Money Monster Episode XXVII [อนาคตที่พังทลาย]
Money Monster Episode XXVII [อนาคตที่พังทลาย]
เปลือกตาของไลท์ค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า สติปัญญาเริ่มก่อตัวขึ้นจนกระจ่างชัด สิ่งแรกที่ทำคือตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน พบว่าเป็นห้องสีขาวที่มีโบรกเกอร์คนอื่นจำนวนไม่น้อยนั่งนอนซึมกันเป็นกลุ่มๆ เขาเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากแล้วดีดนิ้วใส่แรงๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือเปล่า
‘จริงสิ..เราไม่ได้ตายจริงๆนี่’ ไลท์คิดในใจ การสอบอบรมครั้งนี้ใช้ระบบเดียวกับห้องจำลองการต่อสู้ การตายจะถูกทำให้เป็นโมฆะหลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ลง เขาเหมือนคิดอะไรได้จึงหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าเวลาผ่านไปแล้วหนึ่งวันนับตั้งแต่การสอบได้เริ่มขึ้น
นั่นแสดงว่าการสอบได้สิ้นสุดลงแล้ว..
ไลท์รีบเปิดจอเลื่อนนิ้วหารายชื่อของตนก็พบว่าไม่ผ่านเข้ารอบหนึ่งร้อยลำดับแรกด้วยซ้ำ เพราะว่าดันตกรอบตั้งแต่สิบชั่วโมงแรก ชายหนุ่มขบฟันแน่นด้วยความขมขื่นใช้เล็บจิกนิ้วอย่างแรงจนเลือดไหลริน
ทำไมกัน..ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ไลท์ได้แต่ครุ่นคิดและเครียดอย่างหนัก รู้สึกปวดหัวชนิดไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไลท์005” เสียงผู้ชราถูกเอ่ยขึ้นก่อนที่ไลท์จะหันไปมอง พบมาสเตอร์อินเวสเตอร์จำนวนหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าดุดันจนน่ากลัว
“ช่วยมากับเราหน่อย” ทันทีที่ได้ยินเสียงไลท์ก็พยักหน้าค่อยลุกขึ้นเดินตาม จนในที่สุดก็มาถึงยังห้องลับแห่งหนึ่งในศูนย์อบรมที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีด้วย มันเป็นห้องที่มืดและมีบรรยากาศที่เร้นลับพิศวง
“มีอะไรเหรอครับ” ไลท์เอ่ยถาม
“แท้งค์เทอเทิล การ์ดคู่หูของเจ้า”
“!”
“เราได้ทำการตรวจสอบและได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุของความผิดปกติ ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่เกิดจากตัวเจ้าเอง”
“เกิดจากผมเอง?” ไลท์ชี้มาที่ตัวเองอย่างงงงวย พวกมาสเตอร์อินเวสเตอร์พยักหน้าเป็นการยืนยันก่อนจะเปิดหน้าจอเรือนแสงขึ้นที่กลางอากาศ ซึ่งมีข้อความระบุว่า
สกิลติดตัว:[เบรฟชัยฟอร์เอเวอร์] เพิ่มพลังความสามารถทุกอย่างของการ์ดคู่หู+500% เพิ่มความพยศให้+500%
“ค่าความพยศ..”
“ใช่” มาสเตอร์อินเวสเตอร์กล่าว
“ค่าความพยศคือค่าความเชื่อฟัง ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งใส่งานยาก ยิ่งการ์ดแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ค่าความพยศก็ยิ่งสูง แต่ด้วยสกิลของเจ้าทำให้มันพยศมากยิ่งขึ้นถึงห้าเท่า ไม่ใช่เท่านี้ การ์ดของเจ้ายังมีเขียนว่า[สติปัญญา]ด้วยใช่หรือไม่”
“ใช่...”
“การ์ดที่มีคำว่าสติปัญญาคือการ์ดที่มีชีวิตจริงๆ มีความคิดเป็นของตนเอง มีความเจ็บปวด หายากเป็นสัดส่วนหนึ่งในพัน ข้อเสียคือมันเอาแต่ใจ ข้อดีคือสามารถตัดสินใจเองได้แม้เจ้าของยังไม่ได้สั่ง เมื่อคิดเองได้และค่าความพยศที่สูงลิ่ว ไม่ใช่แค่มันสามารถออกอาละวาดได้ตามใจชอบ แต่ทำได้แม้กระทั่งการฆ่าเจ้าของ”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของมาสเตอร์อินเวสเตอร์ ภาพของเจ้าเต่าอสุรกายที่กำลังใช้ปืนใหญ่จ่อหัวมาที่ตนเองก็ฉายแวบเข้ามาอีกรอบ ความเจ็บปวดที่ได้รับในตอนนั้นแล่นเข้ามาในหัว ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวและอ่อนแรง ทั่วทั้งร่างสั่นเทาไปด้วยความกลัว
ถ้าหากว่านั่นไม่ใช่การสอบ แต่เป็นการต่อสู้จริงๆ ล่ะก็
ได้ตายของจริงแน่
“แต่ว่า! ตอนทำสัญญาผมก็สั่งใช้งานมันได้ปกตินะ!” ไลท์คิดได้แล้วเริ่มแย้ง
“ตอนทำสัญญาใหม่ๆ จะมีสิ่งที่เรียกว่า[พรของผู้เริ่มต้น] ช่วงเวลานั้นมาม่อนจะทำให้เงื่อนไขยุ่งยากทั้งหมดหายไปเพื่อให้โบรกเกอร์ได้ดื่มด่ำกับพลังและอำนาจ และหายไปในเวลาต่อมา”
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้..” ไลท์เริ่มมืดแปดด้านเขาพยายามครุ่นคิดหาคำตอบให้ได้ จนนึกออกได้บางอย่าง
คนที่จะทำแบบนี้ได้มีคนเดียวเท่านั้น
มาม่อน!
ไลท์รู้ว่าตนเองได้รับข้อเสนอพิเศษจากมาม่อนและชนะเดิมพันอีกฝ่ายถึงสองครั้ง ทำให้มีการสนับสนุนหลายอย่างที่มากกว่า แต่มีแค่อย่างเดียวที่ไม่รู้นั่นคือสกิลติดตัว แต่กลับปรากฏออกมาในเวลาสำคัญเช่นนี้
ไหนจะที่เซลิเป้บอกว่าได้รับข้อเสนอจากมาม่อนว่าหากขัดขวางตนได้ จะได้รับการ์ดสีทองSRอีก
‘นี่มันแทรกแซงการสอบชัดๆ ต้องไปคุยให้รู้เรื่อง’ เมื่อไลท์คิดได้ก็วิ่งพรวดออกไปนอกห้องในทันที เขาหาสถานที่ลับตาไร้ผู้คนก่อนจะยื่นบัตรMMCชูขึ้นฟ้าพร้อมตะโกนเรียก
“อเดมัส! เรียกมาม่อนออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้” สิ้นเสียงคำเรียกร่างของอเดมัสพลันปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าในทันที นายธนาคารแห่งความมืดส่งยิ้มไร้ชีวิตชีวาให้ไลท์อย่างเช่นเคย แต่เขาไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงเพิ่มแล้ว
“อเดมัส! ไปเรียกมาม่อนมา ฉันต้องการคุยด้วย”
“แหมๆ เกรงว่าจะไม่ได้ครับ นายท่านของกระผม”
“ทำไมถึงมาไม่ได้..” ไลท์หรี่ตามองด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ นายธนาคารแห่งความมืดหัวเราะให้หนึ่งครั้งก่อนจะตอบอย่างชัดเจนว่า
“เพราะธุระของท่านไม่ต้องถึงมือของท่านมาม่อนยังไงล่ะครับ นายท่านของกระผม”
“อเดมัส..”
“กระผมสามารถอ่านใจของท่านออก จึงรู้ได้ทันทีว่าท่านต้องการอะไร..ลำดับแรก ท่านมาม่อนไม่จำเป็นต้องแคร์ใครทั้งนั้น ใช่ รวมถึงท่านด้วย”
“ก็เลยยัดสกิลแปลกๆ มาให้ฉันเนี่ยนะ! เปลี่ยนให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“นั่นเกรงว่าจะไม่ได้หรอกครับ”
“ว่าไงนะ?”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของท่านนั่นแหละ นายท่านของกระผม” อเดมัสกล่าวทำให้ไลท์ถึงกับต้องผงะ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น นี่คือความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของไลท์ ไม่รอช้าให้อีกฝ่ายถามว่าทำไม นายธนาคารแห่งความมืดจึงชี้แจงให้ฟังในทันที
“ตอนแรกข้อเสนอพิเศษของท่านมาม่อนจะให้สกิลที่มีประสิทธิภาพสูงให้แก่ท่านอยู่แล้ว แต่เพราะท่านไปเดิมพันชนะกับท่านมาม่อนถึงสองครั้งด้วยกัน สกิลที่จะได้จึงมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นกว่าที่ควรเป็นถึงสี่เท่า แต่นั่นรวมถึงข้อเสียที่เพิ่มมากขึ้นเป็นสี่เท่าด้วย”
“เป็นแบบนี้เอง..งั้นเหรอ” ไลท์กล่าวด้วยใบหน้าที่ด้านชา อเดมัสยิ้มให้เขาและตอบกลับว่า
“ส่วนเรื่องของโบรกเกอร์ชื่อเซลิเป้นั้น มันเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ที่ท่านมาม่อนจะได้รับ กระผมแนะนำให้ไปถามมิตรสหายของท่านจะดีกว่านะครับ นายท่านของกระผม ฉะนั้น ขอลาล่ะครับ” อเดมัสโน้มตัวลงหนึ่งทีก่อนจะหายวับไปในอากาศ ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนอยู่เพียงลำพังพร้อมกับหัวใจที่ใกล้แตกสลาย
หลังจากนั้นไลท์ก็พลับไปรวมตัวกับเพื่อนคนอื่น รอเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพราะทางศูนย์อบรมประกาศว่าพวกแมวมองจะส่งข้อเสนอทาบทามมาให้คนที่สนใจช่วงเวลานี้ ปรากฏว่า ข้อเสนอที่ไลท์ ลินสตอร์มได้รับก็คือ
[คุณไม่ได้รับข้อเสนอ]
ณ กลางย่านเศรษฐกิจที่ชุมไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมีชื่อมากมาย มีร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นและอุปกรณ์เสริมสวยตั้งตระหง่านอยู่อย่างองอาจ ภายในพลุ่งพล่านไปโดยผู้หญิงทั้งสาวเล็กและสาวใหญ่ ซึ่งมีเจ้าของและบริหารด้วยหญิงสาวอายุยี่สิบปี
เมซูล สาวมหาลัยที่ซึ่งเป็นโบรกเกอร์คือเจ้าของที่บริหารต่อจากบิดาของเธอที่เสียชีวิต และเวลานี้เธอกำลังยุ่งกับการเคลียร์งานในห้องทำงานส่วนตัวของเธอเอง
“คุณหนูคะ มีคนมาหาค่ะ” แมรี่ ผู้จัดการที่ช่วยดูแลร้านให้ตอนเมซูลไม่อยู่เปิดประตูเข้ามากล่าวข้อความให้หญิงสาวได้รับทราบ เธอหยุดมือลงกะทันหันเพื่อสนใจสถานการณ์ตรงหน้า
“ใครคะ คุณแมรี่”
“เห็นเอานามบัตรของคุณหนูมาและบอกว่าลินสตอร์มค่ะ”
“ลินสตอร์ม” เมซูลพูดชื่อนี้ มีเพียงคนเดียวที่แวบเข้ามาในหัวของเธอ หญิงสาวปล่อยปากกาลงพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วขอให้แมรี่พาเธอไปพบเขา ที่ห้องรับรองแขก
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบชายหนุ่มผมสีทองคำขาวกำลังเหลือบมองมาที่เธออย่างรอคอย สายตาของเขาดูหม่นหมองและไร้ชีวิตชีวา แต่นั่นก็ยังดีกว่าตอนที่สูญเสียครอบครัวไปหมาดๆ เมื่อเดือนก่อน เมซูลหันไปพยักหน้าให้แมรี่ก่อนที่ผู้จัดการสาวจะออกไปทำธุระต่อ ทิ้งให้ทั้งคู่อยู่คุยกันตามลำพัง
“ฉันรู้เรื่องแล้ว เกี่ยวกับการ์ดสีทองของนาย”
“อืม” ไลท์ครางตอบเบาๆ เมซูลเดินมานั่งตรงโซฟาฝั่งตรงข้ามแล้วจึงเริ่มคุยกัน
“จริงๆ โทรคุยกันเหมือนทุกทีก็ได้หนิ แปลกใจจริงๆ ที่นายมาหาฉันถึงที่นี่”
“ฉันแค่อยากมาหาเธอ มันก็เท่านั้นแหละ” ไลท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่เหลืออารมณ์ขันเช่นยามปกติอีกเลย เมซูลไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่หลับตาลงอย่างเชื่องช้า เป็นธรรมดาที่เวลาผิดหวังจะแสดงอาการเช่นนี้ออกมา โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับอนาคตแล้ว
“ทำไมฉันถึงไม่ได้รับการทาบทาม” ไลท์ถามออกมา นั่นคือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ไลท์จะตกรอบตั้งแต่สิบชั่วโมงแรก แต่ไม่ว่าจะคะแนนทฤษฎีหรือห้องจำลองการต่อสู้เขาเชื่อว่าทำได้ดีไม่แพ้ใคร อย่างน้อยก็ได้รับความสนใจบ้าง แต่นี่กลับไม่มีเลย นั่นทำให้เขาคิดไม่ออกจนต้องถ่อมาถามถึงที่นี่
เมซูลคลี่ลมหายใจแผ่วบางก่อนจะเริ่มอธิบายให้อีกฝ่ายได้ฟัง
“ปกติการทาบทามจะขึ้นอยู่กับการตัดสินของคณะกรรมการและระดับผู้บริหารงานของแผนกแต่ละองค์กร โดยมีเหล่าแมวมองเป็นผู้เสนอรายชื่อเท่านั้น ฉันเองก็เป็นหนึ่งในแมวมองของเบรสซัน”
“ฉันรู้แล้ว”
“พวกเราจะดูจากคะแนนการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นสถิติการต่อสู้ คะแนนทั้งหมด รวมถึงสิ่งที่ได้ทำตอนสอบอบรมด้วย กรณีของนาย องค์กรทั้งหมดเตรียมจะแย่งตัวนายเต็มที่เลย โดยเฉพาะพวกมหาอำนาจ”
“แต่ทำไมถึงได้-”
“เพราะเต่าของนายไง” เมซูลตอบในฉับพลัน ไลท์ก็ต้องเงียบลงพลางกำหมัดไว้แน่น
“พลังมหาศาลนั่นแน่นอนว่าได้รับความสนใจมาก แต่พอมันฆ่าเจ้าของ อาละวาด ค่าของนายก็เหลือศูนย์ สำหรับโบรกเกอร์แล้วหากควบคุมคู่หูไม่ได้ก็ไม่ต่างจากพิการหรอกนะ ไม่มีอนาคต เอามาใช้การก็ไม่ได้”
“ช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ได้ไหม”
“ได้” เมซูลสูดลมหายใจเฮือกโตก่อนจะหยิบบัตรMMCขึ้นเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบต่อสู้เต็มขั้น พร้อมเสกดาบเรเพียร์คู่ใจมาสวมไว้ที่มือให้ไลท์ได้ดูอย่างละเอียด
“ดาบเรเพียร์เล่มนี้เป็นอาวุธประจำตัวฉัน แต่ถ้าฉันใช้การ์ดคู่หูมันจะเปลี่ยนรูปร่าง จะแข็งแกร่งขึ้น มีคุณสมบัติแฝง ทำให้กำลังรบสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ยังไม่หมดเท่านี้ มอนสเตอร์คู่หูถ้าเอาไปวิวัฒนาการเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ แต่มันจะทำไม่ได้ถ้าเราควบคุมการ์ดไม่ได้”
“ฉันเห็นตอนที่เซลิเป้ใช้ดาบแปลกๆ นั่นตอนอัญเชิญไออ้อนแพนดูลัมออกมา เหมือนแบบนั้นใช่ไหม”
“ใช่ นายอาจไม่ทันได้สังเกตแต่ฉันจับตาดูนายอยู่ ตอนที่นายอัญเชิญเต่าออกมาปืนพกก็เปลี่ยนรูปร่างและคุณสมบัติเหมือนกัน”
“แต่ฉันคงทำไม่ได้อีกแล้ว..เพราะถ้าเอามันออกมา มันก็จะฆ่าฉัน”
“ก็ตามนั้น มอนสเตอร์คู่หูจำเป็นมากในระยะยาว ต่อให้นายจะมีเซ้นต์การต่อสู้ดีแค่ไหน นั่นก็ไม่เพียงพอต่อการทาบทาม นายเป็นคนฉลาดก็จริงแต่คนที่ฉลาดพอๆ กันก็มีอีกมาก นายเลยไม่ได้เป็นที่ต้องการของตลาด”
“เข้าใจ...แล้ว” ไลท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาคล้ายคนหมดแรง ความจริงช่างโหดร้ายกับเขาเสียเหลือเกิน ถึงแม้จะยังเหลือทรัพย์สินร่วมมูลค่าสิบล้านเหรียญก็ตามที เมซูลก็ไม่มีนิสัยปลอบขวัญหรือให้กำลังใจอะไร ได้แต่ส่งความเป็นห่วงออกไปทางสายตาเท่านั้น
“ฉันว่านายไปพักก่อนดีกว่า สภาพตอนนี้ดูไม่ได้เลย”
“ไม่ ฉันยังมีอีกคำถามคาใจ” เมื่อไลท์เอ่ยออกมาเมซูลก็ทำคิ้วขมวด
“ผลประโยชน์ของมาม่อนคืออะไรงั้นเหรอ”
“....”
“ตอบฉันทีสิเมซูล ฉันสงสัย เหตุการณ์บ้าๆ รอบตัวฉันในตอนนี้เกิดขึ้นจากเจ้านั่นแน่ ถ้าไม่รู้แล้วมันนอนไม่หลับ”
“รู้ไปก็ไม่มีประโยชนร์อะไร”
“มีสิ! ต้องมีแน่ๆ ขอร้องล่ะ ช่วยบอกทีเถอะ” ไลท์เอ่ยแล้วก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวทำสีหน้าตกใจไปครู่หนึ่งก่อนจะรวบรวมสติห้ามมิให้อีกฝ่ายทำอะไรบ้าๆ ขึ้นไปอีก
“ฉันจะบอกก็ได้ แต่มันช่วยอะไรนายไม่น่าได้หรอกนะ”
“แค่รู้ก็พอแล้ว”
“อา..เฮ้อ ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะตัวฉัน”เมซูลแอบบ่นพึมพำก่อนจะเริ่มอธิบายออกมา
“Money Monster ดำเนินในโลกนี้มามากว่า40ปีแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่ามาม่อนสร้างMoney Monsterขึ้นมาเพราะอะไร แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่จับใจความได้ชัดเจนนั่นก็คือ มาม่อนทำทุกวิถีทางให้เกิดการแข่งขันขึ้น”
“การแข่งขัน?”
“ใช่ ไม่ว่าจะเป็นการยื่นข้อเสนอพิเศษให้ใครสักคน ให้ภารกิจไปทำ จัดกิจกรรมส่งเสริมหรืออะไรก็ตามแต่ มาม่อนทำเพื่อให้พวกเราได้แข็งแกร่งขึ้น เกิดการแก่งแย่งชิงดี ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยี ทุกอย่างทำเพื่อให้มีการแข่งขันที่ดุเดือด หรือปลุกปั้นคนใหม่ให้ขึ้นมาต่อสู้กับคนเก่า แต่ทำไปเพื่ออะไร ยังไม่มีใครรู้”
“แบบนี้เอง มาม่อนก็เลยมาเสนอการ์ดให้ฉันและยื่นข้อเสนอให้เซลิเป้” ไลท์กล่าวและเริ่มคิดตาม
ไลท์และเซลิเป้ทั้งคู่ล้วนได้รับข้อเสนอพิเศษมาจึงได้กลายเป็นโบรกเกอร์ เป็นคนที่ถูกเลือกจึงได้รับการจับตาดูอย่างพิเศษ แต่เพราะพวกเขาต่อสู้เดิมพันกันซึ่งมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ได้พุ่งทะยานขึ้น และมีฝ่ายหนึ่งที่ถูกตัดแข้งตัดขาจนมีอนาคตที่มืดมน
ไม่มีใครรู้ว่ามาม่อนต้องการอะไร แต่เซลิเป้ก็น่าจะเป็นคู่สัญญาที่สำคัญคนหนึ่ง หากจะทิ้งไปก็น่าเสียดาย จึงยื่นข้อเสนอให้ไปขัดขวางการเติบโตของไลท์เพื่อแลกกับรางวัล หากทำสำเร็จเซลิเป้ก็จะกลับมามีกำลังในการแข่งขันมากขึ้น แถมยังส่งเสริมให้ไลท์ต้องหาทางเอาตัวรอด กดดันให้คิดและพัฒนาฝีมือมากขึ้น
แต่หากไม่สามารถขัดขวางไลท์ได้ เซลิเป้จะถือว่าหมดโอกาสและอนาคตจะเต็มไปด้วยขวากหนาม ตอนนี้ไลท์ไม่รู้ว่าเซลิเป้ตอนนี้กำลังเป็นเข่นไร แต่อีกฝ่ายได้ขัดขวางอนาคตอันรุ่งโรจน์ของไลท์ได้สำเร็จแล้วเป็นแน่
“เฮ้อ” ไลท์ถอนหายใจยาวเหยียดพลางซดกาแฟที่ถูกชงไว้บนโต๊ะเพื่อผ่อนคลาย
‘Money Monster มีอะไรให้เราคิดอีกเยอะเลย’
“จะทำยังไงต่อดีนะ..ตัวฉัน”
“ฉันแนะนำว่าอย่าเข้าองค์กรที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายของศูนย์ฝึกจะดีกว่า เพราะมีโอกาสจะโดนหลอกและใช้เป็นเครื่องมือได้ง่ายมาก ระหว่างนี้ก็ฝึกฝนตัวเองไปก่อน ดูนี่สิ” เมซูลให้คำแนะนำก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษหนึ่งมาให้ ไลท์รับมาและอ่านมันอย่างละเอียด
รุกกี้โบรกเกอร์! การแข่งขันของเหล่าหน้าใหม่ที่จะสะเทือนวอลสตรีท!!
“นี่มัน?”
“โอกาสแก้ตัวของพวกที่ล้มเหลวจากศูนย์อบรม เป็นการแข่งขันใหญ่ที่จะรวบรวมโบรกเกอร์หน้าใหม่ที่ทำสัญญาได้ไม่ถึงหนึ่งปี ถ้าลงแข่งแล้วเข้ารอบลึกๆ จะได้รางวัลที่มีประโยชน์สูงมาก อีกอย่างคือจะได้รับการพิจารณาจากแมวมองและคณะกรรมการขององค์กรต่างๆ เรียกง่ายๆ ว่าโอกาสที่สองนั่นเอง”
“โอกาสที่สอง..งั้นเหรอ”
“ใช่ ระหว่างนี้ก็อย่าเพิ่งเข้าร่วมกับองค์กรไหน ฝึกฝนฝีมือและหาโอกาสไปก่อน”
“อืม ขอบคุณมากเลยนะ” ไลท์คลี่ยิ้มจางๆ ให้หญิงสาวและเอ่ยคำขอบคุณจากใจ ผู้ให้ความช่วยเหลือก็เริ่มชื้นใจที่อีกฝ่ายเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นบ้าง
รุกกี้โบรกเกอร์จะเริ่มขึ้นในอีก7เดือนข้างหน้า
ใน7เดือนนี้ จะต้องพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นให้จงได้
28 Money Monster
Episode XXVIII
[การเตรียมใจของผู้ยิ่งใหญ่]
ณ มหานครอันยิ่งใหญ่มีสถานที่บางแห่งทีเหมาะแก่การเป็นที่กบดานของสิ่งมีชีวิตประหลาด ไม่ว่าจะเป็นโรงงานร้าง ห้องเก็บของลับ หรือสิ่งปลูกร้างที่ถูกทิ้งเอาไว้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งต่อการอยู่อาศัยของสัตว์ คนไร้บ้าน และพวกหนีคดี
อมนุษย์ร่างสูงใหญ่ที่มีเกล็ดแข็งตามตัวพร้อมปล่อยเปลวเพลิงออกมานั่งอยู่ในสถานที่คับแคบแห่งหนึ่งที่มีสิ่งของถูกพังเละเทะไม่มีชิ้นดี ดวงตาคมโตคล้ายกิ้งก่าเหม่อลอยพลางพ่นแก๊สติดเชื้อเพลิงออกมาทางปากด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
“ต้องการมากว่านี้..ต้องการมากกว่านี้อีก มันยังไม่พอ อีกแค่นิดเดียว..อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น”
เอี้ยด
เสียงประตูเปิดอ้าออกมาก่อนที่ผู้มาใหม่จะเข้ามา อมนุษย์ร่างสีดำค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของมนุษย์ผู้ชาย พวกมันโยนเหยื่อลงบนพื้นก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวนอนลงพื้นเป็นการทำความเคารพ
“ท่านซาลามันเดอร์...เครื่องสังเวยค่ะ/ครับ” กรีดชั้นเลวเอ่ยขึ้นพร้อมกันให้ซาลามันเดอร์เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ชิพเตอร์งั้นรึ ทำได้ดีมาก” ซาลามันเดอร์กล่าวชื่นชมก่อนจะเริ่มทำการกระซวกร่างไร้วิญญาณเพื่อนำเอาเหรียญตราอสูรที่ฝังอยู่ในหัวใจออกมา ก่อนจะคว้ามันกินเข้าไปในท้อง ร่างกายอันใหญ่โตจึงเปล่งแสงขึ้นพร้อมพลังที่เอ่อล้น
“อา..ข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่เอ่อล้น อีกแค่นิดเดียว..ข้าก็จะวิวัฒนาการ! และเข้าสู่ระดับหก”
“หวังน้อยเหลือเกินนะ” เสียงปริศนาดังขึ้นซาลามันเดอร์กรอกตาไปมาเพื่อหาเจ้าของเสียง ก่อนที่บุรุษสวมชุดสีขาวจะปรากฏตัวขึ้น
“นะ..นี่ท่านคือ!” ซาลามันเดอร์เบิกตาโพลงก่อนจะหมอบกราบแทบเท้าผู้มาเยือน เขาไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าคนผู้นี้มาก่อนแต่สัมผัสได้จากสัญชาตญาณที่ซ่อนอยู่ในตัว ว่าคนตรงหน้าคือผู้ที่บรรลุและมีศักดิ์เหนือกว่าตนไปแล้ว
“สวัสดี เธอชื่ออะไรนะ”
“ซาลามันเดอร์ครับ”
“อืม! ซาลามันเดอร์สินะ ยินดีที่ได้รู้จัก! ฉันชื่อยูเรโนสเป็นลอร์ด”
“ลอร์ด..งั้นรึ”
“ใช่” ยูเรโนสคลี่แผ่รอยยิ้มจางๆ ออกมา
“ลอร์ดคือตัวตนที่วิวัฒนาการจนถึงขั้นสูงสุด แต่ก็มีเงื่อนไขพิเศษ ใช่..ซาลามันเดอร์ สนใจทำงานให้กับฉันไหม แล้วฉันจะวิวัฒนาการให้เธอเอง”
“วิวัฒนาการ..จะไปได้เหนือกว่าระดับห้าใช่รึเปล่า”
“แน่นอนสิ หากสำเร็จฉันจะให้เธอเป็นลอร์ด”
กลายเป็นกรีดลอร์ด เหมือนกับพวกเรา
“เอาล่ะ วันนี้เราจะมาประชุมปัญหาชีวิตกัน และด้วยการที่เรารวมตัวกันครั้งแรกนอกวอลสตรีท ครอสซ์จะเป็นคนเลี้ยงมื้อเย็นให้พวกเรา” เสียงของไลท์เอ่ยขึ้นท่ามกลางโต๊ะอาหารกลางแจ้งโดยมีหนุ่มสาวอีกสามชีวิตรายล้อม
“โอ้! คุณครอสซ์ใจป๋ามากค่ะ”
“อืมๆ! เห็นด้วยเลย”
“เอ๋! ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”
“ก็เพราะนายเจ๋งสุดยังไงล่ะ”
“ใช่แล้วค่ะ ในบรรดาพวกเราสี่คนคุณครอสซ์เป็นคนเดียวที่ได้รับข้อเสนอทาบทามนะคะ”
“ใช่แล้ว เพราะงั้นนายต้องเป็นคนเลี้ยงข้าวนะ”
“อืม..ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอก แต่เอางั้นก็ได้ ท่านครอสซ์สุดหล่อแสนเท่จะเป็นคนเลี้ยงมื้อเย็นทุกคนเอง” ครอสซ์ทำเป็นหวีผมส่องกระจกก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่หล่อเหลา ส่งผลให้ทั้งสามคนแอบลอบยิ้มหัวเราะในใจอย่างชั่วร้าย
‘ตามน้ำได้ดีมากทั้งสองคน’ ไลท์คิดในใจพลางมองอีกทั้งสองคน
‘ไม่หรอกค่ะ คุณไลท์เองก็ชั่วร้ายเสมอต้นเสมอปลายเลยนะคะ’ ลูน่าปั้นหน้ายิ้มมองตาอีกฝ่ายเป็นการส่งข้อความ ราวกับกำลังแลกเปลี่ยนกระแสจิตพูดคุยกันอย่างไงอย่างงั้น
‘ไม่หรอก เธอเองก็มารยาหญิงใช่ย่อย ไปยอมันอีกสิ! ไปยอมันให้หมดตัวเลย’
‘พอเถอะน่าทั้งสองคน อย่าทำร้ายครอสซ์ไปมากกว่านี้เลย’
“เอ๊ะ? ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกจัง อะไรเหรอๆ ทำอะไรกันที่ฉันไม่รู้อยู่รึเปล่า” ราวกับมีสัมผัสพิเศษครอสซ์มองหน้าสลับกับเพื่อนแต่ละคนและเริ่มสงสัย ทั้งสามยิ้มกลบเกลื่อนและเริ่มสั่งอาหารมาทานกัน
หลังจากการสอบจบลงทุกคนก็รอว่าจะมีข้อเสนอส่งมาทาบทามหรือไม่ แจ๊สเปอร์กับลูน่าทำใจมาทั้งนานแล้วจึงไม่ได้รับผลกระทบทางจิตใจอะไร หากเป็นไลท์ที่เหมือนดิ่งลงมาจากยอดเขาสูง ทำให้ทั้งสามเป็นห่วงเขาว่าจะผิดหวังมากหรือไม่ แต่ดูจากการแสดงทางภายนอกแล้วก็เหมือนปกติจนน่าใจหาย
แต่แม้จะไม่แสดงออกแต่ก็พอรู้ผ่านดวงตาและน้ำเสียงได้ว่าเจ้าตัวกำลังลำบาก แต่ทุกคนก็รู้ว่าไลท์เป็นคนฉลาดคงมีวิธีจัดการของเขาเองจึงไม่ยุ่งอะไรมาก ส่วนที่เซอร์ไพรส์ที่สุดย่อมเป็นครอสซ์
ครอสซ์ได้รับข้อเสนอทาบทามจากหนึ่งในองค์กรที่มาเป็นแมวมองในวันสอบ แจ๊สเปอร์แอบหาข้อมูลและได้ข้อสรุปว่าเป็นองค์กรที่ไม่เลว แต่พ่อหนุ่มคนนี้กลับตอบปฏิเสธข้อเสนอไปด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ถ้าไม่มีฉันพวกนายคงเหงาแย่!’ จึงมานั่งเลี้ยงข้าวอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
หลังจากที่จัดการมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อยไลท์จึงเปิดประเด็นพูดคุยในทันที
“ฉันไปหาข้อมูลมา เรายังมีโอกาสที่สองอยู่”
“โอกาสที่สอง?” ทั้งสามเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ไลท์หยิบแผ่นโฆษณากิจกรรมรุกกี้โบรกเกอรืขึ้นมาบนโต๊ะก่อนที่แจ๊สเปอร์จะหยิบไปอ่านดู
ไลท์บอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับรุกกี้โบรกเกอร์และคำแนะนำที่ได้รับมาจากเมซูลให้คนอื่นๆ ได้รับรู้
“สรุปคือเราต้องหาทางพัฒนาฝีมือของตนเองให้ได้ก่อนรุกกี้โบรกเกอร์จะถูกจัด และอย่าเพิ่งเชื่อถือคำชักชวนจากองค์กรอื่นสินะ”
“ใช่” ไลท์กล่าวก่อนจะคล้อยสายตาต่ำลงพลางถอนหายใจ
“พวกเราจะต้องเริ่มล่ากรีดตัวแรกให้ได้ในคืนนี้”
“คืนนี้?”
“ใช่”
“ทำไมถึงเร็วจังเลยคะ อย่างน้อยก็น่าจะให้เตรียมตัวเตรียมใจก่อน” ลูน่าเริ่มใจฝ่อเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ประหม่า ขนาดของเทียมกว่าเธอจะจัดการได้ยังหืดขึ้นคอ จะนับประสาอะไรกับของจริงที่ฆ่าจริงตายจริง แต่แม้สาวน้อยจะแสดงท่าทีอ่อนแอออกมาแววตาของไลท์ก็ไม่ได้สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย
“แล้วต้องเตรียมใจอีกนานแค่ไหน?”
“....” เด็กสาวถึงกับจุกในลำคอเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่
“ถ้าเธอยังไม่เข้าใจฉันจะบอกเธอก็ได้ พวกเราไม่มีเวลาแล้ว”
“ไม่มีเวลาแล้ว..เหรอคะ”
“อืม..เรามีเวลาอยู่เจ็ดเดือน ดูเหมือนจะเยอะแต่จริงๆ แล้วมันน้อยมาก ถ้าเราชักช้าไปแม้วันเดียวเราจะถูกคนอื่นที่เหลือแซงหน้า อีกอย่าง คนที่ควรเป็นห่วงเรื่องเวลาที่สุดก็คือเธอนะ ลูน่า”
“ฉันเหรอคะ?” ลูน่าชี้มาที่ตัวเธอเองด้วยสีหน้างงงวย ดวงตาของปากเล็กๆ ของเด็กสาวเริ่มสั่นระริกด้วยความกังวล รู้สึกเริ่มกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจขึ้นมาชอบกล
“เธอยังเรียนมัธยมอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เธอต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน กว่าจะออกจากโรงเรียนก็น่าจะสามถึงสี่โมง เวลาที่สามารถออกล่ากรีดได้คือหนึ่งทุ่มจนถึงตีห้า แต่เธอทำแบบนั้นไม่ได้ อย่างมากต้องกลับมานอนที่บ้านประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งไม่อย่างนั้นจะอ่อนล้าตอนไปโรงเรียน เข้าใจความหมายแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ..” ลูน่าเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง พอคิดตามแล้วก็พบว่ามีข้อจำกัดด้านเวลาอยู่ ตอนที่ยังอยู่ศูนย์ฝึกอบรมเธอสามารถจัดการเวลาได้เพราะมันใช้เวลาไม่มาก แต่การออกล่ากรีดไม่ใช่ มันแสดงให้เห็นว่าต้องมีวินัยเรื่องการจัดการเวลาขนาดไหน
“ฉันเองก็ลาออกจากงานพาร์ทไทม์ช่วงเย็นหมดแล้ว แล้วกำลังพิจารณาเรื่องการลาออกจากมหาลัย”
“ไลท์!” แจ๊สเปอร์โพล่งเสียงออกมาด้วยท่าทีประหลาดใจสุดขีดเมื่อได้ฟังข้อความตรงหน้า ใบหน้าของหนุ่มผมเทาฉายแววเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายแบบเห็นได้ชัด แม้จะรู้จักกันมาประมาณแค่เดือนเดียวแต่ก็เริ่มมีความผูกพันกัน
ในสามคนนี้รู้แล้วว่าไลท์มีฐานะในโลกความเป็นจริงอย่างไร ทำไมถึงทำงานไปด้วยเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วย และมันสำคัญต่อเขามาก แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังพูดว่าจะลาออกจากมหาวิทยาลัย เหมือนกับกำลังล้มเลิกความฝันของตนเองแล้วก็ไม่มีผิด
“ฉันจะกลับไปเรียนตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ขอแค่หลุดพ้นจากMoney Monsterออกได้ก็พอ”
“แต่ว่า..”
“ฉันสืบข้อมูลมา ฉันจะหาทางทำเงินจากMoney Monsterให้ได้ การออกจากพาร์ทไทม์และมหาลัยจะทำให้ฉันมีเวลาพักผ่อนและวางแผนมากขึ้น ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่จะทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ถ้าอยากทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จก็มีแต่ต้องทุ่มสุดตัว นี่คือคำสอนของปู่ฉัน”
“โอ้ว! พูดได้เยี่ยม!” ครอสซ์แหกปากออกมาหลังได้ยินคำพูดของไลท์ ทั้งลูน่าและแจ๊สเปอร์ต่างหันมามองหน้ากัน เสมือนว่าพวกเขายังอดเป็นห่วงไม่ได้
“ฉันมีเหตุผลที่จะมีความเสี่ยงไม่ได้ ถ้ายังกังวลอยู่อีกฉันจะบอกก็ได้ว่าฉันเอาชะตากรรมไปแลกกับอะไร”
“เอ๋?!” ทั้งสามส่งเสียงตกใจออกมาพร้อมกัน ตั้งแต่รู้จักกันมาก็ถามไถ่ข้อมูลส่วนตัวมามากแต่มีเรื่องนี้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ไลท์สูดลมหายใจเฮือกโตเข้าปอดแล้วคลี่ออกมาเป็นการผ่อนคลาย ชายหนุ่มล้วงเอาใบชำระหนี้ของMoney Monsterออกมาวางไว้บนโต๊ะ เผยให้เห็นตัวเลขยาวเหยียดจนแค่มองต้องทำตาถลนด้วยความตะลึง
“ในตอนที่ฉันเป็นชิพเตอร์ครอบครัวของฉัน พ่อ แม่ น้องชาย น้องสาวฝาแฝดถูกกรีดรุมฆ่าตายทั้งหมด ฉันเลยทำสัญญากับมาม่อน เอาชะตากรรมของฉันไปค้ำประกันคืนชีพครอบครัวทุกคน ตัวเลขเลยเป็นอย่างที่เห็น”
“คืนชีพคนถึงห้าคน..ชะตากรรมต้องมีอำนาจขนาดไหนกันนะ” แจ๊สเปอร์ถึงกับปิดปากเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์เหลือเชื่อ
“หนี้ขนาดนี้หามาใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดหรอกค่ะ”
“นั่นน่ะสิ!” ครอสซ์ผสมโรงด้วย
“ฉันไม่คิดแบบนั้น”
“...” ทั้งสามหันขวับมามองเจ้าของหนี้สินมหาศาลโดยมิได้นัดหมาย
“พูดเหมือนจะอวดดีแต่ฉันเชื่อว่าฉันฉลาดและยังเติบโตได้อีก ถึงจะใช้การ์ดคู่หูไม่ได้แต่ยังสู้ไหวอยู่ Money Monster มีวิธีหาเงินตั้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอสังหารริมทรัพย์ สร้างองค์กรเพื่อหาผลประโยชน์ แข่งอารีน่าเดิมพันระดับสูงๆ ทุกอย่างบนโลกขอแค่มีข้อมูลและสติปัญญาก็สามารถทำเงินได้ทั้งนั้น ใช่..หนี้ของฉันต้องชำระหมดแน่ ภายในสองปีฉันจะต้องกลายเป็นโบรกเกอร์ระดับท๊อปของวอลสตรีท”
“แล้วเรื่องในโลกจริงของนายล่ะ ครอบครัวของนายต้องเป็นห่วงแน่ถ้าจู่ๆ นายลาออกจากมหาลัยไป ต่อให้ปิดบังยังไงเดี๋ยวก็โดนจับได้อยู่ดี”
“ฉันจะบอกพ่อแม่”
“!” แจ๊สเปอร์และอีกสองคนเบิกตาโพลงกว้างด้วยความตกตะลึง หนุ่มผมเทาเผลอทุบโต๊ะส่งเสียงดังปัง
“นายจะบอกเรื่องเกี่ยวกับMoney Monsterให้ครอบครัวงั้นเหรอ”
“ใช่ อย่างที่นายพูด ปิดบังไปเดี๋ยวก็จับได้ ฉันก็ต้องแถไปเรื่อยๆ ทำไปก็มีแต่จะน่าสงสัยมากขึ้น สู้บอกไปตรงๆ เลยดีกว่า”
“นายบอกว่านายคืนชีพครอบครัวใช่ไหม แล้วถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ลูกชายต้องขายชะตากรรมให้ปีศาจจนต้องตกระกำลำบาก คิดว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไง บางทีอาจรู้สึกผิดมากจนฆ่าตัวตายเลยก็ได้”
“อะไรนะ ฆ่าตัวตายเลยงั้นเหรอ!” ครอสซ์ที่ตามบทสนทนาอยู่ห่างๆ พอได้ยินคำว่าฆ่าตัวตายก็กล่าวแทรกออกมาอย่างสนอกสนใจ ลูน่าหันมองมาที่ไลท์ด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกอึดอัดที่หน้าอกจนอยากจะอาเจียน
ชายหนุ่มผมทองคำขาวมีใบหน้าที่เรียบเฉย เคาะนิ้วบนโต๊ะสองสามทีจึงตอบลับไปว่า
“พ่อแม่ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ถึงพวกท่านจะไม่ฉลาดแต่ก็ไม่ได้โง่ ถ้าพวกท่านเกิดฆ่าตัวตายขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ต้องดูแลน้องชายและน้องสาวตามลำพัง ภาระของฉันจะเพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัวจนหาเงินมาใช้หนี้มาม่อนไม่ไหว น้องๆ ของฉันก็จะหายไปด้วย สุดท้ายก็ได้อยู่ตัวคนเดียว...แล้วฉันก็จะฆ่าตัวตายตาม”
“!!!!!!!”
“ก็เท่านี้แหละ เหตุผลที่พ่อแม่ฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย”
“ไลท์..คงไม่ใช่ว่าถ้านายชำระหนี้ไม่ได้แล้วถูกยึดความปรารถนาคืนไป ตั้งใจจะฆ่าตัวตายหรอกนะ” แจ๊สเปอร์เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ครอสซ์และลูน่าพร้อมใจกันหรี่ตามองมาที่ไลท์เพื่อเค้นเอาคำตอบ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ตอบออกไปตรงๆ พลางก้มสายตาต่ำลงอีกด้วย
“ใช่จริงด้วยสินะ!”
“ไม่เห็นต้องกดดันตัวเองขนาดนั้นเลยนี่คะ!คุณไลท์ทำแบบนี้มันไม่ดีนะคะรู้ไหม คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่มีความสุขแน่ค่ะ”
“เฮ้ยๆ! อย่าทำอะไรบ้าๆ เชียวนะ มีปัญหาอะไรก็คุยกัน”
เพื่อนๆ พากันช่วยเกลี้ยกล่อม ความห่วงใยแสดงออกมาผ่านน้ำเสียงและถ้อยคำพูดอย่างชัดเจน ไลท์ได้แต่น้อมรับและหลับตาลงอย่างเชื่องช้าก่อนจะกล่าวต่อว่า
“สำหรับฉันแล้ว ครอบครัวคือสิ่งยึดเหนี่ยวหัวใจ ความฝันของฉัน ความปรารถนาของฉัน หากไม่มีพวกเขาอยู่มันก็ไร้ความหมาย”
“แต่ไลท์ ฉันยอมรับและนับถือนายมากที่ทุ่มเทให้ครอบครัวขนาดนี้ แต่เผื่อใจไว้บ้างก็ดี”
“แน่นอน..ถ้าพวกเขาจากไปตามธรรมชาติฉันก็จะไม่อาลัยอาวรณ์ แต่นี่ไม่ใช่..พวกเขาตายเพราะฉัน และฉันต้องชดใช้ที่เป็นต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น”
“....”
ทุกคนไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมาอีกเลย ความหนักแน่นและการเตรียมใจของไลท์แสดงออกมาทางคำพูด สีหน้า และอารมณ์ ชายหนุ่มในวันนี้ดูเข้มแข็งและน่ายำเกรงมากผิดหูผิดตา ทั้งที่ควรจะเศร้าโศกอยู่กับความผิดหวังแท้ๆ นี่คือสิ่งที่พวกแจ๊สเปอร์ยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจ
แต่ก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดีหากสุดท้ายแล้วจะต้องทำให้ชีวิตตัวเองพังทลายลง
‘เดี๋ยวก่อนนะ’ แจ๊สเปอร์เริ่มครุ่นคิด
ไลท์เป็นคนละเอียดและรอบคอบ การตัดสินใจอย่างการออกจากมหาวิทยาลัยค่อนข้างเป็นการกระทำที่สุดโต่งและเลือดร้อนเกินวิสัยของเจ้าตัวเกินไปสักหน่อย หากเป็นไลท์ยามปกติอาจก้าวถอยหลังมานิดหนึ่ง หาทางจัดการเวลาอย่างเป็นระเบียบเพื่อลดความเสี่ยงลงในระดับหนึ่ง น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เหนือบ่าแรง
พอมาคิดดูให้ละเอียดแล้ว จากนิสัยที่รอบคอบและถ้าไม่มั่นใจจะไม่ทำ การที่ยอมลาออกจากมหาลัยมาเข้าสู่วิถีของโบรกเกอร์อย่างเต็มตัว นั่นหมายความว่า ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆ ก็บ้า คงเล็งเห็นโอกาสความเป็นไปได้และเชื่อว่าตนเองจะประสบความสำเร็จ
เหมือนกับผู้คนที่ประสบความสำเร็จในอดีต บุคคลที่เป็นแรงขับเคลื่อนของโลกและมีชื่อเสียง หนึ่งในนั้นมีคนที่ไม่จบการศึกษาด้วยซ้ำแต่กลับประสบความสำเร็จด้านการงาน เพราะพวกเขาเห็นโอกาสที่เติบโตได้ดียิ่งกว่า
มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ไว้ศึกษา แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต เมื่อสถานศึกษาไม่จำเป็นอีกต่อไปก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องให้ค่า นั่นอาจเป็นความคิดแบบเดียวกับบุคคลสำคัญเหล่านั้นก็เป็นได้ และอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ไลท์มีเหมือนพวกเขานั้นก็คือ [คิดแล้วลงมือทำ]
พอเห็นไลท์ในตอนนี้เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงสามารถสลัดความเศร้าโศกและผิดหวังไปได้ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย ไลท์ในตอนนี้ยังเจ็บปวดแต่เขาไม่มีเวลาให้เศร้ามาก เวลาเพียงวันเดียวอาจเป็นตัวตัดสินวันพรุ่งนี้หรืออนาคตอันยาวไกล ถ้ามัวแต่จมปลักกับความรู้สึกเดิมๆ นานเกินไป ก็จะถูกคนที่เพียบพร้อมมากกว่าแซงหน้าไปโดยไม่รู้ตัว
จึงต้องเมินความเศร้าและคิดหาทางออกในทันที
แจ๊สเปอร์ในยามนี้อยากจะหลั่งน้ำตาให้กับชายที่พึ่งเจอกันไม่ถึงเพียงหนึ่งเดือน พอได้ฟังจากปากเกี่ยวกับการคืนชีพครอบครัวและการทุ่มเทชีวิตจากเจ้าตัวเองแล้ว ก็ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก
ผู้ชายคนนี้แหละ มีอนาคต