DC บทที่ 27: ป้ายหยกข้างหมอน
ซูหยางเหม่อมองหมู่ดาวจากบนหลังคาบ้าน เขาดูเหงาเศร้า
เขารำลึกถึงช่วงเวลาเช่นนี้หลายครั้งในช่วงชีวิตก่อน เหม่อมองหมู่ดาวพราวพร่างฟ้ายามราตรี ต่างกันตรงที่ช่วงเวลาเหล่านั้นเขาไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวแต่อยู่ร่วมกันกับคนที่เขารัก
พวกเธอเป็นเช่นไรบ้าง พวกเธอยังมีชีวิตอยู่ไหม คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในใจเขาตลอดเวลาที่หมู่ดาราปรากฏ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ฟ้ายามมีดาราดู...กว้างเหลือเกิน….” เขาถอนหายใจ หลับตาลง ค่อยเคลิ้มหลับไปภายใต้ลมราตรีแผ่วเบาลูบไล้เรือนผมดำยาวสลวย
—
—
—
ยามเที่ยงคืนประตูห้องข้างห้องซูหยางเปิดขึ้น สองเงาร่างเดินออกมา
“หูเอ๋อร์ ช่วงหลังนี้เจ้าทำรุนแรงกว่าปกติ เจ้าเป็นไรหรือเปล่า” เมิ่งเจียถามถังหูที่ดูเหมือนกับมีบางสิ่งอยู่ในใจด้วยความกังวล
ถังหูยิ้มขื่นขมและกล่าวว่า “อย่ากังวลไปเลย มิมีอะไรมาก ข้าเพียงรู้สึกเพลียเล็กน้อยพักหลังนี้”
“เจ้าป่วย เจ้าเป็นไรไหม เจ้าไปขอให้ตำหนักโอสถดูให้หรือยัง”
“ข้าเพียง..มิมีอะไร..จริงๆ” ถังหูย้ำด้วยรอยยิ้มมั่นใจ แต่เขายังคงรู้สึกขื่นขมในใจที่โกหกต่อหน้าเธอ อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการเปิดเผยความกลัวที่จะสูญเสียเธอให้กับซูหยาง ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
“เช่นนั้นก็ดี” เมิ่งเจียถอนใจโล่งอก เลื่อนริมฝีปากใกล้หูของถังหู “ข้าค่อนข้างชอบให้มันรุนแรงอยู่บ้าง เจ้ารู้ไหม มันรู้สึกเหมือนว่าข้ากำลังฝึกร่วมกับใครคนอื่น มันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่”
เมิ่งเจียหัวเราะเอียงอาย เป็นเหตุให้ความขื่นขมในใจถังหูยิ่งฝังลึก ยิ่งเจ็บปวดร้าวราน
เมิ่งเจียจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากถังหูก่อนที่จะเดินหายลับไปในความมืด
ถังหูยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หันไปมองห้องซูหยาง อารมณ์หลากหลายปรากฏขึ้นบนแววตา
เขาถอนหายใจลึกไม่นานหลังจากนั้น รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม ไม่เคยสักครั้งในชีวิตที่เขาคิดว่าจะรู้สึกอิจฉาและหวาดกลัวซูหยาง บางคนที่เขาเคยเห็นว่าไม่มีอะไรไปมากกว่าวัตถุสวยงามเดินได้
เมื่อถังหูพบซูหยางครั้งแรกเมื่อปีก่อน เขาอิจฉาในความหล่อเหลาเหนือชั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเขารู้ว่าซูหยางมีปัญหาด้านสภาพจิต ถังหูเกือบโลดเต้นด้วยความสุข ดีใจที่ซูหยางไม่ได้เป็นอุปสรรคกับเขาหรือใครคนอื่นภายในนิกาย เขาเป็นเพียงดาบเล่มสวยที่ไร้คมปราศจากการคุกคามผู้ใด
“นี่สวรรค์คงลงโทษข้าที่หัวเราะเยาะความโชคร้ายของผู้อื่น” เขาถอนใจอีกครั้ง
ในเวลานั้นประตูห้องซูหยางก็เปิดออก หญิงสาวสวยในชุดสีเขียวก็เดินออกมาอย่างยากลำบาก ชุดเธอยับย่นหละหลวม คล้ายว่าเธอถูกทำร้ายมา
วินาทีที่ถังหูสังเกตเห็นชุดสีเขียว เขารู้สึกเหมือนแผ่นดินไหว ใจสั่นสะท้าน
“ศิษย์ใน” เขาร่ำร้องภายในใจ รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาดังๆ “ซูหยาง เจ้าบัดซบนั่นกล้าแตะศิษย์ในด้วย”
“เดี๋ยวก่อน.. เธอร้องไห้” ถังหูสังเกตเห็นน้ำตาที่ขอบตาของหลี่เซียวโม่
“ท่านดีอยู่ไหม” เขาถามเธออย่างเป็นห่วง
อย่างไรก็ตามหลี่เซียวโม่ไม่แม้จะชายตามองเขา กระทืบเท้าออกไปจากประตูบ้านลับหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว
หลังจากเธอไป ถังหูหันไปมองในห้องซูหยาง ขมวดคิ้ว
“ซูหยาง เจ้าช่างกล้าเอาเปรียบเธอทั้งที่นิกายห้ามใช้กำลัง...”
เพียงพูดถ้อยคำโกรธแค้นได้เพียงครึ่ง ดวงตาถังหูเบิกกว้างด้วยความประหลาดและงุนงง
“เอ๋ เขาไม่อยู่”
ถังหูเดินเข้าไปในห้องคาดว่าซูหยางจะอยู่ที่มุมห้อง แต่เขากลับประหลาดใจกับกลิ่นหอมรุนแรงที่เข้ามาในจมูกเมื่อก้าวเท้าเข้าในห้อง เขารู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่แต่ละดอกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
เขาสังเกตเห็นรอยย่นบนเตียงชัดเจน มันเปียกโชกราวกับใครสักคนเทน้ำสองสามถังลงไป แม้กระทั่งผนังก็ยังเปียกราวถูกสาดพรมด้วยน้ำ
“เกิดเชี่ยอะไรขึ้นที่นี่ หรือมีท่อน้ำแตกในนี้”
ถังหูพลันระลึกถึงศิษย์ในที่มีท่าทางละอายบนใบหน้าแดงก่ำขณะที่จากไป เขากรามตกค้างเมื่อคิดว่าความยุ่งเหยิงทั้งหมดนี้ต้นเหตุก็คือเธอ..เพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเป็นศิษย์ใน ถังหูไม่กล้าลบหลู่เธอมากจากการคิดนอกลู่นอกทาง
ข..ข้าควรร้องขอเพื่อนร่วมบ้านคนใหม่… ซูหยางนี้มิมีอะไรนอกจากเสน่ห์เล่ห์ร้าย...เพียงแค่อยู่ร่วมชายคาทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียตัวตน...” ถังหูถอนใจเดินกลับไปที่ห้องของตนเองเพื่อเก็บของ
–
–
–
ซูหยางเปิดเปลือกตาเมื่อตะวันแรกแย้มจากหลังแนวเขา
กระโดดลงจากหลังคา เขากลับเข้าไปในบ้าน สิ่งที่เห็นอันดับแรกก็คือประตูห้องเขาเปิดอ้ากว้าง
เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้อง เขามึนงงไปกับกลิ่นแปลกใหม่ มันรุนแรงจนเสียวจมูก
“เธอใช้ห้องนี้เต็มที่โดยไม่เกรงใจเจ้าของจริงๆ เฮ้อ” เขาพึมพัมกับตนเอง
“หืม” เขาพลันสังเกตเห็นป้ายหยกวางอยู่ข้างหมอน
เมื่อเขามองเข้าไปภายในป้ายหยก เขาตื่นเต้นดีใจที่พบว่ามีแต้มรางวัลอยู่ถึง 2,000 แต้มพร้อมข้อความด้านใน
“เจ้าร่ำรวยปานนี้ แต่เจ้ายังประจันหน้ากับข้าเช่นนั้น...” ซูหยางถอนใจ รู้สึกไร้ความเข้าใจในตัวมนุษย์
ซูหยางเข้าถึงข้อความในป้ายหยกที่ทิ้งไว้โดยหลี่เซียวโม่อย่างรวดเร็ว เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากอ่านจบ
“อย่างน้อยเจ้าก็มิใช่คนไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง..” เขาย้ายแต้มรางวัลจากป้ายหยกเข้าตัวก่อนที่จะทำลายบันทึก “ข้อเสนอของเจ้า...ข้ายินดีรับไว้”