ตอนที่แล้วตอนที่ 28: อยู่ให้ห่างไว้!!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 30: คีห์ในยานของเผ่าพันธุ์ซิริน่า

ตอนที่ 29: ความเชื่อของโซเฟีย


ตอนที่ 29: ความเชื่อของโซเฟีย

 

เฮเซคียาห์หาวอย่างกลั้นไม่อยู่ขณะเดินเข้าไปในห้องนอนของเมเดียน เมื่อคืนเมเดียนพาเขากลับมาที่บ้านตอนตีสี่ แล้ววันนี้เป็นวันพุธ เขาจำต้องตื่นมาแต่เช้าเพราะต้องทำงานบ้านหลายอย่างให้เมเดียนตามที่เคยตกลงกันไว้แต่แรก สิ่งแรกที่ต้องทำในเช้าวันนี้ คือการเอาผ้าในตะกร้าทั้งของตัวเองและของเมเดียนไปใส่เครื่องซักผ้าให้เรียบร้อย

 

เขาเข้าไปในห้องน้ำและก้มลงอุ้มตะกร้าผ้าของเมเดียนขึ้นมา เมื่อเขามองลงไปในตะกร้าผ้า ในนั้นส่วนใหญ่เป็นเสื้อคอกลมแขนสั้นสีขาว และกางเกงวอร์มสีน้ำเงินเหมือนเช่นเคย

 

“ฉันคิดว่าสบู่ในขวดหมดแล้ว เธออย่าลืมเติมนะ แล้วดูเหมือนเส้นผมกับขนของฉันจะร่วงอยู่บ้างบนพื้น ช่วยเก็บกวาดแล้วถูพื้นห้องน้ำให้ด้วย” เมเดียนมายืนเกาะขอบประตูห้องน้ำ ขณะที่เฮเซคียาห์กำลังหมุนกายจะกลับออกไป

 

เฮเซคียาห์อุทานอยู่ในอก ตกใจที่อีกฝ่ายโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง

 

“อ้อ ฉันคิดว่าเธอควรทำความสะอาดพื้น หลังทำอาหารเช้าให้ฉัน ฉันยังไม่เห็นมีอะไรที่โต๊ะกินข้าว” เมเดียนยกมือขึ้นลูบผมด้านหนึ่งที่เป็นสีทองของเขาให้เรียบลง และปัดผมอีกด้านที่เป็นสีดำของเขาอย่างตั้งใจให้มันเรียบลงเช่นกัน แต่มันกลับชี้ฟูไม่ต่างจากขนนกที่แขนของเขา

 

“ปกติคุณทานอาหารตอนแปดโมง ตอนนี้มันหกโมงเช้า” เฮเซคียาห์หมั่นไส้ที่อีกฝ่ายมาทำเป็นเร่ง

 

“เอาเหอะ ทำๆ มาให้ก่อน”

 

“แล้วคุณจะให้ซักชุดตัวนั้นด้วยไหม ที่สวมอยู่น่ะ” เฮเซคียาห์มองเสื้อคอกลมสีขาวตัวที่เมเดียนสวมอยู่

 

“ไม่ ฉันว่าจะใส่อีกวัน” คำตอบของเมเดียนไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่เฮเซคียาห์

นอกจากเมเดียนนิยมแต่งกายแบบเดียวกันทุกวันแล้ว ยังมีการใส่เสื้อซ้ำในบางวันด้วย บางครั้งเสื้อตัวหนึ่งก็ใส่ซ้ำๆ กันหลายวันจนกว่ามันจะเริ่มมีกลิ่นหื่นๆ นั่นแหละ เมเดียนถึงจะถอดใส่ตะกร้าผ้า

 

“แล้วตัวที่ใส่มาจากบ้านโซเฟียล่ะ อยู่ไหนแล้ว ตัวนั้นจะให้ซักให้ด้วยไหม” เฮเซคียาห์นึกถึงเสื้อยืดสีเหลืองที่เห็นเมเดียนใส่อยู่ก่อนแยกย้ายไปเข้านอนเมื่อคืน

 

“ฉันเอาไปวางคืนให้โซเฟียแล้ว เดี๋ยวเธอคงซัก แล้วเอาไปคืนเพื่อนบ้านเอง” เมเดียนยกมือขึ้นกอดอกแล้วพิงกับกรอบประตู เฮเซคียาห์มองที่คางของอีกฝ่ายแต่รับรู้ได้ว่าเมเดียนกำลังจ้องมองเขาอยู่ “อย่างที่ฉันบอก อย่าให้ฉันจับได้ว่าเธอไม่พยายามอยู่ห่างๆ โซเฟีย ถ้าไม่เชื่อที่ฉันบอก ฉันจะหักแขนเธอทุกครั้งที่เห็นเธอกับโซเฟีย”

 

“ผมเข้าใจ...” เฮเซคียาห์รับคำ

 

เขาเดินผ่านเมเดียน แล้วออกไปจากห้องนอนของอีกฝ่าย

 

พอลงมายังชั้นล่าง เฮเซคียาห์เดินเข้าไปทางห้องครัว ในนั้นมีเครื่องซักผ้าตั้งซ่อนอยู่ในมุมหนึ่ง ตะกร้าผ้าของเฮเซคียาห์วางหลบมุมข้างกัน เฮเซคียาห์เข้าไปเปิดฝาด้านบนตัวเครื่องซักผ้า แล้วเขาเทผ้าทั้งหมดในตะกร้าของเมเดียนลงไป ตามด้วยผ้าของเขา จากนั้นชายหนุ่มแค่ปิดฝาเครื่อง แล้วรอจนสัญญาณไฟสีแดงบนเครื่องเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาเปิดฝาเครื่อง แล้วเดินไปหยิบรีโมตอันเล็กที่อยู่บนโต๊ะสำหรับเตรียมอาหารตรงกลางห้องขึ้นมากด หุ่นยนต์ที่นิ่งสนิทอยู่บนชั้นข้างผนังขยับบินด้วยใบพัดตรงไปยังตะกร้าและเริ่มดึงผ้าในเครื่องซักผ้าออกมาพับใส่ตะกร้าให้เรียบร้อย

 

“เสร็จไปหนึ่ง” เฮเซคียาห์รำพึง

 

เขาเดินไปวางกระทะลงบนเตา เทน้ำมันถั่วลิสงลงไปเล็กน้อย แล้วกดปุ่มเครื่องปล่อยพลังงานความร้อนสำหรับประกอบอาหาร จากนั้นเดินไปเอาเบคอนจากตู้เย็นเพื่อใส่ลงไปในกระทะที่ร้อนฉ่าโดยไม่ต้องใช้ไฟ ทอดจนเบคอนสุกได้ที่ แล้วนำเบคอนจัดใส่จาน

 

ต่อมา เขาหยิบผักสดออกมาจากตู้เย็น จัดการคลุกเคล้ากับน้ำสลัดที่เขาแยกใส่ขวดแช่เย็นเตรียมไว้

 

เมื่อนำสลัดใส่จานโรยด้วยผลไม้อบแห้งและเมล็ดธัญพืช ภารกิจทำอาหารเช้าถือว่าเสร็จสิ้น เฮเซคียาห์วางจานอาหารเช้าของเมเดียนทิ้งไว้บนโต๊ะนั่งรับประทานอาหารใกล้หน้าต่างในห้องรับแขก แล้วเขาเดินฮัมเพลงขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ตั้งใจจะรีบทำความสะอาดห้องน้ำของเมเดียนให้เสร็จโดยเร็ว เพราะต่อจากนั้นยังมีคิวทำความสะอาดห้องอื่นๆ และรดน้ำต้นไม้ในเรือนกระจก

 

“รายงาน: งานบ้านต่างๆ เสร็จสิ้นตามกำหนดการ” บรอธทำให้เฮเซคียาห์มั่นใจว่าเขาไม่ได้หลงลืมทำบางอย่างในระหว่างวัน

 

เฮเซคียาห์จับคอเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมายังปลายคาง แล้วขยับไปปิดหน้าต่างซึ่งบานกระจกตอนนี้ใสแจ๋วเป็นประกาย เขาเคลื่อนกายถอยไปทางด้านหลังเพื่อบิดกายไล่ความเมื่อยขบ และยิ้มร่าก่อนจะหมุนตัวเพื่อเอาผ้าเช็ดกระจกในมือไปซักให้เรียบร้อย

 

เครื่องซักผ้าอันเดิม ใช้เวลาแค่ไม่ถึงนาที ก็ทำให้ผ้าขี้ริ้วเก่าๆ กลับมาสะอาดและแห้งสนิทได้

 

“เสร็จจริงๆ สักที” เฮเซคียาห์สบายใจ ม้วนผ้าเก็บรวมกับผ้าอื่นๆ ที่ใช้เช็ดทำความสะอาดพวกชั้นวางของในห้องครัว

 

“นายดูชินกับงานพวกนี้แล้วนะ” บรอธชวนเขาคุย “รายงาน: ระยะเวลาในการทำงานบ้านทั้งหมด 4 ชั่วโมง 12 นาที เร็วกว่าวันพุธที่แล้ว 13 นาที”

 

“ก็ไม่ได้ยาก บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร” เฮเซคียาห์มองไปรอบห้องครัว และเดินออกทางประตูที่เชื่อมต่อไปยังหลังบ้าน เมื่อเขาเดินออกมา รอบด้านมีต้นไม้ปลูกไว้ มีทั้งต้นมัลเบอร์รี่ ต้นพลับ ต้นทับทิม และสารพัดต้นไม้ซึ่งดูเหมือนพวกมันไม่ได้ออกดอกและติดผลตามฤดูกาล

 

เฮเซคียาห์หมุนกายกลับไปมองตัวบ้าน บ้านของเมเดียนมีสองชั้น ตัวบ้านทำด้วยอิฐสีส้มมันสวย ขณะที่หลังคามุงกระเบื้องสีน้ำตาล โทนสีกลมกลืนกับอิฐสีส้มของตัวบ้าน กรอบหน้าต่างทุกบานทั่วตัวบ้านทาสีน้ำตาลแก่เช่นเดียวกับประตู ตามขอบหน้าต่างและขอบประตูก่อด้วยปูนสีขาวขนาบซึ่งตัดกับสีส้มของตัวบ้านเสริมให้บ้านแลดูมีชีวิตชีวา

 

“ฉันถามหน่อยนะคีห์ นายชอบโซเฟียหรือเปล่า ฉันรับรู้ได้ว่าหัวใจนายเต้นแรงตอนเจอเธอ” บรอธสนทนาด้วยขณะที่เฮเซคียาห์กำลังออกเดินต่อด้วยก้าวสั้นๆ “นอกจากนี้หัวใจของนายยังเต้นแรงตอนพูดถึงเธอ หรือได้ยินเมเดียนพูดถึงเธอ”

 

“เข้าใจอะไรผิดแล้ว” เฮเซคียาห์สั่นศีรษะ เขาปิดประตูหลังบ้านลงตามหลัง

 

“แน่นะ”

 

“ทำไมถึงสงสัย มันสำคัญอะไรกับแก ฉันชอบหรือไม่ชอบลูกเสี้ยวมัสตินคนนั้น” เฮเซคียาห์หยิบแอปเปิลจากตะกร้าในครัวขึ้นกัด

 

“ฉันอยากเชียร์นาย เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ และคงไม่แก่เร็ว แล้วตายทิ้งนายให้อยู่โดดเดี่ยวเป็นร้อยๆ ปีในโลกใบนี้”

 

เฮเซคียาห์หัวเราะ เขากำลังคิดว่าบรอธช่างเหลวไหลไร้สาระที่มาคิดว่าเขาควรมีคู่ชีวิตในเวลานี้

 

“เธอเห็นฉันเป็นเพื่อน และสำหรับฉัน ฉันเองก็คิดว่าเธอเหมาะเป็นเพื่อนมากกว่า” เฮเซคียาห์กัดแอปเปิ้ลเข้าไปอีกคำ เคี้ยวกร้วมๆ “อีกอย่างหนึ่งแกได้ยินอยู่กับหูว่าเมเดียนห้ามไม่ให้ฉันเข้าใกล้โซเฟีย เรื่องระหว่างฉันกับเธอ มันไม่ควรเกิดขึ้น ฉันเองไม่อยากมีภาระระหว่างเดินทางด้วย เธอจะเป็นภาระให้ฉันมากกว่าจะเป็นประโยชน์”

 

บรอธเงียบ เฮเซคียาห์โยนแกนแอปเปิลที่เหลือใส่ถังขยะ และเดินกลับขึ้นไปยังชั้นสองที่มีห้องนอนซึ่งเมเดียนอนุญาตให้เขาใช้ได้เหมือนเป็นห้องตัวเอง

 

พอถึงในห้อง เขาถอดรองเท้าออก เปลี่ยนไปใส่รองเท้าสำหรับใส่ในบ้าน และปลดเปลื้องเสื้อผ้าเพื่อเข้าห้องอาบน้ำ ไปชำระร่างกาย ระหว่างยืนอยู่ใต้สายน้ำที่ไหลซู่ซ่ามาจากบนเพดาน เฮเซคียาห์ลูบไล้ศีรษะของเขาพร้อมกับคิดถึงการแบ่งเศษไลฟ์ควอตซ์ของเขาให้กับโซเฟีย ดูเหมือนก่ำกึ่งระหว่างทำได้และทำไม่ได้ ความเชื่อของโซเฟียขัดแย้งกับคำปฏิเสธว่าทำไม่ได้ที่เขาได้รับจากเมเดียนเมื่อคืน

 

 

 

“เธอเห็นฉันแล้ว และกำลังเดินมาทางนี้” เฮเซคียาห์ชิงพูดกับบรอธ ก่อนบรอธจะทันรายงานเขา

 

สายตาของเฮเซคียาห์จับจ้องมองโซเฟียเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ วันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงยีนส์ยาวคลุมเข่า แขนเสื้อทั้งสองข้างถูกพับไว้เหนือต้นแขน เท้าของเธอสองข้างสวมรองเท้าสีขาวที่ดูคล้ายร้องเท้าผ้าใบซึ่งน่าจะผลิตจากโรงงานที่อยู่ฝั่งทิศตะวันออกของหมู่บ้านติดกับป่าไม้ยางพารา

 

“ฉันนั่งด้วยได้ไหม” เธอทรุดตัวลงนั่งก่อนเขาเอ่ยปากอนุญาต และวางบั้นท้ายลงบนขอบถนนริมทะเลสาบเคียงข้างเฮเซคียาห์

 

ชายหนุ่มเพิ่งเจอเข้ากับที่นี่วันนี้ ขณะเดินไปอย่างไร้จุดหมายทั่วหมู่บ้าน ตรงจุดนี้ไม่มีราวกั้นถนนข้างทะเลสาบ ดังนั้นเขาจึงสามารถนั่งรับลมจากทะเลสาบได้อย่างสบาย

 

“เมเดียนบอกคุณหรือเปล่าว่าเขาขู่จะหักแขนผมทุกครั้งที่เราเจอกัน” เฮเซคียาห์เตือนโซเฟียให้รู้ว่าเขากำลังเสี่ยงกับอะไร

 

“คุณกลัวเหรอ มันเจ็บ แต่ก็ไม่ได้เจ็บจนคุณรับไม่ไหวสักหน่อย”

 

“ไม่ได้กลัว แต่ผมก็คิดว่ามันไม่คุ้มที่จะเจ็บตัวเพื่อแลกกับการได้เจอคุณ”

 

“แต่คุณต้องมาที่เซนต์กิลเจน มาทำงานกับอัลฟ่าฯ ต่อให้คุณไม่อยากเจอฉัน แต่ฉันอยากเจอคุณและจะหาคุณเจอ คุณจะหนีไปไหนในหมู่บ้านนี้ก็ต้องเจ็บตัว” โซเฟียหันมายิ้มให้เฮเซคียาห์ รอยยิ้มแฝงความดื้อรั้น และไม่สนใจผลกระทบด้านลบที่จะเกิดจากการกระทำของตัวเองต่อผู้อื่น “เลิกกลัวอัลฟ่าฯ เถอะ เผชิญหน้ากับเขา แล้วช่วยฉันออกไปจากที่นี่”

 

“ยังไง” เฮเซคียาห์เลิกคิ้ว

 

“จริงๆ ฉันอยากได้เศษไลฟ์ควอตซ์จากคุณก่อน ถ้าหากว่าคุณยินยอม แต่คุณช่วยฉันคิดได้ไหมว่าเราควรพูดหรือทำอย่างไร อัลฟ่าฯ ถึงจะยอมช่วยดึงเศษไลฟ์ควอตซ์จากคุณออกมาให้ฉัน”

 

“คุณอาจเข้าใจผิดเรื่องนี้ เมเดียนบอกผมว่าความคิดของคุณผิดพลาด เขาเอาเศษไลฟ์ควอตซ์จากผมออกมาแบ่งให้คุณไม่ได้” เฮเซคียาห์อยากให้อีกฝ่ายหยุดเชื่อว่าจะได้สิ่งที่เขามีไว้ในครอบครอง

 

“แต่ฉันคิดว่าเขาทำได้ เขาแค่ไม่อยากให้ฉันออกไปจากที่นี่ เลยบอกคุณไปแบบนั้น” โซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความน้อยใจ “เขาเคยบอกฉันว่า จะออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่เมื่อวาน เขาบอกฉันว่าเขาไม่เคยอยากให้ฉันออกไป เขาเป็นคนโกหก

 

“คุณดูไม่ชอบใจกับการที่เขาปกป้องคุณมาก อยากออกไปจริงๆ สินะ จากหมู่บ้านแห่งนี้” เฮเซคียาห์อยากเข้าใจอีกฝ่าย แต่เขาไม่ได้เป็นโซเฟียที่เกิดและเติบโตที่นี่ เขาต้องใช้คำถามเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจของเธอ “ทำไมมันถึงสำคัญนักที่ต้องได้ออกไป”

 

“ฉันอาจควรอยู่ที่นี่ แต่ฉันไม่อยากตายที่นี่โดยที่ไม่ได้เห็นโลกในความเป็นจริง ฉันเคยอ่านหนังสือจากร้านหนังสือ และรู้ว่าข้างนอกมีโลกที่ต่างออกไป” โซเฟียยกมือสองข้างของเธอเหยียดตรง แบมือสองข้างออกไปด้านหน้า ปลายนิ้วมือในมุมมองของสายตาเสมอกับยอดของภูเขา “แม้ฉันต้องตาย ฉันก็พอใจถ้าได้เห็นที่นั่นก่อน บางทีต่อให้ไม่สามารถใช้ไลฟ์ควอตซ์เพื่อช่วยให้มีชีวิตรอดไปยาวนาน ฉันก็ยังอยากให้คุณพาฉันออกไป”

 

“อยู่ข้างนอกนั่น คุณต้องแข็งแกร่ง คุณเคยต่อสู้กับใครเพื่อเอาชีวิตรอดไหม” เฮเซคียาห์สงสัยว่าผู้หญิงตัวเล็กแบบบางและดูอ่อนต่อโลกจะรอดในโลกภายนอกที่โหดร้ายได้อย่างไร มันดูเหมือนเมเดียนมีเหตุผลหนักแน่นว่าโซเฟียสมควรอยู่ในเซนต์กิลเจนที่เขาสร้างเอาไว้

 

“ไม่เคย แต่เรื่องพวกนี้ ทุกคนต้องเคยฝึกมาทั้งนั้น”

 

“อ้อ คุณคงไม่เคยฝึก แล้วก่อนหน้านี้คุณเคยบาดเจ็บถึงตายหรือเปล่า” เฮเซคียาห์อมยิ้ม มองอีกฝ่ายทางหางตา

 

“ก็ไม่ แต่ทำไมล่ะ?” โซเฟียหันมาตอบ

 

มือของเฮเซคียาห์เคลื่อนไหวรวดเร็ว ฉกและบีบคอของโซเฟียแน่น

 

“อัก!” โซเฟียส่งเสียงอึกอัก พยายามดิ้นรน ดวงตาของเธอเบิกโพลงอย่างไม่เข้าใจที่เฮเซคียาห์มุ่งร้ายต่อเธออย่างกะทันหัน มือของเธอสองข้างพยายามแกะมือของเฮเซคียาห์ที่บีบแน่นรอบคอของเธอ

 

กรี๊ด!” เธอร้องเสียงหลงเมื่อมือของเฮเซคียาห์หลุดจากคอของเธอ ร่างของเธอลอยไปในอากาศ ถูกโยนไปยังบนถนนด้านหลัง

 

เฮเซคียาห์กระโจนไปคร่อมร่างของโซเฟีย และจับแขนของเธอหักบิดอย่างรวดเร็ว

 

กร๊อบ!!!

 

เสียงกระดูกหักดังเข้าหูของเฮเซคียาห์ เช่นเดียวกับเสียงกรีดร้องแหลมเล็กของโซเฟีย น้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม ผมเผ้าหลุดลุ่ย เธอมองหน้าเฮเซคียาห์อย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าเขาสามารถทำร้ายเธอได้ลง

 

เฮเซคียาห์ลุกจากร่างของเธอ และยืนขึ้นจ้องเธออยู่

 

“คุณ! คุณทำร้ายฉัน...” เธอเสียงระโหย แก้มเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา

 

“เจ็บใช่ไหม นั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องเผชิญเมื่อออกไปสู่โลกของความเป็นจริง และถ้าคุณได้รับบาดเจ็บในลักษณะขาดวิ่น เนื้อ กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเสียหายหนักเกินกว่าจะเชื่อมต่อกันเองได้ หรือหัวขาดไป คุณก็ได้ตายจริงๆ แน่ เพราะคุณไม่มีไลฟ์ควอตซ์ ต้องเจอความเจ็บปวดขนาดนี้ คุณยังอยากออกไปจากที่นี่อีกเหรอ”

 

“ใช่” โซเฟียพยักหน้า “ฉันแค่อยากออกไปจากที่นี่ จะตายก็อยากออกไป”

 

เฮเซคียาห์ยิ้ม เขาโน้มกายก้มลงมาแล้วยื่นมือให้โซเฟีย

 

เธอมองเขาอย่างสับสน ก่อนยกมือข้างที่ไม่หักขึ้นมาจับมือของเขา เธอคงคิดว่าเขาจะดึงเธอให้ลุกขึ้น

 

แต่สิ่งที่เฮเซคียาห์ตั้งใจเอาไว้ คือหักข้อมือของเธอ ตามด้วยการหักแขนของเธอข้างนั้น จากนั้นเขาก็หักขาของเธอทั้งสองข้าง แล้วเขาก็ยืนมองดูเธอนอนครางโอดโอยอยู่บนพื้น ตอนนี้ความเจ็บปวดคงทำให้โซเฟียขาดสติไปแล้ว เธอทั้งสะอึกสะอื้นและด่าทอเขาด้วยถ้อยคำที่เขาไม่เคยอยากได้ยินจากปากของเธอมาก่อน แล้วร่างของเธอก็สะเทิ้นกระตุกในบางขณะ

 

“ถ้าผมจำไม่ผิด ชาวมัสตินในสมัยก่อนจะหายจากอาการกระดูกหักได้เองใน 12 ชั่วโมง ผมจะทิ้งคุณให้อยู่ตามลำพังตรงนี้ นี่คือความน่ากลัวอย่างหนึ่งของโลกภายนอก เรียกว่าการถูกทอดทิ้ง” เฮเซคียาห์ไม่แลตามองโซเฟียอีก เดินผ่านร่างของเธอไป

 

โซเฟียตะโกนเรียกเขา บอกให้เขาหยุด สั่งให้เขากลับไปหาเธอ แต่เฮเซคียาห์ไม่ลังเลที่จะออกเดินต่อ

 

เส้นทางนี้มีคนสัญจรผ่านมาน้อย ถนนในจุดนี้จะนำขึ้นไปสู่ภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเฮเซคียาห์เข้าใจว่าบนนั้นมีจุดชมวิวและโรงงานกำเนิดไฟฟ้าจากพลังงานลม ถ้าโชคดีอาจมีคนมาพบเธอและพาเธอออกจากถนนเพื่อกลับไปพักฟื้นที่บ้าน แต่ถ้าเธอโชคร้าย โซเฟียอาจถูกปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่กับความเจ็บปวดและครุ่นคิดถึงความโหดเหี้ยมของเขา คนที่เธอเคยเชื่อว่าจะเป็นที่พึ่งได้ในการเดินทาง

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด