TQF:บทที่ 39 บางคนอยู่ที่ประตู
TQF:บทที่ 39 บางคนอยู่ที่ประตู
เจิ้งหยวน ไม่สงสัยต่อไปเขาเชื่อว่านี่มันเป็นเรื่องจริง เขาหยิบโสมหิมะขึ้นและดูดซับแก่นแท้ของมันด้วยหัวใจและจิตวิญญาณของเขา เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยืนอยู่ข้างๆและมองเขาด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเจิ้งหยวนปิดลงเล็กน้อยมือซ้ายของเขาจับโสมป่าและเริ่มการบ่มเพาะ
วูม วูม
ในช่วงเวลาต่อมาไม่นานโสมป่าปลดปล่อยวิญญาณเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วนจากมือซ้ายของ เจิ้งหยวน เข้าไปยังกระแสเลือดในร่างกายของ เจิ้งหยวน อย่างรวดเร็ว
อาร่าจำนวนมากล้อมรอบเขาเรื่อยๆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เฝ้าดูอย่างมีความหวัง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
15 นาที…. 30 นาที... 1 ชั่วโมง…. 2 ชั่วโมง
ฟู่..
เจิ้งหยวน พ่นไอสีขาวออกมาจากปากราวกับลูกศรมันพุ่งไกลออกมา 7-8 ฟุต
กร๊อบ-
เสียงคมชัดดังขึ้นมันเป็นต้นไผ่ที่ถูกตัดสูงแค่เอว เฉิงเสี่ยวเสี่ยว มองอย่างตกตะลึง
ในวินาทีถัดมาดวงตาของ เจิ้งหยวน ก็ลืมตาขึ้นใบหน้าของเขาสดใสและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ข้อต่อในร่างกายของ เจิ้งหยวน ส่งเสียงเบาๆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ซึ่งยืนอยู่ในป่าไผ่เช่นกันเธอพบว่าน้องชายของเธอนั้นดูแตกต่างไปจากเดิม เธอแสดงความดีใจและพูดว่า
“เจิ้งหยวน เจ้าเป็นยังไงบ้าง เจ้าถึงระดับนักรบแล้วใช่หรือไม่?”
“พี่ใหญ่ ลองดูนี่!”
เจิ้งหยวน ยิ้มและเขาใช้มือข้างเดียวของเขาชกออกไป
ปัง!
เกิดเสียงดังในอากาศจากนั้นในป่าไผ่ก็เกิดลมที่เกิดจากพลังหมัดของ เจิ้งหยวน มันทำให้ต้นไผ่ต้นพังทลายเหลือเพียงแค่ระดับเอวซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขา
“ยอดเยี่ยมมาก เจิ้งหยวน เยี่ยมมาก!” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยิ้ม
“ถ้าท่านพ่อรู้ว่าเจ้าสามารถเป็นนักรบได้แล้วเขาย่อมมีความสุขมาก!”
ใบหน้าของ เจิ้งหยวน แสดงรอยยิ้มอย่างมีความสุข สักครู่ต่อมาเขาสูดลมหายใจลึกพร้อมกับใบหน้าที่มั่นคงและพูดว่า
“พี่ใหญ่การเป็นเพียงนักรบนั้นในสายตาของคนอื่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ดังนั้นข้าจะต้องแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ข้าจะต้องบ่มเพาะให้มั่นคงยิ่งขึ้น!”
“เจิ้งหยวน พี่สาวคนนี้จะสนับสนุนเจ้า ถ้าเชื่อว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะระดับต้นๆ!” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกมีความสุขที่น้องชายของเธอเข้าใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาไม่ได้หยิ่งยโสและใจร้อนเกินไป เขาจะต้องเป็นคนที่เติบโตได้อย่างหน้าที่ในอนาคต และเมื่อ เฉิงไป๋หยวน พบว่าลูกชายคนโตของเขาได้กลายเป็นนักรบเขาหัวเราะอย่างมีความสุข บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข เมื่อทุกคนในบ้านหัวเราะ น้องชายคนที่ 2 ของเขาก็มองไปที่พี่ชายคนโตอย่างเคารพ เจิ้งปิน ต้องการที่จะให้พี่ชายของเขาช่วยฝึกฝนให้เขาเป็นดั่งอย่างพี่ชาย เจิ้งหยวน เองก็ให้สัญญาเช่นกัน จากนั้นเป็นต้นมาพี่น้องทั้งสองคนได้ฝึกซ้อมในป่าไผ่ทุกวัน
ในมิติ!
“ หยูเฮง เจ้าคิดว่ามีวิธีใดที่จะเปลี่ยนป่าไผ่ได้หรือไม่เปลี่ยนให้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมที่ดีที่สุด ในแววตาของ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ต้องการที่จะสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา
หยูเฮงนั่งอยู่บนต้นไม้คริสตัล เธอเท้าคางของตัวเองตาของเธอเป็นประกายดาวกับดวงดาว เธอเปิดปากของเธออย่างช้าๆและพูดว่า
“คุณหนูมันอาจจะเป็นไปได้ แต่ข้าก็ไม่สามารถรับประกันว่าจะสำเร็จหรือไม่ ในทุกคืนข้าจะใช้น้ำในบ่อของมิติเราโรยในป่าไผ่เพื่อให้ป่าไผ่สามารถดูดซับจิตวิญญาณได้บางส่วน จะสามารถได้รับจิตวิญญาณของน้ำพุจิตวิญญาณ”
“หยูเฮง พูดจริงใช่ไหม?” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกทึ่งและเต็มไปด้วยความหวัง
หยูเฮง ยิ้มและพูดว่า
“ใช่แล้วคุณหนู ท่านยังสามารถให้ครอบครัวของท่าน เจาะเส้นทางน้ำจากบ่อมายังป่าไผ่ เพื่อให้ดูเหมือนว่ามันถูกเลี้ยงโดยน้ำพุจิตวิญญาณ และข้าจะโรยน้ำพุจิตวิญญาณนี้บนป่าไผ่ทุกคืนไม่นานป่าไผ่แห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นป่าไผ่ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ”
“ตกลงเรามาลองกันเถอะ หากเราสามารถเปลี่ยนป่าไผ่นี้ให้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณได้ ข้าเชื่อว่าท่านพ่อจะชอบมันอย่างแน่นอน!”
“คุณหนูไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนป่าไผ่เท่านั้นสิ่งต่างๆรอบตัวของท่านก็ค่อยๆเปลี่ยนมันเช่นกันสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการบ่มเพาะในภายภาคหน้า”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เยี่ยมมาก!” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว หัวเราะอย่างมีความสุข
“แน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณหนูอย่างแน่นอน!”
“ขอบคุณนะ หยูเฮง ที่ต้องลำบากเพื่อฉัน”
“ตราบใดที่คุณหนูมีความสุข หยูเฮง ยินดีที่จะทำ!”
พวกเธอพูดคุยกันเกี่ยวกับแผนการและการคาดหวังในอนาคต แต่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่รู้ว่าในเวลานี้มีใครบางคนมาอยู่ที่หน้าประตูแล้ว
“คุณหนูมีคนมา!” หยูเฮง ดูเหมือนจะรู้สึกบางอย่างและรีบเตือนเธอทันที
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว หลับตาลงและรับข้อความที่ถูกส่งมาจากสุนัขที่อยู่ด้านนอกข้อความเหล่านั้นมันปรากฏขึ้นในใจของเธอ เธอพูดขึ้นทันทีว่า
“ฉันจะออกไปดูหน่อย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ออกมาจากมิติของเธอ พ่อและแม่ของเธอเห็นแขกที่มาแล้วในตอนนี้ พวกเขาไม่รอให้เธอเดินออกมาจากป่าไผ่ก่อน มีคนหลายคนอยู่ที่ประตู
คนอื่นเป็นใครนั้นไม่รู้ แต่หนึ่งในนั้นคือคนที่เธอพบมาหลายครั้ง หลังจากที่เธอถอนหายใจเล็กน้อยเธอก็กลับสู่การแสดงออกอย่างปกติ เนื่องจากคนของตระกูลหนิงสามารถหาบ้านของเธอได้ เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็จะต้องสามารถหาวิธีมาบ้านของเธอได้เช่นกัน
“เชิญนั่งลงก่อนทุกคน ข้าหวังว่าพวกท่านคงไม่มาผิดบ้าน!”แม้ว่า เฉิงไป๋หยวน จะพูดอย่างสุภาพแต่น้ำเสียงของเขายังคงแสดงออกอย่างไม่เกรงกลัว
การแสดงออกของผู้อาวุโสไป๋ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ใบหน้าของผู้อาวุโสหลินนั้นเย็นชาราวกับคนที่อยู่ด้านหน้าเขาในตอนนี้ติดหนี้ของเขาและไม่ใช้คืน
เถ้าแก่จู ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาโค้งอย่างสุภาพและพูดว่า
“ท่านเจ้าบ้านเฉิง ข้าเถ้าแก่จูมาเยี่ยมเยียนอย่างฉับพลัน หวังว่าท่านเจ้าบ้านจะไม่ถือ!”
“เชิญนั่ง!” เฉิงไป๋หยวน รู้ตัวตนของบุคคลที่อยู่ด้านหน้าเขาในตอนนี้และเขายังคงทักทายอย่างสุภาพ
มีเพียงไม่กี่คนที่นั่งลงบนเก้าอี้ ในช่วงเวลาที่นางเฉิงนำน้ำชาออกมา เถ้าแก่จูก็ทักทายคนที่ยืนอยู่ประตูห้องและพูดว่า
“แม่นางเฉิงไม่ได้พบกันเสียนาน!”
พูดของเขาดึงดูดความสนใจของชายอีก 2 คน ดวงตาของพวกเขาจ้องมองมาที่ผู้หญิงที่เพรียวบาง เมื่อพบกันเป็นครั้งแรกสายตาของผู้อาวุโสทั้งสองจ้องมองอย่างประหลาดใจ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่ได้สนใจสายตาของพวกเขาเธอพยักหน้าให้กับเถ้าแก่จูและไม่พูดอะไร
เฉิงไป๋หยวน นั่งอยู่ด้านหนึ่งมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นเขาถามอย่างเฉยชาว่า
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมเถ้าแก่จูกับผู้อาวุโสทั้งสองจึงมาครอบครัวเฉิง?”
“ท่านเฉิงเรื่องมันเป็นแบบนี้!”เถ้าแก่จูหันไปมองผู้อาวุโสทั้งสองและเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ตอบโต้อะไรเขาจึงพูดต่อ
“ในการซื้อขายอาหารในครั้งก่อน ฮูหยินเฉิงและแม่นางเฉิงให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการซื้อขายเอาไว้ ดังนั้นไม่ทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร”
“โอ้-” เฉิงไป๋หยวน อุทานอย่างตั้งใจ ยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ
นางเชิงเทน้ำชาให้กับพวกเขาและมองดูพวกเขาอย่างเงียบๆอยู่ที่มุมหนึ่ง
การแสดงออกของเถ้าแก่จูกลายเป็นแข็งค้าง ผู้อาวุโสหลินที่อยู่ถัดไปแสดงความไม่พอใจทันทีแต่เขาไม่ได้พูดอะไร ผู้อาวุโสไป๋ยังคงเฝ้ามองปฏิกิริยาของครอบครัวเฉิงอย่างระมัดระวัง
ภายในบ้านตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร
ทันใดนั้นผู้อาวุโสไป๋ก็ยิ้มเล็กน้อยเขามองตรงไปที่ เฉิงไป๋หยวน และพูดว่า
“ท่านเจ้าบ้านเฉิงเรายินดีที่จะซื้ออาหารและสัตว์ของท่านในราคาสูง!”
---------------------------------------