บทที่ 6 ซอมบี้กลายพันธุ์
บทที่ 6 ซอมบี้กลายพันธุ์
หลังจากตื่นตกใจ หลิงม่อก็รู้สึกดีอกดีใจสุดๆ!
ในเมื่อดวงตาสามารถกลับมาเป็นเหมือนคนปกติได้ นั่นก็แสดงว่าการคาดเดาของเขาอาจจะเป็นจริงขึ้นมาก็ได้! ไม่แน่ว่าเย่เลี่ยนอาจค่อยๆ ฟื้นคืนสติสัมปชัญญะกลับมาตามวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสก็เป็นได้...
แต่หลังจากที่ดวงตาทั้งสองข้างกลับมาเป็นปกติ วิวัฒนาการของไวรัสในร่างกายของเย่เลี่ยนก็ลดระดับความเร็วลงมากจนเห็นได้ชัด สามวันผ่านไป ออกล่าซอมบี้ไปเป็นร้อยๆ ตัว แต่ก็แค่ทำให้พละกำลังของเย่เลี่ยนแข็งแกร่งขึ้นมาอีกนิดเท่านั้น ส่วนการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจที่หลิงม่อรอคอยกลับไม่ปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่น่าดีใจกลับเป็นการเปลี่ยนแปลงของตัวหลิงม่อ เนื่องด้วยพลังจิตของเขานับวันจะแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่กึ่งควบคุมเย่เลี่ยนอยู่ หลิงม่อก็ลองควบคุมซอมบี้ตัวอื่นไปด้วย คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ล้มเหลวอยู่สามสี่รอบ ในที่สุดก็ทำสำเร็จจริงๆ นอกจากนี้ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไร หลิงม่อก็ยิ่งควบคุมซอมบี้ได้คล่องมากขึ้นเท่านั้น
ไม่เพียงแค่นั้น ทักษะการต่อสู้ของเขาก็ดีขึ้นตามลำดับเช่นกัน แม้การเคลื่อนไหวจะไม่ปราดเปรียวเท่าเย่เลี่ยน แต่ภายใต้ภาวะที่มีสติสัมปชัญญะ เขาสามารถรับมือสถานการณ์ได้ว่องไวกว่าเย่เลี่ยน ตอนนี้เขามั่นใจว่าจะปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยได้หากเย่เลี่ยนเกิดหลุดจากการควบคุม
แต่เวลานี้หลิงม่อกลับเจอเรื่องที่ทำให้พูดไม่ออก นั่นคืออาหารที่เป็นเสบียงสำรองของเขาหมดแล้ว...
ก่อนหน้านี้เขาต่อสู้และหาอาหารโดยอาศัยเจ้าหุ่นซอมบี้ล้วนๆ หลิงม่อก็เลยไม่ได้ใช้พลังงานอะไรมากนัก แต่เมื่อเขาเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย การเผาผลาญพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้เขากินเยอะขึ้นตามไปด้วย
เดิมทีแถวนี้เป็นเขตชานเมือง ตอนที่จุดจบของโลกมาเยือน อาหารมากมายถูกผู้คนยื้อแย่งกันจนหมด ส่วนที่เหลือก็มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย เมื่อบวกกับการค้นหาเสบียงครั้งแล้วครั้งเล่าของเหล่าผู้รอดชีวิตด้วยแล้ว ตอนนี้อาหารที่พอจะหาได้จึงมีอยู่น้อยมาก
หลังจากที่ไปค้นในซุปเปอร์มาร์เกตสองที่แล้วไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลย ในที่สุดหลิงม่อจึงตัดสินใจว่าจะพาเย่เลี่ยนไปยังใจกลางเมืองแทน
เมื่อเทียบกับบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองกับชนบทนี้แล้ว ใจกลางเมืองนั้นย่อมมีข้าวของเครื่องใช้มากมายกว่าอยู่แล้ว แต่เนื่องจากจำนวนประชากรมากมายเหลือเกิน แน่นอนว่าจำนวนซอมบี้เองก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยจนน่าโมโห...
หากไม่มีเย่เลี่ยนอยู่ด้วย หลิงม่อก็มีอีกตัวเลือกหนึ่ง นั่นคือล่าถอยไปยังแถบชนบทหรือไม่ก็ภูเขา แต่ถ้าทำเช่นนั้น เกรงว่าเย่เลี่ยนคงจะหิวตายเสียก่อน
ในเมืองที่มีเหล่าประชากรซอมบี้อยู่มากมายน่าจะเป็นแหล่งที่ดีที่สุดสำหรับเย่เลี่ยน รวมถึงหลิงม่อในการที่จะวิวัฒนาการต่อไปเรื่อยๆ
แต่การจะไปยังใจกลางเมืองนั้นจะต้องเตรียมพร้อมให้ดีเสียก่อน ทั้งตัวช่วยในการเดินทางที่เหมาะสม อาหารที่พกพาสะดวก รวมถึงอาวุธ...
อาหารและยานพาหนะต่างก็มีแล้ว หลิงม่อได้เตรียมจักรยานหนึ่งคันไว้ตั้งนานแล้ว แต่เรื่องอาวุธนี่สิที่ทำให้หลิงม่อค่อนข้างปวดหัว
มีดทั่วไปที่ใช้กันในครัวเรือนใช้ได้ไม่นานเท่าไรก็หักหรือไม่ก็ทื่อแล้ว ใช้งานได้ไม่ทนเลย เห็นได้ชัดว่ามีดที่เหมาะสมสักเล่มเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
“จริงสิ บ้านหวังหลิ่นทำมีดที่ทำด้วยมือนี่นา...”
หวังหลิ่นเป็นเด็กสาวที่อาศัยอยู่ตึกเดียวกับหลิงม่อ หน้าตาน่ารักทีเดียว เขาเคยเจออยู่สามสี่ครั้ง ซึ่งทุกครั้งหลิงม่อมักจะอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองเธอซ้ำอีก แต่หลังจากที่จุดจบของโลกมาเยือน เขาก็ไม่ได้เจอเด็กสาวคนนี้อีกเลย พอคิดขึ้นมาแล้ว เขาก็รู้สึกแย่นิดหน่อย เด็กสาวที่อ่อนแอบอบบางอย่างเธอ ต่อให้ไม่ได้กลายพันธุ์ อีกทั้งโชคดีมีชีวิตรอด แต่ก็คงจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากพอดู...
เช้าตรู่วันต่อมา หลิงม่อแบกสัมภาระที่จัดเตรียมไว้และพาเย่เลี่ยนเดินทางไปยังร้านขายมีดทำมือของหวังหลิ่น
แม้หลิงม่อจะพยายามเลือกเส้นทางที่ค่อนข้างปลอดภัยแล้ว แต่ระหว่างทางพวกเขาก็ยังคงต้องฆ่าซอมบี้ไปสิบกว่าตัว จนในที่สุดก็มาถึงร้านค้าดังกล่าวที่ดูรกร้างมานานแล้ว
คราบเลือดสาดกระเซ็นทั่วตู้โชว์สินค้า ประตูกระจกแตกร้าว รวมถึงภายในร้านค้ามืดสนิท ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้คนที่เห็นต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นภาพที่พบเห็นบ่อยที่สุดในช่วงนี้ที่เกิดเหตุโลกาวินาศ
ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมต้องให้เย่เลี่ยนเข้าไปดูก่อนเป็นธรรมดา แม้ว่าเธอจะสามารถบุกใส่ซอมบี้ได้ แต่ซอมบี้กลับไม่รุกเข้าโจมตีเธอก่อน
ภายในร้านไม่มีซอมบี้เลยสักตัวเดียว เย่เลี่ยนและหลิงม่อต่างไม่พบเจอปัญหาอะไรจึงเดินตรงเข้าไปในร้าน
ในร้านมีมีดเยอะมาก แต่ล้วนเป็นมีดสำหรับเก็บสะสม จึงไม่ได้มีการลับให้คม อย่างไรก็ตามเมื่อก่อนหลิงม่อเคยได้รับไหว้วานจากเพื่อนและมาซื้ออยู่ครั้งหนึ่ง จึงรู้ว่าในร้านนี้มีมีดที่ลับเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ไม่ได้นำมาวางขายหน้าร้านก็เท่านั้นเอง
“ฉันจำได้ว่าห้องทำงานน่าจะอยู่ทางด้านหลังนี่...”
หลิงม่อเดินอ้อมไปยังหน้าประตูนิรภัยบานหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ แต่พอบิดลูกบิดประตู เขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
โดยปกติแล้วประตูบานนี้แค่ดึงก็เปิดออกได้แล้ว แต่เมื่อหลิงม่อบิดดู กลับพบว่ามันล็อกอยู่
หรือว่าตอนนั้นคนในร้านจะหนีเข้ามาหลบในห้องทำงานนี้ ถ้าอย่างนั้นไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้รอดชีวิตอยู่ข้างใน! บางทีหวังหลิ่นอาจยังมีชีวิตอยู่และหลบอยู่ข้างในนี้!
พอคิดมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขารีบเคาะประตูพร้อมกับถามเสียงเบาว่า “มีใครอยู่ข้างในไหม”
“ปัง!”
หลังจากเงียบงันอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงโครมครามดังลอยมาจากข้างใน เสียงคล้ายกับสิ่งของอะไรบางอย่างถูกชนล้ม
“มีคนอยู่จริงๆ ด้วย!”
หลิงม่ออึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะออกแรงเคาะประตูอีกครั้ง แต่ข้างในห้องกลับแค่ส่งเสียงตึงตัง บานประตูก็ไม่มีเค้าจะเปิดออกมา
หรือว่าจะหิวจนไม่มีแรงแล้วนะ แต่พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ดังลอดมาจากด้านในแล้ว หลิงม่อกลับมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จำเป็นต้องเปิดประตูเพื่อเข้าไปหยิบมีดด้านใน
หากแต่กำลังของหลิงม่อยังไม่พอที่จะถีบเปิดประตูนิรภัยบานนี้ได้ แต่ถ้ามีเย่เลี่ยนช่วย มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรแล้ว
หลังจากเกิดเสียงดังปังอีกครั้ง ประตูห้องถูกชนกระแทกจนเป็นรูโหว่ แต่หลิงม่อยังไม่ทันจะออกแรงเปิดประตูทั้งบานออก ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านในเสียแล้ว
ทันทีที่เห็นมือนี้ หลิงม่อก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง ดูเผินๆ ก็เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เสียงดัง ‘แกรกๆ’ เวลาที่เล็บมือสีแดงจางๆ นั้นขูดกับเนื้อเหล็กของประตูนิรภัย ดูยังไงก็เหมือนกับเย่เลี่ยนเปี๊ยบ!
อย่าบอกนะว่าข้างในนี้ก็มีซอมบี้กลายพันธุ์อีกตัว?!
แม้ว่าจะคาดเดาไว้แต่แรกแล้ว แต่พอมาเจอซอมบี้กลายพันธุ์นอกเหนือจากเย่เลี่ยนเข้าจริงๆ หลิงม่อก็อดประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี
อีกอย่างพอดูจากขนาดมือแล้วก็น่าจะเป็นผู้ชาย ดูท่าหวังหลิ่นคงจะเจอเรื่องโชคร้ายเข้าแล้วสินะ...
พอลองนึกว่าเจ้าของมือนี้อาจจะจับหวังหลิ่นฉีกเป็นชิ้นๆ และยัดเข้าไปในท้อง หลิงม่อก็รู้สึกถึงความเดือดดาลที่เอ่อล้นขึ้นมา เขาตวัดมีดปลายแหลมในมือและฟันดัง ‘ฉับ’ ลงไป จากนั้นฝ่ามือครึ่งหนึ่งก็ร่วงลงสู่พื้น พร้อมกับมีเลือดสดๆ สาดกระเซ็นไปทั่ว ส่วนประตูนิรภัยก็ถูกแรงกระแทกจากการฟันเมื่อครู่จนเปิดออกหมด
หลังจากบานประตูล้มครืน สิ่งที่ปรากฏคือภาพที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด
พื้นที่ภายในห้องทำงานไม่กว้างนัก ไม่ว่าจะเป็นผนังหรือพื้นก็ล้วนแล้วแต่มีคราบเลือดและเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าทั้งนั้น อีกทั้งมีกระดูกมนุษย์กระจายเกลื่อนด้วย นอกจากนั้นยังมีซากศพที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่สองศพ ซึ่งล้วนคว่ำหน้าอยู่ จึงเผยให้เห็นศีรษะด้านหลังที่กลวงโบ๋พอดี
หนึ่งเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็คือเด็กหนุ่มที่ถูกบานประตูกระแทกล้มลงไปกองกับพื้น เขาเพิ่งล้มลงไปแป๊บเดียวก็กระโดดผึงขึ้นมาราวสายฟ้าแลบ จากนั้นก็กลายเป็นเงาดำร่างหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลิงม่อทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงม่อได้ปะทะกับซอมบี้กลายพันธุ์แบบซึ่งๆ หน้า ด้วยความที่โจมตีมาอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน หากเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ ป่านนี้หลิงม่อคงล้มตึงตายไปแล้ว แต่หลังจากที่ได้ยกระดับความสามารถขึ้น ทำให้หลิงม่อในเวลานี้ดูสุขุมใจเย็นเป็นพิเศษ
แม้ว่าซอมบี้กลายพันธุ์จะเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก แต่ปฏิกิริยาโต้ตอบของหลิงม่อก็ไม่ได้เชื่องช้า หลิงม่อแทบจะขยับในทันทีที่เจ้าซอมบี้กลายพันธุ์นั่นเคลื่อนไหว
เขาก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวและเบี่ยงตัวไปทางด้านข้าง จากนั้นมือที่กำมีดปลายแหลมก็ออกแรงฟันไปทางซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนั้น
“ฟุ่บ!”
เลือดปริมาณมากพุ่งกระฉูดออกมาทันทีที่ทั้งคู่พุ่งเข้าหากัน พร้อมกันนั้นหลิงม่อเองก็หมุนตัวเก้าสิบองศา แล้วออกแรงดึงมีดปลายแหลมที่แทงเข้าไปที่ท้องของเจ้าซอมบี้กลายพันธุ์ จากนั้นก็ฟันฉับลงไปเต็มแรง
หากเป็นซอมบี้ทั่วไปเจอหลิงม่อโจมตีชุดใหญ่แบบไม่มีหยุดพักเช่นนี้ก็คงจะล้มตึงไปแล้ว แต่ซอมบี้กลายพันธุ์ช่างรวดเร็วว่องไวเหลือเกิน หลิงม่อเพิ่งจะหมุนตัว มันก็ย่อตัวลงและหันกลับมาทันที ไม่เพียงหลบการโจมตีของหลิงม่อได้ หนำซ้ำยังโจมตีหลิงม่อกลับโดยการยื่นมือคว้าหมับที่แผงอกของเขา
การที่แผงอกถูกนิ้วมืออันทรงพลังของซอมบี้กลายพันธุ์คว้าจับไว้แบบนี้ คงไม่ใช่เป็นบาดแผลธรรมดาๆ แน่นอน แล้วจากมุมองศาที่อยู่นี้ เย่เลี่ยนเองก็ไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้
“รนหาที่!”
ในสถานการณ์ที่ความเป็นความตายเท่ากัน ความบ้าเลือดอำมหิตในร่างกายหลิงม่อก็ถูกปลุกกระตุ้นออกมาทันที นอกจากจะไม่หลบแล้ว เขายังจับข้อมือมันบิดและฟันลงไปอีกครั้ง ขณะเดียวกันเขาก็ยกหัวเข่าขึ้นกระทุ้งเข้าใส่คางของเจ้าซอมบี้กลายพันธุ์ จนทำให้การเคลื่อนไหวของมันหยุดชะงักไปในทันที
ในการต่อสู้ห้ำหั่นกันนั้น แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ 0.1 วินาที แต่มันก็อาจนำมาซึ่งความตายได้ ซึ่งในระยะเวลาสั้นๆ นี้เอง มีดปลายแหลมในมือหลิงม่อก็ได้แทงเข้าไปที่ท้ายทอยของซอมบี้กลายพันธุ์สุดแรง
“ฉึก!”
เกิดเสียงเบาๆ ดังขึ้น ซอมบี้กลายพันธุ์หยุดนิ่งไปในฉับพลัน ส่วนหลิงม่อก็กัดฟันออกแรงบิดมีดเต็มที่
“เป๊าะ!”
มีดปลายแหลมหักเป็นสองท่อนหลังจากเกิดเสียงดังเป๊าะ ซึ่งส่วนที่หักคาอยู่ในตัวซอมบี้กลายพันธุ์ก็ทำให้มันจบชีวิตลงโดยสมบูรณ์
ขณะที่กำมีดที่หักครึ่งท่อน ตอนนี้เองที่หลิงม่อถึงเพิ่งจะรู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดเหมือนกับถูกดึงออกมาใช้จนเกลี้ยง เขาก็เลยอดที่จะอ้าปากหอบหายใจแรงไม่ได้
............................................................................