บทที่ 7 หน้าแดงอย่างไม่เอาไหนอีกแล้ว
บทที่ 7 หน้าแดงอย่างไม่เอาไหนอีกแล้ว
“เอ่อ...”
“กว่ายาจะออกฤทธิ์คงจะเป็นพรุ่งนี้ คุณก็พักผ่อนให้มากๆ นะครับ” แล้วจู่ๆ ซ่งฉู่อี๋ก็พูดขึ้นมาว่า “ประจำเดือนคุณคงมาไม่ปกติสินะครับ แถมตอนประจำเดือนมาก็ปวดมาก ปกติทานข้าวน้อยมากใช่มั้ยครับ”
“...ใช่ค่ะ” ฉางฉิงหน้าแดง เรื่องนี้ตรวจดูก็รู้ด้วยอย่างนั้นเหรอ
“คุณต้องอย่านอนดึกเกินไป หมอเห็นสีหน้าคุณดูไม่ค่อยดี แล้วก็ทานข้าวให้เยอะๆ หน่อย ยาที่เขียนสั่งไปก็ต้องทาด้วยถึงจะหาย” พอซ่งฉู่อี๋พูดจบแล้ว ชุดกาวน์สีขาวก็ปลิวสะบัดเดินผ่านหน้าเธอไป
ทา...
พอฉางฉิงนึกถึงยาครีมที่ต้องทาตรงน้องสาวของเธอ...หน้าเธอก็แดงอย่างไม่เอาไหนอีกแล้ว
อีกอย่างสีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเหรอ เธอออกแรงลูบคลำดู
_ _ _ _ _ _ _ _
วันต่อมา ฉางฉิงเดินเข้าสถานีโทรทัศน์
ระหว่างที่เดิน เธอต้องขอชื่นชมซ่งฉู่อี๋ ฝีมือการรักษาของเขาไม่เลวจริงๆ การที่ผู้หญิงไม่สบายตรงบริเวณนั้นมันน่าอายมาก แต่เช้านี้ตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว
“วันนี้เธอมาเช้าจังเลย” เจิ้งเหยียน ผู้ประกาศช่องกีฬาวิ่งตามหลังมา ทั้งสองคนรอลิฟต์ด้วยกัน
“ฉันอยากจะคุยกับผู้กำกับอีกรอบเรื่องเนื้อหารายการที่จะอัดวันนี้น่ะค่ะ พี่เจิ้ง พี่เองก็มาเช้าเหมือนกัน...” ฉางฉิงยิ้มให้เธอเล็กน้อย
เจิ้งเหยียนกวาดตามองรอบๆ ด้วยแววตาสับสน พอเดินเข้าลิฟต์ก็เหลือแค่พวกเธอสองคน เจิ้งเหยียนถึงค่อยเอ่ยเสียงเบาว่า “ฉางฉิง เมื่อวานตอนที่พี่ทานข้าวกับพวกหัวหน้ากองบรรณาธิการเซี่ย พวกเขาพูดกันประมาณว่าเร็วๆ นี้ผู้อำนวยการสถานีคิดจะเปลี่ยนตัวเธอออก แล้วให้ฉืออี่หนิงมารับช่วงต่อ”
ฉางฉิงหัวใจเต้นเร็วแรง ส่วนใบหน้าก็ซีดเผือด
ปีที่แล้วมีพนักงานฝึกหัดหน้าใหม่กลุ่มหนึ่งมาที่บริษัท ทำให้พิธีกรเก่าแก่ทั่วทั้งบริษัทต่างรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามกัน เธอเองก็เช่นกัน พักหลังนี้ลางสังหรณ์เธอแรงกล้าเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉืออี่หนิงสาวน้อยสุดสวย แต่เธอคิดไม่ถึงว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้
“ต้องทำใจนะ ตอนนี้ฉืออี่หนิงเขาเป็นคนโปรดของผู้อำนวยการเฝิงน่ะ” เจิ้งเหยียนพูดปลอบเธอเสียงเบา
ฉางฉิงเบิกตาโต “พูดจริงเหรอคะ ฉืออี่หนิงกับผู้อำนวยการเฝิง?”
“จะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้เหรอ หน้าใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์อย่างอี่หนิง ช่วงต้นปีก็สามารถเบียดเธอกระเด็น แล้วได้เป็นพิธีกรงานฉลองเทศกาลโคมไฟร่วมกับจั่วเชียน” เจิ้งเหยียนยิ้มอย่างเยือกเย็น
ฉางฉิงรู้สึกคลื่นเหียนเล็กน้อย ผู้อำนวยการเฝิงปากเล็กๆ จมูกบี้แบนแบบนั้น ฉืออี่หนิงก็รับได้ด้วย น่านับถือจริงๆ
ภายในห้องแต่งตัวของสตูดิโอ ฉางฉิงนั่งหน้าตาเซื่องซึม เจิ้งเหยียนเป็นรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์สูงของสถานี แม้ว่าตำแหน่งหน้าที่จะไม่ได้สูง แต่รุ่นพี่คนนี้ทำงานอยู่ที่นี่มาสิบกว่าปีแล้ว พนักงานระดับสูงหลายคนค่อนข้างสนิทสนมกับเธอพอสมควร และเธอก็ได้ข่าวสารรวดเร็วกว่าคนอื่น เจิ้งเหยียนดูแลเอาใจใส่เธอมาตลอด ไม่มีทางที่จะโกหกเธอแน่นอน
เสียงอึกทึกครึกโครมดังลอยมาจากด้านหลัง จู่ๆ เธอก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมา
ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่สถานีโทรทัศน์ เธอก็ทุ่มเทตั้งใจทำงานตลอด แต่สถานีโทรทัศน์นี้ช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน คิดจะให้ออกก็ให้ออก
“ฉางฉิง ทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกล่ะ” จั่วเชียน หนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลามาที่ห้องแต่งตัว “ร้องไห้เหรอ”
“...เปล่าค่ะ” ฉางฉิงรีบก้มหน้าและเช็ดหน้าเช็ดตากับเสื้อผ้า พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที เธอก็เห็นแววตาที่อ่อนโยนของจั่วเชียน เธอรู้สึกจุกแน่นในลำคอ “อาจารย์จั่ว ฉันต้องออกจากรายการนี้แล้วใช่มั้ยคะ”
แววตาของจั่วเชียนดูขึงขังจริงจังมากขึ้น
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะได้อัดรายการกับอาจารย์ ฉันจะทำหน้าที่นี้ให้ดีค่ะ” ฉางฉิงสูดหายใจเข้าลึก ทำตัวให้ร่าเริง แล้วหยิบดินสอเขียนคิ้วมาเขียนคิ้ว
ถึงแม้จะต้องไป เธอก็อยากให้บรรดาผู้ชมที่อยู่หน้าจอโทรทัศน์รู้ว่าเธอคือพิธีกรที่ยอดเยี่ยมที่สุด
จั่วเชียนปวดใจพลางขมวดคิ้วมุ่น “ฉางฉิง ผมจะพยายามคุยกับผู้บริหาร ไม่ให้พวกเขาเปลี่ยนตัวคุณออก”
“จริงเหรอคะ” ดวงตากลมโตของฉางฉิงเป็นประกาย เมื่อแสงไฟที่สว่างไสวอยู่เหนือศีรษะสาดส่องก็เผยให้เห็นถึงความงดงามเป็นพิเศษ
แววตาของจั่วเชียนดูลุ่มลึกทีละน้อยๆ เขายิ้มพลางพยักหน้า แล้วขยี้ผมหน้าม้าของเธอ
จั่วเชียนเป็นพี่ใหญ่ในสถานีโทรทัศน์ แม้แต่ผู้อำนวยการก็เคารพนับถือเขาพอสมควร พอฉางฉิงได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็เบาใจขึ้นเล็กน้อย
แต่หลังจากอัดรายการเสร็จแล้ว ผู้อำนวยการเฝิงก็ยังคงให้คนเรียกเธอไปพบอยู่ดี
....................................................