SD:บทที่ 20 : เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสผู้หัวรั้น
SD:บทที่ 20 : เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสผู้หัวรั้น
จะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ !
นายตำรวจยังลังเลที่จะยอมให้ไอ้หมีใหญ่เข้าห้องน้ำอีกครั้ง แต่หลังจากที่เห็นนักโทษทุกคนร้องขอสิ่งเดียวกัน เขาก็ปฏิเสธทันที!
ล้อกันเล่นเหรอไง ทำไมถึงต้องเข้าห้องน้ำพร้อมกันหมด นี่เป็นเด็กนักเรียนประถมรึยังไงกัน
“ขอให้พูดจริงล่ะกัน ไปทีละคน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะกลั้นเอาไว้กันไม่ได้”
เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวขณะที่เขหลิ่วตา ในใจกำลังวางแผนที่จะกลับไปที่ห้องทำงานของเขา เมื่อเหล่านักโทษตระหนักได้ว่าเขากำลังจากไป พวกเขาก็คุกเข่าที่พื้นอย่างร้อนรน
“พวกเราขอร้องเถอะ...ให้พวกเราไปเข้าห้องน้ำที อีกนิดนี่คือจะราดตรงนี้แล้ว!”
ถ้อยคำเหล่านั้นถูกกล่าวมาด้วยความจริงใจและความรู้สึกที่แรงกล้าอย่างไม่น่าเชื่อ!
ทว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่น่าสงสัย ผู้ต้องขังพวกนี้ไม่ใช่โจรกระจอก ๆ ดังนั้นเขาต้องระวังตัวทุกการกระทำของพวกนี้
“ไม่ได้ ก็บอกให้ไปได้แค่ทีล่ะคน”
เมื่อเหล่านักโทษได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น ทั้งห้องขังกลับเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน
ให้ตายสิ...นี่พวกเขาแทบจะกลั้นไม่ไหวจริง ๆ นะเนี่ย
ซู ฉิวไป่ ที่กำลังนั่งอยู่ที่มุมห้องพูดพึมพำขึ้นมาอย่างโกรธเคือง ในตอนแรกเขาก็สะใจอยู่หรอกที่ได้ดูพวกเขาทรมาน แต่ใครจะรู้ว่าพวกผู้ต้องขังจะไร้ประโยชน์มากขนาดนี้ แค่ระบบขับถ่ายตัวเองยังควบคุมไว้ไม่ได้เลย
“นี่พี่ชาย ผมว่าคุณควรปล่อยพวกเขาไปเถอะ ป่านนี้คงราดออกมาอยู่ในกางเกงหมดล่ะ”
ซู ฉิวไป่ ไม่สามารถทนเป็นพยานของสถานการณ์ตรงหน้าได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนเพื่อเรียกร้องกับนายตำรวจ หากจะพูดตรง ๆ แล้ว เขาทนกลิ่นเหม็นอบอวลที่อบอวลในห้องขังไม่ไหวอีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าชายผู้มาใหม่ขอร้องเพื่อพวกเขาเช่นนี้แล้ว ไอ้หมีใหญ่และคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าอย่างเป็นเอกฉันท์ ดวงตาของพวกเขาเริ่มเอ่อไปด้วยน้ำตา
เขาช่างเป็นคนดีเสียจริง! นี่พวกเราถึงกับคิดว่าจะทำร้ายเขาก่อนหน้านี้ นั่นมันคงแย่มากเกินไปด้วยซ้ำ!
บางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นี้ด้วยเช่นกัน เขาเดินไปเปิดประตูลูกกรงด้วยใบหน้าถมึงทึง
“ให้ไวเลย! ทุกคนต้องกลับมาในสิบนาที”
พลันเมื่อพวกเขารับรู้คำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เหล่าผู้ต้องขังพลันรีบวิ่งออกมาราวกับว่าพวกเขาได้รับอิสรภาพแล้ว
มีเพียงแต่คนขับรถที่ยังอยู่ในห้องขัง เขาขยับไปเรื่อยและนั่งลงอีกครั้งเมื่อพบท่าที่สบายตัวมากที่สุด ภายในสิบนาที ซู ฉิวไป่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องขัง บัดนี้ได้สัมผัสกับกลิ่นที่ชวนคลื่นเหียนมากที่สุดในชีวิต!
พวกเขาไม่อาจจินตนาการสภาพของห้องน้ำตอนนี้ด้วยซ้ำ
แม้แต่นายตำรวจเองก็แทบจะเป็นลม ณ ตรงนั้นเลย ถึงกระนั้น เหล่าผู้ต้องขังก็ยังเข้า ๆ ออก ๆ จากห้องน้ำไม่เลิก ทุกครั้งที่พวกเขาออกมาจากห้องน้ำ มันเทียบได้กับการกลับมาจากประตูนรกได้เลย
ซู ฉิวไป่ เองก็เริ่มรู้สึกผิดเช่นกัน นี่ฉันกำลังทำร้ายพวกเขารึเปล่าเนี่ย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่แสนแปลกประหลาดนี้ ทำให้ทั้งเหล่าผู้ต้องขังและนายตำรวจเริ่มระมัดระวังและต่างสงสัยในตัวชายบริสุทธิ์ในห้องขัง!
ถ้าเขาไม่ใช่ตัวนำโชคร้ายล่ะก็ แม่ของเขาก็คงเป็นปีศาจร้ายแน่ ๆ !
ในตอนแรกพวกเขายังปกติดี แต่พอคิดจะทำร้ายชายหนุ่ม พวกเขากลับป่วยขึ้นมากะทันหัน!
อีกอย่าง ทำไมพวกเขาทุกคนถึงท้องเสียอย่างรุนแรง ในขณะที่เขายังไม่เป็นอะไรล่ะ ไม่มีข้ออธิบายใดที่ฟังขึ้นแล้ว!
ดังนั้น เรื่องราวที่ตามมาจึงพลันทวีความพิสดารมากขึ้นไปอีก เหล่านักโทษและนายตำรวจต่างจ้องตรงมาที่เขาด้วยความกลัวระคนความประหลาดใจ เมื่อเขาหันไปมองพวกนั้นเมื่อใด พวกเขาจะหันหน้าหนีทันที
ระวังอย่าดึงดูดความสนใจของตัวนำโชคร้าย มิอย่างนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาจะเลวร้ายมากเป็นแน่แท้!
คนขับรถได้แต่คิดว่าผู้คนเหล่านี้ทำตัวแปลกพิกล ทำไมทุกคนถึงมองเขาเป็นตัวประหลาดกันหมดเนี่ย
แต่มันน่าเบื่อเหลือเกินที่ตอนนี้เขาทำได้แค่เพียงแค่นั่งและไม่ทำอะไร จนในที่สุดเขาก็ผล็อยหลับไปเมื่อคนอื่นเห็นเขาเผลอหลับ เสียงของนักโทษที่เข้าและออกจากห้องน้ำก็เบาลงมาก
คงจะดีกว่าถ้าไม่ปลุกเขา ใครจะไปรู้ บางทีเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะชายคนนี้ก็ได้...
ขณะนี้ ผู้กำกับจ้าวยังไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในห้องขัง เขาพึ่งจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้อำนวยการหลี่ และโล่งอกเหลือเกินที่รู้ว่าตอนนี้เขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมาอีกครั้ง แค่เหลือบมองดูครั้งเดียว เขาก็รู้แล้วว่ามันมาจากเมียของเขา สมองของเขาประมวลผลได้ทันทีว่าต่อไปเขาจะโดนเทศนาเรื่องอะไร
เมียของเขาส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูทันทีที่เขารับสาย
“ฉันสืบสวนเหตุการณ์ทั้งหมดมาแล้วเรียบร้อย น้องชายฉันต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เพราะคนขับรถแท็กซี่ที่ถูกขังอยู่ที่สถานีตำรวจของคุณแล้ว จัดการกับเขาด้วย!”
เมื่อเธอพูดจบ เธอก็วางสายทันทีโดยไม่เหลียวแลซักนิดว่าเขาจะตอบเช่นไร
ผู้กำกับจ้าวได้แต่เกาหัวของตัวเองโดยไร้คำพูดใด ๆ นี่ฉันมาลงเอยแต่งงานกับผู้หญิงที่โหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไรกันเนี่ย
แต่สุดท้ายแล้วเขาเองก็ไม่มีทางเลือก เมียเขาคงต้องบ่นเขาทุกวี่ทุกวันนับจากนี้แน่หากเขาไม่แก้แค้นให้พี่เขย ดังนั้น เขาจึงวางแผนที่จะไปเยี่ยม ซู ฉิวไป่ ในห้องขังโดยตรง
ทว่าทันทีที่เขาจะลุกออกไป โทรศัพท์ชองเขาส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นเบอร์โทรที่เขาไม่รู้จัก ผู้กำกับจ้าวพลันรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา แต่เขาก็ตัดสินใจรับสาย
“สวัสดีค่ะผู้กำกับจ้าว ฉัน เซี่ย หรงหรง จากตระกูลเซี่ยนะคะ เพื่อนของฉันคนนึงตอนนี้ถูกขังอยู่ในสถานีตำรวจที่อยู่ใต้คำบังคับบัญชาของคุณ ฉันอยากจะสอบถามเรื่องของเขาหน่อยค่ะ”
เสียงหวาน ๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งถูกเปล่งออกมาจากคู่สนทนา แต่ผู้กำกับจ้าวกลับต้องงุงงงเมื่อพบว่าเธอคือ เซี่ย หรงหรง!
เธอคนนั้นเป็นถึงหางเสือของตระกูลเซี่ย แม้เขาจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าดี แต่เขาก็พอจับเค้าลางได้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น
ผู้หญิงคนนี้...ไม่ได้รับมือด้วยง่าย ๆ เลย
“ขอผมทราบได้ไหมว่าเพื่อนของคุณคือใครครับ คุณเซี่ย ผมจะให้คนของผมไปตรวจสอบสถานการณ์ทันทีครับ” ผู้กำกับจ้าวพูดขึ้นมาอย่างใจเย็นหลังจากที่เขาไอกระแอมไปสองสามครั้ง
“ชื่อของเขา คือ ซู ฉิวไป่ ค่ะ เขามีความขัดแย้งเล็กน้อยกับครูคนนึงที่โรงเรียนมัธยมต้นหยูเฉิง ดังนั้นจึงมีเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยค่ะ...”
น้ำเสียงของ เซี่ย หรงหรง สงบมาก สำหรับคนเช่นเธอแล้ว ไม่มีความจำเป็นเลยที่เธอจะต้องโทรหาสถานีตำรวจโดยตรงเช่นนี้ แต่เธอก็ทำเพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ซู ฉิวไป่ โดยตรง
ผู้กำกับจ้าวตั้งใจไว้แต่แรกว่าเพื่อนของเธอจะเป็นใครกัน เขาก็คงยอมปล่อยไป เพราะถึงอย่างไร เขาก็ถึงกับเป็นคนรู้จักของ เซี่ย หรงหรง แต่ว่ามันกลับเป็นชื่อของ ซู ฉิวไป่ และยังเป็นเรื่องที่โรงเรียนมัธยมต้นหยูเฉิงนั่นอีก!
เขาพลันเข้าใจได้ในทันที เพื่อนของ เซี่ย หรงหรง คือคนที่ทำร้ายพี่เขยของเขานั่นเอง
“คุณเซี่ยครับ ผมเข้าใจสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ ซู ฉิวไป่ เป็นอย่างดี ทว่าในตอนนี้ เราไม่มีทางเลือกนอกจากจะรอจนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์น่ะครับ”
ผู้กำกับจ้าวลังเลไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อพลันนึกถึงภรรยาของเขาได้ขึ้นมา เขาก็ไม่คิดจะเสียเวลายุ่งกับ เซี่ย หรงหรง อีก
“ผู้กำกับจ้าวค่ะ มันจำเป็นที่จะต้องจบลงเช่นนี้จริง ๆ เหรอคะ วีดีโอของเหตุการณ์ดังกล่าวบัดนี้กำลังวนเวียนอยู่บนอินเทอร์เน็ตแล้วนะคะ คุณจะลองหาดูเองเลยก็ได้ เหตุผลที่เพื่อนของฉันโกรธจนถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกับผู้อำนวยการหลี่ ก็เป็นเพราะเขาหยาบคายกับครูหญิงคนหนึ่งนะคะ...”
เซี่ย หรงหรง ยังคงใจเย็นอยู่ ตั้งแต่ก่อนที่เธอจะโทรไป เธอก็รู้ดีอยู่แล้วถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างผู้อำนวยการหลี่กับผู้กำกับจ้าว
“ผมขออภัยจริง ๆ ครับคุณเซี่ย อีกไม่นานทางเราจะค้นพบความจริงของเหตุการณ์ดังกล่าวครับ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเลยค่ะ”
ผู้กำกับพูดขึ้นโดยไม่ลังเล น้ำเสียงของเขาไม่เป็นมิตรเหมือนดั่งตอนแรก
“เช่นนั้นแล้ว ฉันจะรอให้คุณจัดการเรื่องดังกล่าวอย่างยุติธรรมนะคะ”
ผู้กำกับจ้าวนึกว่าบางที่ เซี่ย หรงหรง จะยื้อเขาไว้หรือพยายามขอร้องเขา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะวางสายไปเลย
ผู้กำกับจ้าวโกรธขึ้นมาทันที เขาวางโทรศัพท์ลงแล้วบ่นพึมพำด้วยความโกรธแค้นในห้องทำงาน ในใจของเขาแอบหวั่นใจอยู่เล็ก ๆ
ในเขาที่เขายังคงชั่งใจว่าจะไปที่ห้องขังดีหรือไม่ โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับครั้งที่แล้ว เป็นการโทรมาจากเบอร์ที่เขาไม่รู้จักเช่นกัน แต่เขาก็ยังตัดสินใจรับ
“นี่ จ้าว จือจิ้ง ใช่หรือเปล่า ผม อู๋ จินกัง นะ”
เมื่อเขารับสาย พลันได้ยินเสียงของชายที่ฟังดูน่าเกรงขามขึ้นมา
อู๋ จินกัง ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอ่ะนะ
หัวใจของผู้กำกับจ้าวพลันเต้นเร็วขึ้น นี่ชายคนนั้นจะโทรหาเขาทำไมกัน
คงไม่ใช่ว่า...
เขาพอจะคาดเดาเหตุผลได้แล้ว แต่ประโยคต่อไปที่คู่สนทนาเอ่ยได้ยืนยันข้อสันนิษฐานของเขาแล้ว
“ผมได้ยินมาว่าคุณได้กักขังคนขับรถแท็กซี่ชื่อ ซู ฉิวไป่ ได้โปรดดูวีดีโอนั้นบนในเน็ต แล้วรีบปล่อยตัวเขาให้เร็วที่สุด”
น้ำเสียงที่แสดงความเหนือกว่าของ อู๋ จินกัง ทำให้ผู้กำกับจ้าวไม่สบายใจเป็นอย่างมาก โดยปกติเขาคงยอมทำตามแล้ว แต่นี่พี่เขยของเขากลับมาเกี่ยวข้องด้วย อีกอย่าง หากเขาปล่อยตัว ซู ฉิวไป่ ทุกคนก็คงจะคิดว่าเขา จ่าว จือจิ้ง เป็นคนหัวอ่อน ปล่อยให้คนชักจูงโดยง่าย ถึงอย่างไรก็เถอะ คนที่เริ่มการต่อสู้ก็คือ ซู ฉิวไป่ อย่างปฏิเสธไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ทำให้ เซี่ย หรงหรง ไม่พอใจไปแล้วด้วย มันคงไม่สร้างความแตกต่างอีกมากนักหรอกหากเขาจะทำให้ อู๋ จินกัง ไม่พอใจอีกคน ก็ในเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนนั้นไม่ได้มีอำนาจเหนือเขาโดยตรงด้วยซ้ำไป
“คุณอู๋ครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจนะว่าวีดีโอนั้นถูกเผยแพร่ไปได้อย่างไร แต่คุณก็คงเข้าใจดีใช่ไหมล่ะครับว่าใครกันที่เป็นคนเริ่มการทะเลาะวิวาทก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่อาจปล่อยให้คนผิดลอยนวล ใช่มั้ยครับ”
ผู้กำกับจ้าวสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตัดสินใจทันที
คำพูดของเขาคงเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำเสียงของ อู๋ จินกัง เย็นชาลงเป็นแน่
“หากคุณตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว ผู้กำกับจ้าว ผมหวังว่าคุณคงไม่มานึกเสียใจทีหลังหรอกนะ”
ชายคนนั้นพูดทิ้งท้ายไว้ดังกล่าว แล้ววางสายทิ้งให้เขาถือโทรศัพท์เก้อ ผู้กำกับจ้าวเป็นต้องตะลึงงัน ในตอนแรกเขาเพียงคิดว่า อู๋ จินกัง คงโทรหาเขาเพราะ เซี่ย หรงหรง ขอมาอีกที แต่เมื่อฟังคำพูดของเขาแล้ว ทำไมฟังดูเหมือนกับว่าจะมีเรื่องร้ายตามมาล่ะ...
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันสายเกินไปที่จะมานึกเสียใจที่หลังแล้ว ผู้กำกับยังคงอยู่ในห้องทำงานของเขาอีกหลายนาที เวลาผ่านไปช้าเหลือเกิน เขารู้สึกได้เลยว่ามีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
ผู้กำกับจ้าวเริ่มจะเสียขวัญแล้ว เขาเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา จึงตระหนักได้แล้วว่าวีดีโอนั้นกำลังเป็นประเด็นร้อนในเน็ตจริง ๆ เขาลองเลื่อนอ่านพาดหัวข่าวบางอันดู
ชายที่เคยกระทืบคนลงมืออีกครั้ง! คราวนี้เขาลงมือเพื่อปกป้องเกียรติของหญิงงาม!
วีดีโอถ่ายทอดสดของเหตุการณ์นั้นถูกปล่อยออกมา เหล่าคนดูต่างรายล้อมเข้ามาดูเขา!
ตามคำบอกเล่าของพยานคนหนึ่งในเหตุการณ์ ชายที่ทำร้ายชายอีกคนนั้นที่จริงเป็นผู้รอบรู้ที่มาจากแดนไกล และเขามีความเชี่ยวชาญในทุกภาษา...
......
ข่าวนำเสนอออกมาได้ค่อนข้างเละเทะทีเดียว แต่ทุกวีดีโอต่างก็เหมือนกันทั้งสิ้น คือ ทุกอันแสดง ซู ฉิวไป่ ทำร้ายผู้อำนวยการหลี่ในห้องประชุมจัดงานประชุมแลกเปลี่ยน
เขาไม่เสียเวลาอ่านความคิดเห็นและการรายงานข่าวที่ต่างก็ล้วนไร้สาระไม่ต่างกัน ผู้กำกับจ้าวดูวีดีโอนั้นวนซ้ำเสียหลายครั้งด้วยความจริงจัง
เมื่อยืนยันได้อีกครั้งแล้วว่า ซู ฉิวไป่ เป็นคนเริ่มต้นก่อการทะเลาะวิวาท เขาได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตราบใดที่ยังมีวีดีโอนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นใครที่เอ่ยขอร้องให้เขาปล่อยตัว หรือแม้ว่าประวัติของ ซู ฉิวไป่ จะอลังการเพียงใด แต่ก็มีสาเหตุใดที่สมเหตุสมผลเลยที่จะปล่อยเขาไป
ทันทีที่เขาคิดเช่นนั้นได้ กลับมีคนโทรมาหาเขาอีกครั้ง ผู้กำกับทำใจตัวเองให้เย็นลง ก่อนที่จะรับโทรศัพท์ขึ้นมาเป็นครั้งที่สี่ได้แล้ว
“สวัสดีครับ นี่ จ้าว จือจิ้ง”
“ไอ้เวร จ้าว จือจิ้ง! นี่แกมัวทำอะไรอยู่ รีบไปปล่อยตัว ซู ฉิวไป่ เสียทีสิ! ไม่งั้นแกโดนไล่ออกแน่!”
ผู้กำกับจ้าวไม่มีเวลาแม้แต่จะโต้ตอบได้ซ้ำ แต่ผู้ที่โทรมากลับตะโกนใส่เขาอย่างหยาบคายเสียแล้
เขาสับสนอยู่ขณะหนึ่งก่อนที่จะพลันนึกได้ว่าเสียงของคู่สนทนาเป็นเสียงของใคร เหงื่อกาฬเย็นเฉียบพลันไหลลงมาทั่วแผ่นหลังของเขา
“ผู้กำกับการหลิว...”
“อย่าเรียกฉันว่าผู้กำกับการสิ แกน่ะสิผู้กำกับการ นี่ฉันจะเป็นใครเมื่อเทียบกับแก หือ ฉันจะมีอำนาจมากกว่าแกได้ยังไงกัน”
ผิดจากที่เขาคาดการณ์ คู่สายของเขากลับยอกย้อนเขาเสียอย่างนั้น
“ผู้กำกับการหลิวครับ ได้โปรดอย่าล้อเล่นสิ...”
ณ ตอนนี้ ผู้กำกับจ้าวแทบจะร้องไห้แล้ว อู๋ จินกัง อาจจะควบคุมเขาไม่ได้ แต่คนนี้น่ะทำได้!
“นิ่คิดว่าฉันจะล้อแกเล่นเหรอ จะพูดทวนอีกครั้งน่ะ จำใส่กะโหลกหนา ๆ ของแกไว้ด้วย ถ้า ซู ฉิวไป่ ยังไม่เดินออกมาจากสถานีตำรวจในสิบนาที แกเตรียมตัวโดนเตะออกจากเก้าอี้ทันที”
แล้วผู้กำกับการก็ตัดสายทันทีหลังจากที่สั่งเขาจบ
อีกด้านหนึ่ง ผู้กำกับจ้าวทำได้แค่ยืนงงงัน แล้วจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือของเขาอย่างไร้ประโยชน์ เขาพลันเข้าใจในทันที
สิ่งที่เขาทำไป...คือความผิดพลาดอย่างมหันต์!