ตอนที่แล้วตอนที่ 27: ลูกเสี้ยวของชาวมัสติน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29: ความเชื่อของโซเฟีย

ตอนที่ 28: อยู่ให้ห่างไว้!!!


ตอนที่ 28: อยู่ให้ห่างไว้!!!

 

เฮเซคียาห์เดินด้วยความรวดเร็วมาถึงหน้าประตูบ้านของโซเฟีย เขาเคาะประตูเบาๆ อยู่หลายครั้ง และรออยู่ เผื่อว่าเธอจะมาเปิดให้ ซึ่งหนนี้เขาไม่ต้องผิดหวังกับการมาเยือนบ้านของเธอ เพราะเธออยู่บ้าน และเปิดประตูออกมาด้วยดวงตาและสีหน้าแสดงความแปลกใจเมื่อพบว่าผู้มาเยือนเป็นเขา

 

“ผมเข้าไปได้ไหม” เฮเซคียาห์เบียดตัวเข้าไป ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตอบ

 

โซเฟียปิดประตูลงตามหลัง

 

“ดีที่คุณมาเคาะในเวลานี้ ฉันกำลังไปที่ห้องชั้นใต้ดินพอดี” เธอปิดล็อคประตูบ้าน แล้วเดินผ่านตัวเขาและบันไดขึ้นชั้นสอง ตรงไปยังประตูของห้องใต้ดินที่อยู่ลึกถัดไปจากบันได

 

“ทุกบ้านมีห้องใต้ดินอย่างนี้หมดหรือเปล่า” เฮเซคียาห์เคยเข้าไปในที่พักของชาวบ้านในเซนต์กิลเจนมาก่อน แต่ไม่เคยสังเกตหรือเห็นเองกับตาว่าในแต่ละที่พักมีห้องใต้ดิน เขาก้าวตามโซเฟียที่มีแสงเรืองจากร่างกายลงบันได แต่ละขั้นบันไดที่นำเขาลงไปยังชั้นใต้ดินค่อนข้างแคบ เสียงไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดจากใต้เท้า บริเวณชั้นใต้ดินสว่างด้วยหลอดไฟเล็กๆ ประดับบนผนังห่างกันเป็นระยะ

 

“คิดว่าคงมีทุกที่ค่ะ เราทุกคนต้องเตรียมพร้อมกับการเทเลพอร์ต” โซเฟียหันมาตอบเฮเซคียาห์

 

ชั้นใต้ดินของบ้านมีเพียงโต๊ะไม้ตัวใหญ่และเก้าอี้ไม้สี่ตัว เมื่อสังเกตดูให้ดี จะพบว่าทั้งโต๊ะและเก้าอี้มีเหล็กตอกตรึงยึดแน่นกับพื้น

 

“ใช้เวลาแค่ชั่วพริบตาค่ะในการเทเลพอร์ตทั้งหมู่บ้าน แต่ช่วงเตรียมการเทเลพอร์ต ใช้เวลาประมาณสิบห้านาที” โซเฟียทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งก่อน และมองเฮเซคียาห์ด้วยสายตาเป็นมิตรแฝงการเชื้อเชิญ

 

เฮเซคียาห์นั่งบนเก้าอี้ในตำแหน่งตรงกันข้ามกับเธอ

 

“เมื่อกี้ที่ผมเดินมาก็สิบกว่านาทีแล้ว”

 

“อีกครู่เดียวก็เทเลพอร์ต แล้วเราคงออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ตอนที่เทเลพอร์ต คุณจะรู้สึกว่ารอบตัวสั่นสะเทือนเล็กน้อยนะคะ แล้วพอเทเลพอร์ตเสร็จ คุณจะรู้สึกได้ว่าตัวเองอยากอาเจียนอย่างรุนแรง ข้างนอกจะมีเสียงพลุดังขึ้นต่อเนื่องด้วย ทางเจ้าหน้าที่ที่ศาลาว่าการหมู่บ้านจะเป็นคนจุดพลุขึ้น” สิ้นคำของโซเฟีย ห้องมีการสั่นสะเทือนเล็กน้อย

 

เฮเซคียาห์รู้สึกหูอื้อ และผ่านไปอึดใจ เขาวิงเวียนไม่ต่างจากเวลาเดินทางด้วยการเทเลพอร์ตกับเมเดียน

 

“กินลูกอมค่ะ” โซเฟียยื่นมือมาตรงหน้าเฮเซคียาห์ ในมือมีห่อลูกกวาดสีสวย

 

ชายหนุ่มหยิบห่อลูกกวาดมาเปิดออก ยัดลูกอมสีสวยเข้าปาก กลิ่นของน้ำผึ้งผสมกับมะนาวกระจายทั่วลิ้น และเขาเริ่มหายใจโล่งขึ้น อาการคลื่นเหียนบรรเทาลง

 

โซเฟียลุกจากโต๊ะก่อน

 

“มาค่ะ คุณมีอะไรจะคุยกับฉันใช่ไหม เราไปคุยกันช้างบนดีกว่า” เธอเดินขึ้นบันไดไปก่อน

 

เฮเซคียาห์ลุก และเดินก้าวขึ้นบันไดตามเธอ เมื่อโซเฟียเปิดประตูห้องใต้ดินออก เสียงตูมตามของพลุดังก้องจากภายนอกบ้าน

 

“เป็นอย่างที่คุณพูดทุกอย่าง เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยไหม”

 

“ฉันเจอแบบนี้เป็นหนที่ 3 แต่การเทเลพอร์ตครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี” โซเฟียอธิบาย และหันมามองเฮเซคียาห์ซึ่งยังขึ้นมาไม่ถึงบันไดชั้นบน แล้วเธอก็ยิ้มให้เขา ก่อนผละไปจากหน้าประตูห้องใต้ดินเสียก่อน ทางเฮเซคียาห์รีบเดินขึ้นมา และปิดประตูห้องใต้ดินให้กับโซเฟีย

 

เขาเดินไปตรงหน้าต่างบานหนึ่งของบ้าน มองออกไปยังภายนอก แต่ไม่พบว่ามีสิ่งผิดแปลกแตกต่างไปจากเดิม

 

“ใช้ชีวิตเหมือนเดิมค่ะ ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่เราแค่ไม่ได้อยู่ที่เดิมในโลกใบนี้” โซเฟียเดินมาหาเขา ยื่นถ้วยใบหนึ่งมาให้ และจับถ้วยใบนั้นยัดใส่มือของเขาขณะที่เขายังลังเลที่จะรับมันมา “ดื่มชาสักหน่อยนะคะ มันทำให้คุณโล่งคอขึ้น ตอนนี้ฉันกำลังทำอาหารค่ำ คุณจะทานด้วยกันไหม”

 

“เอ่อ...” เฮเซคียาห์ก้มลงมองพื้น แล้วมองหน้าเธออีกหน “ผมไม่ค่อยสนใจอาหารค่ำ ผมกินอะไรมาบ้างแล้วจากร้านอาหาร แต่มีเรื่องหนึ่งเราต้องคุยกัน...”

 

“คะ?” โซเฟียยิ้มน้อยๆ ให้เขา ดวงตากลมโตสีน้ำตาลของเธอดูน่าสนใจสำหรับเฮเซคียาห์ ร่างกายของเธอเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟฟ้าภายในบ้านแผ่แสงจางลงเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ด้วยกันในห้องใต้ดิน

 

“คำพูดของคุณก่อนจะแยกจากกัน นั่นไม่ใช่คำขอ...” เฮเซคียาห์ตะกุกตะกัก หัวใจเต้นแรงจนเขาแปลกใจ เขากำมือข้างที่ว่างเปล่าจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ“นั่นไม่ใช่คำขอแต่งงานใช่ไหม”

 

“คะ? คำขอแต่งงาน?” โซเฟียหน้าเพริด

 

เธอมองเฮเซคียาห์อย่างไม่เข้าใจ

 

“ฉันไปขอคุณแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอย่นหัวคิ้ว ดูเหมือนพยายามเข้าใจคำพูดของเขาแต่ไม่สามารถเข้าใจได้

 

“อ้อ! ตกลงคุณไม่ได้ตั้งใจสินะ” เฮเซคียาห์หัวเราะเก้อๆ

 

“คุณกำลังพูดอะไรของคุณกันคะ” โซเฟียกล่าวด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

 

เฮเซคียาห์เดาะลิ้น และกลอกตามองไปทางอื่น สมองของเขากำลังรวบรวมคำพูดเพื่ออธิบายทุกอย่างให้โซเฟียฟัง

 

“คืองี้นะ ผมบังเอิญคิดไปว่าคำพูดของคุณที่ว่าให้ผมพาคุณไปด้วย หรือที่ว่าคุณอยากอยู่กับผม เป็นคำขอแต่งงาน...

 

“เอ๊ะ! บ้าเหรอ! เราเพิ่งพบกัน” โซเฟียโวยวายด้วยใบหน้าตื่น หูสองข้างของเธอแดงเถือก “ฉันเห็นคุณเป็นเพื่อนนะ และอัลฟ่าฯ ต้อนรับคุณที่นี่ แสดงว่าคุณเป็นคนที่ไว้ใจได้ ฉันแค่คิดว่าตัวเองต้องปลอดภัยแน่ๆ ถ้าเดินทางไปกับคุณ และแน่นอนว่าฉันจะทำตัวให้มีประโยชน์ ฉันทำหลายๆ อย่างให้คุณได้ ทั้งทำกับข้าว หรือติดต่อกับมนุษย์คนอื่น ฉันดูเหมือนกับมนุษย์มากกว่าคุณ”

 

“โล่งอกไปที” เฮเซคียาห์ถอนใจ

 

“สีหน้าคุณนี่นะ ถ้าฉันคิดอะไรกับคุณอยู่ ฉันจะต้องรู้สึกเจ็บใจแน่ๆ” โซเฟียส่ายหน้า แล้วหัวเราะเฝื่อนๆ

 

“ขอโทษที คือจริงๆ ชาวมัสตินมีธรรมเนียมบางอย่างเรื่องการขอแต่งงาน แล้วคำพูดของคุณก็ดันไปเข้าทำนองขอแต่งงาน ผมก็เลยคิดมาก...”

 

โซเฟียหัวเราะพรืด ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

 

“คุณคิดไปไกลขนาดที่ว่าฉันขอคุณแต่งงานได้ยังไง คำพูดของฉันดูไม่มีอะไรเลยนะ เป็นคำพูดธรรมดามาก” โซเฟียหัวเราะอย่างขบขันเสียงดัง

 

เฮเซคียาห์รู้สึกเหมือนเขาเป็นไอ้งี่เง่า เขาโมโหตัวเอง และเคอะเขินขึ้นมา เขายกถ้วยชาขึ้นจิบ

 

“ตกลงคุณทานอะไรสักหน่อยไหมคะ ฉันกะทำซุปซีโครงแกะใส่หัวหอม กินกับขนมปัง” โซเฟียชวนอย่างเป็นมิตร ยังยิ้มอยู่พร้อมกับหลุดหัวเราะออกมาอีกเบาๆ

 

“ผมบอกไปแล้วนะ ผมกินอาหารเย็นมาเรียบร้อย”

 

“ไม่รับสักหน่อยแน่เหรอคะ เราจะได้นั่งคุยกันอีกสักหน่อย” โซเฟียยิ้มให้เขา แตะมือของเธอบนหลังมือของเฮเซคียาห์ซึ่งถือแก้วชาอยู่

 

“เอาก็เอา” เฮเซคียาห์ตอบรับ และมองตามหลังของโซเฟียที่ผละไปเตรียมอาหารต่อ

 

เขาเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา แล้วพลันนึกถึงเมเดียนขึ้นมาว่าอีกฝ่ายต้องตามหาเขา ถ้ากลับไปที่ร้านอาหารแล้วไม่เจอเขารออยู่ แต่สำหรับเมเดียน ฝ่ายนั้นแค่หลับตาลง คิดถึงตัวเฮเซคียาห์ เมเดียนก็สามารถเทเลพอร์ตมาหาเขาที่นี่ได้ ดังนั้น อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกว่าอีกฝ่ายจะกระวนกระวายหรือลำบากต้องเดินหาเขาไปทั่วหมู่บ้าน

 

กลิ่นซุปแกะร้อนๆ ลอยมาเข้าจมูกช่างหอมหวน เฮเซคียาห์เผลอสูดหายใจเข้าเต็มปอดและน้ำลายสอ

 

เขาขยับไปนั่งที่โต๊ะรับประทานอาหารด้านหลังชุดโซฟารับแขก

 

“ได้แล้วค่ะ” เสียงโซเฟียดังมาจากในครัว สักพักหนึ่งเธอเดินเร็วๆ เอาถาดไม้มาวางบนโต๊ะก่อน พร้อมกับจัดชุดถ้วยพร้อมกับช้อนคันใหญ่ด้านหน้าเฮเซคียาห์กับหน้าเก้าอี้ที่นั่งของตัวเอง แล้วเธอก็กลับเข้าไปในครัวแล้วยกเอาหม้อใบใหญ่ออกมา ควันฉุยๆ จากหม้อใบนั้นบ่งบอกว่าซุปในหม้อกำลังร้อนฉ่า

 

เฮเซคียาห์มองซี่โครงแกะในหม้อ ต้มเคี่ยวอย่างดีกับหัวหอมใหญ่ผสมกับเครื่องเทศอื่นๆ ที่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น มันช่างดูน่ารับประทาน เขากลืนน้ำลายเอื๊อกลงคออย่างเผลอตัว

 

“นั่นไง ฉันว่าแล้ว คุณกินไปแค่นิดเดียวใช่ไหมคะเมื่อเย็น” โซเฟียดักคอ ขยับตะกร้าขนมปังมาใกล้มือเขา และทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม

 

“ก็นะ จริงๆ ก็นิดเดียว”

 

“ฉันเห็นคุณกินมื้อเย็นในช่วง 3-4 วันนี้ นั่นไม่ได้เรียกว่ามื้อเย็นนะคะ แค่ซุปข้าวโพดเปล่าๆ กับกาแฟ”

 

“คุณ? อยู่ในร้านด้วยเหรอ?” เฮเซคียาห์ไม่ทันสังเกตมาก่อน และเขางงด้วย เพราะถ้าโซเฟียแอบจ้องเขา เขาน่าจะรู้ตัว

 

“อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันบังเอิญเจอคุณเข้า” โซเฟียยิ้มเจื่อนๆ ตักเอาซุปแกะมาใส่ชามตัวเอง “พอดีว่าฉันมักจะเอาผักที่ปลูกเองไปส่งที่ร้านนั้นตอนเย็นค่ะ ฉันก็เลยเห็นคุณเข้า”

 

“แล้วก่อนหน้านี้ คุณได้เห็นผมที่ไหนอีกบ้าง”

 

“ก็เจอค่ะ หลายๆ ครั้งเลย มีบางครั้งฉันก็แอบตามคุณกับเมเดียนไป” โซเฟียหัวเราะเบาๆ ส่งถ้วยพร้อมกับซี่โครงแกะเข้าปาก

 

“ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมบางครั้งรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนจ้องมองอยู่”

 

เฮเซคียาห์หยิบทัพพีอันใหญ่ตักซุปซี่โครงแกะมาใส่ถ้วยของตัวเองบ้าง เขาใช้ช้อนเขี่ยเนื้อติดซี่โครงแกะ และพบว่ามันถูกต้มจนเปื่อยยุ่ย เมื่อส่งทั้งเนื้อและซี่โครงเข้าปาก รสของแกะละลายอยู่ในปากของเขา เฮเซคียาห์เคี้ยวกัดซี่โครงแกะ ก่อนจะคายออกมาใส่ช้อนเพื่อกองไว้ข้างถ้วยซุปของเขา

 

“เดี๋ยวฉันไปหยิบเอาถ้วยเล็กๆ อีกใบมาให้คุณนะคะ แล้วเครื่องดื่ม อยากได้เป็นอะไรคะ” โซเฟียถามเขา วางช้อนในมือของเธอลง

 

“อะไรก็ได้” เฮเซคียาห์ตักน้ำซุปพร้อมกับเนื้อหัวหอมใหญ่เข้าปากต่อ

 

ซุปซี่โครงแกะทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอบอุ่น รสชาติเค็มปะแล่มๆ ของน้ำซุปทำให้เฮเซคียาห์เพิ่งตระหนักว่าเขากำลังหิวมาก เขาบิเนื้อขนมปังใส่ปากพร้อมกับตักซุปเข้าปากตาม

 

โซเฟียเดินมาวางแก้วใส่น้ำเปล่าข้างแขนของเขา และทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ของเธอ

 

“อัลฟ่าฯ เคยเล่าว่าคุณทำอาหารอร่อย หนหน้าลองทำให้ฉันทานดูบ้างนะคะ” โซเฟียชวนคุย

 

“ผมนึกว่าถ้าคุณเดินทางไปด้วยกัน คุณจะทำให้ผมทาน” เฮเซคียาห์แหย่อีกฝ่ายเล่น

 

“ตกลงว่าคุณจะให้ฉันไปด้วยเหรอ” น้ำเสียงและสีหน้าของโซเฟียแฝงความจริงจัง ดูจากสายตาของเธอแล้ว เธอคาดหวังว่าเขาจะช่วยให้เธอได้โบยบินไปจากที่แห่งนี้

 

ก๊อกๆๆ

 

เสียงดังมาจากประตูบ้าน โซเฟียลุกจากโต๊ะแล้วไปเปิดประตู

 

“ขอฉันทานด้วยสิ ไหนๆ ก็ยังไม่ได้ทานอะไรก่อนมาที่นี่” เสียงดังก่อนปรากฏตัว เมเดียนอยู่ด้านนอกบ้าน

 

เฮเซคียาห์มองเมเดียนเดินเข้ามา อีกฝ่ายสวมแต่กางเกงวอร์ม

 

“เสื้อคุณไปไหนคะ ฉันไปถามหาเสื้อจากคนแถวนี้มาให้ไหม” โซเฟียปล่อยให้เมเดียนนั่งลงตรงที่ของเธอเสียอย่างนั้น แล้วเธอก็รีบออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

 

สายตาของเมเดียนและเสียงเคาะนิ้วเป็นจังหวะของเขาทำให้เฮเซคียาห์อึดอัด ชายหนุ่มไม่อาจเจริญอาหารและลงมือรับประทานต่อไปได้ เขาหยุดมือที่ตักอาหารเข้าปาก เก็บมือวางบนโต๊ะข้างถ้วย และปิดปากเงียบไว้ก่อน สายตาของเฮเซคียาห์มองไปที่คอของเมเดียนทั้งที่อยากจ้องมองไปยังนัยน์ตา เขาจำต้องทำเช่นนี้เพื่อหลีกเลียงอาการคลื่นเหียนรุนแรงที่จะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาจ้องตาของอีกฝ่ายตรงๆ

 

“เธอ...” เมเดียนทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน น้ำเสียงแฝงความดุร้าย “อยู่ให้ห่างโซเฟียไว้!

 

เฮเซคียาห์อดประหลาดใจกับท่าทีของอีกฝ่ายไม่ได้

 

“คุณกำลังไม่พอใจที่เห็นผมที่นี่กับโซเฟียอย่างนั้นเหรอ” เขาถามให้แน่ใจถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย

 

“ใช่! เธอกับโซเฟียไม่ควรได้พบกัน”

 

“เธอเป็นคนมาเจอผมก่อน เธอบอกด้วยว่าคุณเล่าเรื่องของผมให้เธอฟัง” เฮเซคียาห์อยากเข้าใจเมเดียนมากขึ้น “ไม่ใช่ว่าคุณอยากให้ผมพบกับเธออย่างนั้นเหรอ”

 

“มันเป็นความผิดพลาดของฉันที่เล่าเรื่องเธอให้โซเฟียฟัง หลังจากโซเฟียคาดคั้นถามถึงเธอ หลังจากเห็นฉันพาเธอมาที่นี่หลายๆ ครั้ง”

 

“อะไรทำให้คุณบอกว่าตัวเองทำผิดพลาด”

 

“ก็เพราะฉันไม่คิดว่าโซเฟียจะอยากออกจากหมู่บ้านนี้ไปพร้อมกับเธอ” เมเดียนคำรามอยู่ในคอ และขนนกบนแขนของเขาพองตัวขึ้น ทำให้เฮเซคียาห์ตระหนักว่าเมเดียนกำลังเกรี้ยวกราด และอารมณ์ภายในอาจระอุรุนแรงกว่าที่กำลังแสดงออกภายนอก “เด็กคนนั้นเหมือนกับหลานสาวของฉัน ฉันไม่อยากให้เธอไปตายข้างนอกนั่น ดังนั้นต่อไปนี้ให้หลีกเลี่ยงการเจอกับเธออีก เข้าใจไหม

 

“โอเค...” เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นในทำนองปรามอีกฝ่ายให้อารมณ์เย็นลง “นั่นเป็นสิ่งที่ผมทำให้คุณได้”

 

“ให้ตายเถอะ! ไอ้เด็กเฮงซวย” เมเดียนไม่สนใจว่ากำลังด่าเฮเซคียาห์แบบต่อหน้าต่อตา

 

เฮเซคียาห์อ้าปากค้าง แต่ไม่โกรธ เขาลองคิดว่าถ้ามีผู้ชายต่างถิ่นคนหนึ่งกำลังจะพาน้องสาวของเขาหนีไปจากเขา เขาคงงุ่นง่านหงุดหงิดเหมือนกับที่เมเดียนกำลังแสดงออก

 

“ทีนี้เธอกลับไปก่อน ฉันจะกินอาหารเย็นต่อกับโซเฟีย”

 

สิ้นคำของเมเดียน เฮเซคียาห์รู้สึกเหมือนตัวเขาถูกกระชากเข้าไปในสายลมที่หมุนวนอย่างรุนแรง

 

อั้ก!” เขาอุทาน ก้นกระแทกพื้น

 

เมื่อมองไปโดยรอบ เฮเซคียาห์พบว่าเขากำลังนั่งอยู่หน้าป่าหนามในความมืดสลัว ดูเหมือนว่าเมเดียนจงใจทิ้งเขาให้ลำบากรออยู่นอกบ้าน

 

“ให้ตายสิ! ไอ้แก่นั่น” เฮเซคียาห์ตะโกนอย่างหัวเสีย มีอาการวิงเวียนศีรษะจากการเทเลพอร์ตหลงเหลืออยู่บ้าง

 

เขาหายใจฟืดฟาดอย่างหงุดหงิด เหลียวใบหน้าไปมองกระท่อมที่เคยใช้เป็นที่อยู่ ในความรู้สึกของเขา กระท่อมหลังน้อยดูไม่น่าอยู่อีกแล้ว แต่เขาก็จำใจต้องเดินเข้าไปนั่งพักภายในก่อนเพื่อหลบน้ำค้างที่เริ่มลงเม็ด ใจของเฮเซคียาห์หวังว่าเมเดียนจะไม่ทิ้งเขาไว้ที่ข้างนอกบ้านตลอดทั้งคืน

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด