ตอนที่แล้วตอนที่ 27 วันว่าง ณ ตำหนักโมโมะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29 ในกรอบสี่เหลี่ยม

ตอนที่ 28 อาวุธของลินจิ


ตอนที่ 28 อาวุธของลินจิ

 

…นี่มันกลิ่นอะไรกัน

คำถามผุดขึ้นในใจ แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ คิ้วหนาดกดำขยับเข้าหากันทันที

ชุนพักอยู่ในห้องยาตั้งแต่เมื่อคืน ตอนเช้าตื่นขึ้นมากินข้าวต้ม จากนั้นก็หลับต่อจนถึงช่วงสาย ตื่นอีกครั้งก็ได้กลิ่นน้ำลายบูด แต่พอดมหมอนเพื่อหาต้นตอ ปรากฏว่าไม่ใช่ หรือเพราะร่างกายอ่อนล้าจากการต่อสู้ การรับรู้กลิ่นจึงเพี้ยนไป

คิดไปก็เหม็นไป ชุนเริ่มทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นมา

“ฮึ้ย!”

เสียงทุ้มฟังดูหงุดหงิด กล้ามเนื้อบนใบหน้ายึดเกร็งราวกับเป็นตะคริว

“…”

เมื่อก้มมองเตียงก็พบผ้าคลุมสีดำซึ่งเป็นของดูต่างหน้าของมารดา แม้ผ้าคลุมนี้สามารถสลายเวทมนตร์ได้อ่อน ๆ แต่เขาก็เลี่ยงที่จะใช้งาน มือหนาสัมผัสยกผืนผ้าขึ้นมาช้า ๆ สูดดมอย่างคิดถึงหวนย้อนวันวาน

“…!”

ใบหน้าหล่อเหลายู่ยี่ยับเยิน นี่มันกลิ่นอะไรกัน เหม็นเน่าราวกับผ้าเช็ดโต๊ะที่ไม่ได้ซักมานานปี จังหวะนั้นโมโมะก็เดินเข้ามาในห้อง

“ว๊าย!”

เธอร้องกรี๊ด ยกมือหนึ่งทาบแก้ม แต่เมื่อเห็นใบหน้าของชุน สีหน้าตกใจเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ศิษย์ของเธอโตเป็นหนุ่มแล้ว หน้าตาเหยเกที่จ้องมองผ้าคลุมของมารดาช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“นี่! ทำไมมันถึงเหม็น ท่านรู้หรือไม่”

นิ้วชี้กับนิ้วโป้งใหญ่ ๆ คีบผ้าคลุมยื่นออกมาแล้วสะบัด ๆ น้ำเสียงและท่าทางราวกับเด็กเอาแต่ใจ

“ตายจริง…”

มือหนึ่งทาบแก้มอยู่ก่อนแล้ว อีกมือหนึ่งก็ยกประกบตาม เธอหมุนตัวหันหลังจนเดรสสีดำพลิ้วบานออกเป็นวงกว้างอยู่หน้าประตู เมื่อวานตอนที่ถูกเพกัสเลียหน้า โมโมะก็เผลอใช้ผ้าคลุมผืนนั้นเช็ด โดยลืมคิดไปว่าเป็นของสำคัญ แต่ที่เธอหันหลังไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น ศิษย์ของเธอเป้ากางเกงขาดอยู่ตรงหน้า ถึงจะเคยเห็นสมัยเด็กอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ชุนก็โตแล้ว

“อะไรของท่าน!”

เสียงแข็งดังจากด้านหลังของโมโมะ

“ปะ…เปล่าจ้า”

ใบหน้าขาวซีดเปลี่ยนเป็นแดงซ่าน

“นี่…เดี๋ยว!”

เรียกไม่ทันขาดคำ โมโมะก็เดินจากไป

ขณะที่ชุนจ้องตามชายกระโปรงสีดำจนลับตา เมื่อก้มมองลงมาก็พบกางเกงในสีขาวของตนอวบอูมออกจากช่องกางเกง

“…!”

ใบหน้าค่อย ๆ แต้มด้วยสีชมพู เริ่มจากแก้ม ใบหู จากนั้นก็ลามถึงคอ เขาอายที่เป้ากางเกงขาด อีกทั้งกลิ่นเหม็นเน่าปริศนาก็โชยมาไม่หยุด เมื่อสิ่งจิปาถะไม่เป็นเรื่องเข้ามารุม เส้นเลือดปนขมับก็ปูดขึ้นมา

“โธ่เว้ย!”

ฝ่ามือหนาปิดใบหน้าแดงซ่าน ราวกับเด็กที่เพิ่งผ่านการสารภาพรักมาครั้งแรก ความอับอายยังวนเวียนในหัว กลิ่นเหม็นเน่าจากผ้าคลุมเข้ามาแทรกเป็นระยะ ๆ

“อึ๊ย!”

ชุนส่งเสียง เบ้หน้า ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทันที

ระหว่างเดินไปห้องอาบน้ำ ประตูบานสุดท้ายซึ่งเป็นห้องที่ลินจิพักอยู่ก็แง้มเปิดออกมาจากด้านใน

“…!”

ชุนใช้มือขวาดันประตูกลับเข้าไปทันที

“อ๊าย!”

เสียงของยูมิดังลอดออกมาพร้อมกับเสียงของแข็งกระทบกับประตูดัง…ปัก สองเสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกัน ได้ยินเช่นนั้นชุนจึงรู้ได้ว่า ยูมิกลับมาแล้ว แต่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เขาไม่มีเวลามาเสวนาด้วยหรอก สองเท้ารีบเร่งก้าวปึงปังตรงไปห้องอาบน้ำทันที

เสร็จสิ้นการชำระล้างมลทินในห้องอาบน้ำ ชุนก็คาดผ้าขาวบางรอบเอวรีบเดินกลับมายังห้องยา พบว่ามียูกาตะสีดำเตรียมไว้อยู่ก่อนแล้ว จึงคว้ามาสะบัดก่อนจะคลุมร่างสูงกำยำ

“กรี๊ด…!”

ยังไม่ทันได้พักหายใจ เสียงกรีดร้องของหญิงสาวราวใกล้สิ้นใจก็ดังขึ้น เสียงมาจากด้านหน้าของตำหนัก มือขวาคว้าดาบตามสัญชาตญาณ แต่ก็ต้องพบว่า ‘ดาบกระดูกเทพ’ ไม่ได้อยู่กับตน

ถึงจะกังวลกับเรื่องดาบ แต่เขาไม่มีเวลาให้คิดแล้ว อาจมีคนกำลังตกอยู่ในอันตราย

“ว๊าย…”

เสียงกรีดร้องยังดังโหยหวนไม่หยุดหย่อน

ขณะที่สงสัยว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น คิ้วหนาก็ขยับเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม สองเท้าก้าวออกจากห้องยาทันที

มาถึงบริเวณด้านหน้าตำหนัก ก็พบโมโมะกำลังวิ่งหนียูมิ ทั้งคู่วนรอบโต๊ะอาหารเป็นวงกลม

“พวกเจ้า! ทำบ้าอะไรกัน!”

วินาทีที่ชุนตะคอก โมโมะก็ก้าวพลาดเหยียบชายกระโปรงล้มลงไป เช่นนั้นยูมิซึ่งไล่ตามจึงหยุดไม่ทัน เธอร้อง “ว๊าย” สั้น ๆ ก่อนล้มลงไปกองบนพื้นอีกคน ชุนก็วางมือทาบหน้าผากทันที

“อ๊าย…!”

โมโมะกรี๊ดเสียงดัง ดิ้นทุรนทุรายบนพื้นราวกับถูกน้ำร้อนสาด ขณะนั้นยูมิก็ถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือ

“ยูมิ หยุด!”

“อ๊ะ…”

เมื่อชุนคำรามเสียงต่ำ พวกเธอก็ยอมหยุดแต่โดยดี จากนั้นจึงลุกขึ้นก้มหน้าราวกับเด็กน้อยสำนึกผิดทั้งสองคน

“คือ ยูมิเอาของฝากมาให้ท่านโมโมะน่ะค่ะ แต่เธอก็วิ่งหนีราวกับอีกาโดนเผา”

“ใครเป็นอีกากันยะ”

“ยูมิเปรียบเปรยค่ะ แต่ถ้าคิดว่าใช่ ท่านจะรับว่าตนเป็นอีกา ข้าก็ไม่ถือสา”

“หน็อย!”

“อ๊าย!”

ยูมิกรีดร้องกางแขนตะลีตะลานเมื่อถูกเงื้อมมือปีศาจอีกาบีบคอ ชุนส่ายหน้ารัว ๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก ตอนนั้นก็เผลอคิดไปว่าชุดดำ ๆ ของโมโมะก็ดูเป็นปีศาจอีกาได้เหมือนกัน

“นั่นมัน…”

ชุนเพ่งมองสิ่งของปริศนาในมือของยูมิ พออีกฝ่ายหน้าเขียวโมโมะจึงปล่อยมือ ก่อนจะวิ่งเข้ามาหลบด้านหลังชุน

“ชุนดูยัยบ้านั่นสิ หล่อนจะเอาขาตะขาบมาแปะเปลือกตาข้า”

โมโมะพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว อ้าปากค้างไว้พักหนึ่ง ก่อนจะหุบลงด้วยมุมปากโค้งคว่ำ

ได้ยินเช่นนั้นยูมิก็ขมวดคิ้ว ทำแก้มป่อง บอกอย่างงอน ๆ ว่า…

“ตีนตะขาบที่ไหนกันคะ เค้าเรียกขนตาปลอมค่ะท่านโมโมะ ถูกอีแร้งจิกกินลูกตาไปแล้วหรือไงคะ”

ชุนเริ่มปวดหัวกับสองสาวที่กำลังทะเลาะกัน จึงเดินปึงปังลากเก้าอี้ออกมานั่งอย่างไม่สนใจ ตอนนั้นทั้งสองก็ยกมือทาบอกในท่าเดียวกันแล้วหันมองชุน

“เห็นดาบข้าบ้างไหม!”

น้ำเสียงดุดันคำรามสยบสถานการณ์เมื่อครู่ให้สงบลง ชุนมีหลายเรื่องที่สงสัย

อย่างแรกคือ ดาบของตนหายไปไหน

อย่างที่สอง คือ ในเมื่อยูมิกลับมา แปลว่าเทพเจ้าตนนั้นต้องได้อาวุธประจำกายมาแล้ว คิดเช่นนั้นตนก็อยากรู้ว่าอาวุธประจำกายที่ว่านั่นคืออะไร

“อ๊ะ… อย่างนั้นยูมิขอไปหาท่านเทพในสวนดอกไม้ก่อนนะคะ”

“ไม่ต้อง!”

เสียงพ่อเสือดังขึ้นอีกครั้ง ยูมิที่กำลังก้าวขาถึงกับต้องหยุดกึกแล้วหันมายิ้มเจื่อนทันที

เมื่อทั้งสองเห็นสีหน้าของชุนจริงจัง บรรยากาศโดยรอบพลันเปลี่ยน อารมณ์ของคนเราสามารถสื่อถึงกันได้ คล้ายกับโรคติดต่อ ถ้าอีกคนยิ้มให้ เป็นไปได้ว่าอีกคนจะยิ้มตอบ ถ้าอีกคนหดหู่ โกรธ หรือเศร้า ก็มีแนวโน้มที่คนรอบข้างจะเป็นเช่นเดียวกัน แม้ชุนจะทราบเรื่องนั้นดีเพราะเคยฝึกฝนจิตใจมาบ้าง แต่เขาก็จงใจทำให้บรรยากาศเป็นเช่นนี้ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ถามเรื่องสำคัญสักที อีกอย่างก็เพื่อให้โมโมะและยูมิหยุดทะเลาะกัน

“ดาบของข้าอยู่ไหน!”

พอชุนถามอีกครั้ง ทั้งคู่ก็เข้ามานั่งล้อมโต๊ะกลม

โมโมะเปลี่ยนมานั่งไขว่ห้าง ตั้งศอกเท้าคางด้วยหลังมือ ส่วนยูมิก็ยืดหลังตรง เชิดหน้า ปรายตามองโมโมะครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับตัวปรับท่านั่งอีกครั้ง พลางใช้หลังมือปัดมัดผมดำยาวไปโดนหน้าคนข้าง ๆ

โมโมะแยกเขี้ยวแล้วเดาะลิ้นดัง “จิ๊” อย่างไม่พอใจ

ชุนเห็นทั้งคู่ไม่หยุดจึงคำรามในคอ เช่นนั้นทั้งสองจึงหันหน้ามา จากนั้นโมโมะก็เอ่ยว่า…

“ดาบของเจ้าหรือ ข้ารู้สึกเหมือนมีพลังเวทอื่นแทรกเข้ามา เกรงจะเป็นอันตรายจึงเก็บไว้ให้”

เธอปรับน้ำเสียง ภาษา และสีหน้าเป็นจริงจัง เรื่องดาบของชุนเธอทราบตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ใช่เฉพาะดาบ เธอสัมผัสได้ว่าพลังเวทในตัวชุนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

“อย่างนั้นหรือ”

มือหนาจับคางพลางครุ่นคิด ขณะนั้นโมโมะก็กล่าวต่อ…

“ท่านเทพเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว เจ้าประมือกับเทพบุตรคิกิมาอย่างนั้นหรือ”

ชุนพยักหน้า ตอนนั้นยูมิก็มองทั้งสองคุยกับตาปริบ ๆ

“เป็นไปได้ว่าพลังของเทพบุตรคิกิอาจจะแทรกเข้ามาในตัวเจ้า แต่ด้วยศักยภาพที่เจ้ามีตอนนี้ ข้าเกรงว่า หากเจ้าไม่สามารถควบคุมพลังนั้นได้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต”

“หมายความว่าท่านชุนสามารถใช้เวทแบบใหม่ได้อย่างนั้นเหรอคะ”

เมื่อทุกสายตามองไปทางโมโมะอย่างเฝ้ารอคำตอบ เธอก็ส่ายหน้า จากนั้นจึงแบมือทั้งสองขึ้นมาระดับอก เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาครู่หนึ่ง

พอแสงดับลง ‘ดาบกระดูกเทพ’ ก็ปรากฏขึ้นมา

“ข้าแค่รู้สึกว่าพลังของเจ้าและดาบเล่มนี้เปลี่ยนไป นอกจากนี้ก็ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ถ้าอยากได้คำตอบ เจ้าลองนำดาบเล่มนี้ไปถามท่านจิฮาดะที่เกาะยุยซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกดู ท่านผู้นั้นตีดาบในตำนานมาหลายเล่มแล้ว”

ว่าแล้วโมโมะก็ประคองดาบด้วยสองมือยื่นมาด้านหน้า

“เอ่อ…”

เหมือนชุนจะถามอะไรสักอย่างแต่เขาก็เงียบปากไป จากนั้นก็รับดาบด้วยมือขวา โมโมะเห็นท่าทางอึกอักเมื่อครู่ของศิษย์ จึงเอ่ยปากถาม

“เมื่อกี้เจ้าจะถามอะไรข้ารึเปล่าชุน”

ชุนพยักหน้า

“ข้าสงสัยว่า ท่านรู้จักผู้คนที่อาศัยอยู่นอกเขตแดนกักกันนี้ได้อย่างไร ก็ท่านออกไปไม่ได้นี่”

ยูมิสงสัยเช่นกัน จึงร้อง “เอ๊ะ” ออกมา

โมโมะสลับไขว้ขา ขยับปรับท่านั่งครู่หนึ่ง ยกยิ้มก่อนตอบว่า…

“ท่านจิฮาดะไม่ใช่มนุษย์ เจ้าไปแล้วจะรู้เอง”

“ว๊าย…ปีศาจเหรอคะ”

ยูมิยกมือซ้ายทาบอก สีหน้าดูหวาดกลัว

“ไม่ใช่หรอก”

โมโมะกล่าวพลางส่ายหน้าช้า ๆ

“ข้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาเป็นอะไร โดยเนื้อแท้นั้นเป็นมนุษย์ แต่เวลาล่วงเลยไปกว่าร้อยปีก็ยังมีข่าวคราวของเขาแว่วหูอยู่บ้าง เกรงว่าอาจจะเป็นอย่างอื่น”

“ข้าจะลองไปถามดู”

ชุนกล่าว จากนั้นก็หันไปทางยูมิ

“เจ้านำอาวุธของเทพเจ้ากลับมาจากสวรรค์แล้วอย่างนั้นหรือ”

“เอ๊ะ…”

สีหน้าของยูมิบอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ คืออะไร เห็นท่าทีเช่นนั้นชุนจึงถามเพิ่ม

“หมายความว่าอย่างไร”

“มันคืออาวุธเหรอคะ ยูมิไม่ค่อยเข้าใจท่านเทพด้วยสิ”

ทั้งสามคนหันมองลินจิในสวนดอกไม้จากไกล ๆ

ร่างเล็กในชุดยูกาตะสีขาวกับผมดำสะท้อนแสงอาทิตย์กำลังนั่งอยู่อย่างสบายใจ มองผ่าน ๆ ก็คล้ายกับดอกไม้ไหว้คนตายสีขาวดำ

“เดี๋ยวข้าจะลองไปถามดู”

ว่าแล้วชุนก็ลุกขึ้นจากวงสนทนา พร้อมตรงดิ่งไปหาเทพเจ้าผู้สร้างโลกทันที

ขณะเดินผ่านเงาหลังคา ก็ได้ยินเสียงโมโมะกระซิบแว่วจากด้านหลัง

“นี่หล่อน… รู้เรื่องพี่สาวของเธอรึยัง”

“เอ๊ะ! พี่ยูเหรอ”

ได้ยินเช่นนั้น ชุนก็หยุดเดิน ก่อนจะหันมาปรายตามอง

โมโมะเห็นตายักษ์ตามารจึงสะดุ้งร้อง “ว๊าย!” รีบปิดปาก

ชุนเขม็งตาอีกหน ก่อนจะตรงไปยังสวนดอกไม้อย่างไม่สบอารมณ์ แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดจึงต้องหงุดหงิด แต่การที่ได้ยินคนอื่นพูดถึงชื่อคนรัก ความคิดถึงก็ผุดขึ้นในใจอย่างห้ามไม่ได้

ระยะห่างจากตำหนักไปยังสวนดอกไม้ไม่ไกลนัก แสงแดดยามสายสาดส่องต้นหญ้าและดอกไม้ดูงดงามสดชื่น

ระหว่างนั้นลินจิก็กำลังนั่งเฝ้าพาวเวอร์แบงค์อย่างใจจดใจจ่อ เขาดีใจที่จะได้ชาร์จแบตฯ สมาร์ตโฟนสักที

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ลินจิก็เหลียวหน้าไปมอง…

ชุนสวมยูกาตะสีดำ ไม่ได้ใส่ชุดเต็มยศที่ดูอึดอัดเหมือนทุกครั้ง ลินจิอ้าปากพะงาบเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เงียบ ครั้งก่อนเขาดันโกหกชุนไปว่า ตนฝากให้ยูมินำอาวุธกลับมาจากสวรรค์ หากถูกจับได้ว่าไม่มีอาวุธที่ว่า ชุนคงต้องโกรธแน่ ๆ

คิดได้เช่นนั้นลินจิจึงรีบหันกลับไปเก็บพาวเวอร์แบงค์ทันที

ชุนขมวดคิ้วเพ่งดู เห็นฝ่ายนั้นทำท่าราวกับโจร ซ่อนของอะไรอยู่น่ะ

“เจ้าทำอะไรอยู่”

ลินจิรีบเก็บพาวเวอร์แบงค์ไว้ในยูกาตะ ซุกไว้ที่ท้องใกล้กับผ้าคาดเอว ก่อนจะสะดุ้งลุกขึ้นแล้วหันมายกปากราวกับหน้ากากแมวยิ้ม

“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอครับ ผมเห็นคุณชุนหลับสบายเลยไม่อยากปลุก”

ว่าแล้วลินจิก็กระดื๊บไปด้านข้างเหมือนปูเดิน จากนั้นก็พูดต่อ…

“เดี๋ยวก็โดนเกสรดอกไม้จุกปอดตายหรอกครับ เพิ่งฟื้นตัวแบบนี้ ควรป้องกันไว้ก่อนนะครับ ผมว่าคุณชุนควรกลับไปนอนดีกว่านะ”

“เรื่องของข้า!”

พอชุนคำราม ลินจิก็เบ้ปาก อยู่ใกล้แค่นี้พูดเบา ๆ ก็ได้ หนวกหูจริง

ตอนนั้นชุนก็สังเกตเห็นสีหน้ากลับกลอกของลินจิ จึงขมวดคิ้วเพ่งมองอีกฝั่งอย่างสงสัย

“มานี่หน่อยซิ”

มือหนากวักเรียกช้า ๆ

“อะ…อะไรเหรอครับ”

ลินจิใจหายวาบ รีบก้าวถอยหลัง

“ข้าบอกให้มานี่!”

เมื่อไม่ทันใจ ชุนจึงก้าวเข้าหาเอง

“อ้า…”

มือหนาล้วงเข้าไปในชุดยูกาตะอย่างไม่เกรงใจ ลินจิใช้สองมือจับต้านแขนใหญ่ไว้ทันที

“ไม่ได้นะ ตรงนั้นไม่ได้ อย่าจับตรงนั้น”

“เจ้าเบา ๆ หน่อยได้มั้ย เดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิด”

อีกมือล้วงเข้าไปในยูกาตะ อีกมือชี้หน้าห้ามปราม

“อ้า…ไม่นะ คนลามก”

ทว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ลินจิแหกปากร้องดังอย่างสุดเสียง ชิชะ คนนิสัยไม่ดี อยู่ ๆ ก็เอามือมาล้วงในเสื้อผ้าของคนอื่น คอยดูนะ จะเอาคืนเสียให้เข็ดเลย

“ช่วยด้วย!...”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด