ตอนที่แล้วบทที่25: ทุกสิ่งมิคลี่คลาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่27: ข่าวลือ

บทที่26: ฝูงผีดิบอาละวาด


บทที่26: ฝูงผีดิบอาละวาด

ฟ้ามืดครึ้ม ฝนบางตา ดาราจางหาย เวลาล่วงเลยเข้าสู่ราตรีหลังประสบเรื่องราวมากมาย หงซาเถียนให้บ่าวจัดที่พักให้โจวหม่าจงเพื่อพักผ่อน

เจ้าเมืองกล่าวย้ำขอบคุณอยู่หลายครั้งกับการช่วยเหลือที่หม่าจงมอบให้ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ปกครองของตัวเอง หม่าจงไม่นับเป็นความชอบของตัวเองทั้งหมด เพราะแท้จริงแล้วทุกคนช่วยกัน นั่นทำให้อีกฝ่ายยิ่งเลื่อมใสในตัวรองหัวหน้ามือปราบคนนี้

ซาเถียนบอกว่าคดีนี้น่าจะไม่มีอะไรให้คิดมากอีกแล้ว เพราะงักโยวก็ยืนยันตัวคนร้ายได้แล้วว่าพี่ชายตนเองเป็นคนกระทำการทั้งหมด เขาเชื่อว่าทั้งการฆ่างักเจียงและลักพาตัวงักโยวไปกักขังแรงจูงใจน่าจะมาจากขึ้นเป็นผู้นำตระกูล

ไว้พรุ่งนี้เค้นความจริง ให้คุณชายใหญ่รับสารภาพ เรื่องทั้งหมดก็สามารถจบลงได้ด้วยดี พอถึงเวลานั้นจะถือโอกาสเลี้ยงขอบคุณหม่าจงกับพรรคพวกเป็นการตอบแทน เวลานี้จึงของให้พักที่นี่ไปก่อน

หม่าจงยินดีที่จะได้พักอยู่ที่นี่อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเห็นแก่งานเลี้ยง หรือเห็นด้วยในการสรุปคดีของซาเถียน เพราะเกรงใจและยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด รองหัวหน้ามือปราบจึงไม่อยากจะแย้งไป

ทว่า... ยังมีหลายสิ่งน่าสงสัย

ภายในห้องพัก โจวหม่าจงนั่งวาดแผนผังความสัมพันธ์ของสกุลงักและลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด สิ่งที่ได้จากการทำเช่นนี้คือข้อสงสัยสี่ข้อที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้

หนึ่งเลย หากทำเพื่อแย่งชิงมรดกหรือขึ้นเป็นผู้นำตระกูล การฆ่างักเจียงยังพอเข้าใจได้ แต่จะลักพาตัวงักโยวไปทำไม ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนสติไม่สมประกอบ อย่างไรก็ไม่มีสิทธิ์ในการเป็นผู้นำครอบครัว

สอง งักหลิวไร้วรยุทธ์ ดูจากเหตุการณ์วันนี้ในหลายๆ ครั้ง แม้เขาจะไม่ได้ขี้โรคอะไรอย่างที่คนลือ แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจ มิเช่นนั้นคงขัดขืนหรือต่อสู้ในตอนที่งักโยวบอกว่าเขาเป็นคนทำ หรือจะบอกว่างักหลิวเก็บงำฝีมือไว้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ยิ่งการตายของงักเจียงเกิดขึ้นด้วยฝ่ามือเลือดปริศนานั่น มันเป็นการลงมือแค่ครั้งเดียวปลิดวิญญาณ ยังไงคนวรยุทธ์สูงเช่นนั้นย่อมไม่ใช่งักหลิวแน่นอนข้อนี้เขามั่นใจ

สาม เมื่อคิดถึงเรื่องฝ่ามือเลือด นั่นทำให้โยงไปถึงห้าสิบสองศพที่ตายไป การตายมาจากสาเหตุเดียวกันนั่นย่อมบอกได้ชัดว่าคนร้ายเป็นคนเดียวกัน และคนกระทำการสังหารหมู่ย่อมไม่ใช่ปีศาจหัวหมูป่าที่เจอในวันนี้ เพราะขนาดของรอยแผลและฝ่ามือ ปีศาจตนนั้นตัวใหญ่ ฝ่ามือกว้างขนาดที่หม่าจงขึ้นไปยืนได้ ไม่มีทางจะทำให้เกิดรอยเล็กๆ ได้ ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้คงต้องรอให้อาเหวินเจ้าหน้าที่มือปราบที่โดนทำร้ายในวันนี้ฟื้นขึ้นมาเพื่อบอกเล่าความจริง ว่าเขาโดนฝ่ามือนั่นได้ยังไงและมาจากไหน

สี่ เรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เขาเชื่อว่ามันเชื่อมโยงกัน งักฮัวเข้าไปในป่าต้องห้ามทำไม การที่นางปรากฏตัวหลังปีศาจหัวหมูป่าจากไปมีความหมายเช่นไรกัน สังหรณ์ในใจบอกเขาว่าเรื่องนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญ

ซึ่งข้อสันนิษฐานทั้งหมดที่กล่าวมา เขาเชื่อว่าไป่ยู่ก็คิดไม่ต่างกัน เผลอๆ อาจจะหาคำตอบในข้อสงสัยเหล่านั้นได้หมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่พูดมา สิ่งยืนยันคือการเลือกที่จะพางักหลิวมากักขังที่ว่าการอำเภอ คำพูดของไป่ยู่ในตอนนั้นบอกว่า

“เพื่อไม่ให้คนร้ายลงมือฆ่าใครได้อีก” สายตาจอมเวทในตอนนั้น ไม่ได้มองไปที่งักหลิว แต่มองไปที่กลุ่มคนในสกุลงักที่เหลืออยู่

ความจริงคืออะไรกันนะ...?

ระหว่างครุ่นคิด หานตงเปิดประตูเข้ามา

“ลูกพี่”

“กลับมาแล้วเหรอ เรียบร้อยดีไหม”

“เรียบร้อยแล้วครับ” หานตงกล่าวพร้อมวางถุงเงินคืนให้หม่าจง

“อ้าว! เอ้ย! ไหนว่าเรียบร้อย แล้วเอาเงินกลับมาทำไม ไม่เจอหนานจิ่นสือเหรอ”

“เจอครับ”

“เจอแล้วทำไมไม่ให้เขาไป”

“เขาไม่รับครับ เขาบอกว่าถือเป็นการตอบแทนที่ลูกพี่ช่วยเหลือชีวิตเขาแล้วยังทำให้เขาพ้นข้อกล่าวหา”

“อันนั้นมันหน้าที่ข้าอยู่แล้ว”

“ข้าบอกเขาไปแล้วครับ แต่ทำยังไงเขาก็ไม่ยอมรับเงิน”

“เอาเถอะ เดี๋ยวข้าไปพบเขาเอง เจ้าไปพักเถอะ เหนื่อยมาทั้งวัน” หานตงพยักหน้ารับคำ กำลังจะเดินออกไปเพื่ออาบน้ำ แต่หม่าจงเรียกไว้ก่อน

“เจ้าเข้ามาเห็นไป่ยู่ไหม?”

“ข้าเห็นเขานั่งอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งน่ะครับ”

หม่าจงพยักหน้ารับ เดาได้ว่าจอมเวทคงเฝ้าอาการพี่ชาย จึงลุกจะเดินออกจากห้องไป ในใจคิดไว้ว่าจะชวนคุยเรื่องคดี แต่ลึกๆ แล้วค่อนข้างห่วงว่าจอมเวทจะห่วงพี่ชายจนไม่เป็นอันทำอะไร เพราะเมื่อครู่ที่ร่วมโต๊ะกันก็เห็นเขากินอะไรน้อยราวกับแมวดม

เช่นนั้นหม่าจงคิดว่าควรไปหาขนมอะไรมาให้อีกฝ่ายรองท้องเสียก่อน จะได้ไม่หมดแรงจนล้มป่วยไป หานตงเหมือนจะคิดอะไรบ้างอย่างได้ แต่หันมาจะบอกลูกพี่ตน อีกฝ่ายก็หายไปเสียแล้ว

“ลืมบอกเลยว่าท่านไป่นั่งอยู่กับคุณหนูหม่า”

และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หม่าจงต้องมายืนแอบหลบมุมถือขนมถั่วเขียวต้มน้ำตาลเงียบๆ เพียงลำพังพร้อมฟังไป่ยู่และเฉินหลินนั่งคุยกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะหาโอกาสโผล่ออกไปก็ดูจะไม่ถูกกาลเทศะเลยจริงๆ ทว่าก็ทำให้ได้รับรู้เรื่องราวของทั้งคู่ไม่น้อย

กระทั่งอยู่ๆ เกิดเสียงโวยวาย กรีดร้องขึ้น...

โลหิตสีแดงฉาดไหลทะลักท่วมนองพื้น เฉินหลินปิดตาแน่นหวาดกลัวหลบอยู่หลังจอมเวท เจ้าหน้าที่มือปราบที่วิ่งหนีมาและโดนรุมกัดกิน ดิ้นรนอย่างทรมาน ไป่ยู่สะบัดมือ ยันต์ลอยไปกลายเป็นฝูงหมาป่าไฟกระโจนเข้าใส่ฝูงผีดิบ

ไป่ยู่จะเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่มือปราบคนนั้น แต่มีผีดิบตนหนึ่งกระโจนเข้ามาจากด้านข้างอย่างไม่ทันตั้งตัว หม่าจงกระโดดถีบเข้าที่หน้าผีดิบจนมันลอยกระเด็นไปไกล

หม่าจงรั้งแขนไว้พร้อมสายศีรษะ ไป่ยู่มองไปคิ้วขมวดแน่นเห็นเจ้าหน้าที่มือปราบคนนั้นนอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจไปแล้ว

“ช่วยเขาไม่ทันแล้ว เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน”

เพราะกำลังยังไม่ฟื้นคืนดี ฝูงหมาป่าไฟของไป่ยู่แม้จะโจมตีใส่ผีดิบบางตัวได้บ้างแต่ก็เริ่มสลายกลายเป็นละอองไปเกือบหมดแล้ว เฉินหลินมองทั่วบริเวณ เห็นเจ้าหน้าที่หลายคนที่โดนกัดกิน บางคนต่อสู้ใช้ดาบอาวุธในมือฟันไปแต่ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้

ฉับพลันมีตัวหนึ่งพุ่งกระโจนมาจากทางด้านหลังหม่าจงใช้เท้าถีบเก้าอี้ไม้ที่ ไป่ยู่กับเฉินหลินใช้นั่งเมื่อครู่ฟาดใส่มันจนเก้าอี้ไม้หักกลาง ร่างผีดิบลูกตาทะลักชะงักนิ่งไป ก่อนจะหันกลับมาพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ลดละ หม่าจงใช้เท้ายันไว้แล้วเสือกคมแหลมของซี่ไม้แทงเสยขึ้นจากปลายคาง ผีดิบขยับอยู่สองสามครั้งก่อนจะล้มลงแน่นิ่งไปจริงๆ

“พวก...พวกมันเป็นตัวอะไรกัน ทำไมถึงได้... แล้วมันมาจากไหน” เฉินหลินเอ้ยเสียงสั่น

“ไม่มีเวลาหาคำตอบแล้ว รีบหนีกันก่อน เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง” หม่าจงเร่งทั้งสอง

“ไม่ได้ ข้าไปไม่ได้ รบกวนพี่จงช่วยพาเฉินหลินหนีไปด้วย” ไป่ยู่กล่าวพร้อมหยิบยันต์จากภายในเสื้อคลุมเกล็ดมังกร

ท่าทางและคำพูดนั้นทำให้ทั้งสองคนคิดได้ ว่าไป่ยู่จำเป็นต้องอยู่เพื่อคุ้มครองร่างกายของพี่ชาย

“เจ้าอยู่ข้าก็อยู่” หม่าจงกล่าว

“แต่...”

“ข้าด้วย ข้าก็จะอยู่” เฉินหลินยืนยันหนักแน่แม้จะหวาดกลัว ดรุณีน้อยหยิบเก้าอี้ที่หักอีกท่อนหนึ่งขึ้นมาเป็นอาวุธประจำตัว

ไป่ยู่มองสองคนสีหน้าวิตกกังวล

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไง ว่าไม่ยอมตาย ไม่ว่าจะเพราะผีไร้ร่าง หรือเพราะไอ้ผีดิบนรกพวกนี้” หม่าจงยิ้มให้ ผีดิบหลายสิบตัววิ่งกระจายตัวบริเวณ เริ่มหันมาสนใจพวกเขาทั้งสาม

“เฉินหลิน พยายามอยู่ด้านหลังของข้าไว้นะ”

“อะ อืม”

“ยังกะข้าและพี่จงมีชะตาต้องเกี่ยวพันกับเรื่องพวกนี้จริงๆ”

“ต่างกันนิดหน่อยที่ คราวนี้เราจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือพี่เจ้า” ไป่ยู่ยิ้มพร้อมกล่าวขอบคุณ

ฝูงผีดิบพุ่งตรงเข้ามานับสิบตัว ไป่ยู่ซัดยันต์ออกไปกลายเป็นวิหคเพลิงหลายสิบตัวพุ่งใส่พวกมัน มีผีดิบสามตัวล้มลงไฟลุกไหม้ท่วมร่าง แต่ทีเหลือยังวิ่งกระโจนเข้ามาไม่หยุด หม่าจงกระโดดหมุนตัวถีบพวกมันเข้าตรงข้อต่อที่ลำคอ ห้าร่างในนั้นคอพับหักล้มลงไปกับพื้น

หม่าจงทิ้งร่างลงพื้นเพื่อทรงตัว พวกมันที่ตามมาอีกตัวพุ่งใส่ในจังหวะเผลอ คมเขี้ยวเข้ากระชากเนื้อหนัง แต่คนที่รับไว้กับเป็นไป่ยู่ เขาใช้แขนตัวเองป้องกันหม่าจงอย่างไม่กลัวอันตราย อีกฝ่ายถึงกับตะลึง

ผีดิบกัดเนื้อกระชากแขนแรงขึ้นไป่ยู่แม้ไม่ร้องแต่สีหน้าเจ็บปวด หม่าจงตั้งตัวได้จะหันไปใช้เพลงเตะใส่มัน แต่เฉินหลินง้างไม้ในมือสุดแรงแล้วฟาดอย่างเต็มกำลังในศีรษะของผีดิบจนเสียงกะโหลกแตกดังลั่นก่อนที่มันจะล้มลงแน่นิ่งไป

“พี่ไป่เป็นอะไรไหม?” เสียงดรุณีน้อยเจ็บปวด ไป่ยู่ยิ้มรับ

“ไม่เป็นไร พี่จงไม่เป็นไรนะ”

“ข้าไม่เป็นไร เพราะข้าแท้ๆ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล ห่วงเรื่องตรงหน้านี่ดีกว่า” สิ้นคำของไป่ยู่ ผีดิบที่หม่าจงเตะคอหักพับไปพลันลุกขึ้นทั้งที่หัวหันบิดเบี้ยว

“ตายยากตายเย็นจริงๆ” หม่าจงคำรามด้วยโทสะ

“ต้องเล็งที่หัว สองศพนั่นตายเพราะส่วนสมองโดนทำลาย” สองคนฟังไป่ยู่กล่าวแล้วเห็นเท็จจริงในข้อนี้

“ถ้ามีดาบในมือนะ พวกมันไม่คณามือแน่”

ผีดิบลุกขึ้นขยับได้แต่เพราะศีรษะหันไปอีกด้านกับส่วนตัว จึงพุ่งชนกันเองล้มกลิ้งลงไปอีกหน แต่ใช่ว่าภัยร้ายจะผ่านพ้น เมื่ออีกหลายสิบตัวที่เหลือเริ่มหันมาเห็นพวกเขาเข้าแล้ว

“ข้าจะสกัดไว้เจ้าพาเฉินหลินเข้าไปหลบในห้องไป่หลงก่อน”

“ไม่ได้ เวลานี้หากเปิดประตูห้อง อากาศจะแปรผัน หากเกิดสภาวะนั้น ท่านพี่ไปไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีกแน่”

“จะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกไหมเนี่ย” ระหว่างที่กล่าว หม่าจงเห็นบางสิ่ง เมื่อแมวสีดำตัวหนึ่งวิ่งหนีตัดผ่านฝูงผีดิบไป พวกมันหลายตัวทีอยู่ใกล้ต่างหันไปตามทางที่แมวผ่านแล้ววิ่งตาม

“มีวิธีละ!” รองหัวหน้ามือปราบกล่าวยิ้ม ท่าทางมั่นใจ

“วิธีอะไร!?” เฉินหลินถามทันทีท่าทางมีความยินดี

“ไม่ได้! หากทำเช่นนั้นใช่ว่ามันจะตามไปหมดและถึงตามพี่ไปหมดข้าก็ไม่ยินยอม” ไป่ยู่กล่าวห้ามอย่างเท่าทัน เขารั้งแขนหม่าจงไว้ ฝูงผีดิบที่เหลือพุ่งตรงเข้ามา

“ไม่มีทางเลือกแล้ว” หม่าจงสะบัดแขนไป่ยู่ออกแล้วกระโดดฝ่าเข้าไปถีบใส่ฝูงผีดิบพร้อมส่งเสียดังเพื่อเรียกร้องความสนใจ พวกมันดูไร้สมองเมื่อเกิดเสียงดังจึงหันเหไปมองตามในทันที

“ไอ้พวกผีดิบนรก ทางนี้เว้ยยยย!”

แผนการได้ผล ทว่าคนเพียงคนเดียวในฝูงเดรัจฉานไร้วิญญาณก็เหมือนน้ำน้อยไม่อาจต้านกองเพลิง เพียงแค่พวกมันหันไปสนใจเขา การโจมตีก็พุ่งกระโจนใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว แม้หม่าจงจะเก่งกาจในท่าเท้าและวิชาตัวเบา แต่เมื่อถูกจับขาจนเสียหลักล้มลงก็หมดทางที่จะทำอะไรได้

ก่อนจะเสียท่ากลายเป็นเหยื่อถูกกัดกิน พยัคฆ์ไฟตัวใหญ่ก็กระโจนเข้าทำร้ายฝูงผีดิบจนแตกกระเจิง หม่าจงหันไปเห็นไป่ยู่มีโลหิตท่วมฝ่ามือ คาดเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่าใช้เลือดตัวเองทำอาคมอีกแล้ว เขานึกอยากชกอีกฝ่ายที่ไม่ห่วงตัวเอง แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำเช่นนั้น หม่าจงรีบลุกขึ้นและส่งเสียงให้ดังขึ้น ผีดิบตัวที่ถูกพยัคฆ์ไฟทำลายมอดไหม้ไปไม่น้อย แต่ที่เหลือยังมีอีกมากและแม้พวกมันส่วนใหญ่จะหันมาตามเสียงของหม่าจง ทว่ามีตัวหนึ่งที่หันไปทางไป่ยู่

“ระวัง!” หม่าจงร้องลั่น

ไป่ยู่ที่กำลังบังคับพยัคฆ์ไฟไม่อาจทำอะไรได้เฉินหลินก้าวออกมาข้างหน้าไป่ยู่ ตัวสั่นหวาดกลัว ผีดิบพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ดรุณีน้อยง้างไม้ขึ้นแต่กลับหลับตาแน่นแล้วฟาดออกไป เกิดเสียงศีรษะขาดกระเด็นออกจากร่าง เมื่อหันมองจึงได้เห็นว่าเป็นหานตงที่พุ่งเข้ามาช่วยทั้งสองไว้

“ลูกพี่!” หานตงตะโกนดังพร้อมโยนดาบให้หม่าจง

รองหัวหน้ามือปราบกระโดดรับดาบอย่างเท่าทัน เขาตวัดดาบอย่างว่องไวขณะทิ้งตัวลงพื้น ศีรษะของพวกมันไม่ต่ำกว่าห้าหัวหลุดกระเด็นกลิ้งไปตามพื้น หานตงจะเข้าไปช่วยร่วมต่อสู้ แต่กลับถูกอีกฝ่ายห้ามไว้

“อย่าเข้ามา! คุ้มครองไป่ยู่กับคุณหนูหม่าไว้” หานตงจึงชะงักเท้าด้วยจริงๆ รู้ดีว่าที่ลูกพี่สั่งเช่นนั้นเพราะตัวเขาในตอนนี้เขาไปจะกลายเป็นภาระมากกว่าเดิม

เฉินหลินทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนกำลัง ไป่ยู่รีบใช้มือข้างที่ว่างคว้าประคองนางไว้อย่างเท่าทัน

“เจ้าไม่เป็นไรนะ”

“ข้าไม่เป็นไร แต่แขนท่าน” เฉินหลินรีบฉีกแขนเสื้อตัวเอง พันรอบแผลที่เขาโดนกัดเพื่อห้ามเลือด ไป่ยู่มอง มีความรูสึกหนึ่งเกิดขึ้นในใจ

ขณะนั้นทีอีกด้านหนึ่งเกิดเสียงต่อสู้ดังขึ้น ไป่ยู่หันไปมองตามเป็นทิศทางเดียวกับที่แมวสีดำตัวนั้นวิ่งหนีไปแล้วมีฝูงผีดิบวิ่งตาม

“ใต้เท้าเถียนกับคนอื่นๆ กำลังจัดการพวกมันที่ด้านนั้นครับท่านไป่” หานตงเฉลยความท่าทางเคร่งเครียด “เดรัจฉานชัดๆ พวกมันมาจากไหนกันแน่”

“ห้าสิบสองศพ...” ไป่ยู่กล่าวเบาคล้ายรำพึงกับตนเอง

ไม่ทันขาดคำ ไป่ยู่ก็เห็นซาเถียนกับเจ้าหน้าที่มือปราบคนอื่นๆ สู้ไปถอยร่นมา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าต้องโจมตีใส่หัว พอเห็นพวกมันฟันไปไม่ตายก็ทำให้เริ่มระส่ำระสาย

“เล็งที่หัวของมัน!” หม่าจงตะโกนบอก แต่เหมือนทุกคนจะหวาดกลัวเกินจะได้ยิน

เขาจึงต้องผละจากฝูงผีดิบของตนไปช่วยพวกเจ้าหน้าที่มือปราบ ระหว่างนั้นซาเถียนพลาดท่าล้มลง ผีดิบตนหนึ่งตรงเข้าจับกระชากศีรษะของเขาอย่างเต็มแรง หม่าจงและคนอื่นเข้าไปช่วยไม่ทัน

ไป่ยู่สะบัดมืออย่างรวดเร็ว พยัคฆ์ไฟพุ่งกระแทกใส่ผีดิบตนนั้นและพวกที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจนมันกระเด็นออกจากตัวของซาเถียน ทว่าร่างของมันไม่ได้ลุกไหม้แต่กลายเป็นพยัคฆ์ไฟที่สลายหายไป เพราะไป่ยู่ไม่เหลือกำลังใดๆ อีกแล้ว หม่าจงรีบเข้าไปประคองซาเถียนให้ลุกขึ้น

ทั้งหมดอาศัยจังหวะนี้ถอยกลับมารวมตัวกันแถวหน้าห้องที่ไป่ยู่อยู่

“ฟังข้านะ เล็งมันที่หัว ดาบเดียว ฟันเต็มแรง ให้ศีรษะแยกหรือคอขาดกระเด็นก็ได้ แล้วมันจะเคลื่อนไหวไม่ได้อีก” หม่าจงกล่าวบอก ทุกคนพยักหน้ารับรู้

ฝูงผีดิบอีกกว่าสามสิบตัว ลุกขึ้นมาขยับมองไปรอบๆ ก่อนที่จะจับต้องมาทางพวกเขา คล้ายช่วงเวลาเป็นตาย ซาเถียนตะโกนสุดเสียงให้ทุกคนบุก ทว่ายังไม่ทันจะขยับตัวหรือก้าวเท้าออกวิ่ง ปีศาจหัวหมูป่าตนนั้นกลับกระโดดลงมากระแทกพื้นเสียงดังสนั่น อยู่กึ่งกลางระหว่างพวกเขากับฝูงผีดิบทั้งหมด

ดวงตาเดรัจฉานคู่นั้น จับจ้องมองมาทางไป่ยู่ราวกับว่า มันต้องการฆ่าเขาให้ตาย...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด