Chapter 27 : การฝึกในกุญแจ
Chapter 27 : การฝึกในกุญแจ
วันนี้ร้านของพ่อผมแน่นขนัดเป็นพิเศษ
อาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เป็นวันหยุดยาวไปจนถึงปีใหม่ ผู้คนเลยเดินทางมาพักผ่อนกันเยอะ อากาศตอนนี้ก็เริ่มเย็นขึ้นมาก เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัว ซึ่งร้านกาแฟของพ่อผมก็ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญสำหรับคนที่มาเที่ยวในตัวเมืองของเรา เนื่องจากความพิเศษที่พวกเราใช้คนจริง ๆ ในการทำเค้ก ความสร้างสรรค์ที่เกิดจากสมองมนุษย์จึงมีมากกว่า และยากที่จะลอกเลียนแบบได้ง่าย
บนชั้นวางโชว์กระจกใสไม่ห่างจากเคาน์เตอร์มีคัพเค้กชิ้นเล็ก ๆ มัฟฟินช็อกโกแลต และชีสทาร์ต ที่ถูกตกแต่งด้านบนด้วยครีมหลากหลายรูปแบบให้เข้ากับธีมเทศกาลคริสต์มาสและต้อนรับปีใหม่ มีทั้งกวางเรนเดียร์ ตุ๊กตาหิมะ ซานตาคลอส รวมถึงมี มาการอง คุกกี้คริสต์มาส ขนมหวานพวกลูกกวาดสีสันสดใสที่เคลือบด้วยช็อกโกแลตสีเขียวและแดงให้เลือกลองทาน แต่ซิกเนเจอร์ของร้านตอนนี้คงจะไม่พ้นสตรอว์เบอร์รี่คริสต์มาสชีสเค้ก ที่ไม่ว่าใครเข้ามาก็จะต้องสั่ง เนื้อเค้กนุ่มละมุนลิ้น พร้อมกับกลิ่นหอมของไวท์ช็อกโกแลตและครีมชีสในตัว ด้านบนตัวเค้กมีวิปครีมและสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตที่ถูกตกแต่งจนเหมือนเป็นซานตาคลอสตัวน้อย ๆ แปะอยู่ เล่นเอาพ่อไม่ได้ออกจากด้านในของร้านเลยตั้งแต่เช้า
“ลีโอ เอาไปเสิร์ฟโต๊ะ 10 ริมกระจกที” ผมพูดกับลีโอ พร้อมยื่นถาดขนมตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งส่งไปให้ ตอนนี้จากสิงโตเผือกกลายร่างเป็นกวางเรนเดียร์ไปแล้ว แต่ก็ถือว่าหมอนั่นเรียกลูกค้าได้ดีทีเดียว ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตาลีโอพร้อมกับชุดมาสคอตทำให้ร้านคึกคัก และมีคนเข้ามาถ่ายรูปเยอะมาก แถมพนักงานภูติดวงดาวสาวสวยอย่างสองฝาแฝดไพส์ซีสและอควาเรียสอีก ถึงคนหลังจะทำหน้านิ่งไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็มีหนุ่ม ๆ ไม่น้อยที่หลงเข้ามาทานของหวานที่นี่เพราะสาว ๆ ภูติดวงดาวเลย นี่ยังไม่นับรวมมินจุนกับซาจิททาเรียสที่นั่งดีดกีตาร์ร้องเพลงเพิ่มสีสันอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของร้าน เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดและคนเข้าร้านได้ไม่น้อยจนด้านนอกมีการต่อแถวเกิดขึ้น
ส่วนผมเองก็อยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ คอยรับออเดอร์ลูกค้าและนำขนมออกมาส่งให้พวกภูติดวงดาวและหุ่นยนต์ AI เสิร์ฟโดยมีไอรีนคอยช่วย พวกเรื่องเครื่องดื่ม ตลอดช่วงเทศกาลพวกเรางดรับ เนื่องจากไม่มีคนชงกาแฟให้ ฟินิกซ์ก็เข้าไปช่วยพ่อทำเค้ก เครื่องดื่มของทุกคนจึงเป็นแบบเดียวกันหมด คือชาร้อนที่เสิร์ฟพร้อมกับขนมที่ลูกค้าสั่ง
เวลาผ่านไปจนถึงหกโมงเย็น พ่อที่ทำเค้กมาตลอดทั้งวันก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว ลูกค้าที่ยังรอต่อคิวอยู่หน้าร้านก็เลยอดไปตามระเบียบ ค่อยมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ ขนาดผมเองที่ยืนก้ม ๆ เงย ๆ ตักเค้กตามออเดอร์ยังหมดแรง คนทำเค้กอย่างพ่อกับฟินิกซ์คงจะหนักเอาการ
“เฮ้อ โคตรเหนื่อย เป็นภูติดวงดาวมาหลายพันปี เพิ่มเคยทำอะไรแบบนี้” ลีโอร้องโอดครวญออกมา พูดจบก็ล้มตัวลงไปนอนกับพื้นด้านล่าง หลังจากเดินไปพลิกป้ายตรงประตูร้านเปลี่ยนเป็นคำว่า Close
ช่วงเทศกาลปีนี้เล่นเอาเหนื่อยกันเลยทีเดียว ...
“ปกติช่วงเทศกาลคนเยอะแบบนี้ทุกปีเลยหรอคะลุงการันต์” ไอรีนทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งถามพ่อของผม
“ก็เยอะนะไอรีน มันเป็นวันหยุดยาวใกล้ปีใหม่ด้วย แต่ปีนี้เยอะกว่าที่ผ่านมามาก คงเป็นเพราะมีนักร้องดังอยู่ในร้านเราด้วยล่ะมั้ง ยังไงขอบใจพวกเราทุกคนมากนะ เหนื่อยแย่เลยช่วงนี้” พ่อผมพูดขึ้นมาก่อนส่งยิ้มกว้างให้กับทุกคน
“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าผมไม่จ่ายค่าเช่าห้องเดือนนี้นะลุง” มินจุนพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะ จนพวกเราขำตาม ในขณะที่ลีโอตอนนี้ลุกขึ้นมาทวงค่าตัวของตัวเองจากพื้น ด้วยการถามหาของกินจากพ่อของผม
“การันต์เย็นนี้กินไร ฉันหิวมากแล้วด้วย”
มื้อเย็นวันนี้คือการกินชาบูที่ชั้นบนของดาดฟ้าบ้าน อากาศค่อนข้างเย็นมากเลยทีเดียว เนื่องจากหิมะเริ่มตกจนพื้นด้านล่างบางส่วนขาวโพลนไปหมด การนั่งบนดาดฟ้าของตัวบ้านผมก็จะได้เห็นวิวสวย ๆ รอบเมือง ประดับประดาไปด้วยแสงไฟสีส้มอ่อนตัดกับความมืดและหิมะสีขาว พร้อมกับต้นคริสต์มาสที่ตั้งโชว์รอบ ๆ แต่ความหนาวไม่เป็นปัญหาต่อพวกเรา เนื่องจากมีฟินิกซ์อยู่ตรงนี้ รอบตัวเราจึงมีออร่าสีส้มคล้ายกับชุดเกราะคลุมอยู่ อากาศเลยเปลี่ยนไปแบบเย็นสบายแทน นั่งชิว ๆ คุยกันไปพร้อมกับกินชาบูร้อน ๆ เป็นมื้อเย็นที่โคตรจะฟินเลย
หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเติมพลังมาสู้ต่อในวันพรุ่งนี้ ถัดจากวันพรุ่งนี้พ่อคงต้องเหนื่อยหน่อย เพราะไม่มีคนช่วยแล้ว ต้องเช่าหุ่นยนต์ AI มาเพิ่ม เนื่องจากพวกเราต้องเดินทางไปโซเดียโคตามหมายเรียกของศาลผู้ใช้เวท เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นในงานเทศกาลดนตรีเมื่ออาทิตย์ก่อน รวมถึงค่าความเสียหายที่ต้องจ่าย ซึ่งผมคิดว่ามันต้องหลายล้านเคอเรนแน่ ๆ พ่อผมที่รู้เรื่องนี้ตอนแรกบ่นผมจนหูชา แต่มินจุนก็บอกว่าจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้เอง เพราะมันมาจากภูติดวงดาวของเขา พ่อจึงหยุดบ่นผม แต่ยังไงผมกับไอรีนก็คิดว่าจะช่วยกันจ่ายค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ เพราะถ้าไม่ได้ซาจิททาเรียช่วยไว้ตอนนั้น พวกเราคงเละไปแล้ว
“เฮ้ย !”
ผมที่ล้มตัวนอนลงบนเตียงหันไปมองลีโอที่ร้องออกมาเสียงดังลั่นห้อง ผมจึงหันไปมองหน้าลีโอก่อนถาม
“อะไร เป็นไรไปลีโอ ร้องอย่างกับสิงโตถูกเชือด ทำไมไม่เข้าไปนอนในกุญแจเห็นบ่นว่าเหนื่อยไม่ใช่หรอ”
“วันนี้นายยังไม่ได้ซ้อมฟันดาบกับฉันเลย”
ฟังคำตอบได้ที่กลับมาผมถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตั้งแต่วันที่กลับมาจากงานเทศกาลดนตรี ลีโอจริงจังกับการฝึกของผมมากขึ้นกว่าเดิมอีก จนกระทั่งถึงวันนี้ยังไม่ยอมละเว้นให้เลย
“โห ไม่ต้องซ้อมแล้ว หมดแรง ยืนขาแข็งทั้งวันเลยเนี่ย พักก่อนวันนึง” ผมร้องออกไปแบบเซ็ง ๆ เพราะวันนี้ไม่ได้เหมือนวันก่อน ๆ ที่ลูกค้าไม่ได้เยอะมากขนาดนี้
“ไม่ได้ดิ ฝีมือนายยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับคนอื่นเลยนะ” ลีโอพูด
“สัปดาห์ที่แล้วฉันเกือบฆ่าฮิโรชิได้” ผมหาข้ออ้างพูดออกไป
“แค่เกือบ”
“แล้วจะให้ลงไปห้องใต้ดินเอาดาบขึ้นมาฟันกับนายตอนสี่ทุ่มเนี่ยนะ” ผมถามลีโอ มันใช่เรื่องไหมเนี่ย ผมไม่อยากออกกำลังกายยามดึกให้เหงื่อออกเหนียวตัวอีกแล้ว ลีโอนิ่งไปแปบหนึ่งก่อนพูดอะไรออกมา
“จริง ๆ มันก็มีการฝึกแบบอื่นด้วยนะ”
“ยังไง” ผมถามกลับไป
“จำที่ฉันเคยบอกได้ไหม ว่าจะสอนการฝึกอีกแบบที่ช่วยทำให้นายแชร์พลังเวทมนตร์จากฉันได้นานขึ้น และฉันจะได้ไม่ต้องเสียพลังเวทไปทีละมาก ๆ ตอนที่แชร์พลังให้นาย”
“จำได้ ๆ ฝึกแบบไหนหรอ” ผมถามต่อด้วยความสนใจทันที เพราะการยืมพลังมาจากลีโอแต่ละครั้ง ไม่เพียงแต่ลีโอจะสูญเสียพลังเวทไปมหาศาล แต่ตัวผมเองหลังจากหมดพลังเวทของลีโอก็แทบจะลงไปกองที่พื้นทันที การฝึกอีกแบบที่ลีโอบอกน่าจะช่วยในเรื่องนี้ได้ดียิ่งขึ้น
“เข้าไปในกุญแจจักรราศีกับฉันแล้วเดี๋ยวว่ากัน”
ทันทีที่ผมฟังจบก็ร้องออกมาอย่างตกใจ ...
เข้าไปในกุญแจจักรราศี ...
“ฮะ !”
ไม่รอให้ผมตกใจได้เสร็จ แสงออร่าสีฟ้าก็สว่างขึ้นรอบ ๆ ตัวผม ความรู้สึกเย็นสบายเกิดขึ้น ตัวเบาเหมือนขนนก ร่างกายผมเหมือนถูกดูดไปหากุญแจจักรราศีที่วางไว้บนโต๊ะโคมไฟข้างเตียง ร่างของลีโอตอนนี้ก็กลายเป็นดวงไฟสีฟ้าแล้วลอยตามมาเช่นกัน ไม่ช้าภาพทุกอย่างในห้องนอนของผมก็หายไป
เปลี่ยนเป็นภาพในกุญแจแทน ...
ภายในกุญแจจักรราศีสิงห์ทำเอาผมทึ่งไปเลย ในนี้ไม่ต่างอะไรกับพระราชวังที่สวยงามเหมือนสถาปัตยกรรมของยุโรป สีทองอร่ามไปหมดไม่ว่าจะมองไปทางไหน ที่ที่ผมยืนอยู่เป็นโถงขนาดใหญ่ ด้านบนมีโคมไฟระย้าห้อยลงมา มีรูปปั้นเทพเจ้าโบราณที่ผมไม่รู้จักประดับอยู่ที่บางมุม ผมมองภาพที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างทึ่ง ๆ
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย ว่าในกุญแจจักรราศีของนายจะหรูหราเหมือนพระราชวังขนาดนี้” ผมพูดออกไป เดินไปหยิบจับนู่นนี่นั่นรอบห้องโถง
“เอาของพวกนี้ออกไปขายได้เปล่า น่าจะได้หลายเคอเรน เอาไปช่วยมินจุนใช้หนี้ความเสียหายที่พวกเราก่อไว้ด้วย” ผมถามออกไป หยิบแจกันรูปทรงสวยงามสีทองขึ้นมองพิจารณา
“มันเป็นแค่ภาพลวงตาน่ะ จริง ๆ ที่นี่เป็นแค่มิติเปล่า ๆ ไม่มีสิ่งใด” ลีโอพูดตอบกลับมาพร้อมกับขำ
นั่นทำเอาผมอึ้งไปเลย ...
“อ้าว หลอกลวงนี่หว่า แล้วการฝึกที่นายว่าคืออะไร” ผมพูดเข้าเรื่องของการฝึก หลังจากเลิกตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเพราะรู้ว่ามันเป็นภาพลวงตา
“ฉันจะถ่ายเทพลังให้นายทั้งหมด พลังเวทของฉันจะวนเวียนอยู่ในกุญแจไม่สูญหายไปไหน ฉันจะให้นายฝึกควบคุมพลังเท่าที่จะเป็น เวลายืมพลังฉัน นายจะได้ใช้แบบเกิดประโยชน์สูงสุด พลังเวทที่นายใช้ในการต่อสู้กับมิเกลและฮิโรชิบางส่วนหมดไปอย่างสูญเปล่ามากมาย เพราะนายควบคุมมันได้แบบไม่สมบูรณ์”
“หมายความว่าไง” ผมถามลีโอ ไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าตัวพูด
จำได้ว่าตอนยืมพลังจากลีโอ ผมรู้สึกว่าตัวเองกระฉับกระเฉงมีพลังมหาศาลจนทำอะไรก็ได้ ควบคุมอะไรก็ได้ เรียกได้ว่าทำทุกอย่างได้ตามใจเลยด้วยซ้ำ แล้วจะเรียกว่าควบคุมไม่ได้ได้อย่างไร
“พลังเวทก็เหมือนก้อนพลังงานที่ไหลวนไปทั่วร่างกาย ก่อนอื่นเลยนายต้องใช้มันให้ได้อย่างพอเหมาะ ไหนลองทำให้แก้วทองคำที่วางอยู่บนโต๊ะล่วงไปที่พื้นโดยใช้พลังเวทซิ” ลีโอพูดออกมา ชี้ไปทางโต๊ะยาวที่อยู่กลางโถง บริเวณนั้นมีทั้งเทียน ชุดจานชามหรู พร้อมกับแก้วน้ำสีทองตั้งอยู่
“ทำยังไงอะ นายก็รู้ฉันไม่มีเวทมนตร์ ที่ทำผ่าน ๆ มาก็ต่อสู้ด้วยดาบ” ผมถามลีโอ
“เพ่งสมาธิไปที่แก้ว จินตนาการว่ากระแสพลังเวทถูกปล่อยออกมาจากมือนาย”
ผมทำตามที่ลีโอบอก ออร่าสีฟ้าเกิดขึ้นรอบตัวก่อนจะ ...
บึ้ม !
ทั้งโต๊ะระเบิดออกเป็นผุยผง พร้อมกับพื้นดินยุบลงไปหลายสิบเมตร รอบบริเวณสั่นสะเทือนไปหมดจนผมกลัวว่าทุกอย่างในพระราชวังสุดหรูจะพลังทลายลงมา แต่ก็ยังมีสติพอจะจำได้ว่าทุกอย่างเป็นแค่ภาพลวงตา
“นี่ไง ตัวอย่างของสิ่งที่นายทำตอนต่อสู้กับมิเกลและฮิโรชิ นายใช้พลังเวทจนเกินพอดีในการเคลื่อนไหวร่างกายและการต่อสู้ พลังส่วนใหญ่จึงหายไปอย่างสูญเปล่า” ลีโอพูด นั่นทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น ว่าสิ่งที่เขาพูดหมายถึงคืออะไร
ไม่ช้าทั้งสภาพรอบโถงและโต๊ะตัวนั้นก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมของมันอีกครั้ง
“ลองใหม่ ทำแค่ให้แก้วร่วงลงไปที่พื้นเหมือนนายใช้มือปัด ไม่ใช่ระเบิดมัน” ลีโอพูด ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพ่งสมาธิไปที่แก้ว แค่ทำเหมือนปัดมันให้ร่วง
และ ...
บึ้ม !
ผมมองสภาพรอบ ๆ กับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปอีกครั้ง ทำไมมันไม่ได้เนี่ย เมื่อกี้ก็พยายามทำตามที่ลีโอบอกแล้ว ลีโอหันมามองผมเริ่มคิ้วกระตุก ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ส่งให้
“วิน มันต่างจากเดินตรงไหน”
10 นาทีต่อมา ...
ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !
“เอาใหม่”
เพล้ง !
“อีกครั้ง”
ตู้ม !
“อีกที”
ตู้ม !
รัศมีความเสียหายครั้งล่าสุดเริ่มเล็กลงเรื่อย ๆ แต่ยังไงผมก็ทำลายไปทั้งโต๊ะอยู่ดี กับแค่ทำแก้วร่วงอย่างเดียวทำไมมันยากขนาดนี้นะ ว่าแล้วผมก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับหันไปมองลีโอ แต่ภาพที่ผมเห็นกลับทำเอาผมหัวเราะลั่นไปเลย
ลีโอไม่ได้อยู่ในสภาพของมนุษย์อีกต่อไป ผมเห็นเศษซากเสื้อผ้ากองอยู่ตรงนั้น แต่ลีโอไม่ได้กลายร่างเป็นสิงโตเผือกตาสีฟ้าเหมือนที่ผมเห็นตอนอัญเชิญมาครั้งแรก หมอนั่นกลายเป็นลูกสิงโตเผือกตัวน้อยคล้ายแมว ดวงตาสีฟ้าจ้องมาที่ผมอย่างเคือง ๆ แต่ผมยิ่งเห็นแล้วก็ตลก มันเหมือนมีลูกแมวตัวสีขาวเผือกทำตาขวางอารมณ์แบบไม่ได้กินอาหารที่ตัวเองต้องการ
“เฮ้ย ! ลีโอ นั่นนายหรอ ฮ่าฮ่า” ผมพูดออกไปพร้อมกับขำ เดินตรงไปนั่งยอง ๆ มองสิงโตตัวน้อยที่กำลังเลียขนตัวเอง
หมดกัน ... สภาพสุดคูลของภูติจักรราศีสุดแข็งแกร่งอย่างลีโอ
“อืม”
ถึงจะไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์แต่ยังคงพูดได้ซินะ ...
“ทำไมสภาพนายกลายเป็นแบบนี้อะ” ผมถามต่อ
“ก็พลังเวทฉันออกจากตัวหมดแล้วไง มันไปอยู่ที่นายแล้วนายก็เอาไประเบิดเล่น แต่ไม่ต้องห่วงหรอก พลังเวททุกอย่างที่เสียไปวนเวียนอยู่ในกุญแจ พอนายฝึกเสร็จ ฉันก็ดูดพลังเวทคืนร่างเดิมได้ไม่ต้องห่วง” ลีโอพูดออกมา
“หรอ จริง ๆ นายอยู่ในร่างนี้ก็ดีนะ เหมือนแมวเลย มานี่มา เมี้ยว ๆ”
พูดจบผมก็ดึงลูกสิงโตตัวน้อยที่เหมือนแมวขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับเอามือไปเกาคางเล่น ตามมาด้วยเสียงร้องโวยวายของลีโอที่พยายามจะข่วนตัวผม พร้อมกับเอาปากงับแขน
“ไอ้วิน ! ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนายนะ”