4 ทั้งหมดนี้คือขยะ
4 ทั้งหมดนี้คือขยะ
เขาต้องหาทางเพื่อต่อสัญญาให้นานขึ้น และได้ปรากฏความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจของเขา เกี่ยวกับสัญญาที่หวังเย้าได้ทำเอาไว้ห้าปีด้วยจำนวนเงิน50,000หยวน แต่เวลาห้าปีมันไม่พอ ถ้าเกิดว่ามีคนสนใจทำสัญญาเช่าในช่วงที่ซิลเวิร์ทมีการเก็บเกี่ยวที่ดีขึ้น มันจะไม่ทำให้พวกเขาได้รับเงินจำนวนมากหรอกเหรอ? เขาควรจะทำยังไงดี? สิ่งสำคัญคือเขาควรโกหกพ่อแม่ของเขา
ใช่ ฉันต้องคิดหาทางออกที่ดีให้ได้
อา ฉันควรจะใส่ปุ๋ยให้สมุนไพร!
เขาพยายามจะเปิดกระสอบปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเตรียมนำไปใส่ในเเปลงสมุนไพรแต่กลับเปิดไม่ได้
‘ห้ามใช้ปุ๋ยเคมีทุกชนิดในภารกิจ’
เขาคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เขาจึงเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมา มันต้องมีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของระบบแน่นอน
“ห้ามใส่ปุ๋ย? แต่มันเป็นอินทรีย์นะ” หวังเย้าพยายามคุยกับระบบ
‘ทั้งหมดนี้คือขยะ คุณคือความเสื่อมเสียของแพทย์ปรุงยา!’
“เชี่ย...” หวังเย้าได้แต่มึนงง
ห้ามใช้ปุ๋ยอินทรีย์ แล้วเขาควรทำยังไง? รดสมุนไพรด้วยน้ำแร่โบราณเพียงอย่างเดียว? หวังเย้าต้องยอมแพ้เมื่อระบบได้ห้ามทำบางสิ่ง เขาตรวจดูแปลงสมุนไพรด้วยความระมัดระวังแล้วกลับเข้าไปในห้องของเขาเพื่อคิด ถึงอย่างไรก็ไม่มีความคิดดีดีเลย เขาจึงกลับบ้านเมื่อมันมืดแล้ว
หวังเย้าได้รับข่าวร้ายเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน
“อะไรนะ? ดูตัว!?”
แม่ของเขาจัดการดูตัวให้เขาโดยที่ยังไม่ได้รับความยินยอมจากเขาเลย
“ลูกจะตะโกนไปเพื่ออะไร? ลูกอายุ 26ปีแล้ว เซี่ยวหวูอ่อนกว่าลูกตั้งสองปีแต่ลูกของเขาสามารถเดินจนรอบหมู่บ้านได้แล้ว” จางซิวหยิงจ้องไปที่เขา
“ไม่ แม่ทำไมไม่มาปรึกษาเรื่องนี้กับผมก่อน?” หวังเย้าเริ่มกลัวเมื่อแม่จ้องมาที่เขา
“ไม่มีอะไรต้องปรึกษาอีก มันถูกจัดการไว้แล้วว่าลูกจะต้องพบกับเธอในเช้าของวันพรุ่งนี้ แม่เห็นเด็กสาวคนนั้นแล้วเธอสวยมาก ครอบครัวของเธอก็ดี เธอทำงานอยู่ในโรงพยาบาลประจำเมืองของเขตนี้ เธอจึงเหมาะกับคนแบบลูก—พวกลูกจะต้องเขากันได้ดีแน่นอน!” จางซิวหยิงขู่เขาด้วยคำพูดของเธอ
“อ้อ” หวังเย้าตอบอย่างหมดหนทาง
เขาเกลียดการดูตัวมาก ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขายังไม่อยากแต่งงานตอนนี้ หลายปีที่ผ่านมาสำหรับเขามันไม่มีอะไรสำคัญเลย แต่เมื่อเขาได้รับระบบแพทย์ปรุงยามา มันก็ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปแล้ว เขาไม่มีเวลาสำหรับเรื่องความรัก ในเมื่อตอนนี้แปลงสมุนไพรไม่กี่เอเคอร์ของเขากำลังต้องการการดูแลจากเขา
ฉันหวังว่าหญิงสาวคนนั้นจะไม่ชอบฉัน! หวังเย้าภาวนาก่อนการดูตัว
เช้าของอีกวัน หวังเย้าตื่นแต่เช้าและแปลงฟัน ก่อนจะทานมื้อเช้าและขึ้นไปบนเนินเขา
“อย่าทำตัวไม่ดีล่ะ! ลูกต้องกลับลงมาเร็วๆ!” จางซิวหยิงตะโกนตามหลังเขา
“ได้ครับ แม่!”
หวังเย้าพบว่าซิลเวิร์ทโตขึ้นมาอีกนิดนึง เขาจึงเอากาน้ำออกมาเพื่อรดน้ำเหมือนทุกวัน
หืม?
หวังเย้ารู้สึกตื่นเต้นเมื่อเขาพบว่าตัวเลขของคุณสมบัติร่างกายของเขากลายเป็น 1.1 เมื่อเขาเปิดหน้าต่างขึ้นมา
ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนมันเป็นเลข 1—หรือจะเป็นเพราะน้ำแร่โบราณ?
เขาได้เก็บน้ำแร่บางส่วนเอาไว้สำหรับดื่มโดยเฉพาะ หวังเย้ายังแบ่งไว้ให้ซานเซียนดื่มด้วยและนำที่เหลือไปรดน้ำต้นไม้ใกล้ๆ
หลังจากเขารดน้ำในแปลงเสร็จ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเขารับสายเขาก็ได้ยินเสียงตะหวาดของแม่
“ลงจากเนินเขามาเดี๋ยวนี้! เธอกำลังมาแล้ว!”
“ทำไมถึงมาเช้าขนาดนี้?”
หวังเย้าไม่ได้อยากไปดูตัวเลย แต่เขาก็ยังรีบเก็บของของเขา แล้วเทอาหารบางส่วนไว้ให้ซานเซียนและรีบลงจากเนินเขา เขาเจอแม่ของเขาพร้อมกับชุดสูทเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน
“เปลี่ยนเป็นชุดนี้”
“จริงเหรอ แม่?”
“หยุดไร้สาระ แล้วเปลี่ยนชุดเร็วๆ!” จางซิวหยิงขึ้นเสียง หวังเย้าจึงต้องเปลี่ยนไปใส่ชุดสูท
หวังเย้าสวมเสื้อ กางเกงและสวมรองเท้าหนัง ภาพลักษณ์ของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขาแต่งตัว
เขาดูเป็นคนทึ่มในสี่ปีของการเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ในระหว่างสามปีมานี้เขาได้กลายเป็นคนที่ดูกระฉับกระเฉงและบึกบึนขึ้น หน้าตาของเขามีส่วนผสมที่คล้ายกับจินเฉิงหวู หวังเย้านั้นดูดีเป็นอย่างมาก
“ไปโกนหนวดเดี๋ยวนี้!” จางซิวหยิงชี้ไปที่หน้าของเขา
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเมื่อเวลาเกือบสิบโมง
“เธอมาแล้ว ลูกต้องทำตัวดีดีล่ะ!”
จางซิวหยิงรีบไปเปิดประตูและเจอกับผู้หญิงสองคน—คนหนึ่งเป็นหญิงอายุราว40ปี และหญิงสาวที่มีอายุราว20ปี
“คุณใจดีมาก คุณไม่จำเป็นต้องนำของขวัญมาด้วยเลย” จางซิวหยิงยิ้มและพาทั้งสองคนเข้ามาในบ้าน เธอได้แนะนำลูกชายของเธอกับพวกเขา
“คุณน้า เชิญนั่งครับ” หวังเย้าชงชาด้วยความชำนาญ
พวกเขาทั้งสี่พูดคุยกันสักพัก แม่ของหวังเย้าและหญิงวัยกลางคนนั้นได้พูดคุยเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันของครอบครัวของพวกเขา ในตอนนั้นเองที่หวังเย้าได้รู้ว่าหญิงสาวร่างบางที่มีคิ้วบางและตาโตชื่อว่า หลี่เซี่ยวเหยียน เธอดูสวยและเธอทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยายามประจำเมืองของเขตนี้
“เราควรจะให้พวกเขาได้พูดคุยกัน?”
“ตกลง เราไม่ควรรบกวนพวกเขา”
จางซิวหยิงและหญิงแซ่เดียวกับเธอได้ออกไปและทิ้งให้หวังเย้าและหญิงสาวอยู่ด้วยกัน พวกเขารู้สึกขัดเขินเล็กน้อย
“คุณทำงานที่ไหน?” หลี่เซี่ยวเหยียนถามคนแรก
“ที่บ้าน”จากคำถามหวังเย้าไม่ต้องการจะตอบเลยแต่เขาจำเป็นต้องตอบ
“ที่บ้าน?” หลี่เซี่ยวเหยียนงุนงง ระเหว่างทางมาที่นี่ น้าของเธอได้บอกว่าเขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
เขาทำงานอะไรที่บ้าน? หรือเขาจะทำสวน?
“ผมทำสัญญาเช่าเนินเขาเพื่อปลูกสมุนไพร!”
“ปลูกสมุนไพร? มันไม่ยากเหรอ?”หลี่เซี่ยวเหยียนถามด้วยความสงสัย
“มันยากนิดหน่อยในตอนแรกเริ่ม แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว นี่ครับ ลองดื่มชาดู”
“ขอบคุณค่ะ” เธอหยิบถ้วยชาขึ้นมา มือของเธอได้สั่นเล็กน้อย มันทำให้เธอรู้สึกอายแต่เธอก็กลบเกลื่อนมันอย่างรวดเร็ว
“คุณวางแผนที่จะทำมันตลอดไปหรือปล่าว?”
“มันก็แล้วแต่ ผมอาจจะเปลี่ยนเป็นงานอื่นก็ได้”
“ในเมืองเหรอ?”
“ใช่” หวังเย้าพยักหน้า แต่ความจริงแล้วเขาไม่แผนที่จะเข้าไปทำงานในเมืองเลย
นี้เป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเขา มันทำให้ไม่มีเรื่องอะไรให้พูดคุยกันมากมาย การสนทามีแต่เรื่องทั่วไปและน่าเบื่อไม่มีความน่าสนใจอะไรเลย มันเป็นการทรมานพวกเขา เวลาผ่านไปนานกว่าที่จางซิวหยิงและหญิงกลางคนจะกลับเข้ามา หวังเย้าและหลี่เซี่ยวหยิงจึงโล่งใจ
มันเป็นตอนกลางวัน จางซิวหยิงต้องการจะทานมื้อเที่ยงด้วยกัน แต่พวกเธอกลับขอตัวกลับทันที
เมื่อแขกกลับไป จางซิวหยิงจึงได้ถามหวังเย้า
“เป็นยังไง? แม่คิดว่าเด็กคนนั้นเป็นคนที่ดีนะ เธอทั้งสวยงามและมีรูปร่างที่ดี แล้วยังอายุเท่ากับลูกด้วย!”