บทที่ 27 อาณาเขตมังกรแดง 2
บทที่ 27 อาณาเขตมังกรแดง 2
เรือเหาะค่อย ๆ ลดระดับลงจอดยังท่าจอดเรือติดชายป่าที่ยาวไกลสุดลูกหูลูกตา มันคือผืนป่าที่มีภูเขาไฟโคตรใหญ่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น มองจากบนนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านั่นที่อยู่มังกรแดงแน่ ๆ
“แล้ว...นี่เราจะบุกรังมังกรกันใช่ไหม?” ผมหันไปถามทีน่าหลังจากรัวชัตเตอร์เก็บภาพมุมสูงเสร็จ
“ก็อาจจะ นี่เจ้าถามเป็นรอบที่สิบแล้วนะ” ทีน่ากลอกตามองกลับมาอย่างเซ็งจัด
ผมหลบตาเธอไปมองทางอื่น แล้วพูดออกมาอ้อมแอ้ม “ทำไงได้ก็คนมันกังวล”
“เอาน่า คิดในแง่ดีพวกเราอาจจะได้เจอมังกรตัวเป็น ๆ เลยนะ ใช่ว่าเกิดมาแล้วทุกคนจะได้เจอมังกร” นาตาเลียพูดขึ้นอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
คนสติดีที่ไหนจะอยากเจอมังกรกัน มังกรตัวเป็น ๆ น่ะ ผมเคยเจอแล้วเฟ้ย แล้วก็ไม่อยากเจออีกเป็นครั้งที่สองด้วย
“เธอก็พูดได้สิ วันนั้นแค่เห็นมันบินผ่านหัวก็เกือบช็อกตายแล้ว
“ข้าเคยเฉียดตายมาแล้วทำไมจะพูดไม่ได้ สัจธรรมแห่งชีวิตที่ได้ประสบมาสามวันเต็มในห้องนะ...”
ก่อนที่ยัยนาตาเลียจะพูดอะไรสุดพิลึกออกมาผมก็ชูมือสองข้างขึ้นฟ้ายอมแพ้เธอทันที ไม่รู้นาตาเลียจะพูดอะไรหรอกนะแต่ลางสังหรณ์บอกว่ามันต้องแสลงหูแน่นอน
“โอเคผมยอมแล้วเลิกพูดเรื่องห้องน้ำสักที เราลงจากเรือกันเถอะ” ผมพูดเสร็จก็ก้าวนำพวกเธอลงจากเรือตามหลังเหล่าปาร์ตี้สุดอลังการของกิลมาสเตอร์ ก็พอรู้ว่าจัดเต็มใส่ของดีสุด ๆ มาเพื่อบุกรังมังกรแดงน่ะนะ
แต่มันดันอลังการเสียจนผมแสบตา ถึงขนาดต้องหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม อดจะคิดไม่ได้ว่าพวกแรงค์สูง ๆ นี่ชอบใส่ชุดอย่างกับในเกม MMORPG กันหรอกเหรอ ตอนแรกที่ลงดันเจี้ยนกับเห็นพวกคนในกิลนักผจญภัยใส่เสื้อผ้ากัน ก็ยังไม่มีใครจัดหนักได้เท่านี้เลย มากสุดก็เสื้อหนังขัดเงาวับ กับเกราะเหล็กธรรมดาเหมือนในหนังย้อนยุคทั่วไป พอมาวันนี้ได้เห็นอุปกรณ์แรงค์สูงถึงได้เข้าใจ
ตอนแรกคิดว่าปาร์ตี้พี่ชายเคนชิโร่อุปกรณ์สวมใส่โคตรเทพแล้ว มาเจออุปกรณ์ที่ปาร์ตี้ของกิลมาสเตอร์สวมยังต้องชิดซ้าย แล้วลองเอาความหรูหรานั้นมาเปรียบเทียบกับพวกเราสามคนสิ สภาพเหมือนลูกกระจ๊อกของลูกกระจ๊อกชัด ๆ โธ่ ไม่น่าลองเปรียบเทียบเลย...ไอ้ภาเอ๊ย เอาง่าย ๆ คือพวกปาร์ตี้กิลมาสเตอร์ใส่ชุดเซ็ตไอเทมเกรดสีม่วงดรอปบอส และพวกเราสามคนใส่แต่ชุดธรรมดาไอเทมสีขาวที่ขายตามร้านไงล่ะ
ระหว่างที่ผมกำลังยืนรอแบบไปไหนไม่ได้อย่างเซ็ง ๆ และกังวลขั้นสุดอยู่ใกล้ ๆ เรือเหาะ คุณหัวหน้ากิลที่หายไปคุยธุระกับใครไม่รู้อยู่นานก็เดินเข้ามาหา
“ข้ามาบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่เจ้าพูดจริงเรื่องมังกร จากข้อมูลเรื่องแปลก ๆ ในอาณาเขตมังกรที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ มีโอกาสสูงทีเดียวที่มังกรตื่นแล้วตามคำกล่าวของเจ้า”
โอ้วเห็นไหมล่ะ งั้นแบบนี้ผมก็ไม่ต้องเจอมังกรแล้วล่ะสิ เฮ้อ ค่อยโล่งหน่อย
แต่แล้วผมก็ถูกดับฝันทันทีเมื่อหมอนั่นโครงหัวแล้วพูดเสริมออกมาอีกประโยคว่ามันก็แค่อาจจะเกิดจากสาเหตุที่มังกรตื่น
หลังจากนั้นหมอนั่นก็เริ่มพล่าม ๆ ให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นในอาณาเขตมังกรแดง ที่ผมนายภาวินผู้มาจากยุค 2018 และรู้จักมังกรแค่ในเกม ฟังไม่เข้าใจสักนิด อะไรคือการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดรอบ ๆ ป่าที่แปลกไป อะไรคือละอองพลังเวทที่ลดลง เออช่างเถอะหลังจากนี้สติของผมก็เผลอหลุดไปมองขบวนรถที่มีกรงขังสัตว์ประหลาดขับผ่านหลังคุณหัวหน้ากิลไป คันแล้วคันเหล่าแทน
“นั่นอะไร?”ผมพูดออกมาอย่างสงสัย และชี้ไปทางด้านหลังของกิลมาสเตอร์ เขาหันไปมองอยู่แวบหนึ่งก่อนจะพูดออกมายาวยืด
“นั่นสัตว์ประหลาดที่จับได้ พวกคนรวย ๆ เขาชอบเลี้ยงพวกมันเป็นงานอดิเรก แถวนี้ก็เลยมีพวกนักผจญภัยที่รับจ้างจับสัตว์พวกนี้เยอะอยู่ นี่แหละที่ข้าพูดถึง ปกติการจะจับพวกมันให้ได้สักตัวนั่นยากมาก แต่แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนพวกมันก็เริ่มโผล่มาในอาณาเขตรอบนอกเยอะขึ้น ไม่ใช่จำนวนที่มากจนผิดสังเกตแต่ก็มองข้ามไปไม่ได้ ไม่ใช่แค่เจ้าพวกนี้เท่านั้น พวกหน้าตาอัปลักษณ์ไม่น่าเลี้ยงก็มีแต่ก็โดนกำจัดไปตามสมควรแล้ว”
“นายกำลังจะบอกว่า เพราะมังกรน่าจะไม่ได้หลับอยู่ในภูเขาไฟแล้ว พวกมันเลยแตกตื่น” ผมเลิกขึ้นถามกลับ
“ใกล้เคียง เราแค่คาดเดา ข้าใช้คำว่าคาดเดา ว่ามังกรคงตื่นแล้ว และได้จากที่นี่ไป ถ้าเป็นเรื่องจริง สัตว์ประหลาดพวกนี้คงกำลังตื่นตระหนกเฉย ๆ แต่คงอีกหลายปีกว่าพวกมันจะเริ่มอพยพ เพราะละอองเวทที่มังกรแดงทิ้งไว้มันยังไม่หมดง่าย ๆ หรอก”
คร้าบ ๆ คาดเดา ก็คาดเดา “แล้วพวกคุณจะแตกตื่นลากผมมาที่นี่อย่างด่วนทำไมกันล่ะ” ผมเผลอถามออกไปอย่างเซ็ง ๆ การทำให้คนอื่นวิตกกังวลน่ะมันบาปนะรู้ไหม
“ใจเย็น เราต้องไปตรวจภูเขาไฟให้แน่ว่ามังกรยังอยู่ไหม พวกเจ้าสามคนต้องอยู่ในระยะสายตาข้าตลอด ตอนนี้เจ้ารู้สถานการณ์คร่าว ๆ แล้ว เดี๋ยวเราไปคุยต่อในตึกกิลสาขากัน ตามข้ามา” หมอนั่นว่าเสร็จก็ดีดตัวขึ้นม้าที่มีคนจูงเอามาให้
ผมมองม้าอีกตัวที่คนจูงม้ายื่นให้แล้วทำตาปริบ ๆ และเงยหน้าบอกกิลมาสเตอร์ว่า “ผมขี่ม้าไม่เป็น ไม่มีรถม้าเหรอ?”
“ไม่มี เพราะนั่งรถม้าแล้วมันไม่เท่ เจ้าจะซ้อนข้าไหมล่ะ” หัวกิลพูดขึ้น ทำเอาผมพูดปฏิเสธออกมาทันทีแบบไม่ต้องคิด ใครจะไปซ้อนไอ้ล่ำที่ใส่เกราะหนักอย่างเอ็งฟะ
“ไม่มีทาง ผมจะไปนั่งกับเพื่อน” จบคำผมก็หันหลังเดินอย่างเร็วไปปีนม้าที่ทีน่าขี่อยู่ทันที ใครบอกนั่งรถม้าไม่เท่ ก็เข้าใจที่เบาะมันไม่นุ่มจนพานปวดก้น แต่นั่งรถม้าก็เท่ได้รู้ป่ะ หน็อย...ไม่ใช่ทุกคนจะขี่ม้าเป็นนะโว้ย ค่าเรียนมันแพงแถมเรียนเองที่บ้านไม่ได้ด้วย
................
ตึกกิลสาขาที่เรามาถึงมีขนาดเล็กกว่ากิลหลักมาก แต่การตกแต่งมีความคล้ายกันเหมือนร้านแฟรนไชส์ชายสี่หมี่เกี๊ยวที่หน้าร้านต้องเหมือนต้นฉบับแบบเป๊ะ ๆ
เมื่อลงจากม้าปาร์ตี้กิลมาสเตอร์ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง พวกเขาพาผมกับสองสาวไปยังห้องประชุมกิลทันที
“เอาล่ะ จากข้อมูลคร่าว ๆ สถานการณ์ยังไม่น่าห่วง แต่เราต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจ โอกาสเจอกับไม่เจอมังกรคือ 50-50 ถ้ายืนยันสถานะมังกรได้ไวเท่าไรยิ่งดี คงยังจำข่าวเมื่อหลายปีก่อน เรื่องการล่มสลายของเมืองทางตอนใต้ได้ใช่ไหม อาณาเขตมังกรน้ำหายไปทำเอาเมืองหายไปครึ่งเมือง เนื่องจากสัตว์ประหลาดจากดันเจี้ยนเปิดมังกรน้ำทำการอพยพถิ่นฐาน ไปหาแหล่งพลังเวทแหล่งใหม่ เราคงไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น มังกรย้ายถิ่นเกิดขึ้นไม่บ่อยแต่มันก็มีความเป็นไปได้”
การประชุมดำเนินไปโดยที่พวกผมสามคนไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมเท่าไรนัก มันก็ดีที่พวกเขาให้พวกเราเข้าร่วมประชุมด้วย แต่จะดีกว่าคือปล่อยพวกผมไปหมู่บ้านเบนซะ ดูยังไงถ้าเราเจอมังกร ผมกับสองสาวก็ไม่มีปัญญาไฝว้มังกรไหวแน่ ๆ
ในระหว่างฟังการประชุมแบบหูซ้ายทะลุหูขวา ผมก็แอบยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมออฟไลน์ใต้โต๊ะประชุม นาตาเลียที่ก้มลงมาเห็นทำตาวาวเหมือนอยากเล่นด้วย แต่ไม่มีทางซะหรอก ถ้าเธอเป็นเด็กติดเกมผมก็ซวยนะสิ โทรศัพท์ผมคงไม่ได้อยู่ในมือผมอีกต่อไป เพราะงั้นผมเลยกระซิบบอกเธอไปว่า กำลังใช้เวทมนตร์ทำงานอยู่ แล้วยื่นหน้าจอให้เธอดูชัด ๆ ระหว่างที่กำลังเล่นเกมสวมบทเป็นคุณหมออยู่
“ผมกำลังทดลองสูตรสร้างยารักษาชนิดใหม่น่ะ มันเป็นเรื่องยากเธอไม่เข้าใจหรอกเชื่อสิ”
ระหว่างที่กระซิบคุยกับนาตาเลียหล่อนก็โดนทีน่ากระทุ้งศอกใส่ให้ตั้งใจฟังการประชุม ผมที่นั่งถัดจากนาตาเลียรอดเงื้อมมือเธอมาได้ โชคดีมากที่ไม่คิดนั่งแทรกกลางระหว่างสองสาวจากที่ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ดูเหมือนหัวข้อการประชุมจะวนกลับที่เก่าเป็นรอบที่สามแล้ว เพราะแบบนี้ไงมันเลยน่าเบื่อ
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วจู่ ๆ ผมถูกนาตาเลียสะกิดเลยเงยหน้าขึ้นมองรอบห้องประชุม ผมก็ได้เห็นสายตาทุกคู่ในห้องประชุมจ้องมองมา “เอิ่ม ผมไม่ได้หลับในห้องประชุมนะ สาบานได้” ผมทำสายตาเลิ่กลั่กตอบกลับไปพร้อมกับชูสามนิ้วประกอบความบริสุทธ์ใจ
“ภา เมื่อกี้ข้าถามว่าเจ้ามีความเห็นอะไรเพิ่มเติมไหม เพราะในที่นี้เจ้าเป็นพ่อมดเพียงคนเดียว” กิลมาสเตอร์ผู้นั่งอยู่หัวโต๊ะห้องประชุมพูดขึ้นเสียงเข้ม พร้อมชี้ไม้ในมือไปยังแผนที่อาณาเขตมังกรแดงที่กางอยู่บนโต๊ะประชุม
“ผมกำลังคิดว่าที่นี่ชื่ออาณาเขตมังกรแดง ถ้าไม่มีมังกรแดงอยู่แล้วยังจะชื่ออาณาเขตมังกรแดงอยู่ไหม?”
ผมพูดขึ้นแบบมึน ๆ ตีเนียนถามไปเพราะไม่ได้ฟังอะไรเลย แต่หัวกิลดันทำหน้าเข้มตอบกลับมาอย่างจริงจังซะนี่
“อ่า...งานใหญ่เลยเรื่องชื่ออาณาเขต นั่นแหละเรื่องที่ต้องคิด แต่ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้เพราะงั้นประเด็นนี้คงต้องเก็บไว้คราวหน้า มีเรื่องอื่นอีกไหม”
“มีสิ เราจะไปหามังกรกันเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้ผมเหลือเวลาอยู่กับพวกคุณแค่...ไม่ถึงชั่วโมงแล้ว” ระหว่างตอบผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาและยักไหล่ขึ้นมา “ดูแล้วไม่น่าไปทัน?”
“ข้ายังพูดไม่เข้าใจหรือ จนกว่าเราจะยืนยันสถานการณ์ของมังกรได้พวกเจ้าทั้งสามคนต้องอยู่ใกล้ ๆ เราเสมอ อย่าให้ข้าต้องจับใส่กุญแจมือพาพวกเจ้าไปเจอมังกร”
“ใช่ผมเข้าใจ ผมไม่ได้จะไปถาวร เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาใหม่”ผมเถียงเขากลับ เรื่องเวลาผมใช่จะอยากให้มันเป็นแบบนี้ซะเมื่อไหร่ล่ะ
“ข้ายืนยันได้ภามีเวลาแค่ 5 ชั่วโมงต่อวัน” ทีน่ายกมือขึ้นพูดเสริม
“เป็นพ่อมดที่ประหลาดใช่ไหมล่ะ” นาตาเลียยักไหล่พูดขึ้น “โผล่หัวมาแค่วันละ 5 ชั่วโมงตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อหรอกแต่ว่าเรื่องจริงนะ”
“ผมก็เลยอยากบอกไว้ก่อน เผื่อพวกคุณจะคิดว่าผมหนีเลยไปหาเรื่องเพื่อนผม เรื่องมังกรคงไม่ไปหามันวันนี้ใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่แน่ใจว่า 5 ชั่วโมงไปกลับได้พวกคุณควรปล่อยผมไว้ที่นี่ หาคนเฝ้าไว้ก็ได้” ผมพูดเสนอทางออกให้พวกเขา “อีกอย่าง พวกคุณคงไม่อยากให้เราไปเป็นตัวถ่วงตอนปะทะกับมังกรใช่ไหมล่ะ ไม่เห็นมีเหตุจำเป็นให้พวกเราต้องอยู่ในสายตาพวกคุณตลอดเวลาเลย”
กิลมาสเตอร์ในเกราะเหล็กกอดอกแล้วถอนหายใจ“ข้าก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เจ้าเป็นคนเจอมังกร เจ้าสามารถยืนยันในตอนที่เราพบว่ามังกรยังอยู่ที่นั้น ว่ามันใช่ตัวที่เจ้าเห็นหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ตัวเดียวกันนั่นคือเรื่องแย่ เพราะถ้ามันบินมาไกลได้ถึงที่นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อผสมพันธุ์ก็ต้องมีการต่อสู้ระหว่างมังกรขึ้น เจ้าอยู่นานกว่า 5 ชั่วโมงได้ไหม”
“งั้นพวกคุณก็ลำบากหน่อยนะ ผมทำไม่ได้เรื่องนี้...คือว่าผมถูกสาป ใช่ ๆ ผมถูกสาปให้มีตัวตนแค่วันละ 5 ชั่วโมงพอครบกำหนดผมจะหายตัวไป และจะกลับมามีตัวตนในที่เก่าเวลาเดิมของวันถัดไป” ขณะที่ผมพูดผมก็ทำหน้าเครียดไปด้วยเพื่อความสมจริง อดใจแทบตายไม่ให้เหลือบสายตาไปมองหน้าพวกเขาที่นั่งกันเงียบกริบ หรือมันจะไม่เนียน แต่ผมมั่นใจว่าทักษะการแสดงของผมมันโอเคอยู่นะ
“โฮฮฮ ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้าน่าสงสารขนาดนี้ภา” นาตาเลียรวบตัวผมไปกอดแถมยังร้องไห้เป็นเผาเต่า “สิ่งที่ข้าโดนในห้องน้ำเทียบไม่ติดเลย”ถึงผมจะโกหกว่าเป็นเพราะคำสาป แต่อย่าเอาเรื่องในห้องน้ำเธอมาปนกับเรื่องไลฟ์สตรีมของผมได้ไหม!
ระหว่างที่กำลังถูกนาตาเลียกอดรัดจนกระดูกลั่นด้วยกล้ามเนื้อที่สร้างจากเวทของเธอ สมาชิกกิลคนหนึ่งที่ไม่ค่อยพูด ได้เปิดปากพูดขึ้นมา เขาอยู่ในชุดหนังรัดรูปนั่งอยู่ถัดจากกิลมาสเตอร์ทางซ้ายสองตำแหน่ง ให้เดาว่าคงต้องเป็นสายอาชีพเรนเจอร์ โจร หรือนักฆ่าแน่ ๆ ในเกมแต่งแบบนี้มีอยู่ แค่สามคลาส หรือจะเป็นนินจาแต่ผมว่าไม่ใช่หรอกนั่นมันฝั่งตะวันออก
“ข้ายังไม่เชื่อเจ้าหรอกนะจนกว่าจะได้เห็นด้วยตัวเอง”
ถ้าผมจำไม่ผิดละก็หมอนี่ชื่อว่า รอนเน่ รอนนี่? เออช่างเถอะ รอนอะไรสักอย่างนี่แหละ
“งั้นมาคอยดูว่าผมหายไปได้ยังไงไหมล่ะ” ผมฉีกยิ้มขึ้นมาแบบไม่สะทกสะท้านกับคำพูดนั้น ก็ผมไม่ได้โกหกเรื่อง 5 ชั่วโมงในต่างโลกสักหน่อย ทำไมผมต้องกลัวด้วย