อาจารย์ที่ปรึกษาก็เป็นคุณอาที่มีนิสัยเหมือนสมุนไพรจีนที่ออกฤทธิ์อย่างช้าๆ ตอนที่เสี่ยวเจ๋อโวยวายที่จะมาฝึกงานที่แผนกนิติเวชนั้น คุณอาไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใดก็ส่งต่อให้โกโก้โดยดี คุณอาพูดยิ้มๆ อยู่เสมอว่า คนหนุ่มสาวนี่ ขอให้กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ เรียนอะไรก็เป็นการศึกษาเหมือนกัน เสี่ยวเจ๋อกำลังจะอุทานด้วยความซึ้งใจที่อาจารย์ที่ปรึกษาเข้าใจตน คุณอาก็พูดต่ออีกว่า ได้ข่าวว่าคนที่ไปฝึกงานกับสวินเข่อหรัน เก้าในสิบคนได้ศูนย์คะแนนแล้วร้องไห้กลับมา
ครั้งแรกที่ซูเสี่ยวเจ๋อเดินทางไปที่กองบังคับการเพื่อพบสวินเข่อหรัน คุณอาส่งเขาไปที่สถานีรถ โบกมือพลางพูดว่า สู้ๆ นะ หนุ่มน้อยที่แบกรับอาถรรพ์คำสาปของแผนกนิติเวช...
เวลานี้ คุณอาที่ปรึกษาที่อ่อนโยนและหลุดโลกกำลังมาพร้อมสายฝน ด้วยย่างก้าวที่อ้อยอิ่งเข้ามาที่ประตูของกองบังคับการ