Money Monster Episode XXVIII [การเตรียมใจของผู้ยิ่งใหญ่]
Money Monster Episode XXVIII [การเตรียมใจของผู้ยิ่งใหญ่]
ณ มหานครอันยิ่งใหญ่มีสถานที่บางแห่งทีเหมาะแก่การเป็นที่กบดานของสิ่งมีชีวิตประหลาด ไม่ว่าจะเป็นโรงงานร้าง ห้องเก็บของลับ หรือสิ่งปลูกร้างที่ถูกทิ้งเอาไว้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งต่อการอยู่อาศัยของสัตว์ คนไร้บ้าน และพวกหนีคดี
อมนุษย์ร่างสูงใหญ่ที่มีเกล็ดแข็งตามตัวพร้อมปล่อยเปลวเพลิงออกมานั่งอยู่ในสถานที่คับแคบแห่งหนึ่งที่มีสิ่งของถูกพังเละเทะไม่มีชิ้นดี ดวงตาคมโตคล้ายกิ้งก่าเหม่อลอยพลางพ่นแก๊สติดเชื้อเพลิงออกมาทางปากด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
“ต้องการมากว่านี้..ต้องการมากกว่านี้อีก มันยังไม่พอ อีกแค่นิดเดียว..อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น”
เอี้ยด
เสียงประตูเปิดอ้าออกมาก่อนที่ผู้มาใหม่จะเข้ามา อมนุษย์ร่างสีดำค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของมนุษย์ผู้ชาย พวกมันโยนเหยื่อลงบนพื้นก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวนอนลงพื้นเป็นการทำความเคารพ
“ท่านซาลามันเดอร์...เครื่องสังเวยค่ะ/ครับ” กรีดชั้นเลวเอ่ยขึ้นพร้อมกันให้ซาลามันเดอร์เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ชิพเตอร์งั้นรึ ทำได้ดีมาก” ซาลามันเดอร์กล่าวชื่นชมก่อนจะเริ่มทำการกระซวกร่างไร้วิญญาณเพื่อนำเอาเหรียญตราอสูรที่ฝังอยู่ในหัวใจออกมา ก่อนจะคว้ามันกินเข้าไปในท้อง ร่างกายอันใหญ่โตจึงเปล่งแสงขึ้นพร้อมพลังที่เอ่อล้น
“อา..ข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่เอ่อล้น อีกแค่นิดเดียว..ข้าก็จะวิวัฒนาการ! และเข้าสู่ระดับหก”
“หวังน้อยเหลือเกินนะ” เสียงปริศนาดังขึ้นซาลามันเดอร์กรอกตาไปมาเพื่อหาเจ้าของเสียง ก่อนที่บุรุษสวมชุดสีขาวจะปรากฏตัวขึ้น
“นะ..นี่ท่านคือ!” ซาลามันเดอร์เบิกตาโพลงก่อนจะหมอบกราบแทบเท้าผู้มาเยือน เขาไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าคนผู้นี้มาก่อนแต่สัมผัสได้จากสัญชาตญาณที่ซ่อนอยู่ในตัว ว่าคนตรงหน้าคือผู้ที่บรรลุและมีศักดิ์เหนือกว่าตนไปแล้ว
“สวัสดี เธอชื่ออะไรนะ”
“ซาลามันเดอร์ครับ”
“อืม! ซาลามันเดอร์สินะ ยินดีที่ได้รู้จัก! ฉันชื่อยูเรโนสเป็นลอร์ด”
“ลอร์ด..งั้นรึ”
“ใช่” ยูเรโนสคลี่แผ่รอยยิ้มจางๆ ออกมา
“ลอร์ดคือตัวตนที่วิวัฒนาการจนถึงขั้นสูงสุด แต่ก็มีเงื่อนไขพิเศษ ใช่..ซาลามันเดอร์ สนใจทำงานให้กับฉันไหม แล้วฉันจะวิวัฒนาการให้เธอเอง”
“วิวัฒนาการ..จะไปได้เหนือกว่าระดับห้าใช่รึเปล่า”
“แน่นอนสิ หากสำเร็จฉันจะให้เธอเป็นลอร์ด”
กลายเป็นกรีดลอร์ด เหมือนกับพวกเรา
“เอาล่ะ วันนี้เราจะมาประชุมปัญหาชีวิตกัน และด้วยการที่เรารวมตัวกันครั้งแรกนอกวอลสตรีท ครอสซ์จะเป็นคนเลี้ยงมื้อเย็นให้พวกเรา” เสียงของไลท์เอ่ยขึ้นท่ามกลางโต๊ะอาหารกลางแจ้งโดยมีหนุ่มสาวอีกสามชีวิตรายล้อม
“โอ้! คุณครอสซ์ใจป๋ามากค่ะ”
“อืมๆ! เห็นด้วยเลย”
“เอ๋! ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”
“ก็เพราะนายเจ๋งสุดยังไงล่ะ”
“ใช่แล้วค่ะ ในบรรดาพวกเราสี่คนคุณครอสซ์เป็นคนเดียวที่ได้รับข้อเสนอทาบทามนะคะ”
“ใช่แล้ว เพราะงั้นนายต้องเป็นคนเลี้ยงข้าวนะ”
“อืม..ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอก แต่เอางั้นก็ได้ ท่านครอสซ์สุดหล่อแสนเท่จะเป็นคนเลี้ยงมื้อเย็นทุกคนเอง” ครอสซ์ทำเป็นหวีผมส่องกระจกก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่หล่อเหลา ส่งผลให้ทั้งสามคนแอบลอบยิ้มหัวเราะในใจอย่างชั่วร้าย
‘ตามน้ำได้ดีมากทั้งสองคน’ ไลท์คิดในใจพลางมองอีกทั้งสองคน
‘ไม่หรอกค่ะ คุณไลท์เองก็ชั่วร้ายเสมอต้นเสมอปลายเลยนะคะ’ ลูน่าปั้นหน้ายิ้มมองตาอีกฝ่ายเป็นการส่งข้อความ ราวกับกำลังแลกเปลี่ยนกระแสจิตพูดคุยกันอย่างไงอย่างงั้น
‘ไม่หรอก เธอเองก็มารยาหญิงใช่ย่อย ไปยอมันอีกสิ! ไปยอมันให้หมดตัวเลย’
‘พอเถอะน่าทั้งสองคน อย่าทำร้ายครอสซ์ไปมากกว่านี้เลย’
“เอ๊ะ? ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกจัง อะไรเหรอๆ ทำอะไรกันที่ฉันไม่รู้อยู่รึเปล่า” ราวกับมีสัมผัสพิเศษครอสซ์มองหน้าสลับกับเพื่อนแต่ละคนและเริ่มสงสัย ทั้งสามยิ้มกลบเกลื่อนและเริ่มสั่งอาหารมาทานกัน
หลังจากการสอบจบลงทุกคนก็รอว่าจะมีข้อเสนอส่งมาทาบทามหรือไม่ แจ๊สเปอร์กับลูน่าทำใจมาทั้งนานแล้วจึงไม่ได้รับผลกระทบทางจิตใจอะไร หากเป็นไลท์ที่เหมือนดิ่งลงมาจากยอดเขาสูง ทำให้ทั้งสามเป็นห่วงเขาว่าจะผิดหวังมากหรือไม่ แต่ดูจากการแสดงทางภายนอกแล้วก็เหมือนปกติจนน่าใจหาย
แต่แม้จะไม่แสดงออกแต่ก็พอรู้ผ่านดวงตาและน้ำเสียงได้ว่าเจ้าตัวกำลังลำบาก แต่ทุกคนก็รู้ว่าไลท์เป็นคนฉลาดคงมีวิธีจัดการของเขาเองจึงไม่ยุ่งอะไรมาก ส่วนที่เซอร์ไพรส์ที่สุดย่อมเป็นครอสซ์
ครอสซ์ได้รับข้อเสนอทาบทามจากหนึ่งในองค์กรที่มาเป็นแมวมองในวันสอบ แจ๊สเปอร์แอบหาข้อมูลและได้ข้อสรุปว่าเป็นองค์กรที่ไม่เลว แต่พ่อหนุ่มคนนี้กลับตอบปฏิเสธข้อเสนอไปด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ถ้าไม่มีฉันพวกนายคงเหงาแย่!’ จึงมานั่งเลี้ยงข้าวอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
หลังจากที่จัดการมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อยไลท์จึงเปิดประเด็นพูดคุยในทันที
“ฉันไปหาข้อมูลมา เรายังมีโอกาสที่สองอยู่”
“โอกาสที่สอง?” ทั้งสามเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ไลท์หยิบแผ่นโฆษณากิจกรรมรุกกี้โบรกเกอรืขึ้นมาบนโต๊ะก่อนที่แจ๊สเปอร์จะหยิบไปอ่านดู
ไลท์บอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับรุกกี้โบรกเกอร์และคำแนะนำที่ได้รับมาจากเมซูลให้คนอื่นๆ ได้รับรู้
“สรุปคือเราต้องหาทางพัฒนาฝีมือของตนเองให้ได้ก่อนรุกกี้โบรกเกอร์จะถูกจัด และอย่าเพิ่งเชื่อถือคำชักชวนจากองค์กรอื่นสินะ”
“ใช่” ไลท์กล่าวก่อนจะคล้อยสายตาต่ำลงพลางถอนหายใจ
“พวกเราจะต้องเริ่มล่ากรีดตัวแรกให้ได้ในคืนนี้”
“คืนนี้?”
“ใช่”
“ทำไมถึงเร็วจังเลยคะ อย่างน้อยก็น่าจะให้เตรียมตัวเตรียมใจก่อน” ลูน่าเริ่มใจฝ่อเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ประหม่า ขนาดของเทียมกว่าเธอจะจัดการได้ยังหืดขึ้นคอ จะนับประสาอะไรกับของจริงที่ฆ่าจริงตายจริง แต่แม้สาวน้อยจะแสดงท่าทีอ่อนแอออกมาแววตาของไลท์ก็ไม่ได้สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย
“แล้วต้องเตรียมใจอีกนานแค่ไหน?”
“....” เด็กสาวถึงกับจุกในลำคอเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่
“ถ้าเธอยังไม่เข้าใจฉันจะบอกเธอก็ได้ พวกเราไม่มีเวลาแล้ว”
“ไม่มีเวลาแล้ว..เหรอคะ”
“อืม..เรามีเวลาอยู่เจ็ดเดือน ดูเหมือนจะเยอะแต่จริงๆ แล้วมันน้อยมาก ถ้าเราชักช้าไปแม้วันเดียวเราจะถูกคนอื่นที่เหลือแซงหน้า อีกอย่าง คนที่ควรเป็นห่วงเรื่องเวลาที่สุดก็คือเธอนะ ลูน่า”
“ฉันเหรอคะ?” ลูน่าชี้มาที่ตัวเธอเองด้วยสีหน้างงงวย ดวงตาของปากเล็กๆ ของเด็กสาวเริ่มสั่นระริกด้วยความกังวล รู้สึกเริ่มกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจขึ้นมาชอบกล
“เธอยังเรียนมัธยมอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เธอต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน กว่าจะออกจากโรงเรียนก็น่าจะสามถึงสี่โมง เวลาที่สามารถออกล่ากรีดได้คือหนึ่งทุ่มจนถึงตีห้า แต่เธอทำแบบนั้นไม่ได้ อย่างมากต้องกลับมานอนที่บ้านประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งไม่อย่างนั้นจะอ่อนล้าตอนไปโรงเรียน เข้าใจความหมายแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ..” ลูน่าเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง พอคิดตามแล้วก็พบว่ามีข้อจำกัดด้านเวลาอยู่ ตอนที่ยังอยู่ศูนย์ฝึกอบรมเธอสามารถจัดการเวลาได้เพราะมันใช้เวลาไม่มาก แต่การออกล่ากรีดไม่ใช่ มันแสดงให้เห็นว่าต้องมีวินัยเรื่องการจัดการเวลาขนาดไหน
“ฉันเองก็ลาออกจากงานพาร์ทไทม์ช่วงเย็นหมดแล้ว แล้วกำลังพิจารณาเรื่องการลาออกจากมหาลัย”
“ไลท์!” แจ๊สเปอร์โพล่งเสียงออกมาด้วยท่าทีประหลาดใจสุดขีดเมื่อได้ฟังข้อความตรงหน้า ใบหน้าของหนุ่มผมเทาฉายแววเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายแบบเห็นได้ชัด แม้จะรู้จักกันมาประมาณแค่เดือนเดียวแต่ก็เริ่มมีความผูกพันกัน
ในสามคนนี้รู้แล้วว่าไลท์มีฐานะในโลกความเป็นจริงอย่างไร ทำไมถึงทำงานไปด้วยเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วย และมันสำคัญต่อเขามาก แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังพูดว่าจะลาออกจากมหาวิทยาลัย เหมือนกับกำลังล้มเลิกความฝันของตนเองแล้วก็ไม่มีผิด
“ฉันจะกลับไปเรียนตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ขอแค่หลุดพ้นจากMoney Monsterออกได้ก็พอ”
“แต่ว่า..”
“ฉันสืบข้อมูลมา ฉันจะหาทางทำเงินจากMoney Monsterให้ได้ การออกจากพาร์ทไทม์และมหาลัยจะทำให้ฉันมีเวลาพักผ่อนและวางแผนมากขึ้น ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่จะทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ถ้าอยากทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จก็มีแต่ต้องทุ่มสุดตัว นี่คือคำสอนของปู่ฉัน”
“โอ้ว! พูดได้เยี่ยม!” ครอสซ์แหกปากออกมาหลังได้ยินคำพูดของไลท์ ทั้งลูน่าและแจ๊สเปอร์ต่างหันมามองหน้ากัน เสมือนว่าพวกเขายังอดเป็นห่วงไม่ได้
“ฉันมีเหตุผลที่จะมีความเสี่ยงไม่ได้ ถ้ายังกังวลอยู่อีกฉันจะบอกก็ได้ว่าฉันเอาชะตากรรมไปแลกกับอะไร”
“เอ๋?!” ทั้งสามส่งเสียงตกใจออกมาพร้อมกัน ตั้งแต่รู้จักกันมาก็ถามไถ่ข้อมูลส่วนตัวมามากแต่มีเรื่องนี้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ไลท์สูดลมหายใจเฮือกโตเข้าปอดแล้วคลี่ออกมาเป็นการผ่อนคลาย ชายหนุ่มล้วงเอาใบชำระหนี้ของMoney Monsterออกมาวางไว้บนโต๊ะ เผยให้เห็นตัวเลขยาวเหยียดจนแค่มองต้องทำตาถลนด้วยความตะลึง
“ในตอนที่ฉันเป็นชิพเตอร์ครอบครัวของฉัน พ่อ แม่ น้องชาย น้องสาวฝาแฝดถูกกรีดรุมฆ่าตายทั้งหมด ฉันเลยทำสัญญากับมาม่อน เอาชะตากรรมของฉันไปค้ำประกันคืนชีพครอบครัวทุกคน ตัวเลขเลยเป็นอย่างที่เห็น”
“คืนชีพคนถึงห้าคน..ชะตากรรมต้องมีอำนาจขนาดไหนกันนะ” แจ๊สเปอร์ถึงกับปิดปากเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์เหลือเชื่อ
“หนี้ขนาดนี้หามาใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดหรอกค่ะ”
“นั่นน่ะสิ!” ครอสซ์ผสมโรงด้วย
“ฉันไม่คิดแบบนั้น”
“...” ทั้งสามหันขวับมามองเจ้าของหนี้สินมหาศาลโดยมิได้นัดหมาย
“พูดเหมือนจะอวดดีแต่ฉันเชื่อว่าฉันฉลาดและยังเติบโตได้อีก ถึงจะใช้การ์ดคู่หูไม่ได้แต่ยังสู้ไหวอยู่ Money Monster มีวิธีหาเงินตั้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอสังหารริมทรัพย์ สร้างองค์กรเพื่อหาผลประโยชน์ แข่งอารีน่าเดิมพันระดับสูงๆ ทุกอย่างบนโลกขอแค่มีข้อมูลและสติปัญญาก็สามารถทำเงินได้ทั้งนั้น ใช่..หนี้ของฉันต้องชำระหมดแน่ ภายในสองปีฉันจะต้องกลายเป็นโบรกเกอร์ระดับท๊อปของวอลสตรีท”
“แล้วเรื่องในโลกจริงของนายล่ะ ครอบครัวของนายต้องเป็นห่วงแน่ถ้าจู่ๆ นายลาออกจากมหาลัยไป ต่อให้ปิดบังยังไงเดี๋ยวก็โดนจับได้อยู่ดี”
“ฉันจะบอกพ่อแม่”
“!” แจ๊สเปอร์และอีกสองคนเบิกตาโพลงกว้างด้วยความตกตะลึง หนุ่มผมเทาเผลอทุบโต๊ะส่งเสียงดังปัง
“นายจะบอกเรื่องเกี่ยวกับMoney Monsterให้ครอบครัวงั้นเหรอ”
“ใช่ อย่างที่นายพูด ปิดบังไปเดี๋ยวก็จับได้ ฉันก็ต้องแถไปเรื่อยๆ ทำไปก็มีแต่จะน่าสงสัยมากขึ้น สู้บอกไปตรงๆ เลยดีกว่า”
“นายบอกว่านายคืนชีพครอบครัวใช่ไหม แล้วถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ลูกชายต้องขายชะตากรรมให้ปีศาจจนต้องตกระกำลำบาก คิดว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไง บางทีอาจรู้สึกผิดมากจนฆ่าตัวตายเลยก็ได้”
“อะไรนะ ฆ่าตัวตายเลยงั้นเหรอ!” ครอสซ์ที่ตามบทสนทนาอยู่ห่างๆ พอได้ยินคำว่าฆ่าตัวตายก็กล่าวแทรกออกมาอย่างสนอกสนใจ ลูน่าหันมองมาที่ไลท์ด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกอึดอัดที่หน้าอกจนอยากจะอาเจียน
ชายหนุ่มผมทองคำขาวมีใบหน้าที่เรียบเฉย เคาะนิ้วบนโต๊ะสองสามทีจึงตอบลับไปว่า
“พ่อแม่ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ถึงพวกท่านจะไม่ฉลาดแต่ก็ไม่ได้โง่ ถ้าพวกท่านเกิดฆ่าตัวตายขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ต้องดูแลน้องชายและน้องสาวตามลำพัง ภาระของฉันจะเพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัวจนหาเงินมาใช้หนี้มาม่อนไม่ไหว น้องๆ ของฉันก็จะหายไปด้วย สุดท้ายก็ได้อยู่ตัวคนเดียว...แล้วฉันก็จะฆ่าตัวตายตาม”
“!!!!!!!”
“ก็เท่านี้แหละ เหตุผลที่พ่อแม่ฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย”
“ไลท์..คงไม่ใช่ว่าถ้านายชำระหนี้ไม่ได้แล้วถูกยึดความปรารถนาคืนไป ตั้งใจจะฆ่าตัวตายหรอกนะ” แจ๊สเปอร์เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ครอสซ์และลูน่าพร้อมใจกันหรี่ตามองมาที่ไลท์เพื่อเค้นเอาคำตอบ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ตอบออกไปตรงๆ พลางก้มสายตาต่ำลงอีกด้วย
“ใช่จริงด้วยสินะ!”
“ไม่เห็นต้องกดดันตัวเองขนาดนั้นเลยนี่คะ!คุณไลท์ทำแบบนี้มันไม่ดีนะคะรู้ไหม คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่มีความสุขแน่ค่ะ”
“เฮ้ยๆ! อย่าทำอะไรบ้าๆ เชียวนะ มีปัญหาอะไรก็คุยกัน”
เพื่อนๆ พากันช่วยเกลี้ยกล่อม ความห่วงใยแสดงออกมาผ่านน้ำเสียงและถ้อยคำพูดอย่างชัดเจน ไลท์ได้แต่น้อมรับและหลับตาลงอย่างเชื่องช้าก่อนจะกล่าวต่อว่า
“สำหรับฉันแล้ว ครอบครัวคือสิ่งยึดเหนี่ยวหัวใจ ความฝันของฉัน ความปรารถนาของฉัน หากไม่มีพวกเขาอยู่มันก็ไร้ความหมาย”
“แต่ไลท์ ฉันยอมรับและนับถือนายมากที่ทุ่มเทให้ครอบครัวขนาดนี้ แต่เผื่อใจไว้บ้างก็ดี”
“แน่นอน..ถ้าพวกเขาจากไปตามธรรมชาติฉันก็จะไม่อาลัยอาวรณ์ แต่นี่ไม่ใช่..พวกเขาตายเพราะฉัน และฉันต้องชดใช้ที่เป็นต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น”
“....”
ทุกคนไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมาอีกเลย ความหนักแน่นและการเตรียมใจของไลท์แสดงออกมาทางคำพูด สีหน้า และอารมณ์ ชายหนุ่มในวันนี้ดูเข้มแข็งและน่ายำเกรงมากผิดหูผิดตา ทั้งที่ควรจะเศร้าโศกอยู่กับความผิดหวังแท้ๆ นี่คือสิ่งที่พวกแจ๊สเปอร์ยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจ
แต่ก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดีหากสุดท้ายแล้วจะต้องทำให้ชีวิตตัวเองพังทลายลง
‘เดี๋ยวก่อนนะ’ แจ๊สเปอร์เริ่มครุ่นคิด
ไลท์เป็นคนละเอียดและรอบคอบ การตัดสินใจอย่างการออกจากมหาวิทยาลัยค่อนข้างเป็นการกระทำที่สุดโต่งและเลือดร้อนเกินวิสัยของเจ้าตัวเกินไปสักหน่อย หากเป็นไลท์ยามปกติอาจก้าวถอยหลังมานิดหนึ่ง หาทางจัดการเวลาอย่างเป็นระเบียบเพื่อลดความเสี่ยงลงในระดับหนึ่ง น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เหนือบ่าแรง
พอมาคิดดูให้ละเอียดแล้ว จากนิสัยที่รอบคอบและถ้าไม่มั่นใจจะไม่ทำ การที่ยอมลาออกจากมหาลัยมาเข้าสู่วิถีของโบรกเกอร์อย่างเต็มตัว นั่นหมายความว่า ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆ ก็บ้า คงเล็งเห็นโอกาสความเป็นไปได้และเชื่อว่าตนเองจะประสบความสำเร็จ
เหมือนกับผู้คนที่ประสบความสำเร็จในอดีต บุคคลที่เป็นแรงขับเคลื่อนของโลกและมีชื่อเสียง หนึ่งในนั้นมีคนที่ไม่จบการศึกษาด้วยซ้ำแต่กลับประสบความสำเร็จด้านการงาน เพราะพวกเขาเห็นโอกาสที่เติบโตได้ดียิ่งกว่า
มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ไว้ศึกษา แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต เมื่อสถานศึกษาไม่จำเป็นอีกต่อไปก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องให้ค่า นั่นอาจเป็นความคิดแบบเดียวกับบุคคลสำคัญเหล่านั้นก็เป็นได้ และอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ไลท์มีเหมือนพวกเขานั้นก็คือ [คิดแล้วลงมือทำ]
พอเห็นไลท์ในตอนนี้เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงสามารถสลัดความเศร้าโศกและผิดหวังไปได้ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย ไลท์ในตอนนี้ยังเจ็บปวดแต่เขาไม่มีเวลาให้เศร้ามาก เวลาเพียงวันเดียวอาจเป็นตัวตัดสินวันพรุ่งนี้หรืออนาคตอันยาวไกล ถ้ามัวแต่จมปลักกับความรู้สึกเดิมๆ นานเกินไป ก็จะถูกคนที่เพียบพร้อมมากกว่าแซงหน้าไปโดยไม่รู้ตัว
จึงต้องเมินความเศร้าและคิดหาทางออกในทันที
แจ๊สเปอร์ในยามนี้อยากจะหลั่งน้ำตาให้กับชายที่พึ่งเจอกันไม่ถึงเพียงหนึ่งเดือน พอได้ฟังจากปากเกี่ยวกับการคืนชีพครอบครัวและการทุ่มเทชีวิตจากเจ้าตัวเองแล้ว ก็ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก
ผู้ชายคนนี้แหละ มีอนาคต