ตอนที่แล้วตอนที่ 26 สาสน์ท้ารบจากคาโอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28 ศึกที่ไม่มีวันชนะ

ตอนที่ 27 ยุทธการที่เมืองเดเซียส


ตอนที่ 27 ยุทธการที่เมืองเดเซียส

ในท้องพระโรงแห่งวังโกลด์เรนเดียร์ ราชาหนุ่มฟินเดล ราชินีเซน่าและพระพี่นางฟินโอร่าต่างนั่งอยู่บนบัลลังก์ของตนเพื่อประชุมเหล่าขุนนาง หาวิธีรับมือกับกองทัพหนึ่งแสนของจักรพรรดิคาโอ

ชายอายุประมาณสี่สิบกว่าไว้หนวดเคราสีน้ำตาลกล่าวว่า “ข้าพระองค์ขอรับอาสาเป็นทัพหน้า ขยี้กองทัพแอสเทล

เขาคือไลบัลโกแม่ทัพใหญ่โกลด์เด้นกราวด์

ฟินเดลพยักหน้ากล่าวว่า “ตอนนี้กองทัพแอสเทลบุกมาถึงเมืองเดเซียส ซึ่งเดเซียสเป็นเมืองด่านหน้าชายแดนตะวันออก เจ้านำทัพไปช่วยเดเซียสก่อน ข้าจะยกทัพใหญ่ตามไปสมทบ”

ฟินโอร่ากล่าวเตือนว่า “แม่ทัพไลบัลโก เมื่อเจอทัพศัตรูอย่าได้วู่วามโจมตี ให้ศึกษาข้อมูลศัตรูก่อน”

ไลบัลโกรับคำ

ฟินเดลกล่าวว่า “วิกเชอร์ ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ให้เจ้าช่วยราชินีเซน่าดูแลเมืองหลวง”

วิกเชอร์เสนาบดีคลังกล่าวว่า “ข้าพระองค์จะดูแลเมืองหลวงอีรอสและรับใช้ราชินีเซน่าด้วยชีวิต”

เซน่าพลันกล่าวขึ้นว่า “ข้าจะไปรบด้วย”

ฟินเดลหันมามองเซน่ากล่าวว่า “เจ้าจะไปรบกับคาโอ? แล้วผู้ใดจะดูแลเมืองหลวง?”

เซน่ากล่าวว่า “วิกเชอร์ดูแลเมืองหลวงได้ ข้าต้องการไปพบคาโอสักครั้งว่าร้ายกาจตามคำลือหรือไม่”

ตลอดชีวิตเซน่าความจริงชมชอบการต่อสู้และรบพุ่งทำสงคราม อย่าว่าแต่สงครามนี้เกี่ยวข้องกับหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียน นางต้องการไปพบคาโอ ไม่แน่อาจจะได้ข้อมูลหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียนมากขึ้น เหตุใดคาโอจึงคิดว่าหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่กับฟินเดล หรือคาโอเพียงแค่ต้องการหาเรื่องบุกโกลด์เด้นกราวด์

หลายร้อยปีที่ผ่านมา หยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียนไม่เคยถูกอ้างถึงเป็นประเด็นให้ทำสงคราม เหตุใดคาโอจึงนำเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง คาโอรู้เรื่องอะไรมา คำถามผุดขึ้นในใจของเซน่ามากมาย

ฟินเดลไม่เห็นด้วย แต่ฟินโอร่ากล่าวขึ้นว่า “ให้ราชินีเสด็จไปสมรภูมิด้วยก็ดี สติปัญญาและดาบของนางเคยทำราชทูตแอสเทลขายหน้ามาแล้ว ชื่อเสียงของนางจะขู่ขวัญกองทัพแอสเทล”

ฟินโอร่ายังไม่ไว้ใจเซน่า นางไม่ต้องการให้เซน่าควบคุมอำนาจในเมืองหลวง

เมื่อตกลงตามนี้ ไลบัลโกยกทัพสองหมื่นเป็นทัพหน้าไปช่วยเมืองเดเซียส ส่วนฟินเดลจะนำทัพใหญ่ห้าหมื่นติดตามไป

 

หลังเสร็จจากการประชุม เซน่ากลับมาที่ห้องบรรทมของตน ทันใดนั้นมีทหารเข้ามากราบทูลว่านักบุญเจฟขอเข้าเฝ้า

“เราไม่ได้เจอเจฟนานแล้ว เขามาทำไม?” เซน่าครุ่นคิดขึ้น

เซน่าออกไปหาเจฟที่ห้องรับแขกในวัง เจฟกล่าวถวายบังคมเซน่า

เจฟกล่าวว่า “ข้าทราบมาว่าราชินีเซน่าจะนำทัพไปต่อสู้กับคาโอด้วย ข้าพระองค์อยากติดตามพระนางร่วมทำศึก”

เซน่ากล่าวถามว่า “เจ้าคิดออกรบ? เพราะอะไร?”

เจฟกล่าวว่า “หากพระนางยังจำได้ ข้าพระองค์เคยเล่าแล้วว่าอาณาจักรซิลเวอเนียและวิหารข้าพระองค์ถูกกองทัพคาโอทำลายสิ้น นี่เป็นเหตุผลข้าพระองค์อยากเข้าร่วมด้วย”

เซน่าพยักหน้ากล่าวว่า “เจ้าคิดชำระแค้นแทนอาจารย์”

เจฟกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “พระเจ้าทรงเมตตาและให้อภัยต่อทุกชีวิตที่หลงผิด น่าละอายที่ข้าพระองค์ไม่อาจทำตามพระประสงค์องค์ผู้เป็นเจ้าได้ แต่หากมีโอกาสข้าพระองค์ก็อยากถามคาโอว่าเหตุใดต้องฆ่าล้างเมืองกันเช่นนี้”

เซน่ากล่าวว่า “คำตอบที่เจ้าอยากทราบ จะได้จากการทำตามประสงค์ของเจ้า ไม่ใช่ของพระเจ้า”

เซน่ารับปากจะให้นักบุญเจฟเข้าร่วมทัพด้วย

 

แม่ทัพใหญ่ไลบัลโกยกทัพสองหมื่นออกจากเมืองหลวงอีรอสก่อน ทหารของไลบัลโกสวมใส่เกราะเงินเงางามสะท้อนแสงอาทิตย์ บ้างถือหอกยาว บ้างถือดาบ บ้างถือธนู ประชาชนชาวอีรอสต่างยืนส่งขบวนทหารที่ออกไปเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องความผาสุกของพวกตน

ชาวเมืองหลายคนร่ำไห้หรือน้ำตาคลอ เมื่อเห็นผู้ชายในบ้านตนต้องออกรบ ภรรยาซบอกสามี หญิงชราจับมือหลานสาว บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกอาลัย แต่พวกเขาก็ทราบดีว่าสิ่งที่บุตรชายตนทำไปก็เพื่อปกป้องอาณาจักรโกลด์เด้นกราวด์

กองทัพไลบัลโกออกเดินทางอย่างรวดเร็วแทบไม่ได้พัก ใช้เวลาเกือบสี่วันก็ถึงเมืองเดเซียส ทัพไลบัลโกตั้งอยู่บนเนินสูงแห่งหนึ่ง พบกองทัพของคาโอล้อมประตูเมืองทิศตะวันออกไว้ ดูแต่ไกลสภาพกำแพงเมืองสีขาวยังปกติ แสดงว่าอาจยังไม่มีการรบพุ่งกัน

เห็นทหารของกองทัพของคาโอแต่งกายด้วยชุดสีขาวซึ่งส่วนใหญ่ขาดวิ่น ดูไปคล้ายขอทานมากกว่ากองทหาร ไม่ว่าหนุ่มฉกรรจ์หรือแก่ชราล้วนมีผิวกายซูบซีด ตัวแห้งผอม

กิลฟอร์ดรองแม่ทัพวัยสามสิบกว่าปีปลาย ๆ เขาไว้หนวดสีดำ กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ทหารกองทัพคาโอผอมแห้งคล้ายพวกขาดอาหาร หาได้น่ากลัวอย่างคำลือ”

ไลบัลโกกล่าวว่า “อย่าได้ประมาทพวกอมนุษย์!”

ไลบัลโกเป็นแม่ทัพใหญ่เขาทราบว่ากองทัพคาโอเปลือกนอกดูไปคล้ายมนุษย์ แต่ที่แท้จริงได้รับการทำพิธีที่ลี้ลับจากพ่อมดหมอผี ทำให้มีรูปร่างประหลาดพิกล

ไลบัลโกอธิบายว่า “กองทัพคาโอ มีทั้งมนุษย์และอมนุษย์รวมกัน ที่เจ้าเห็นเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพพวกมันเท่านั้น”

ทันใดได้ยินเสียงกลองศึกจากทัพคาโอตีดังลั่น เสียงตีกลองแต่ละครั้งกระทบถึงหัวใจทหารของกองทัพไลบัลโกให้หวาดกลัว

ไลบัลโกร้องตะโกน “ศัตรูบุก เตรียมสู้ศึก”

 

ไม่นานกองทัพคาโอนับหมื่นคนก็ระดมพลขึ้นมายังเนินที่ไลบัลโกตั้งทัพอยู่ พวกมันถือหอกหรือดาบยาว ทหารคาโอหลายพันคนขี่หมาป่าเขี้ยวดาบที่ตัวใหญ่กว่าปกติถึงสามเท่า พวกมันตัวผอมแห้งทำให้หมาป่าเขี้ยวดาบไม่ได้รับน้ำหนักมาก สามารถวิ่งได้รวดเร็วดุจสายลม

ไลบัลโกขึ้นขี่ม้าขนสีน้ำตาลคู่ใจ มือเขาถือหอกยาวใหญ่ ใบหอกใหญ่ดุจใบดาบ ด้ามหอกสีแดง เขาตะโกนสั่ง

“ยิงธนู”

ธนูนับพัน ๆ ดอกถูกยิงออกดุจห่าฝน ธนูเหล่านั้นพุ่งใส่กองทัพคาโอจนพวกมันล้มตาย แต่กองทัพคาโอคล้ายไม่กลัวตาย พวกมันยังจู่โจมเข้ามาไม่หยุดประดุจคลื่นซัดฝั่ง ดูไปพวกมันคล้ายซากศพเดินได้ สร้างบรรยากาศในสมรภูมิให้ลี้ลับวังเวง ไม่นานกองทัพคาโอก็ใกล้ประชิดค่ายของไลบัลโก

“ธนูคงต้านพวกมันได้ไม่นาน” กิลฟอร์ดกล่าวขึ้น สีหน้าเขากังวล เขาจับด้ามดาบยาวคู่ใจไว้แน่น มือปรากฏเหงื่อไหลซึม

ไลบัลโกกล่าวว่า “ข้าจะจัดการมันเอง กิลฟอร์ดเจ้ารักษาค่ายไว้”

ไลบัลโกควบขับอาชาคู่ใจพร้อมหอกยาวเข้าโจมตีทัพคาโอ เข้าไม่ต้องการให้ทัพคาโอเข้าประชิดค่ายหลักเพราะอาจเกิดการโจมตีเสบียงที่อยู่ในค่ายได้

ไลบัลโกกวัดแกว่งหอกยาวเข้าสมรภูมิ ทันใดนั้นหอกของเขาก็ปรากฏเพลิงลุกท่วมขึ้น ไลบัลโกทิ่มแทงหอกยาวอย่างรวดเร็ว ทหารคาโอถูกไฟลุกท่วมทันที

เหล่าหมาป่าเขี้ยวดาบเห็นไฟก็ตกใจตามสัญชาติญาณสัตว์ป่า ไม่มีหมาป่าตัวใดกล้าเข้าใกล้ไลบัลโก เหล่าทหารโกลด์เด้นกราวด์ที่หวาดกลัวกองทัพคาโอเห็นแม่ทัพใหญ่แสดงอานุภาพต่างก็โห่ร้อง พวกเขาบุกตะลุยเข้าไปในกองทัพคาโอ ทหารนับหมื่นของทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันบนที่ราบสูง โลหิตไหลนองดุจธารา ซากศพสุมกองดุจภูเขา

 

ทหารทัพคาโอพอถูกทหารโกลด์เด้นกราวด์สังหาร โลหิตพวกมันไหลออกเป็นสีเขียว สมเป็นอมนุษย์ดั่งที่คาโอว่าไว้

 

ขุนพลของกองทัพคาโอชื่อเนียเชน ใบหน้าของมันซูบซีด เบาตาลึก ผิวหนังแทบติดกระดูก มันขี่หมาป่าเขี้ยวดาบเข้าต่อสู้กับไรบัลโก ดาบของมันก็ยาวแทบเท่าหอกใหญ่ของไลบัลโก

ดาบของเนียเชนรวดเร็วอย่างยิ่ง มันกวัดแกว่งดาบดุจพายุร้าย อย่าได้เห็นร่างกายมันผอมแห้ง แต่ละดาบที่ฟันออกล้วนหนักแน่นดุจขุนเขา

แต่ไลบัลโกเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งโกลเด้นกราวด์ เขาย่อมไม่พ่ายแพ้โดยง่าย ไลบัลโกตวาดขึ้น หอกใหญ่ของเขายิ่งมีไฟลุกท่วมมากถึงสิบเท่า ไลบัลโกแทงหอกใส่เนียเชน หมาป่าเขี้ยวดาบหวาดกลัวเปลวเพลิงได้แต่กระโดดหนี เนียเชนบังคับหมาป่าเขี้ยวดาบไม่ได้ พริบตาที่เสียจังหวะหอกของไลบัลโกแทงใส่มันอย่างรวดเร็ว

เนียเชนรีบยกดาบรับ แต่พลังไฟที่หอกของไลบัลโกรุนแรงเกินไป ไฟที่หอกระเบิดขึ้นจนเผาร่างกายมันเป็นเถ้าถ่าน

เหล่าทหารโกลด์เด้นกราวด์เห็นแม่ทัพใหญ่ตนฆ่าขุนพลฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จก็โห่ร้องกึกก้องทั่วที่ราบสูง กองทัพคาโอสูญเสียขุนพลนำศึก ต่างก็ถอยร่นไม่หยุด ไลบัลโกสั่งทหารไล่ฆ่ากองทัพคาโอ

 

ประตูเมืองเดเซียสพลันเปิดออก ที่แท้ทหารจากเมืองเดเซียสเห็นกองทัพคาโอถอยร่นไม่หยุดถูกทัพหลวงที่มาช่วยไล่ต้อนบนที่ราบสูงก็มีกำลังใจ ทหารเมืองเดเซียสยกทัพบุกตีค่ายคาโอ เสียงโห่ร้องฆ่าฟันดังกึกก้องกัมปนาทยิ่งกว่าเสียงระเบิดใด

ไลบัลโกความจริงไม่อยากบุกอย่างรวดเร็วเกินไป เขาต้องการศึกษาข้อมูลของศัตรูก่อนตามคำสั่งฟินโอร่า แต่ทัพเมืองเดเซียสยกออกมา เขาไม่ไปช่วยก็ไม่ได้ ไลบัลโกจึงสั่งระดมทัพไปช่วยทัพเมืองเดเซียส

 

ค่ายทัพของคาโอถูกบุกโจมตีกระหนาบทั้งสองด้าน ประดุจถูกกำแพงมรณะบีบใส่ แต่ทหารของคาโอไม่กลัวตายพวกมันฟันดาบสังหารทหารเมืองเดเซียสตายเป็นจำนวนมาก แต่ไม่นานพวกมันก็เห็นแสงไฟโชติช่วง ไลบัลโกกวาดแกว่งหอกไฟมาถึง

หอกของไลบัลโกกระแทกพื้นดินบริเวณใด ที่นั้นก็เกิดระเบิดขึ้น สังหารทหารคาโอไปหลายคน ทหารของคาโอหวาดเกรงหอกไฟของไลบัลโกยิ่ง พวกมันต่างหลบหนีแตกทัพไป

“ไลบัลโก เป็นท่านจริงๆ” คนผู้หนึ่งสวมเกราะสีเขียวถือดาบที่เต็มไปด้วยเลือดสีเขียวของทหารคาโอกล่าวขึ้น

“เบลิส” ไลบัลโกร้องเรียกพร้อมขี่ม้าไปหาชายชุดเขียวที่มีอายุสี่สิบกว่าปี เบลิสผู้นี้มีรูปร่างสูง ผมยาวเป็นลอน

พวกเขาต่างสวมกอดกัน

เบลิสกล่าวว่า “ขอบใจที่มาช่วย เรารีบเข้าเมืองก่อนเถอะ”

ไลบัลโกกล่าวว่า “ฝ่าบาทจะนำทัพใหญ่เสด็จมาเร็ว ๆ นี้”

เบลิสรู้สึกซาบซึ้งยิ่ง “ฝ่าบาทจะเสด็จมาด้วยพระองค์เอง นับเป็นพระกรุณายิ่ง”

 

ไลบัลโกและเบลิสเป็นสหายเก่าแก่กันมาก่อน ทั้งสองเป็นขุนนางรับใช้โกลด์เด้นกราวด์มาหลายสิบปี ผู้หนึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ อีกผู้หนึ่งเป็นเจ้าเมืองชายแดน ทั้งคู่ล้วนมีฝีมือการรบทั้งคู่

ทัพของไลบัลโกและเบลิสกลับเข้าสู่เมืองเดเซียส เบลิสรีบสั่งให้เบิกเสบียงแจกจ่ายทัพไลบัลโกที่ทำสงครามมาเหน็ดเหนื่อยอย่างเต็มที่

ไลบัลโกกล่าวว่า “ที่ผ่านมาสถานการณ์เป็นอย่างไร?”

เบลิสกล่าวตอบว่า “ข้าศึกมาล้อมพวกเราได้หกวันแล้ว พวกมันเพียงแค่เฝ้ารอ ข้าคาดว่ามันกำลังรอทัพใหญ่ของคาโอมาเสริม”

ไลบัลโกพยักหน้ากล่าวว่า “ทัพคาโอถอยทัพแค่ชั่วคราว เมื่อมันตั้งหลักได้ พวกมันต้องบุกมาอีกแน่”

เบลิสพยักหน้าเห็นด้วย

 

ยามราตรีผ่านพ้น แสงตะวันสาดส่องเป็นสัญญาณรุ่งอรุณ วันนี้กองทัพคาโอที่แตกพ่ายกลับมารวมตัวกันใหม่ แต่พวกมันยังไม่มีความเคลื่อนไหว ไลบัลโกเกรงศัตรูกระทำเช่นนี้เพื่อยั่วยุให้พวกตนออกจากเมือง

รองแม่ทัพกิลฟอร์ดกล่าวว่า “พวกมันช่างไม่รู้จักเข็ดหลาบ”

“พวกเราป้องกันเมืองให้เข้มแข็ง รอทัพหลวงมาเสริม ถึงเวลานั้นค่อยกำจัดทัพคาโอ” ไลบัลโกกล่าว

ไลบัลโกหันไปถามเบลิสว่า “เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”

เบลิสกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วย”

สีหน้าเบลิสคล้ายหมองคล้ำกว่าปกติ

ไลบัลโกสังเกตเห็นกล่าวถามว่า “เจ้าไม่สบาย?”

เบลิสกล่าวว่า “หลายวันที่ข้าศึกล้อมเมือง ข้าแทบไม่ได้นอน อาจทำให้เพลียไปบ้าง”

ไลบัลโกกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าไปพักผ่อนเถอะ”

เบลิสเดินลงบันใดกำแพงเมือง ทันนั้นร่างกายเขาก็ล้มฟุบไป ยังดีที่ทหารติดตามจับร่างเขาไว้ทัน

ไลบัลโกรีบวิ่งไปหาเบลิส “เจ้าเป็นอะไรไปหรือไม่?”

ไลบัลโกเห็นหน้าเบลิสมีสีเขียวจาง ๆ เขากล่าววว่า “เจ้าถูกพิษ ต้องรีบรักษา!”

เบลิสส่ายหน้าช้า ๆ เขาไม่เข้าใจจะถูกพิษได้อย่างไร?

 

ไม่นาน ทหารบางคนที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองก็ล้มลง ทหารเกราะเงินนายหนึ่งรีบวิ่งมาหาไลบัลโกและรายงานด้วยน้ำเสียงแตกตื่น “ท่านแม่ทัพ ทหารของเรานับหมื่นกำลังป่วย ใบหน้ามีสีเขียว ไม่ทราบติดโรคอะไร”

ไลบัลโกหน้าซีดเผือด เขาไม่เข้าใจทหารเขาถูกพิษได้อย่างไร? ทหารนับหมื่น ๆ ถูกพิษในคราเดียว นั่นเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ !

ไลบัลโกรีบสั่งให้ระดมหมอทั้งเมืองเดเซียสมารักษา

 

ทันใดนั้นเสียงร้องแปลกประหลาดดังขึ้น เห็นท้องฟ้าเมืองเดเซียสปรากฎสัตว์สีดำบินได้หลายร้อยตัวกำลังบินมา คล้ายเมฆทมิฬกลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนครอบคลุมเมือง สัตว์เหล่านี้มีปีกเหมือนค้างคาว มีขาสองขา ตัวสีดำ ตัวยาวประมาณหกเมตร พวกมันบินมาที่เมืองเดเซียสอย่างรวดเร็วดุจพายุร้าย

สัตว์เหล่านี้คือมังกรไวเวิร์น !!

 

ค่ายทัพของทหารของคาโอพอเห็นมังกรไวเวิร์นก็โห่ร้องกึกก้อง เสียงกลองรบตีดังลั่นรบกวนหัวใจศัตรูให้หวาดกลัว ทหารของคาโอต่างบุกมายังเมืองเดเซียสดุจคลื่นทะเลที่หนุนเนื่อง

ทหารเมืองเดเซียสนับพันนายต่างใบหน้าปรากฏสีเขียวจาง ๆ ทัพของไลบัลโกสองหมื่นคนก็ถูกพิษมากกว่าครึ่ง ทหารหลายนายล้มลงไปด้วยการอาการถูกพิษ

มังกรไวเวิร์นพอบินมาถึงกำแพงเมืองต่างบินลงมาทยอยพ่นไฟใส่เหล่าทหาร เสียงแผดร้องโหยหวนดุจเสียงคร่ำครวญของทหารเดเซียสดังขึ้น

ทหารเดเซียสยิงธนูป้องกัน แต่ผิวหนังมังกรเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่ง หากไม่โดนธนูในระยะประชิด ธนูแทบไม่อาจสะกิดผิวมันได้

ไลบัลโกตื่นตระหนกยิ่ง เขากวัดแกว่งหอกไฟขับไล่พวกมังกรไวเวิร์น หอกไฟของเขาฟันใส่มังกรไวเวิร์นหนึ่งตัวที่บินลงมาหมายพ่นไฟใส่เขา มังกรตัวนั้นแผดร้องร่างกายไหม้เกรียมทันที

ส่วนอีกด้าน ข้าศึกด้านล่างกำแพงเมืองต่างพาดบันใดปีนขึ้นมา ไลบัลโกต้องรับศึกทั้งทางอากาศและทางบก ทหารของเขาและทหารเดเซียสทยอยล้มลงเพราะถูกพิษ เขายังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร?

เสียงโห่ร้องฆ่าฟันดังกึกก้อง ทหารเมืองเดเซียสมีกำลังเพียงครึ่งเดียวยากต้านทานข้าศึกได้

 

ทันใดมังกรไวเวิร์นตัวหนึ่งบินลงมาอยู่หน้าไลบัลโก หลังมันขี่ไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง คนผู้นี้ปล่อยผมยาวสีเงินถึงไหล่ สวมใส่ชุดเกราะสีขาว แววตาคมกริบยิ่งกว่าคมดาบกล้า ใบหน้าสวยซึ้งคล้ายสตรี แต่เสียงที่กล่าวกลับเป็นเสียงบุรุษ !

“จงยอมจำนน ไลบัลโก” ทหารเกราะขาวเอ่ยขึ้น

ไลบัลโกตวาดก้อง เขาผลักมือซ้ายออกใช้เวท “ไฟ ฟิลล่า” (Fire Pillar – เสาแห่งเปลวเพลิง) เสาไฟขนาดใหญ่พุ่งออกจากมือไลบัลโก โจมตีใส่บุรุษที่มีใบหน้าคล้ายสตรีผู้นี้

มังกรไวเวิร์นร้องเสียงดังพร้อมพ่นไฟต้านทานเวทไฟของไลบัลโก บุรุษผู้นั้นกระโดดออกจากหลังมังกรไวเวิร์น ร่างกายเขาลอยพุ่งเข้าหาไลบัลโกดุจมีเทพแห่งลมคอยอุ้มไว้ จากนั้นเขาชักดาบเรียวแหลมอย่างรวดเร็วดุจแสงอัสนีบาต พริบตานั้นดาบก็แทงเข้าที่หน้าฝากไลบัลโก !!

 

----------------------

ทัพไลบัลโกถูกพิษได้อย่างไร? บุรุษที่มาสู้กับไลบัลโกเป็นใคร? ไลบัลโกจะรอดไหม โปรดติดตาม ศึกใหญ่มาถึงแล้ว

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด