บทที่ 27 : การประลอง
บทที่ 27 : การประลอง
จันทร์กลมเด่นดวงโตสาดแสงส่องสว่างกลางนภา มันอาบฉายลงมายังสนามทรายเบื่องล่างเป็นสีนวลอ่อนให้ทัศนะมองเห็นได้แม้ในยามดึกดื่นโดยที่แทบจะไม่ต้องพึ่งพาแสงอื่นใด ไม่ว่าจากตะเกียงหรือคบไฟ
แค่กระจกสะท้อนบานใหญ่วางเรียงกันแบบโมเสกก็เพียงพอจะให้ฝูงชนที่ยืนรับชมอยู่บนอัฒจันทร์ที่นั่งครึ่งวงกลมทั้งสองฟากรอบสนามทรายสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่างได้อย่างชัดเจนแล้ว ถือเป็นการออกแบบที่เหมาะเจาะผ่านการวางแผนมาอย่างดีจากช่างสถาปัตย์
แต่ยิ่งกว่างานออกแบบคืองานสร้าง เพราะทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงแค่สองสัปดาห์เศษเท่านั้นทุกอย่างก็สมบูรณ์
แม้มันจะใช้รูปแบบการสร้างง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไรนัก แต่ก็นับว่าเป็นการทำงานที่รวดเร็วจนเหลือเชื่ออยู่ดีสำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยเห็นศักยภาพของทีมช่างจากสภาเอกภาพ
เพราะแม้แต่ช่างเหล็กผู้ชำนาญการประจำสมาคมอย่างกูลน์ พอได้เห็นผลงานด้านโยธาสถาปัตย์ของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ตนก็ยังตกตะลึงไปเหมือนกัน ด้วยว่าทุกคนล้วนแต่เป็นหัวกะทิในสายงานของตัวเองทั้งสิ้น
ส่วนตัวเขาแม้จะจัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญงานโลหวิทยาและเป็นหนึ่งในยอดฝีมือด้านศิลปะศัสตราอาวุธแบบดั้งเดิม แต่ถ้าพูดถึงงานด้านสิ่งก่อสร้างแล้วยังไงก็คงต้องยอมรับว่าไม่อาจเทียบชั้นกับทีมช่างที่ลูกสาวของเขาขอมาจากสภาเลยแม้แต่น้อย
และบัดนี้มันก็ถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพตามอย่างที่มันถูกสร้างมาแล้ว เพราะสองฟากอัฒจันทร์แน่นขนัดอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ด้วยการประลองระหว่างนักผจญภัยฝึกหัดนั้นอย่างไรก็น่าตื่นตาเป็นทุนเดิม
เพราะมันไม่ใช่การซ้อมแต่ถือเป็นการต่อสู้เอาจริงเอาจัง เพียงแค่ลดทอนความอันตรายลงมาเท่านั้น แน่นอนว่าผู้เข้าสอบยังสามารถเลือกอาวุธอะไรก็ได้ที่ตนเองถนัดลงไปต่อสู้ แต่ถ้าเป็นของมีคมทั้งหลายอย่าง ดาบ มีด ทวน หอก ง้าว หรือแม้แต่ศรของธนูจะต้องถูกลบคมออก
ฟังดูแล้วเหมือนทำให้ภาพรวมความรุนแรงลดลงไป ทว่าแท้จริงการทำเช่นนี้กลับกลายเป็นการเพิ่มอรรถรสความรุนแรงให้กับการประลองมากกว่าเดิม เพราะการประลองที่ใช้อาวุธจริงแบบไม่ลบคมนั้น ปกติจะมีการหยุดมือยั้งอาวุธในจังหวะสุดท้ายก่อนคมดาบ คมมีดจะได้กินเนื้อของคู่ต่อสู้ ซึ่งการประลองแบบนั้นมีข้อดีคือต่างฝ่ายต่างก็ไม่ต้องบาดเจ็บ ทว่าข้อเสียคือมันตัดสินผลได้ยาก อีกทั้งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็อาจร้ายแรงได้ถึงชีวิต
แต่กลับกันพอกลายเป็นการประลองแบบใช้อาวุธลบคมทำให้ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ต้องยั้งอาวุธของตัวเองในการฟาดฟันคู่ต่อสู้จนถึงเนื้อถึงหนัง ต่อสู้กันได้โดยไม่ต้องยั้งมือ จนกว่าจะหมดสภาพกันไปข้างหนึ่ง หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมแพ้ และจนกว่ากรรมการจะสั่งยุติ อีกทั้งมันยังง่ายในการตัดสินผลและเก็บคะแนนข้อมูลมากกว่าด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมที่กระหายความรุนแรงได้ดีทีเดียว เพราะขนาดว่าคู่เอกคู่สุดท้ายยังไม่ทันได้เริ่ม เสียงเฮก็ดังลั่นลั่นไปทั่วทั้งสนามแล้ว เมื่อนักผจญภัยฝึกหัดสองคนด้านล่างกำลังเผชิญหน้าต่อสู้กันอย่างสุดกำลังบนผืนทราย ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนสีจากที่เคยร่วนสะอาดกลับกลายเป็นเปรอะเปื้อนไปด้วยร่องรอยของหยดเลือดที่สาดกระเซ็นและหยาดเหงื่อที่รินหลั่งตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมาทั้งห้าคู่ รวมคู่ที่กำลังสู่กันอยู่เป็นคู่ที่หก และดูท่าว่าจะเป็นคู่นี่เองที่ทำให้สนามนั้นเลอะเทอะมากที่สุด
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องให้กำลังใจ โลหิตสีแดงสดหลั่งไหลผ่านปลายจมูกหยดลงบนผืนทรายจากรอยแตกขนาดใหญ่บนหัวคิ้วของหนุ่มน้อยนักผจญภัย คนเดียวกันกับที่ทำสถิติคะแนนสูงสุดในการสำรวจรอบแรก
แต่มาในรอบนี้ดูท่าเขาจะทำผลงานได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะไม่เพียงคิ้วแตกแต่จมูกเองก็ยังหักจนเลือดกำเดาไหลไม่หยุด ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเป็นจ้ำม่วงคล้ำทั่วตัว ขนาดเสื้อเกราะชั้นนอกแบบเพลตเมล (Platemail) ที่สวมมาเป็นแผ่นโลหะยังเอาไม่อยู่ ตอนนี้หลุดแยกเป็นชิ้นๆ ห้อยรุ่งริ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังใช้ดวงตาช้ำเลือดข้างขวาที่เหลืออยู่จับจ้องคู่ต่อสู้เขม็ง เพราะตาข้างซ้ายนั้นกระบอกตาบวมจนปิดไปแล้ว ขณะเดียวกันก็กุมดาบสองคมขนาดสั้นแบบตรงทรงเกลเดียส (Gladius) และโล่ไม้ทรงกลมน้ำหนักเบาในมือแน่นเตรียมพร้อมรับการจู่โจม ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้
กลับกันกลายฝ่ายคู่ต่อสู้สาวเผ่าเกล็ด ตัวสูงมีส่วนเว้าโค้งแตกวัยสาว เข้ากับผิวขาวเผือกแทรกลายริ้วสีเทาตามร่องเกล็ดบนตัว ซึ่งมาจากชุมชนริมน้ำของเทรียลนี้เอง ที่ดูจะเบื่อในความรั้นของคู่ต่อสู้แล้ว เพราะเธอเริ่มหันมองไปทางกรรมการสามคนที่นั่งอยู่ข้างสนามบ่อยมากขึ้น
เพราะในสายตาของเธอ การสอบควรจะหยุดลงได้แล้ว ด้วยว่าหากขวานหินในมือทั้งสองข้างของเธอมีคมเป็นของจริง ป่านนี้เขาคงจะตายไปเป็นสิบรอบได้แล้ว อีกทั้งเธอเองก็ไม่อยากจะทำร้ายอีกฝ่ายต่อไปมากกว่านี้
ถึงเธอจะไม่ใช่กรรมการหรือนักวิเคราะห์ แต่เธอก็พอจะมองออกว่าหนุ่มน้อยมีทักษะในการต่อสู้ตัวต่อตัวต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ลำพังเลือกอาวุธมาอย่าว่าแต่จะโจมตีเธอได้เลย ลำพังแค่จะใช้เกลเดียสให้คล่องไม่โดนตัวเองยังเงอะๆ งะๆ
ทว่าดูเหมือนสายตาของเธอจะไม่เป็นผล เพราะกรรมการทั้งสามซึ่งหนึ่งในนั้นคือหัวหน้านักวิเคราะห์อย่างไอน์ยังไม่สั่งยุติการประลอง ขณะเดียวกันกรรมการอีกคนซึ่งเป็นแพทย์ของสมาคมเองก็ยังใช้มือเท้าคางมอง คล้ายจะยังมั่นใจอยู่ว่าอาการของหนุ่มน้อยในตอนนี้ยังไม่ถือว่าสาหัสขนาดต้องสั่งยุติ เช่นกันกับกรรมการอีกคนซึ่งแต่เดิมควรจะเป็นเอเดลแต่ถูกเปลี่ยนเป็นนักผจญภัยประสบการณ์สูงคนอื่นแทนตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสั่งหยุด
ในทางกลับกัน เหล่าผู้ชมในสนามต่างก็ตะโกนเรียกชื่อให้กำลังใจหนุ่มน้อยกันยกใหญ่เพราะต่างก็ถูกใจในความอึด ทนมือทนเท้าและสู้ไม่ถอยของเขา เพราะว่ากันตามตรง แค่ทักษะในการต่อสู้ก็ต่างกันโขแล้ว ยังมีเรื่องสรีระที่แตกต่างกันระหว่างมนุษย์และชาวเกล็ดอีก เพราะอย่างที่รู้กันว่าเผ่าเกล็ดนั้นถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีขนาดร่างกายสูงใหญ่ ทั้งยังมีพละกำลังมากที่สุดในทุกเผ่าพันธุ์ แถมแม่สาวเกล็ดขาวนางนี้ยังตั้งใจฝึกวิชาต่อสู้มาตั้งแต่เด็กๆ ถือเป็นหนึ่งในความภูมิใจของชุมชนชาวเกล็ดแห่งหมู่บ้านเทรียลปีนี้เลยก็ว่าได้ พวกกรรมการจึงไม่ได้แปลกใจนักกับผลที่ออกมา
นักผจญภัยฝึกหัดสาวเผ่าเกล็ดที่รู้ว่าอย่างไรการประลองนี้ก็คงไม่จบแน่หากอีกฝ่ายยังดื่อรั้นแบบนั้นอยู่ ก็จำต้องถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เธอจัดการควงขวานหินในมือทั้งสองข้างตามอย่างที่ฝึกมาเป็นการดึงดูดความสนใจ พร้อมๆ กันก็มองหาช่องโหว่ซึ่งมีอยู่เต็มไปหมดจนเธอเองยังต้องส่ายหน้าเบาๆ แล้วใช้โอกาสที่อีกฝ่ายยังสับสนเอี้ยวมือขว้างขวานข้างซ้ายเข้าใส่เป้าหมายจากระยะไกล
นักผจญภัยหนุ่ม ไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้จะโจมตีจากระยะนั้นก็เผลอตระหนกไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบยกโล่ไม้ขึ้นป้องกัน
ทว่าเพราะความรุนแรงและความเสียหายที่สะสมมาตั้งแต่เริ่มการทดสอบ ทำให้โล่ไม้ของเขาแตกหักในทันที ปล่อยขวานหินให้เข้าปะทะกับท่อนแขนอย่างแรงจนกระดูกร้าว สร้างความเจ็บปวดจนต้องขบฟันแน่น
และเป็นฉับพลันนั้นเองที่เขาได้รู้ว่าขวานที่ส่งเข้ามานั้นความจริงเป้าหมายไม่ใช่การโจมตีแต่เป็นการดึงความสนใจ ในระหว่างที่จระเข้สาวพุ่งโฉบเข้ามาประชิดตัวพร้อมเงื้อขวานอีกอันในมือฟาดลงมากลางกะโหลกของหนุ่มน้อย
ชั่วพริบตานั้น กรรมการทั้งสามคนที่สังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ต่างลุกขึ้นมาพร้อมกันในทันที โดยเฉพาะคนที่เป็นนักผจญภัยประสบการณ์สูงที่พุ่งออกไปหมายจะหยุดการโจมตีนี้ให้ทัน เพราะถึงขวานจะไม่คมแต่ด้วยตำแหน่งโจมตีบวกกับน้ำหนักและแรงที่ใช้ไปขนาดนั้น มันมากเพียงพอจะบดเปิดกะโหลกหนุ่มน้อยจนถึงแก่ความตายได้ง่ายๆ เลย
แต่แล้วในวินาทีสุดท้าย สาวน้อยหยุดมือรั้งขวานเอาไว้ห่างจากศีรษะของอีกฝ่ายเพียงสองหรือสามข้อนิ้วเท่านั้น ก่อนจะลดอาวุธลงมา ใช้สายตาคมกริบแบบนักล่าแห่งบึงน้ำจ้องเขม็งเข้าไปในตาของอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้ตัวข้างแข็งเป็นหินไปแล้วจากความตระหนก “ถ้าฟื้นแล้วนายมาตั้งกลุ่มกับฉันด้วยนะ”
สาวน้อยว่าก่อนจะต่อยเสยปลายคางอีกฝ่ายด้วยกำปั้นที่ฝึกมาอย่างดี จนเขาสลบลงไปกองกับพื้น เป็นการปิดฉากการต่อสู้ที่ทำเอาคนดูทั่วทั้งสนามถึงกับนิ่งงัน เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะส่งเสียงเฮดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับกรรมการทั้งสามที่ตอนนี้ต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กันอย่างโล่งอกที่ไม่มีใครตาย
“ไม่ร้ายแรง เดี๋ยวใส่เฝือกป้อนโพชั่นซักสัปดาห์ก็หายแล้ว” เมื่อผลการต่อสู้ออกเป็นเอกฉันท์แล้ว กรรมการที่เป็นหมอก็เข้าไปตรวจอาการของคนเจ็บทันที แล้วหันไปส่งสัญญาณปลอดภัยให้สาวน้อยแบกคู่ต่อสู้ของตัวเองออกไปที่ซุ้มปฐมพยาบาลได้เลย ก่อนจะหันหลังกลับไปนั่งที่ของตัวเองพร้อมกับกรรมการอีกคน
ในบรรยากาศอึกทึกครึกโครมของเสียงผู้ชมบนอัฒจันทร์นั้นเอง ไอน์หยิบกรวยบรรจุคริสตัลขยายเสียงขึ้นมา แต่ยังไม่ได้ทันเอ่ยปากพูด เหล่าผู้ชมก็เริ่มส่งเสียงเชียร์ขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้ว่าคู่เอกคู่สุดท้ายของคืนนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และถึงแม้ว่าจะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าคู่เอกในคืนนี้คือใคร แต่ทุกคนต่างก็เดาไปในทิศทางเดียวกันหมดว่าต้องเป็นฮอรัสอย่างแน่นอน
เพียงแต่ยังไม่มีใครรู้เท่านั้นว่าคนที่ฮอรัสจะต้องสู้ด้วยคือใคร ต่างฝ่ายก็เลยเดาเอาว่าคงจะเป็นหนึ่งในสามวีรบุรุษเช่นกันซึ่งนั่นเป็นการคาดเดาที่ผิด
“เอาล่ะค่ะทุกคน มาถึงคู่สุดท้ายแล้วนะคะ” นักวิเคราะห์สาวกล่าวผ่านกรวยขยายเสียงเป็นการเรียกความสนใจ
ซึ่งก็ได้ผล เพราะมันทำให้คนดูส่งเสียงดังสนั่นมากขึ้นกว่าเก่า ก่อนที่เสียงเชียร์นั้นจะกลายเป็นความคลุ้มคลั่งอย่างตื่นเต้นในฝูงชนเมื่อเธอเริ่มพูดต่อ “อย่างที่เคยประกาศค่ะ ในคู่สุดท้ายนี้จะเป็นการประลองรอบพิเศษ ไม่เชิงว่าเป็นการทดสอบของนักผจญภัยฝึกหัด เพราะฉะนั้นรอบนี้จะไม่มีการลบคมอาวุธแต่อย่างใด...”
“คิดว่าตอนนี้ทุกคนคงอยากรู้แล้วว่าผู้เข้าประลองคนแรกเป็นใคร ถ้าอย่างงั้นก็... คุณฮอรัส หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อปีศาจแห่งเทรียลค่า!!” นักวิเคราะห์สาวตะโกนผ่านกรวยขยายเสียง ปลุกเร้าฝูงชนบนอัฒจันทร์ให้โห่ร้องเรียกชื่อของหุ่นสงครามออกมาพร้อมๆ กัน
เธอเองก็รู้ดีว่าชื่อของฮอรัสนั้นเป็นที่นิยมขนาดไหนและในฐานะของนักวิเคราะห์ที่ทำหน้าที่ในสมาคมตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ การประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเทรียลเองก็ถือเป็นงานเช่นกัน เพราะยิ่งสมาคมน่าเชื่อถือเท่าไหร่การจ้างงานภารกิจก็มีมากขึ้นด้วย
“ฮอรัส ฮอรัส ฮอรัส...” เสียงกู่ร้องดังขึ้นไม่ขาดสายระหว่างที่เจ้าของชื่อเดินออกจากประตูฝั่งตะวันออกเข้ามาในสนามทรายด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่ใส่ใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้านบน
ยกเว้นก็แต่เอลฟ์สาวเอลีอาที่นั่งโบกมือหย็อยๆ ลงมาให้เท่านั้นที่ทำให้เขาต้องหันหน้าไปมองครู่หนึ่ง แล้วจึงหันกลับมาก้มหน้ายืนตรงพลางขยับนิ้วทั้งสิบไปมาเช็กสภาพลดความโอกาสติดขัด ไม่ทันเห็นว่าชายชราตาบอดที่เคยสอนเขาเรื่องผู้หญิงกำลังเดินผ่านฝูงฝนมาสะดุดตรงที่นั่งของเอลีอาพอดี
ไม่ว่าด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจ แต่สุดท้ายความมีน้ำใจของเอลฟ์สาวก็ทำให้เธอขยับแบ่งที่นั่งให้ชายแก่อย่างง่ายดายโดยไม่เอะใจสงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าคนตาบอดมาทำอะไรบนอัฒจันทร์ชมการประลอง
“และสำหรับอีกฝ่ายที่จะมาประลองกับปีศาจแห่งเทรียลคืนนี้ได้ แน่นอนย่อมต้องไม่ใช่นักผจญภัยทั่วไป แต่คือนักผจญภัยระดับอัญมณีอีกคนของเทรียล...” ไอน์เริ่มเร้าอารมณ์ ประกาศถึงผู้เข้าประลองอีกฝั่งหนึ่งด้วยการใช้ถ้อยคำโฆษณาสร้างความสงสัยใคร่รู้ในหมู่ผู้ชม “นักผจญภัยชั้นมรกตคนใหม่ของเทรียล สมญาศรเหมันต์ เอเดล!!”
เพียงสิ้นคำแนะนำตัวของนักวิเคราะห์สาวดังนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไปด้วยเหตุผลมากมายหลายประการ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะคนที่จะต่อสู้กับฮอรัสนั้นคือเอเดล
โดยเฉพาะเอลีอาที่ตอนนี้ทำหน้าเหลอหลาไม่เข้าใจ คิดว่าฟังผิดเพราะเธอเองยังไม่รู้เลยว่าลูกสาวจะต้องต่อสู้กับฮอรัส แถมยังพัฒนาอัตตะศิลาจนเป็นระดับอัญมณีทั้งๆ ที่เพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ผิดกับชายชราตาบอดข้างๆ ที่แอบขำเบาๆ ตอนได้รู้ปฏิกิริยาของเอลฟ์สาว
แต่แล้วเสียงโฮร้องและความตื่นเต้นของฝูชนก็ค่อยๆ เบาลงไป เมื่อไม่มีใครเดินออกมาจากทางเข้าฝั่งตะวันตกของสนามทรายเลย
“ขะ คุณเอเดลค้า?” นักวิเคราะห์สาวเห็นแววเริ่มไม่ดีจึงตะโกนเรียกด้วยตัวเองอีกครั้งเพราะเธอจำได้ว่าเอเดลมารายงานตัว เตรียมพร้อมก่อนใครเลยด้วยซ้ำแต่จนแล้วจนรอดพอถึงเวลากลับไร้วี่แววซะอย่างนั้น
ฉับพลันนั้นเอง ในเสี่ยวพริบตาที่ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว แสงสีขาวก็สว่างวาบพร้อมกับลูกธนูที่พุ่งออกมาพร้อมกันห้าดอกด้วยความเร็วที่ไม่มีสายตาคู่ไหนบนอัฒจัทร์นั้นจะจับได้ทันเลยแม้แต่คนเดียว
ยกเว้นก็แต่ฮอรัสเท่านั้นที่ใช้สัมผัสประสาทบนดวงตาสีนิลจับการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้
ทว่าหุ่นสงครามที่เคยเข้าใจว่าลูกศรไม่มีทางตามความเร็วของตนทัน บัดนี้ต้องเปลี่ยนคำพูด เพราะลูกศรสีขาวทั้งห้าดอกที่มุ่งตรงมาหาเขานั้นรวดเร็วกว่าที่คิด อีกทั้งการจัดรูปแบบของศรที่ยิงมาพร้อมกันก็เป็นรูปแบบที่บีบบังคับให้หลบได้ยากบ่งบอกพัฒนาการก้าวกระโดดของคนที่ยิงมันออกมา
เมื่อรู้ว่าหลบยาก ฮอรัสจึงตั้งใจจะหลบเพียงบางส่วนแล้วใช้แขนปัดป้องการโจมตีนี้แทน
แต่แล้วสิ่งที่เขาไม่ทันได้ประเมินก็เกิดขึ้นอีก เพราะทันทีที่แขนของเขาสัมผัสถูกลูกศรนั้นในระหว่างที่พยายามจะปัดป้อง แม้จะไม่ปักเข้าเนื้อ ทว่าเขาก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบนชิ้นส่วนภายนอกที่จู่ๆ ก็ถูกน้ำแข็งเกาะกินเข้ามาอย่างรวดเร็วจนแขนข้างนั้นกลายเป็นสีขาวหิมะ
และเมื่อการจู่โจมผ่านพ้นไป ภาพของครึ่งเอลฟ์สาวก็ปรากฏตัวขึ้นจากทางเข้าทิศตะวันตก พร้อมคันธนูเหมันต์ที่บัดนี้ส่องประกายระเรื่อจนเห็นเด่นชัด จากอักขระเวทสีขาวซึ่งกำลังสั่นไหวและหมุนเวียนวน
ฮอรัสหันมองเอเดลครู่หนึ่งก่อนจะฉีกกระชากชิ้นส่วนเปลือกนอกบนแขนข้างที่ถูกโดนกับศรเหมันต์ทิ้งเผยให้เห็นกระดูกสีโลหะตรงตามสมญาที่เขาได้รับ เพราะอุณหภูมิตรงจุดที่สัมผัสโดนศรยังคงลดลงต่อเนื่องไม่หยุดบ่งบอกว่าหากปล่อยทิ้งไว้มันอาจจะลามไปถึงส่วนอื่นๆ ได้
“ผมขอโทษ แต่ผมจะไม่อ่อนข้อให้คุณเอเดลแล้ว” ฮอรัสเอ่ยเบาๆ กับหญิงสาวพร้อมกับกำหมัด ก่อนที่เสียงกู่ร้องจากผู้ชมจะดังขึ้นอีกครั้ง