ตอนที่แล้วบทที่ 24 : เริ่มใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 26 : ผู้ตามล่า

บทที่ 25 : พิษ


บทที่ 25 : พิษ

 

เมื่อแสงแดดยามรุ่งอรุณปลุกให้กิลเลนตื่นขึ้นจากการหลับใหล สิ่งแรกที่เขารู้สึกไม่ใช่กลิ่นของแดดยามเช้า สัมผัสของลมเอื่อย ๆ ที่หอบความสดใสของวันใหม่มาให้ แต่กลับกลายเป็นความรู้สึกตรงกันข้าม

 

มือเท้าของชายหนุ่มรู้สึกชาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาของเขาพร่ามัว ท้องก็รู้สึกจุกแน่นเหมือนมีอะไรหนัก ๆ ถ่วงทับไว้

 

...บ้าจริง พิษจากปลาและผลไม้เมื่อวานรึเนี่ย… มันคือสิ่งแรกที่เขานึกออก

 

กิลเลนพยายามฝืนลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก เขาพบว่าบากะอินุที่มักจะตื่นก่อนเสมอ ยังนอนหลับอยู่ข้าง ๆ จมูกของมันแห้งสนิท และแม้ว่ามันจะตื่นตามมาหลังจากได้ยินเสียงเจ้านาย แต่ก็ดูไม่สดใสร่าเริงเหมือนที่เคยเป็น

 

“ติดพิษเจ้าค่ะ นายท่านกับบากะอินุติดพิษซะแล้ว” อินุจิโยะฉายภาพตัวเองออกมาจากเกราะของบากะอินุที่ถูกถอดทิ้งเอาไว้ไม่ห่างออกไป เธอร้องโวยวายลั่น บนหัวของเธอมีสัญลักษณ์กล่องคำพูดพร้อมกับรูปหัวกะโหลกไขว้ที่กระพริบสีแดงตลอดเวลา อินุจิโยะเตือนพวกกิลเลนแต่ก็ดูท่าจะสายไปแล้ว เธอควรจะบอกก่อนที่พวกเขาจะทำให้ตัวเองติดพิษต่างหาก

 

ด้านหลังของเธอมีอคาลาที่กำลังนั่งตกปลาอย่างสบายอารมณ์ เธอไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย สาวงามในชุดดำทำเพียงแค่หันมาทักเมื่อเห็นว่ากิลเลนตื่นแล้วเท่านั้น “อ้าว ตื่นกันแล้วเหรอ”

 

“ไอ้ที่กินเมื่อวานมันมีพิษกว่าที่คิดนี่นา อูยยย เรี่ยวแรงของฉัน…” กิลเลนพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกหน้ามืดจนต้องตัดสินใจนั่งพักอยู่ตรงนั้นเพื่อรวบรวมกำลัง เขากุมหัวที่ปวดหนึบของตัวเองไว้แบบนั้น

 

“อ้าวเหรอ แย่เลยเนอะ” อคาลาหันไปสนใจกับการตกปลาต่อ กิลเลนยังไม่มีแรงจะลุกไปหาเธอในทันทีเลยได้แต่โวยวายใส่เธอที่อยู่ตรงลำธาร

 

“อย่าพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเองเซ่ เมื่อวานเธอก็กินเข้าไปด้วยนี่นา”

 

“พิษของแวนเดียร์ หรือถ้าจะเรียกให้ถูกคือเซลล์ของแวนเดียร์ไม่มีผลกับเราน่ะ” อคาลาตอบหน้าตาเฉย กิลเลนลองสังเกตดูก็พบว่าเป็นดังที่เธอพูด อคาลาไม่มีท่าทีอ่อนเพลียเลยสักนิด นอกจากจะตื่นเช้ากว่าตนแล้วยังมีแรงไปตกปลาต่อหน้าตาเฉย

 

“แล้วทำไมไม่บอกล่ะฟระ ว่ามันมีผลกับฉันและบากะอินุขนาดนี้” กิลเลนบ่นอุบ เขาชี้ไปที่เจ้าหมาคู่หูที่ยังคงนอนหงอย อคาลาไม่ได้หันมามอง เธอหัวเราะเมื่อนึกถึงท่าทีของเขาเมื่อวาน

 

“นายเป็นคนบอกเองนะว่าพิษมันอ่อน เห็นชิมแล้วก็พูดเองว่าพิษแค่นี้เอง เราก็สงสัยอยู่ว่าแค่ลิ้นชาครู่เดียวมันทำให้รู้ได้เลยเหรอว่าพิษมากน้อย” อคาลายิ้มอย่างนึกสนุก

 

“ทีหลังเจอแบบนี้ก็ขัดขึ้นมาบ้างก็ได้นะ ตูไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องหรอกนะเฟ้ย” กิลเลนพยายามตะโกนแต่ว่ามันยิ่งทำให้หัวที่ปวดอยู่แล้วยิ่งปวดหนักขึ้น เขากุมหัวของตัวเอง จนในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ กิลเลนเอนตัวพิงกับต้นไม้และหลับตาลง

 

อคาลาทำหูทวนลม “อ๊ะ เหมือนปลาจะติดเบ็ดแล้ว”

 

“เดี๋ยว! นี่ยังจะให้กินไอ้ปลาประหลาดนี่อีกเรอะ” กิลเลนเบิกตาโพลงขึ้นมา เขาเห็นอคาลาลากเจ้าปลาหน้าตาเหมือนเมื่อวานขึ้นมาหาเขา เธอนั่งลงที่กองไฟ

 

“นายมีทางเลือกเหรอ บอกแล้วว่าถ้าจะอยู่ข้างนอกนี่ก็ต้องกินจนกว่าจะชิน พิษจะมากจะน้อยก็ต้องทนให้ได้” พูดแล้วก็ยิ้มให้เหมือนอย่างเคยก่อนจะชูปลาที่ตกได้ขึ้นมาอย่างมีความสุข

 

กิลเลนพยายามบ่ายเบี่ยงจนถึงที่สุด เขายืนกรานที่จะหาของอย่างอื่นที่ไม่ปนเปื้อนทั้งที่ใจก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ทางเลือกของเขามีแค่กินมันจนกว่าจะมีภูมิต้านทานอย่างที่อคาลาแนะนำ หรือกินอาหารแห้งที่นำติดตัวมา

“นายจะกินอาหารแห้งได้สักกี่มื้อกัน เดี๋ยวมันก็หมด” ว่าพลางอคาลาก็เริ่มนำมันมาย่าง เธอเคยเห็นกิลเลนทำมาก่อนจึงเลียนแบบได้ไม่ยากนัก กองไฟที่กำลังจะมอดไปแล้วถูกทำให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลังเธอใช้ไม้เขี่ยและเติมเชื้อเพลิงลงไปเพิ่ม ปลาตัวไม่โตเท่ากับวันก่อนแต่ก็น่าจะพอรองท้องไปได้ในมือเช้าถูกปรุงอย่างดีด้วยฝีมือแม่ครัวจำเป็น

 

‘...ยัยนี่เลียนแบบที่เราย่างปลาเมื่อวานสินะ แต่เดี๋ยวสิ นอกจากเกลือทำไมถึงมีเครื่องเทศอื่น ๆ ด้วยล่ะ…’ กิลเลนคิดในใจเมื่อเห็นอคาลาหยิบพืชหน้าตาแปลกประหลาดมา เธอหั่นมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ และโรยไปที่เจ้าปลาประหลาดนั่น ดูเหมือนเธอจะอ่านใจของเขาได้

 

“พวกนี้เราไปเก็บมาเพิ่มน่ะ แน่นอนว่ามีพิษทุกอย่างน่ะแหละ” หญิงสาวพูด กิลเลนนั่งมองตาโตเขาไม่มีแรงพอที่จะไปยื้อมือของเธอที่หยิบของมากมายข้างตัวที่เตรียมเอาไว้แล้วใส่ลงไปเพิ่ม

 

“ถ้ารู้ว่ามีพิษก็อย่าเอามาใส่เพิ่มสิ” กิลเลนโวยลั่น แต่อคาลาไม่เพียงไม่สนใจ เธอยังฮัมเพลงไปด้วยอย่างสบายอารมณ์ กิลเลนยอมแพ้ เขาปล่อยเธอปรุงมันตามใจชอบ

 

กองไฟที่ลุกโชนค่อย ๆ ทำให้เนื้อปลาสุกอย่างช้า ๆ สมุนไพรและพืชที่กิลเลนไม่รู้จักเริ่มไหม้เล็กน้อย มันส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปหมด อคาลาคอยพลิกปลาไปมาให้สุกทั่วถึง เธอยิ้มและดูจะพอใจกับผลงานของตัวเองไม่น้อยเลย ภายในเวลาไม่นานปลาย่างฝีมือของอคาลาก็สุกได้ที่

 

บากะอินุที่เริ่มพอมีแรงเพราะได้กลิ่นอาหารเดินมานอนเบียดกิลเลน มันส่งเสียงงี้ด ๆ มาทางอคาลา หญิงสาวยิ้มให้และส่งสัญญาณให้มันนั่งรอ เจ้าหมาโง่ทำตาม มันนั่งส่ายหางก่อนจะแลบลิ้นแฮ่ก ๆ

 

อคาลาบรรจงฉีกเนื้อปลาให้เป็นชิ้นพอดีคำก่อนจะยื่นมาทางกิลเลน “เอ้าา อ้ามมมม”

 

“ยัยนี่ได้ใจใหญ่เลยนะ” ถึงจะบ่นกระปอดกระแปด แต่กินเลนก็ยอมให้เธอป้อนแต่โดยดี

 

‘...เวรเอ๊ยยย ดันอร่อยกว่าเดิมอีก ไม่สิ อร่อยสุด ๆ เลย…’ กิลเลนคิดในใจโดยไม่ได้พูดออกมา แต่สีหน้าของเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าถูกปากกับอาหารที่อคาลาทำให้ อคาลายิ้มอย่างรู้ทัน

 

“อร่อย ใช่ไหมล่ะ”

 

“ก็งั้น ๆ แหละ” กิลเลนโกหก เขาไม่อยากให้เธอได้ใจนัก ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันอร่อยจริง ๆ เห็นแบบนั้นอคาลาก็ทำทีจะโยนปลานั่นไปที่อื่นพร้อมทำแก้มป่อง

 

“ถ้าไม่ชอบ งั้นที่เหลือเอาทิ้งนะ ของบากะอินุเราเตรียมอย่างอื่นไว้แล้ว”

 

“เสียของน่า” กิลเลนแย่งที่เหลือจากมือเธอมา “เอาเถอะ พิษแค่นี้ทน ๆ เอาก็ได้”

 

อคาลานั่งชันเข่ามองดูกิลเลนกินไปส่วนเธอก็ยิ้มไปด้วยอย่างมีความสุข กิลเลนโดนจ้องมาก ๆ ก็รู้สึกเขิน เขาละมือจากปลาและหันไปถามเธอโดยไม่สบดวงตาคู่สวยนั่น “แล้วนี่เธอจะไม่กินด้วยเหรอ”

 

“ไม่อยากมือเปื้อน” ฟังดูก็รู้ว่าโกหก กิลเลนไม่รู้ว่าจะเรียกสภาวะแบบอคาลาว่าอะไรดี แต่เธอสัมผัสสิ่งที่อยากสัมผัสได้ตามใจ ในทางตรงกันข้ามถ้าเธอไม่ต้องการ อะไรก็แตะต้องตัวเธอไม่ได้ เธอใช้มือเปล่าแตะอะไรโดยไม่เกิดร่องรอยได้อย่างสบาย เรื่องกลัวมือเปื้อนสำหรับเธอมันเป็นข้ออ้างชัด ๆ ดูก็รู้แล้วว่า…

 

“ช่วยไม่ได้ จะให้ป้อนรึเปล่า” กิลเลนถามแบบไม่ได้สบตาเป้าหมาย พร้อมกับแกะปลาเป็นชิ้นเล็กและยื่นไปให้เธอที่ขยับเข้ามาใกล้ทั้งที่ยังไม่ได้ตอบ

 

“อื้อ…”

 

อาการของกิลเลนแย่ลงอีกหลังจากมื้อนั้น เขาตาพร่าหนักขึ้น รู้สึกโลกหมุน ปวดหัวและปวดท้องจนเริ่มรู้สึกมีไข้ ในระหว่างที่พักสายตาลงอคาลาเฝ้าดูเขาอยู่ไม่ห่าง ชายหนุ่มนอนลงอย่างหมดแรง หอบหายใจแผ่วเบาเพราะพิษไข้ กิลเลนแทบจะไม่ค่อยได้ยินเสียงอะไรหรือมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งไหน อาการติดพิษที่เกิดขึ้นกับร่างกายทำให้ที่เขารู้สึกมีแต่ความทรมานเท่านั้น

 

เธอกุมมือเขาไว้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล กิลเลนปรือตาขึ้นมามอง เขาจับมือของเธอไว้เช่นกัน และน่าแปลกที่ความเจ็บปวดทั้งหลายลดน้อยลงผ่านสัมผัสนั้น...

 

“อดทนหน่อยนะ” เธอกระซิบ กำมือของเขาแน่นขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับจะส่งกำลังใจทั้งหมดไปที่เขา ชายหนุ่มหันมาหาเธอที่อยู่ใกล้ ๆ เขายิ้มให้เธอ

 

“นั่นสินะ เดี๋ยวก็คงจะชิน”

 

“ใช่ ถ้าไม่ตายไปซะก่อนนะ” เธอหยอกแต่กิลเลนชักไม่แน่ใจแล้วว่าเธอพูดเล่นหรือพูดจริง เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าคนที่พยายามออกมาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกแบบเขา เอาตัวรอดกันยังไง หรือบางทีนี่คือเหตุผลที่โลกนี้แทบจะไม่มีมนุษย์เหลือแล้ว… กิลเลนเพียงแค่คิดในใจ เพราะหลังจากนั้นเขาก็หลับไปโดยที่จับมือของอคาลาไว้แบบนั้น

 

เหตุการณ์แบบนี้วนเวียนติดต่อกันหลายวัน อาการป่วยที่ไม่ดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ทรุดไปมากกว่าเดิม มื้ออาหารจากสิ่งมีชีวิตประหลาดและพืชติดเชื้อที่อคาลาขยันหามาให้เขาลิ้มลอง ที่น่าเจ็บใจคือมันดันอร่อยเสียทุกครั้งจนแทบหักห้ามใจไม่ได้

 

“หอยลายอบเนยผัดสมุนไพร!!” อคาลายกเมนูใหม่มาเสิร์ฟถึงที่ บนจานสีขาวที่ไม่รู้ว่าเธอไปเอามาจากไหนมีเนื้ออะไรบางอย่างที่ถูกผัดกับเนยและเครื่องเทศ กลิ่นหอมของเนย กลิ่นของเนื้อที่ย่างด้วยไฟอ่อน ๆ กลิ่นคล้ายกระเทียมผัดจนหอมเตะจมูกทำให้เขาผงกหัวขึ้นมามองก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

 

“ฉันไม่ได้เอาวัตถุดิบทำอาหารลงมาจากดิกนิตีเลย… เธอไปเอาของพวกนี้มาจากไหน” กิลเลนเอ่ยถาม อคาลาวางจานนั้นลงตรงหน้ากิลเลน เขาหันไปมองบากะอินุพบว่ามันก็กำลังกินอาหารที่อคาลาทำให้เช่นกัน เจ้าหมานอนซมอยู่กับเขาหลายวันแต่ดูเหมือนความเห็นแก่กินของมันทำให้มันยอมกินทุกอย่างที่หญิงสาวปรุงมาให้

 

“เคยบอกไปแล้วนี่ว่าแถวนี้มีสมุนไพรหลายชนิด แล้วในนั้นก็มีของที่รสชาติเหมือนที่นายเคยกิน”

 

“เนยกับกระเทียมด้วยเรอะ” กิลเลนโวย ตั้งแต่เขามาถึงที่นี่ยังไม่เห็นต้นกระเทียมเลย อย่าว่าแต่กระเทียม ยิ่งไปหาเนยมาด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ในดินแดนที่รกร้างเช่นนี้จะไปมีร้านขายของอยู่ได้ยังไง… หรือว่าเนยมันจะงอกมาจากพื้นดินกันฟระ

 

“ใช่แล้ว มีพืชหัวที่กลิ่นคล้ายกระเทียม แต่เนยเนี่ยนายไม่อยากรู้หรอกว่าเอามาจากอะไร” พอได้ยินอคาลาพูดแบบนั้น เขาก็ไม่ถามอะไรเธออีก บางทีการที่รู้ว่ามันมาจากไหน อาจจะทำให้เขาไม่อยากกินมันก็ได้

 

กิลเลนรู้สึกว่ายิ่งฟังแต่ละอย่างที่อคาลาพูดก็ยิ่งปวดหัว สุดท้ายเขาเลยหลับหูหลับตาจัดการกับมื้อนั้นโดยไม่ได้ถามอะไรอีก และเช่นเดิม มื้อนี้ก็เป็นอีกมื้อที่อิ่มอร่อยจนไม่คิดว่าเป็นของที่หาได้จากแถว ๆ นี้

 

ทีละเล็กทีละน้อย กิลเลนเริ่มชินกับ “การปนเปื้อน” อคาลาบอกกับเขาว่าการที่เขาสื่อกับแวนเดียร์ได้ง่ายเป็นหลักฐานว่าเซลล์ของแวนเดียร์ที่รุกรานในร่างกายจะไม่เป็นอันตรายกับเขามากไปกว่านี้ แทนที่เซลล์ของแวนเดียร์ที่มากขึ้นจะทำให้เขาอาการหนักขึ้นมันกลับส่งผลตรงกันข้าม

 

เวลาผ่านไปหลายวัน นับตั้งแต่วันที่กิลเลนปักหลักที่ริมลำธาร ตอนนี้เขาย้ายที่ไปเรื่อยแต่ก็ยังยึดลำธารเป็นที่หลัก กิลเลนจอดโฮเวอร์ไบค์ของเขาเมื่อเดินทางมาได้สักพักแล้ว ชายหนุ่มทอดมองไปที่พื้นที่รอบกายที่มีแต่ความแห้งแล้งแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

 

อินุจิโยะปรากฎตัวขึ้น ภาพโฮโลแกรมสาวน้อยนั่นขึ้นรูปแบตเตอรี่ที่จะหมดมิหมดแหล่แจ้งเตือนเขา

“นายท่านเจ้าคะ พลังงานที่สำรองเอาไว้เหลือน้อยแล้วนะคะ อินุจิโยะต้องการชาร์ตแบตอย่างด่วนเลยล่ะเจ้าค่ะ” สาวหูหมาเอ่ย อคาลาที่นั่งซ้อนท้ายเขาหันมามองกิลเลนที่ทำท่าทางครุ่นคิด อุปกรณ์ของเขาแทบจะทุกอย่างพึ่งพาการใช้พลังงานทั้งนั้น ไม่พ้นตั้งแต่พลาสมาสเปียร์ อุปกรณ์ของอินุจิโยะและพาหนะของเขาด้วย เดิมเขาชาร์ตมันฟรี ๆ ในดิกนิตีมาตลอดแต่ตอนนี้เขาต้องค้นหาวิธีเพิ่มพลังให้มัน

 

“จะไปชาร์ตที่ไหนล่ะเนี่ย เสียบกับต้นไม้อย่างงี้น่ะเรอะ” กิลเลนบ่น อคาลาลอบหัวเราะกับอาการหัวเสียของเขา

 

“อินุจิโยะสามารถตรวจสอบหาซากยานเพรสทีจได้ ในนั้นอาจจะยังพอมีพลังงานอยู่ เราไปชาร์ตจากที่นั่นก็ได้” หญิงสาวอธิบายก่อนจะหันไปทางปัญญาประดิษฐ์ “จริงไหมอินุจิโยะ”

 

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” เธอขานรับ สาวหูหมานิ่งไปครู่เดียวเพื่อเปิดระบบตรวจสอบ กิลเลนจ้องมองจนในที่สุดอินุจิโยะก็ทำท่าทางร่าเริง เธอส่ายหางไปมาอย่างดีใจ “พบแล้วเจ้าค่ะ”

 

“ที่ไหน” กิลเลนรีบเอ่ยถามแทบจะในทันที เขาสตาร์ทโฮเวอร์ไบค์เพื่อเตรียมพร้อม

 

“ไม่ไกลจากที่นี่มากเจ้าค่ะ ขับขึ้นไปตามลำธารไม่กี่ไมล์เท่านั้นเองเจ้าค่ะนายท่าน” สิ้นเสียงอินุจิโยะก็ทำการเชื่อมกับยานพาหนะ เบื้องหน้าคันเร่งมีภาพบนจอใสปรากฎขึ้น กิลเลนเร่งเครื่องและขับไปตามจุดที่อินุจิโยะทำสัญลักษณ์สามเหลี่ยมเอาไว้ให้ในทันที

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด