บทที่ 4 ลงมือตรวจ...
บทที่ 4 ลงมือตรวจ...
ทว่าฉางฉิงยอมให้เขาถามนอกเรื่องยังดีกว่า จะให้เธอบอกผู้ชายไปว่าตรงนั้นของเธอมันทั้งระคายเคืองทั้งทนไม่ไหวอย่างนั้นน่ะเหรอ
เธอจะประสาทกินแล้ว
เข็มนาฬิกาบนผนังขยับติ๊กต๊อกๆ ซ่งฉู่อี๋คุ้นชินกับคนไข้แบบนี้เสียแล้ว เขาลุกขึ้นและดึงม่านที่อยู่ด้านหลังออก แผ่นหลังของเขาดูเย็นชาดั่งสายน้ำ “เชิญครับ ขอตรวจดูหน่อย นอนลง แล้วถอดกางเกงออก...”
“ไม่...ไม่จำเป็นมั้งคะ” ฉางฉิงเลือดสูบฉีดขึ้นหน้า ไม่อาจสงบนิ่งได้อีกต่อไปแล้ว “คุณหมอรักษาเก่งไม่ใช่เหรอคะ สอบถามอาการ แล้วเขียนใบสั่งยาให้ฉันก็พอแล้วค่ะ”
ซ่งฉู่อี๋สวมถุงมือสีขาวขณะที่หันหลังให้เธอ “คุณครับ ต่อให้หมอเก่งขนาดไหน ก็ต้องตรวจดูอาการถึงจะจ่ายยาได้ถูก ตอนนี้หมอเองก็ไม่แน่ใจว่าคุณป่วยเป็นอะไร วางใจเถอะ หมอไม่ได้คิดอะไรเลยเถิดกับคุณ อาชีพหมออย่างเราๆ มันก็เหมือนกับการดูเนื้อหมูชิ้นหนึ่ง หมอเคยเจอคนไข้ผู้หญิงมาเยอะแล้ว บางคนก็เหมือนกับคุณนี่แหละ เขินอายกระบิดกระบวน ไม่กล้าตรวจ รอกระทั่งปวดจนทนไม่ไหวถึงค่อยมาหาหมอ ผลปรากฏว่าสุดท้ายก็ไม่สามารถตั้งครรภ์และมีลูกได้ บางคนถึงกับต้องผ่าตัดก็มี”
เมื่อฉางฉิงจินตนาการถึงภาพผ่าตัดที่น่ากลัว ริมฝีปากเธอก็สั่นระริก แล้วเธอก็กัดฟันเดินตรงไปที่เก้าอี้ปรับเอน
ไม่สนแล้ว อย่างไรเสียเรื่องนั้นเขาก็ไม่ปกติอยู่แล้ว ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ชายเต็มตัว ให้เขาตรวจๆ ไปเถอะ
หลังจากนอนลงแล้ว ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร เธอก็ไม่มีแรงถอดเข็มขัดที่ใส่อยู่ที่เอวออกสักที
ซ่งฉู่อี๋เตรียมอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พอหันมาเห็นเธอยังคงนิ่งไม่ไหวติง ในดวงตาที่ลุ่มลึกก็ฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อย “คุณเยี่ยนครับ ช่วยเร็วหน่อยได้มั้ยครับ คืนนี้ผมต้องเข้าเวรที่แผนกศัลยกรรมประสาท ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนไข้หลายคนอาการกำเริบขึ้นมาในวินาทีถัดไปก็ได้ แล้วรอให้ผมไปรักษา ถ้าคุณยังอิดออดอยู่แบบนี้ คงจะต้องให้หมอคนอื่นมาตรวจแทน แต่ว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ แถมอายุสี่สิบกว่าแล้วด้วย ยังไม่แต่งงาน...”
ฉางฉิงถึงกับเซื่องซึม อายุสี่สิบ ตาแก่โรคจิตในหมู่คนโรคจิตชัดๆ
มีแต่พวกโรคจิตทั้งนั้น งั้นเธอขอเลือกโรคจิตที่หล่อเหลาและยังหนุ่มแน่นดีกว่า
เธอเหมือนนักโทษที่ถูกส่งไปยังลานประหาร เธอถอดกางเกงออกอย่างกล้าหาญแล้วนอนลงบนเก้าอี้ปรับเอน สองตาจ้องมองเพดานเขม็ง หัวใจเต้นเร็วแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอกอย่างไรอย่างนั้น
ภายใต้ผ้าปิดปาก ฉางฉิงกัดริมฝีปากแน่น ร่างกายก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด จนกระทั่งเมื่อถูกสัมผัส เธอก็ร้องโวยวายออกมาเบาๆ “นี่ มือคุณกำลังทำอะไรน่ะ”
“ตรวจอยู่ครับ...” คุณหมอซ่งไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “บวมน้ำ แล้วก็อักเสบนิดหน่อย”
เขาหันกลับไป เยี่ยนฉางฉิงคิดว่าในที่สุดเขาก็ตรวจเสร็จสักทีจึงรู้สึกราวกับพ้นทุกข์ แต่ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นนั่ง ปรากฏว่าเธอเห็นเขาหยิบอุปกรณ์ลักษณะคล้ายปากเป็ดมา เธอตายแน่ๆ “นั่นอะไรคะ”
“อย่าขยับครับ” คุณหมอซ่งตรวจละเอียดขึ้นไปอีก
ฉางฉิงอยากจะร้องไห้เหลือเกิน เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าสุดท้ายน้องสาวที่เธอดูแลปกป้องเป็นอย่างดีจะต้องเปิดให้หมอผู้ชายที่ไม่ปกติดูเป็นคนแรก หนำซ้ำยังเป็นแฟนเก่าของเพื่อนร่วมหอพักสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก
ต่อไปเธอไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว
เวลาห้านาที แต่สำหรับฉางฉิงแล้ว มันยาวนานกว่าห้าปีเสียอีก
“ตรวจเสร็จแล้วครับ” คุณหมอซ่งเงยหน้าขึ้นมา หญิงสาวที่นอนอยู่ตาแดงเรื่อเหมือนกับอยากจะร้องไห้ ฉางฉิงสวมผ้าปิดปากอยู่ จึงมองไม่เห็นสีหน้า เห็นแค่หูสองข้างที่แดงก่ำ เหมือนกับกลีบกุหลาบที่ต้องน้ำค้างยามเช้า มันสั่นระริก ดูสวยน่ารักมาก
หลังจากที่ดวงตาเขาสีเข้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาก็หันกลับไปล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ทันที ส่วนฉางฉิงสวมกางเกงกลับด้วยความร้อนรุ่มกระวนกระวาย
อาจเป็นเพราะใช้เวลาตรวจนานเกินไป พอลงมายืนบนพื้น ขาเธอก็เลยสั่นหงึก ยืนนิ่งไม่ได้ เธอพ่นลมหายใจพลางใช้มือยันเตียงด้านข้าง
ซ่งฉู่อี๋ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงหันไปประคองเธอ พอฉางฉิงเห็นนิ้วมือเรียวยาววางอยู่บนแขนเธอ เธอก็นึกถึงเมื่อครู่ที่นิ้วมือข้างนี้...
ฉางฉิงผลักเขาออกไปด้วยใบหน้าที่แดงจัด จากนั้นดึงม่านเปิดออก เดินออกไป แล้วหาที่นั่งลง แต่กลับไม่อาจนั่งนิ่งได้ ตรงนั้นถูกผู้ชายสัมผัสแตะต้องเป็นครั้งแรก น่าขายหน้าชะมัด
.............................................................