บทที่ 10 โดนสาวน้อยเข้าใจผิด
บทที่ 10 โดนสาวน้อยเข้าใจผิด
ด้วยความช่วยเหลือของหลิงม่อ สองคนนี้จึงฝ่าฝูงซอมบี้ออกมาได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้มีซอมบี้หลายสิบตัวมารวมตัวกันอยู่ที่ด้านหน้าซุปเปอร์มาร์เกตนี้แล้ว พวกเขาอยู่ต่อไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
“พี่ชาย ตามผมมา”
ชายหนุ่มยิ้มให้หลิงม่อด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วหันหน้าวิ่งไปยังซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง
หลิงม่อหันกลับไปมองฝูงซอมบี้ที่มีอยู่เต็มถนน จึงจำต้องพาเย่เลี่ยนตามพวกเขาไปด้วย ส่วนเด็กสาวคนนั้นเดินรั้งท้ายด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น และคอยจัดการพวกซอมบี้ที่ตามติดแจให้ล้มลงไปกองกับพื้น
พอเห็นเด็กสาวคนนี้ลงมือในระยะประชิดแล้ว หลิงม่อไม่เพียงจะสนใจการโจมตีอันรวดเร็วฉับไวของเธอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงดาบยาวเล่มนั้นในมือเธอด้วย มันคมกริบมาก แถมยังมีน้ำหนักอีกต่างหาก ไม่รู้เหมือนกันว่าแขนเรียวบางของเธอกวัดแกว่งดาบได้อย่างรวดเร็วและสบายๆ ขนาดนี้ได้อย่างไร
แต่ประเด็นสำคัญยังคงอยู่ที่สีหน้าและแววตาเวลาที่เธอฆ่าซอมบี้ มันช่างเยือกเย็นเหลือเกิน จนทำให้รู้สึกขนลุกซู่...
ชายหนุ่มพาหลิงม่อและเย่เลี่ยนวิ่งซอกแซกไปมาอยู่ในซอยนี้มาสิบกว่านาทีแล้ว จากนั้นก็เลี้ยวเข้าไปในตึกเล็กๆ แห่งหนึ่ง จนในที่สุดก็สลัดซอมบี้ฝูงใหญ่นั้นได้เสียที
ขณะที่ชายหนุ่มหยุดพักหายใจ หลิงม่อก็สังเกตเห็นว่าตึกเล็กๆ แห่งนี้มีร่องรอยของคนมาปัดกวาดทำความสะอาดไว้แล้ว เป็นไปได้อย่างมากว่าที่นี่จะเป็นที่พักของพวกเขา
“พี่...พี่ชาย...ขอบคุณพี่มากจริงๆ” หลังจากวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่สิบกว่านาที ใบหน้าของชายหนุ่มก็แดงแจ๋ไปหมด แม้กระทั่งเส้นผมก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาเอามือพาดบนไหล่หลิงม่อพลางพูดติดๆ ขัดๆ “ขอบคุณ...จริงๆ ครับ...”
ดูจากท่าทางของชายหนุ่มแล้ว หลิงม่ออยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ต้องฝืนใจพูดหรอก แต่สีหน้าของอีกฝ่ายดูจริงใจมาก จนทำให้หลิงม่อได้แต่ฝืนพยักหน้าหงึกๆ
“พี่โคตรเจ๋งเลย...” ในที่สุดชายหนุ่มก็ปรับลมหายใจได้และกล่าวชื่นชมทันที “แล้วก็แฟนพี่ด้วย วิ่งเร็วขนาดนี้ สีหน้ายังดูไม่เปลี่ยนเลย...เมื่อก่อนคงไม่ได้เป็นนักกีฬาหรอกใช่ไหม แต่ดูแล้วก็ไม่มีกล้ามนี่นะ...สูสีพอๆ กับซย่าน่าของเราเลย...”
“หลิวอวี่หาว นายนี่น่ารำคาญจริง!” จู่ๆ ซย่าน่าที่เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดก็ขมวดคิ้วและพูดตัดบทเขา สีหน้าดูไม่ค่อยพอใจ “ใครเป็นของนายกัน!”
“อย่าทำอย่างนี้น่า ยังไงเราก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันนะ!” หลิวอวี่หาวพูดพลางหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็หันไปยิ้มให้หลิงม่อ “วันนี้ต้องขอบคุณพี่มากจริงๆ เอาอย่างนี้ พี่ขึ้นไปนั่งพักข้างบนดีไหม” อวี่หาวพูดพลางตบกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ข้างหลัง “มีเบียร์ด้วยนะ!”
หลิงม่อหันไปมองเย่เลี่ยนแวบหนึ่ง ในใจคิดว่าโชคดีที่หลังจากผ่านการวิวัฒนาการแล้ว รูปร่างหน้าตาของเธอไม่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ดูจากปฏิกิริยาของซย่าน่าและหลิวอวี่หาวแล้ว ท่าทางจะไม่เห็นพิรุธอะไร แต่เพื่อเย่เลี่ยน เขาคิดว่าอยู่ให้ห่างจากผู้รอดชีวิตไว้น่าจะดีกว่า
ดังนั้นหลังจากคิดอยู่หนึ่งวินาที หลิงม่อก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ดีกว่า เรามีธุระต้องทำต่อ”
“หา ยังจะมีธุระอะไรอีกล่ะครับ มานั่งด้วยกันเถอะ” หลิวอวี่หาวงงงันทันที สำหรับเขาแล้ว การได้เจอผู้รอดชีวิตคนอื่นในวันสิ้นโลกแบบนี้เป็นเรื่องที่ควรดีใจ ถึงจะไม่ได้รอดชีวิตมาด้วยกัน แต่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันก็คงจะดีที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเจ๋งๆ แบบหลิงม่อ เขาจะต้องรู้ข้อมูลอะไรมากมายที่พวกเขาไม่รู้แน่ๆ ถ้าอีกฝ่ายอยู่ต่อก็จะช่วยพวกเขาได้มากโขทีเดียว
ส่วนเรื่องที่บอกว่ามีธุระเนี่ย...นอกจากการเอาชีวิตรอดในวันสิ้นโลกนี้แล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรอีกเล่า
แต่ซย่าน่าพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “ในเมื่อพวกเขาไม่อยาก นายก็อย่าไปบังคับน่า...เอ๊ะ?” เธอหยุดพูดกลางคัน จู่ๆ สายตาก็พลันมองไปที่มีดสั้นในมือของหลิงม่อด้วยความประหลาดใจ หลังจากนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง เธอก็ยื่นมือไปที่เอวของหลิงม่อด้วยความรวดเร็วจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน
หลิงม่อเองก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอจะทำแบบนี้ แต่พอนิ้วมือเธอสัมผัสกับด้ามมีด หลิงม่อก็แสดงปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว
เขาแค่เบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วก็ทำให้ซย่าน่าพลาดท่าคว้าน้ำเหลวไป
ซย่าน่าถึงกับตะลึงงันในฉับพลัน ส่วนหลิวอวี่หาวก็ตกใจอ้าปากค้าง “ซย่าน่า เธอทำอะไรน่ะ”
การคว้าน้ำเหลวนี้ทำให้ซย่าน่ามองหลิงม่อด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป แต่น้ำเสียงของเธอกลับฟังดูไม่เป็นมิตรเท่าไร “นายเอามีดสั้นนี้มาจากไหน”
“ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก” พอโดนเจ้าหล่อนถามแบบนี้ บวกกับการกระทำที่ผลีผลามของเธอ ทำให้หลิงม่ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า
แม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่ก็ถือว่าเขาได้ช่วยชีวิตทั้งสองเอาไว้ ต่อให้ไม่รู้มารยาทแต่ก็ควรมีขอบเขตบ้างสิ พอเห็นหลิวอวี่หาวปฏิบัติต่อเธออย่างระมัดระวัง ก็รู้แล้วว่าเธอเย่อหยิ่งจนเป็นนิสัย โดยอาศัยการที่ตัวเองมีความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่ง แต่หลิงม่อไม่มีทางยอมเธอหรอก
“นาย!” ซย่าน่าถลึงตาใส่หลิงม่อด้วยความโมโห แต่พอเห็นสายตาของเธอที่คอยเหลือบมองมีดสั้นเล่มนั้นแล้ว ก็รู้ว่าเธอสนใจมันมากทีเดียว หลังจากนิ่งเงียบไปสามสี่วินาที เธอก็ปรับน้ำเสียงเล็กน้อยและถามใหม่ “นายได้มีดเล่มนี้มาจากไหน ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม”
น้อยครั้งมากที่เด็กสาวลักษณะนี้จะยอมลดศักดิ์ศรีได้เร็วขนาดนี้ แค่ดูจากสีหน้าประหลาดใจของหลิวอวี่หาวก็รู้แล้ว
เดิมทีก็ไม่ได้มีอะไรจะปิดบังอยู่แล้ว หลิงม่อจึงเล่าเรื่องที่ตัวเองไปค้นหาอาวุธในร้านขายมีดทำมือให้ฟังอย่างคร่าวๆ แล้วก็แค่บิดเบือนเรื่องซอมบี้กลายพันธุ์นิดๆ หน่อยๆ เช่นเรื่องก้อนเหนียวหนืดสีแดงก้อนนั้น...
เมื่อได้ยินว่ามีซอมบี้กลายพันธุ์ สองคนนี้ก็ไม่ได้มีสีหน้าตื่นตกใจแต่อย่างใด ซึ่งนี่ทำให้หลิงม่อแน่ใจในการคาดเดาของตัวเอง ตอนนี้ในเขตตัวเมืองมีซอมบี้กลายพันธุ์อยู่ไม่น้อยจริงๆ ด้วย...
“นายไปที่ร้านของสกุลหวังมาใช่ไหม” จู่ๆ ซย่าน่าก็ถามขึ้น
“เธอรู้ได้ยังไง” แม้ว่ามีดสั้นเล่มนี้จะเป็นของสำเร็จรูป แต่ทั้งปลอกมีดและตัวมีดก็ไม่ได้สลักตัวอักษรใดๆ แล้วเด็กสาวคนนี้ดูออกได้อย่างไร ทว่าพอคิดอีกที ดาบและมีดทำมือของสกุลหวังมีชื่อเสียงในเมือง X มากทีเดียว คงจะเดาได้ไม่ยากเท่าไร....
ซย่าน่ามองมีดเล่มนั้นด้วยความสับสน “งั้นก็หมายความว่าคนในร้านตายกันหมดเลยน่ะสิ แต่ช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เธอก็ช่วยเลิกจ้อง...” พอโดนซย่าน่าจับจ้องช่วงล่างตาไม่กะพริบแบบนี้ หลิงม่อก็รู้สึกแปลกๆ พิกล จึงอดที่จะกัดฟันพูดไม่ได้
ซย่าน่าอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ “กลัวอะไร แฟนนายก็ไม่ได้ถือสาอะไรไม่ใช่เหรอ” ว่าแล้วเธอก็ชี้นิ้วไปยังเย่เลี่ยนซึ่งยืนอยู่ข้างหลังหลิงม่อ “ใช่ไหมคะ พี่สาว”
“แต่ฉันถือ...” หลิงม่อไม่มีอะไรจะพูด ซย่าน่าคนนี้ดูแล้วอย่างมากน่าจะแค่สิบเจ็ดสิบแปด แต่ทำไมคำพูดคำจาถึงได้เชือดเฉือนขนาดนี้ แต่เมื่อได้ยินเธอพูดคุยกับเย่เลี่ยน หลิงม่อก็รีบพูดขึ้นมาว่า “คือว่า...โทษที เย่เลี่ยนพูดไม่ได้น่ะ...”
“อ๊ะ พี่สาวสวยขนาดนี้แต่เป็นใบ้หรอกเหรอ เอ่อ ขอโทษด้วยฮะ พี่สาวอย่าถือสาเลยนะ...” หลิวอวี่หาวร้องตกใจ จากนั้นก็รีบยิ้มด้วยสีหน้าเก้อเขิน
หลิงม่อเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เลยได้แต่ยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้า
แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือ หลังจากซย่าน่ามองลึกลงไปในตัวเย่เลี่ยนแล้ว จู่ๆ เธอก็ยื่นมือมาคว้าข้อมือของเย่เลี่ยน หากหลิงม่อไม่ได้ยับยั้งแรงกระตุ้นในการโจมตีของเย่เลี่ยนไว้อย่างฉับพลันล่ะก็ ป่านนี้ซย่าน่าก็คงจะถูกเย่เลี่ยนจับฉีกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
ดูจากสีหน้าเธอแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้ตัวเสียเลยว่าเมื่อครู่ตัวเองตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน “พี่สาว มาพักผ่อนที่บ้านพวกเราก่อนเถอะค่ะ ฉันว่าสีหน้าพี่ดูไม่ดีเลย”
น้ำเสียงของเธอเจือแววสงสารอยู่หน่อยๆ หลังจากพูดจบก็หันมามองหลิงม่อด้วยสายตาอ่อนโยนมากกว่าเดิม “นายก็ใช้ได้เลยนี่ ยังไงก็ขึ้นมานั่งพักก่อน ฉันเลี้ยงเหล้านายเอง”
เข้าใจผิดแล้ว!
ขณะที่หลิงม่อกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ ซย่าน่าก็จัดการจูงเย่เลี่ยนขึ้นไปข้างบนแล้ว ส่วนหลิวอวี่หาวเดินมาที่ข้างหลังหลิงม่อ แล้วดันแผ่นหลังเขาพลางพูดเร่งเร้า “ไปกันๆ นานๆ ทีเราถึงจะได้เจอคนเป็นๆ...”
.......................................................................