ภาค 1 ตอนที่ 9 ฝันเห็น
ตอนที่ 9 ฝันเห็น
โกโก้เพิ่งเดินถึงประตูของหมู่บ้าน ก็เห็นโจวต้าเจิ้งที่ยืนพิงรถตำรวจอยู่ จำนวนก้นบุหรี่ใต้เท้าบ่งบอกถึงเวลาที่เขารอ
"นายมาอยู่นี่ได้ยังไง" โกโก้ขมวดคิ้วแล้วนับจำนวนก้นบุหรี่ที่พื้น เชอะ เจ็ดอันแน่ะ
"เธอแจ้งพวกเขาว่าจับผู้ต้องสงสัยได้แล้วอย่างนั้นเหรอ" ดูเหมือนโจวต้าเจิ้งจะไม่พอใจอยู่บ้าง
"ไอ้หมอนั่นที่พวกนายสอบปากคำอยู่ยอมสารภาพแล้วเหรอ"
"ยัง"
"แล้วฉันจะไปบอกพวกเขาทำไม อีกอย่างการแจ้งครอบครัวไม่ใช่งานของหมอนิติเวชไม่ใช่หรอก" โกโก้มองสีหน้าของต้าเจิ้งที่ค่อยๆ ผ่อนคลายลงอย่างสงสัย
"รู้เรื่องก็ดี" โจวต้าเจิ้งหันไปเปิดประตูรถ ส่งสัญญาณให้เธอขึ้นรถ
"...นายกลัวฉันแส่ไม่เข้าเรื่องมาขอความดีความชอบกับครอบครัวนี้ละสิ" คราวนี้ถึงตาโกโก้ที่ไม่พอใจแล้ว
"ไม่ใช่อย่างนั้น"
ถึงโจวต้าเจิ้งจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่ทำให้ความคิดของโกโก้หายไป เธอขึ้นนั่งข้างคนขับ เงียบๆ
รถออกไปที่ถนนแล้วขึ้นทางด่วน ความดังของเสียงลมกับภาพของพืชที่เป็นทิวแถวผ่านหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความโกรธเคืองที่เงียบขรึมในรถผ่านไปได้ จนกระทั่งโจวต้าเจิ้งย้ำอีกครั้งหนึ่ง
"ผมไม่ได้กลัวเธอแส่ไม่เข้าเรื่อง" ต้าเจิ้งพูด
ยิ่งพูดยิ่งเสีย
"อย่าเลย ไม่งั้นให้เหตุผลฉันมาข้อหนึ่งที่ทำให้ท่านหัวหน้าขับรถหลายสิบกิโล หรือเพื่อมาเปลี่ยนที่สูบบุหรี่เท่านั้นเหรอ"
ต้าเจิ้งกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา "อ๊ะ ก็ใช่นะสิ เปลี่ยนสถานที่รับรู้ความรู้สึกบ้าง ชีวิตจะมีสีสันก็ต้องมาสูบบุหรี่ในสถานที่ที่ต่างกันสิ"
สวินเข่อหรันเหล่มองเขา เหมือนจะอัดคนในวินาทีต่อมา แต่ก็ไม่ขยับสักนิด
ต้าเจิ้งมองสีหน้าของเธอ แล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญา "โกโก้ เธอไม่เข้าใจ"
"ยินดีรับฟัง"
"จะให้พูดยังไงดีล่ะ...เรื่องนี้ เธอในฐานะหมอนิติเวชถลำตัวเข้ามาเกี่ยวพันลึกไปหน่อย ทีแรกเป็นแค่คดีที่ต้องรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ แต่ตอนหลังกลายเป็นว่าเธอบาดเจ็บ ผมกลัวว่า..." จู่ๆ ต้าเจิ้งก็หยุด เหมือนจะกำลังเรียบเรียงคำพูด "กลัวเธอจะถือว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อผู้เสียหาย ไปติดต่อครอบครัวโดยผิดวินัย"
"แล้วไปบอกพวกเขาเรื่องผู้ต้องสงสัยและความจริงที่ไม่ได้รับการยืนยันงั้นเหรอ"
ต้าเจิ้งไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่อยู่นานมาก ถึงได้ใช้เสียงทุ้มต่ำพูดอย่างช้าๆ ว่า "โกโก้ เธออาจจะรู้เรื่องหลักฐานวัตถุ รู้เรื่องร่องรอย แต่เธอไม่รู้เรื่องคน ผมเจอมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งที่ตำรวจสืบคดีถลำลึกเกินไป หลังจากจับกุมผู้ต้องสงสัยด้วยความยากลำบาก ยังไม่ทันได้รับการยืนยันก็ไปแจ้งครอบครัว จากนั้น ครอบครัวของผู้ต้องสงสัยที่เอะอะโวยวายอยากเจอหน้าผู้ต้องสงสัยก็เรียกร้องความสนใจของสื่อมาจนได้ สุดท้ายพบว่าหลักฐานไม่เพียงพอ..."
อากาศในรถเหมือนจะบางเบาลง ถ้าสงบจิตสงบใจแล้วคิดตาม สวินเข่อหรันก็จะเข้าใจว่าโจวต้าเจิ้งหวังดีกับตน เขากังวลว่าเพราะตัวเองบาดเจ็บแล้วใส่ความรู้สึกไปที่ครอบครัวของผู้เสียหาย ทำเรื่องที่ผิดกฎอาชีพขึ้นมา แต่ในเวลานี้สวินเข่อหรันไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่คิดจะทำความเข้าใจ เธอรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของอาชีพตนถูกย่ำยี
โจวต้าเจิ้งยังคงพูดต่ออีก "มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนที่สุดในโลก ถึงแม้จะเป็นครอบครัวผู้เสียหายที่น่าสงสารที่สุด ก็อาจจะกลายเป็นผู้กระทำที่โหดร้ายก็เป็นได้"
"โจวต้าเจิ้ง นายบอกว่าฉันไม่เข้าใจคน ก็เพราะว่า นายไม่เข้าใจฉัน" สวินเข่อหรันกัดริมฝีปากเบาๆ "รบกวนจอดรถข้างทางที"
ต้าเจิ้งมือถือพวงมาลัยไม่ได้ขยับ "ที่นี่นอกจากถนนก็จะเป็นป่ารก"
"ฉันรู้ ตาฉันไม่บอด"
"โกโก้ อย่างอแง"
สวินเข่อหรันยิ่งฟังยิ่งโมโห เหมือนกับคนที่ปรักปรำคนก่อนไม่ใช่ตัวโจวต้าเจิ้งอย่างนั้น เธอเหลือกตา บางครั้งถึงเธอมีชีวิตของเธอเฉยๆ ในโลกนี้ก็มีคนทำให้เธอโกรธได้ เหมือนคนพวกนี้ไม่มีอะไรจะทำอย่างนั้น แทนที่จะเสียเวลาพูดด้วย สู้ลงมือเลยดีกว่า
ขณะที่สวินเข่อหรันนั่งอยู่ในรถที่แล่นด้วยความเร็วร้อยกิโลต่อชั่วโมง เธอยื่นมือไปเปิดประตู
โจวต้าเจิ้งรู้สึกหัวใจหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ เท้าเหยียบเบรคอย่างแรง ล้อยางที่สัมผัสพื้นดังเอี๊ยด ท่ามกลางฝุ่นตลบคลุ้ง รถหยุดบนเลนฉุกเฉิน
แต่พอโกโก้รู้ตัว คิดจะเปิดประตูลงจากรถ ถึงได้เห็นว่าประตูรถถูกล็อคตาย หันไปก็พบกับสายตาที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเข้า
"เธอมีปัญหาใช่ไหม" โจวต้าเจิ้งเป็นคนอารมณ์ร้อนตั้งแต่ไหนแต่ไร ชั่วพริบตาก็เหมือนถูกจุดติดไฟขึ้นมา "อยากตายเหรอ อยากตายก็บอกตรงๆ ! แค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็ถึงกับต้องโดดรถเลยเหรอ มีเหตุผลหรือเปล่า!"
"ไม่มีเหตุผล" โกโก้ส่งเสียงเย็นและห่างเหินเหมือนตอนเริ่มรู้จัก "มีใครเคยบอกนายว่าสวินเข่อหรันเป็นคนมีเหตุมีผลเหรอ ถ้ามี คนคนนั้นก็ตาบอด"
ต้าเจิ้งอ้าปากอยากด่าออกไป สมองคิดไปอีกที ไม่มีใครเคยบอกจริงๆ คนแก่บอกว่าสวินเข่อหรันเป็นคนมีความสามารถ คนรุ่นเดียวกันบอกว่าเธอดูแล้วเหมือนคนประหลาดที่ธรรมดา มันไม่เคยมีคนใช้คำว่ารู้กาลเทศะ มีเหตุผล หรือหัวอ่อนกับเธอสักคนจริงๆ
"เปิดประตู" สวินเข่อหรันที่ไม่มีเหตุผล มีความสามารถและเป็นคนประหลาดที่ธรรมดาพูดอีกครั้ง
น้ำโหของต้าเจิ้งก็พุ่งพรวดเหมือนกัน เขาไม่พูดไม่จาล้วงกุญแจมือออกมา ดึงมือข้างขวาของโกโก้มาล็อคไว้กับมือจับตรงหลังคารถ
สวินเข่อหรันอ้าปากค้างมองไปยังกุญแจมือที่ส่งเสียงกริ๊งๆ แล้วก็ได้ยินเสียงประตูรถถูกเปิดออกทันที
ต้าเจิ้งแสดงสีหน้ากระหยิ่มที่เห็นอีกฝ่ายเดือดร้อน "ประตูเปิดแล้ว เธอจะลงรถไม่ใช่เหรอ"
สวินเข่อหรันโกรธกระฟัดกระเฟียดจนหน้าแดง สะบัดหน้ามองไปด้านหน้าโดยไม่พูดสักคำ
"ไม่ลงเหรอ ไม่ลงผมปิดประตูแล้วนะ เฮ้อ ให้ผมเปิดประตูแต่ก็ไม่ลงจากรถ ผู้หญิงนี่ยุ่งจริงๆ เลย"
ต้าเจิ้งปิดประตูเรียบร้อย สตาร์ทรถแล้วขับไปด้านหน้าต่อ มุมปากมีรอยยิ้มเยาะหยัน
ไอ้เด็กบ้า มีหรือที่ข้าจะกำราบไม่ได้
หัวหน้าหน่วยอาชญากรรมที่กระหยิ่มยิ้มย่องในใจจนเกือบจะกลั้นหัวเราะไม่ไหวขับรถไปเรื่อยๆ ขับๆ ไป ก็หยุดยิ้มลง คนข้างตัวกุมท้อง หน้าตาทรมานบิดเบี้ยว แต่กลับกัดริมฝีปากไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา ทำให้เขารู้สึกทะแม่ง
"เฮ่ย ไม่เป็นอะไรใช่ไหม" ต้าเจิ้งถาม
โกโก้ก้มหน้าแล้วส่ายหัว แต่ได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบา
อาการเช่นนี้ทำให้ตกใจไม่น้อย ต้าเจิ้งรีบหาข้างทางที่เหมาะสมจอดรถอีกครั้ง ไขกุญแจมือของโกโก้ออก รู้สึกผิดและทำอะไรไม่ถูก "นี่ สวินเข่อหรัน เธอเป็นอะไรเหรอ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า อย่าก้มหน้าตลอดสิ!"
โธ่เอ๊ย ข้าทำอะไรเกินไปหรือเปล่านี่
ถ้าต้าเจิ้งรู้ว่าเวลานี้ในสมองโกโก้กำลังคิดอะไรอยู่ คงแทงตัวเองไปแล้วสองที
สวินเข่อหรันไม่ได้เงยหน้าขึ้น มือหนึ่งปิดปาก เปิดประตูออกอย่างเศร้าสร้อย วิ่งเข้าไปในกอหญ้าข้างถนน
ต้าเจิ้งตะลึงงันอยู่กับที่ไปพักหนึ่ง คิดว่าเมื่อสักครู่เธออาจจะแค่อยากปล่อยทุกข์ กลับเป็นตัวเองที่เข้าใจผิดไปล็อคเธอ พอคิดไปทางนี้ ความรู้สึกผิดก็เหมือนกับก๊อกน้ำที่ถูกอุดปากไว้ ยิ่งสะสมยิ่งเยอะ พอรอแล้วรอเล่าเธอก็ยังไม่มา ต้าเจิ้งจึงกระโดดลงจากรถ ประตูก็ไม่ล็อค เพราะไม่มีใครกล้าแตะรถตำรวจอยู่แล้ว เดินลงไปที่กอหญ้าหลายก้าว ตะโกนชื่อของโกโก้อย่างระมัดระวัง คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมั้ง
จู่ๆ ด้านหลังเขาก็มีเสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นเคยดังขึ้น ต้าเจิ้งหันไปมอง แล้วพบว่ารถตำรวจเคลื่อนที่ได้อย่างเหลือเชื่อ เขาอึ้งไปวินาที แล้วรู้สึกตัวขึ้นมาในชั่วพริบตา
ถูกเล่นงานซะแล้ว!
เด็กบ้าล่อให้ฉันลงจากรถแล้วฉวยโอกาสขึ้นรถขับหนีไป...นี่ไม่ใช่แค่ไม่มีเหตุผลนี่มันคนประเภทไหนกันแน่!
ต้าเจิ้งถอนหายใจกับฟ้าอยู่ที่เดิม เป็นตำรวจอาชญากรรมมาหลายปี ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะถูกเด็กสาวคนหนึ่งเล่นงาน
รถตำรวจเคลื่อนออกไป ไม่ถึงร้อยเมตรก็หยุดลง
ความรู้สึกผิดของต้าเจิ้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เปลี่ยนจากน้ำกลายเป็นน้ำมัน ถูกจุดเป็นไฟที่โหมกระหน่ำ ไอ้บ้านี่ หายใจลึกๆ หายใจลึกๆ อย่าถือสาคนถ่อย ต้าเจิ้งปลอบใจตัวเองไปพลาง คนถ่อยเลี้ยงยากผู้หญิงก็เลี้ยงยากเหมือนกัน หายใจลึกพลางก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า หวังจะตามทันรถตำรวจที่จอดอยู่ ไว้กลับถึงกองบังคับการค่อยด่าเธอ
แต่ไม่ถึงสิบเมตร เสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นอีก โจวต้าเจิ้งที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟมองรถที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวเคลื่อนออกไปอีกสองร้อยเมตร
จู่ๆ เขาเข้าใจขึ้นมาว่า ทำไมในโลกนี้มีเหตุการณ์ฆ่าคนเพราะอารมณ์ชั่ววูบ บางครั้ง บางคนนะ ถ้าไม่แทงสักสองทีคงไม่พอที่จะระงับโทสะในใจ
โจวต้าเจิ้งท่องในใจไปร้อยรอบว่าชายที่ดีต้องไม่สู้กับผู้หญิง ผู้ใหญ่ต้องไม่สู้กับเด็กเวร เดินมาถึงข้างรถตำรวจ หายใจออกแรงๆ หลายที ค่อยกล้าเปิดประตูกลับไปนั่งที่คนขับ เขากลัวว่าตัวเองพอเข้าไปในรถจะอดไม่ได้ที่จะบีบคอโกโก้จนตาย
เวลานั้นโกโก้นั่งอยู่ข้างคนขับ กำลังโยนของออกนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ต้าเจิ้งจ้องดูดีๆ ถึงเห็นว่าสิ่งที่ถูกโยนออกไปเป็นบุหรี่ของตัวเอง
หนึ่งมวน สองมวน สามมวน...แล้วก็หันไป มองด้วยสีหน้าประหลาดใจน้อยๆ อ๊ะ เมื่อสักครู่นี้นายไปไหนมา หัวหน้าโจว
โจวต้าเจิ้งหายใจลึกๆ หายใจลึกๆ สะกดอารมณ์ของตนเอง
เป็นอะไรเหรอ หัวหน้าโจว เป็นหอบหืดเหรอ หรือว่านายชอบดมกลิ่นดินบนถนน...ก็ยังเป็นสีหน้าไร้เดียงสาน้อยๆ
ต้าเจิ้งกลั้นจนหน้าจะเป็นตะคริวอยู่แล้ว เอี้ยวตัวด้วยความเร็วแบบสายฟ้าแลบ ล็อคมือขวาของโกโก้ด้วยกุญแจมือไว้กับที่จับบนหลังคาอีกครั้ง
เด็กระยำ ต้าเจิ้งรู้สึกเหมือนตัวเองได้ระบายความแค้นออกมา สตาร์ทรถออก
สวินเข่อหรันเขย่ามือที่ถูกล็อค มองกุญแจมือเงาวับ แล้วจู่ๆ ก็หลุดขำหัวเราะออกมา จากนั้นก็เหมือนกับทางที่ถูกเปิด ปิดกลั้นไม่ได้อีก ยิ่งหัวเราะยิ่งดัง
ต้าเจิ้งกัดฟันร้องโวยวาย “หัวเราะ! ถ้าหัวเราะอีกก็จะจับเธอไปขัง”
โกโก้ยังหัวเราะอยู่ “นายเป็นถึงหัวหน้าหน่วยอาชญากรรม ฮ่าๆ เล่นสู้คนอื่นไม่ได้ก็ล็อคด้วยกุญแจมือ ไม่เอาไหน ฮ่าๆ...”
เล่นๆ เล่นกับน้องสาวเธอสิ เธอริอ่านมาเล่นกับหัวหน้าหน่วยอาชญากรรมเหรอ ต้าเจิ้งมือหนึ่งกุมพวงมาลัย อีกมืออดไม่ได้ที่จะไปหยิกแก้มของโกโก้ อ๊ะ ยังจะหัวเราะอีก
“ฮ่าๆ โอ๊ยหยิกแก้มเข้าข่ายล่วงละเมิดทางเพศ ฮ่าๆ ฉันไปฟ้องผู้การว่า พอนายไม่ได้ดั่งใจ ก็ลงมือกับผู้ร่วมงานอย่างเสียสติ ฮ่าๆ”
โจวต้าเจิ้งถูกยั่วโมโหจนหัวเราะออกมา นี่มันคนอะไรกัน "สวินเข่อหรัน เคยมีคนบอกว่าเธอเป็นคนจิตวิปริตหรือเปล่า"
โกโก้หยุดหัวเราะไปนิดหนึ่ง เอียงหัวเหมือนกำลังคิด "คนที่วิ่งตามหลังรถตำรวจไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน ฮ่าๆ..."
ในใจโจวต้าเจิ้งยังโมโหอยู่ แต่กลับเหมือนติดเชื้อจากเสียงหัวเราะที่ไม่หยุดไม่หย่อนข้างกาย อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ หน้าบิดเบี้ยวเป็นพักๆ
"นี่ หัวหน้าโจว เลี้ยงข้าวฉันหน่อยสิ"
"ฝันไปเถอะ"
"ไม่งั้นฉันจะไปโพนทะนาเรื่องที่นายใส่กุญแจมือฉันที่กองบังคับการนะ ถึงตอนนั้นหักโบนัสยังจะน้อยไป"
"เชอะ ไม่มีหลักฐาน"
"เมื่อสักครู่พวกเราผ่านด่านเก็บเงินด่านหนึ่ง ที่ตรวจจับความเร็วอีกที่หนึ่ง"
"แล้วยังไง"
"คนที่ส่งคดีสวีลี่มาก็อยู่หน่วยจราจรนะ ภาพจากกล้องวงจรปิดวันนี้ ถ้าขอวันนี้ก็จะได้เลย"
"...เธออยากกินอะไร"
"ฮ่าๆ..."
"พอแล้วโว้ย เธอ"
ถึงแม้จับคนที่อยากทำลายศพสวีลี่ได้แล้ว แต่ก็พบปัญหาใหม่ตอนสอบปากคำ ผู้ชายคนนี้ทำงานอยู่แผนกรักษาความปลอดภัยในตึกกองบังคับการมาสามปีแล้ว ได้ยินเทคนิคการสอบสวนที่ใช้กันประจำมานาน ไม่สนวิธีพวกนั้น ไม่พูดแม้แต่คำเดียวมาสองวันเต็ม
ต้าเจิ้งเรียกโกโก้มา ให้เธอยันคำพูดกับผู้ชายที่ชื่อวังอี้เฟิง คืนนั้นคนที่บีบคอเธอใช่หน้าตาอย่างนี้หรือเปล่า มือคู่นี้ใช่ไหม ผู้ชายคนนี้หรือเปล่า
โกโก้ยิ้มเยาะ “มีอะไรให้ดูกันอีก ที่ฉันยังเก็บลายนิ้วมือบนโทรศัพท์ในคืนนั้นไว้ แล้วก็ลายนิ้วมือบนกุญแจที่ถูกงัด แล้วก็คราบที่หลงเหลือบนคอฉันอีก แค่ดึงเส้นผมเส้นหนึ่งของไอ้หมอนี่เปรียบเทียบ DNA ก็ส่งเขาไปให้อัยการได้เลย ส่วนรอยแผลบนตัวสวีลี่เกี่ยวกับเขาหรือไม่ หึๆ แค่ขังเขาไว้กับสวีลี่ไว้ตามลำพังก็พอ ฉันเชื่อว่าคุณสวีลี่เริ่มจะเน่าเปื่อยแล้ว แต่ก็คิดว่าพอที่จะยันกันได้”
หวังอี้เฟิงสะดุ้งไปทีหนึ่ง
ต้าเจิ้งตาไวเห็นเข้า เริ่มยิ้มเยาะในใจ
"อ๊ะ ใช่แล้ว" โกโก้เสริมอีกว่า "สวีลี่คนนั้น ถึงเวลานี้ตายังลืมอยู่เลย ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ยอมหลับตาลง ลูกตาทั้งสองจ้องไปข้างหน้าทื่อๆ อย่างนี้..." โกโก้ย่องเงียบๆ อ้อมไปด้านหลังของหวังอี้เฟิง "ผีสาวที่ตายไปโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมจะเดียวดายมากนะ..."
หวังอี้เฟิงสองมือกำแน่น แรงจนข้อต่อเป็นสีเขียว แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดี คิดๆ ดูแล้ว การหลอกเขาเช่นนี้ก็อาจจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ เพราะผู้ชายที่กล้าบุกห้องเก็บศพในยามดึก สำหรับความสยองระดับนี้ อย่างมากก็แค่กำมือแน่นเท่านั้น
จู่ๆ โกโก้ก็กระชากผมของเขาออกไปกระจุกเล็กๆ กระจุกหนึ่ง
"อ๊า..." ในห้องสอบสวนมีเสียงร้องโหยหวนขึ้นมา
ต้าเจิ้งอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา โกโก้เชิดหน้าเดินลากเท้าออกไป
ต้าเจิ้งรีบตามออกไป "โกโก้ เฮ้ย เรียกเธออยู่นะ ไอ้เด็กระยำ"
โกโก้หันมามองเขา "มีอะไรเหรอ หัวหน้าโจว ยังคิดจะวิ่งตามรถตำรวจฝึกร่างกายเหรอ"
ต้าเจิ้งได้ยินแล้วสีหน้าขรึมลง แอบมองรอบๆ ดูว่ามีใครได้ยินหรือเปล่า "นี่ ผมขอเตือนนะ ห้ามพูดเรื่องนี้อีก ผมเลี้ยงข้าวเธอแล้วไม่ใช่เหรอ"
โกโก้เลียริมฝีปากอย่างรวดเร็วแบบล้อเลียน "ขอบพระคุณนายท่าน"
ต้าเจิ้งเบะปากยิ้ม "ทางที่ดีเธอควรจะเร่งตรวจลายนิ้วมือให้เสร็จ ไอ้หมอนี่มันใจกล้า การสอบสวนอาจล่าช้าได้"
โกโก้ยิ้ม "ถ้าคืนนี้เขายังไม่สารภาพ นายก็หาเครื่องอัดเสียงสักเครื่องแอบเปิดเสียงผู้หญิงร้องไห้ให้เขาฟัง เอาแบบสะอื้นเสียงต่ำ ขาดๆ หายๆ แล้วพวกนายทั้งหมดแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน มีแต่เขาที่ได้ยิน"
ต้าเจิ้งเหงื่อตก ไม้นี้ช่างอำมหิต "เขากล้าขโมยศพ ใช่ว่าจะได้ผล"
"ฉันรู้" โกโก้พูด
ต้าเจิ้งเข้าใจทันที ที่แท้เธอคิดจะแค่ขู่เขาใช่ไหม ก็ได้...เห็นแก่เธอที่ถูกเขาบีบคอมาก่อน หัวหน้าพูดเสร็จก็ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน มองดูโกโก้อย่างนั้น...มีธุระอะไรอีกไหม โกโก้ถาม
ต้าเจิ้งเงียบไปอึดใจเดียว "...ถึงแม้จับคนได้แล้ว เธอเองก็ยังต้องระวังตัวหน่อย ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่ามีผู้ร่วมกระทำผิดด้วยหรือเปล่า"
"แล้วฉันสามารถขอบอดี้การ์ดคนหนึ่งได้หรือเปล่า" โกโก้กะพริบตาถาม
"บอดี้การ์ดเหรอ"
"ฉันขอเสี่ยวไป๋" โกโก้กะพริบตาต่อ
"ทำไมต้องเป็นเสี่ยวไป๋" สีหน้าต้าเจิ้งเริ่มไม่ดี
"เพราะเสี่ยวไป๋สนุก" โกโก้ยิ้มหวานมาก โดยเฉพาะเวลาเห็นเขาตกใจ
"...ไม่ได้ ตอนนี้คนในทีมไม่พอ เธอเห็นอะไรผิดปกติก็โทรมาหาผมทันทีแล้วกัน" พอต้าเจิ้งพูดจบก็หันหลังเดินไป
โกโก้เห็นสภาพต้าเจิ้งกระแทกพื้นเดินไปอย่างนั้น ส่ายหน้าแล้วยิ้ม ขี้เหนียวจัง แค่ยืมหนุ่มหล่อคนหนึ่งมาเล่นหน่อย...
——————————————
กลางคืน แสงนีออนกะพริบบนถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ซย่าเหอหยวนเดินเข้าไปในร้านสุกี้ร้านหนึ่ง เห็นโกโก้นั่งเกยคางเหม่อลอยอยู่ที่ริมหน้าต่าง จึงยิ้มแล้วเดินไปหา โกโก้ค่อยๆ หันหน้ามา หน้าตาเต็มไปด้วยความสับสน
"นี่ เธอเป็นอะไร หน้าตาอย่างกับคนตายแน่ะ" ซย่าเหอหยวนขมวดคิ้ว
โกโก้ถูหน้า "ศิษย์พี่ ศพของสวีลี่คงจะคืนพี่ไม่ได้แล้วนะ"
ซย่าเหอหยวนชะงัก "ทำไมถึงพูดอย่างนั้น"
โกโก้เล่าเรื่องห้องนิติเวชและตนเองถูกประทุษร้ายให้ซย่าเหอหยวนฟังคร่าวๆ
"แล้ว หน่วยอาชญากรรมของพวกเธอคิดจะสืบคดีนี้เหรอ" ซย่าเหอหยวนส่งเมนูคืนให้พนักงานเสริฟ
"รอให้หวังอี้เฟิงที่จับได้คนนั้นยอมสารภาพว่า ทำไมเขาถึงขัดขวางการชันสูตรศพของสวีลี่ ก็คงต้องรับเป็นคดีสอบสวนแล้ว"
"อืม...แสดงว่า การตายของสวีลี่ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุรถยนต์เท่านั้น ก่อนหน้านั้นมีเรื่องอย่างอื่นเกิดขึ้นหรือ"
โกโก้เงียบ
หม้อสุกี้ค่อยๆ เดือดขึ้นมา กลิ่นหอมเริ่มฟุ้งกระจายตามความร้อนที่ก้นหม้อ ไอน้ำคลุ้งกระจาย
"เฮ้ย เด็กน้อย มีอะไรก็พูดมาตรงๆ" มองผ่านไอน้ำที่ลอยคลุ้งอยู่ ซย่าเหอหยวนสังเกตคนตรงข้ามลังเล
"มีอยู่วันหนึ่ง ฉันฝัน..." โกโก้จ้องมองไอน้ำคลุ้งหน้าของตน พูดช้าๆ "ฉันฝันเห็นตัวเองยืนอยู่ที่ริมถนน ไฟถนนสลัว เสื้อผ้าของฉันขาดวิ่น เกือบจะปิดร่างกายไม่อยู่ ฉันใช้มือทั้งสองข้างโอบตัวไว้ ทุกย่างก้าวที่เดินไป...เลือดหยดเป็นทาง..."
ซย่าเหอหยวนมองโกโก้อย่างตะลึงงัน
"ภาพตรงหน้าฉันเลือนราง แต่ความรู้สึกในจิตใจชัดเจน ความโกรธแค้นแบบนั้น..."
โกโก้หลับตาแล้วเงียบ ซย่าเหอหยวนใส่เนื้อแกะลงไปในหม้อสุกี้ รอบตัวมีเสียงแก้วกระทบที่ชวนดื่มเหล้ากับเอะอะหัวเราะดังมาไม่ขาดสาย โต๊ะตัวนี้กลับเงียบกว่ากันอยู่มาก
"แล้ว" ซย่าเหอหยวนถาม
"แล้ว?..." โกโก้เงยหน้ามองซย่าเหอหยวน "...แล้วฉันก็ตื่นขึ้นมาเพราะนาฬิกาปลุก"
ซย่าเหอหยวนอ้าปากค้าง คิดจะพูดอะไร แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
โกโก้โบกมือ "ฉันรู้ว่าพี่คิดจะพูดอะไร พี่คิดจะบอกว่า ฉันอยู่กับศพสวีลี่มานาน สิ่งที่ฉันคาดเดาทำให้ฉันฝันหรืออาจจะถึงขั้นทำให้เกิดภาพลวงตาก็ว่าได้ แต่ตอนที่ฉันฝัน ศพของสวีลี่เพิ่งจะส่งมาที่ห้องชันสูตรของฉัน ฉันแค่ได้อ่านรายงานที่พี่ให้มาเท่านั้น แม้แต่ถุงเก็บศพยังไม่ได้เปิดออกก็เก็บเข้าไปในตู้เก็บศพ คิดจะมาชันสูตรในวันรุ่งขึ้น"
โกโก้จ้องไปที่ซย่าเหอหยวนที่ตะลึงงัน "ตอนที่ฉันฝัน ฉันยังไม่ได้เห็นสวีลี่มาก่อน!"
ซย่าเหอหยวนใช้ตะเกียบคนในหม้อ ขมวดคิ้ว "เสี่ยวหรัน เธอคิดจะพูดอะไร"
"พี่จำได้หรือเปล่าท่านผู้เฒ่าเคยบอกว่า คนเป็นหมอนิติเวช บางคดีจะทำให้เธอใส่ความคิดของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ใส่ใจเกินกว่าขอบข่ายของอาชีพตัวเอง"
"ฉันจำได้ แต่ประโยคหลังจากนั้นของท่านผู้เฒ่าที่พูดคืออย่างนี้ ถ้าเป็นสภาพอย่างนี้ อันตรายมาก"
โกโก้ก้มมองชามของตัวเอง
"เสี่ยวหรัน อันตรายมาก เธอเข้าใจไหม"
"ฉันเข้าใจ ฉันก็ยังไม่ได้เสียสติไป ฉันก็ไม่ได้ถูกผีเข้าสิงอะไรอย่างนั้น ฉันมีสติสัมปชัญญะดี จุกลมจักรยานเก่าของพี่ที่ถูกถอดออกทั้งหมดอยู่ในกล่องรองเท้าของท่านผู้เฒ่า"
ซย่าเหอหยวนอึ้งไปสองวินาที โกรธจนถลึงตา "เป็นเธอจริงๆ ด้วย เด็กเวร! ตอนนั้นเธอยังไม่ยอมรับ! ทำให้ข้าถูกด่า เธอๆ..."
โกโก้หัวเราะร่วน "อย่าโกรธไปเลย ผู้กล้าย่อมไม่พูดถึงวีรกรรมในอดีต"
ซย่าเหอหยวนถอนหายใจ ทำหน้าไม่ถูก
"ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฉันมีสติดีพอที่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่แค่อยากจะถามพี่ว่า ถ้าเป็นเพียงลางสังหรณ์ของฉัน พี่จะเชื่อฉันไหม"
ซย่าเหอหยวนยิ้มเจื่อน "เธอนี่ ยิ่งนานวันยิ่งเจ้าเล่ห์...เชื่อ! ตั้งแต่ข้ารู้จักเธอเมื่อห้าปีก่อนก็ถูกเธอตุ๋นมาตลอด มีครั้งไหนไม่เชื่อเธอบ้าง คราวนี้เธอต้องการอะไรอีก พูด! พูดเสร็จก็เริ่มกิน กินเสร็จก็รีบไสหัวไป!"
โกโก้ยิ้มอย่างดีใจมากขึ้น "ศิษย์พี่รู้ใจฉันจริงๆ ช่วยส่งหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวกับสวีลี่มาให้ฉันแล้วกัน"
"...ถ้างั้นมื้อนี้เธอเลี้ยง!"
"ฮือๆ...ศิษย์พี่...ฉันไม่ได้เอาเงินมา..." สวินเข่อหรันรีบเปลี่ยนหน้าเป็นเศร้าสร้อยทันที น้ำตาเอ่อ
ซย่าเหอหยวนค้อนขวับ ลงความเห็นว่า นี่มันปีศาจชัดๆ