บทที่ 8 อย่าทำเป็นอวดดี
บทที่ 8 อย่าทำเป็นอวดดี
เมื่อมาถึงประตูห้องทำงาน ฉางฉิงก็เห็นฉืออี่หนิงเดินออกมาพอดี ริมฝีปากดูสวยสดงดงามและใบหน้าแดงเรื่อ ฉางฉิงไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องทำนองนี้ แต่เคยเห็นในโทรทัศน์ จึงพอเดาได้บ้างเล็กน้อย แล้วพอเหลือบมองไปที่ผู้อำนวยการเฝิงที่อยู่ในห้อง ฉางฉิงก็รู้สึกขยะแขยง
ฉืออี่หนิงมองเธอทีหนึ่งอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ไม่เอ่ยทักทายเธอสักคำ แล้วเดินเชิดหน้าสะบัดผมจากไปด้วยท่าทีจองหอง
ฉางฉิงฉุนกึก อย่างไรเสียเธอก็เป็นรุ่นพี่คนหนึ่ง เดี๋ยวนี้ไม่แม้แต่จะทักทายเธอสักนิด ไร้มารยาทจริงๆ
“เข้ามาสิ” ผู้อำนวยการเฝิงเอ่ยเรียก พอเห็นเธอเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นเดินไปปิดประตูห้องทำงาน
หัวใจของฉางฉิงเกิดเสียงดัง ’ตึง’ ตามประตูที่ปิดลงไปด้วย
“ฉางฉิง คุณเองก็ทำรายการ ‘ท้าทายสุดขั้ว’ นี้มานานสักพักแล้ว ตอนแรกจุดประสงค์หลักคือต้องการให้คุณฝึกฝนกับจั่วเชียน ในเมื่อตอนนี้คุณเก่งขึ้นแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะให้คุณฉายเดี่ยวสักที ผมได้ปรึกษากับคนในสถานีแล้ว ปรากฏว่าช่องการ์ตูนมีรายการใหม่อยู่พอดี จะให้คุณไปเป็นพิธีกร ส่วนทางนี้ รายการ ‘ท้าทายสุดขั้ว’ ก็ให้ฉืออี่หนิงมารับช่วงต่อ” ผู้อำนวยการเฝิงยืนพิงข้างโต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ฉางฉิงเหมือนจมดิ่งลงสู่ก้นเหว ถึงแม้ว่าเรตติ้งช่วงเย็นของช่องการ์ตูนจะดีใช้ได้ แต่กลุ่มคนดูมีแต่พวกเด็กๆ ไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป “ผู้อำนวยการคะ ฉันเป็นพิธีกร ‘ท้าทายสุดขั้ว’ มาก็ปีกว่าแล้ว มีจำนวนแฟนคลับอยู่ไม่น้อย แล้วผู้ชมเองก็ติดภาพฉันเป็นพิธีกรคู่กับอาจารย์จั่ว ฉืออี่หนิงเพิ่งจะเข้าบริษัทมาได้ไม่นาน พื้นฐานยังไม่แข็งเท่าไร เธอไม่สามารถประคองรายการใหญ่อย่าง ‘ท้าทายสุดขั้ว’ ได้ไหวหรอกค่ะ”
“มีจั่วเชียนอยู่ทั้งคน รายการนี้มันไปได้อยู่แล้ว” ผู้อำนวยการเฝิงมองเธอด้วยสายตาแทะโลม แล้วทันใดนั้นก็หัวเราะเสียงต่ำและวางมือลงบนบ่าเธอ
แล้วจึงกุมบ่าเธอแน่น ผู้อำนวยการเฝิงแทบจะอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว
บ่านี้อ่อนนุ่มเหมือนกับสายน้ำเลย
พอมาดูการแต่งตัวของฉางฉิง เสื้อแขนยาวสีขาวทำจากผ้าโปร่งบางคู่กับกระโปรงยาวสีดำ ส่วนบั้นเอวดูบอบบางอรชรจนไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็อยากจะลองจับดู แล้วเมื่อสายตามาหยุดอยู่ที่หน้าอกอันอวบอิ่มของเธอ ผู้อำนวยการเฝิงก็แทบจะเลือดกำเดาไหลทีเดียว
ทั้งสถานีโทรทัศน์นี้ หุ่นของเยี่ยนฉางฉิงนับว่าสวยยั่วยวนที่สุด แน่นอนว่ายังมีดวงตาคู่นั้นด้วย ดวงตาเธอเหมือนกับกรงเล็บแมว มองทีก็ข่วนที ข่วนเสียจนยากที่จะทานทนไหว
“แน่นอนอยู่แล้ว...” ผู้อำนวยการเฝิงเปลี่ยนเรื่องคุย ส่วนมือก็เลื้อยลงไปจากบ่าของเธอ “เมื่อก่อนพ่อคุณคอยช่วยเหลือสนับสนุนสถานีโทรทัศน์ของเราอยู่บ่อยๆ ผมกับเขาก็นับว่าสนิทสนมกันพอสมควร ผมเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล...”
เมื่อเห็นว่ามือข้างนั้นกำลังจะโดนหน้าอกเธอแล้ว ฉางฉิงก็รีบหลบไปทางด้านข้างด้วยความรังเกียจ
ผู้อำนวยการเฝิงคว้ากุมบ่าเธอไว้แน่น ไม่อยากให้เหยื่อหลุดลอยไปทั้งๆ ที่กำลังจะเข้าปากอยู่รอมร่อ
“ขืนคุณยังทำแบบนี้อีก ฉันจะร้องโวยวายแล้วนะ” ฉางฉิงกระวนกระวาย แล้วออกแรงดึงมือข้างนั้นออก อย่างไรก็ตามพวกเขาก็อยู่ในห้องทำงาน ผู้อำนวยการเฝิงเองก็กลัวว่าเธอจะเอะอะโวยวายเสียงดังจึงจำต้องปล่อยเธอ แต่สีหน้าของเขาดูมุ่งร้ายมาก
“เยี่ยนฉางฉิง เธออย่าทำเป็นอวดดี เมื่อก่อนฉันเห็นแก่เงินช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ของบ้านเธอหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเธอจะมีวันนี้ได้อย่างนั้นเหรอ”
“ผู้อำนวยการ คุณอยากจะเปลี่ยนตัวก็เปลี่ยนเลย แต่สักวันหนึ่งคุณก็จะรู้ว่าตกลงแล้วฉันอาศัยเงินช่วยเหลือพวกนั้นหรือว่าอาศัยความสามารถของตัวฉันเอง” เยี่ยนฉางฉิงไม่อยากเห็นหน้าคนคนนี้อีกต่อไปแล้ว เธอจึงเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว
“เยี่ยนฉางฉิง เดี๋ยวก่อน” ผู้อำนวยการเฝิงจ้องมองแผ่นหลังเธอด้วยสายตาชั่วร้าย
_ _ _ _ _ _ _ _
ช่วงบ่าย ฉางฉิงกลับมาที่บ้าน ข่าวเรื่องที่เธอถูกโยกย้ายได้แพร่กระจายว่อนเน็ตไปเรียบร้อยแล้ว
ตอนเย็นเยี่ยนเหล่ยกลับมาถึงบ้าน แล้วเคาะประตูห้องเธอ “ลูกรัก พ่อไม่ดีเอง ต้องโทษพ่อที่ปีนี้ไม่มีเงินช่วยเหลือ ก็เลยทำให้ลูกถูกคนที่สถานีโทรทัศน์รังแก”
“พ่อคะ ไม่เกี่ยวกับพ่อหรอกค่ะ” ฉางฉิงได้แอบร้องไห้ไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ตอนนี้เธอไม่อยากให้พ่อต้องกังวล ตาเธอก็หายบวมแดงแล้วด้วย “ถ้าหนูเอางานเอาการกว่านี้หน่อย ก็คงเป็นเหมือนอาจารย์จั่วที่ผู้อำนวยการไม่กล้าเปลี่ยนตัวออก แต่ตอนนี้หนูคิดได้แล้ว ทำรายการการ์ตูนไปก็ได้ ได้โผล่หน้าอยู่ในสถานีโทรทัศน์ก็ใช้ได้แล้ว”
เยี่ยนเหล่ยถอนหายใจ “เด็กโง่ แต่ละปีมีบัณฑิตจบใหม่ออกมาฝึกงานทดลองงานตั้งเยอะแยะ วันนี้ฉืออี่หนิงคนนั้นเบียดให้ลูกออกจากรายการ ‘ท้าทายสุดขั้ว’ ครั้งต่อไปก็ต้องมีฉืออี่หนิงคนที่สองมาเบียดลูกออกไปอีก จนแม้แต่จะอยู่ในช่องการ์ตูนต่อก็ทำไม่ได้ พอหมดสัญญา ทีนี้ผู้อำนวยการก็ไล่ลูกออกไปได้”
.......................................................