ตอนที่ 39 ความจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง
เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันที่เผยออกจากเจียงวู่เฉิง ซื่อหม่าปู้อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
เขานั้นเข้าใจเจตนาฆ่าฟันของเจียงวู่เฉิงที่มีต่อหอคอยขนนกโลหิตได้ แต่หอคอยขนนกโลหิตไม่ใช่สิ่งที่จะไปทำอันใดได้ในตอนนี้
เจียงวู่เฉิงนั่งอยู่ภายในถ้ำ มือของเขาบีบเข้าหากันอย่างแน่นหนา เขาค่อยๆหลับตาเพื่อหยุดเจตนาฆ่าฟันที่ปรากฏออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาใจเย็นลงแล้ว
"สำหรับข้าแล้ว หอคอยหกนกโลหิตเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงและข้าไม่สามารถจะต่อสู้กับพวกเขาได้ในตอนนี้ ดังนั้นตอนนี้ข้าต้องอดทน"
"อดทนและซ่อนตัว!"
เจียงวู่เฉิงกำมือของเขาแน่นจนเล็บของเขาจิกเข้าไปในฝ่ามือ
แม้ว่าภายในใจของเขาเต็มไปค้วยเจตนาฆ่า แต่เขาก็ยังต้องยับยั้งตัวเองเอาไว้
"นอกจากการแก้แค้นแล้วข้ายังต้องหาทางออกสำหรับเรื่องเหล่านี้"เจียงวู่เฉิงคำราม
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีความแค้นมหาศาลที่อยู่กับตัวเขา แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัยภายในใจอีกมากมาย
ตัวอย่างเช่นจิตวิญญาณดาบคืออะไร?
ทำไมหอคอยขนนกโลหิตถึงพยายามฆ่าเขาและพ่อของเขาที่สามารถปลุกจิตวิญญาณดาบขึ้นมาได้ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด?
นอกจากนี้ดินแดนบรรพบุรุษที่ป้าของเขาบอกในคำพูดสุดท้ายของนาง คือสิ่งใด?
มีหลายอย่างที่น่าสงสัย เขาต้องพยายามหาความจริงอย่างช้าๆ
"ความแข็งแกร่ง...จากความคิดของข้า สุดท้ายแล้วความแข็งแกร่งของข้าอ่อนแออย่างมากจนไม่สามารถต่อสู้กับหอคอยขนนกโลหิตได้ เมื่อพวกมันไล่ฆ่าข้า ข้ารอดชีวิตมาได้ด้วยความโชคดีและจากความช่วยเหลือของป้าและอาวุโสฮงที่เสียสละตัวเองเพื่อข้า!"
"ถ้าพลังของข้าแข็งแกร่งพอที่จะทำให้หอคอยขนนกโลหิตหวาดกลัว เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น!"
"ความแข็งแกร่ง!ความแข็งแกร่ง!"
เสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นภายในจิตใจของเขา
เขาไม่เคยกระหายความแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน ก่อนหน้านี้ถ้าเขาไม่ถูกหักหลังโดยเจียงเมิ่งเอ๋อเขาก็คงไม่แข็งแกร่งเหมือนตอนนี้
ในที่สุดเขาก็ต่อสู้กับเจียงเมิ่งเอ๋อเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองและพ่อของเขากลับมา รวมถึงศักดิ์ศรีของหอดาบอีกด้วย แต่หอคอยขนนกโลหิตเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายพวกมันจะไม่หยุดจนกว่าจะมีความตายเกิดขึ้น
ด้วยความใฝ่หาพลังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้กระทั่งเจียงวู่เฉิงก็ยังไม่ตระหนักถึงพลังลมปราณในร่างเขาที่พุ่งสูงขึ้นชั่วขณะ และเคล็ดบัญญัติสวรรค์ก็ชักนำด้วยตัวมันเอง
เคล็ดบัญญัติสวรรค์ การชำระล้าง
ทันใดนั้น... "วู้มมม!"
ร่างของเจียงวู่เฉิงก็สั่นไหวด้วยความรู้สึกประหลาด ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"ขั้นที่9ของวิถีลมปราณแห่งเซียน เป็นไปได้อย่างไร?"
แม้แต่เจียงวู่เฉิงก็ไม่คิดว่าการบ่มเพาะของเขาจะพัฒนาขึ้น ในขณะที่ปรารถนาที่จะแข็งแกร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ต้องรู้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาพึ่งจะดูดซับน้ำยาลมปราณแรกเริ่มจำนวนมากเพื่อทำให้ตัวเองพัฒนาเข้าสู่ขั้นที่8ของวิถีลมปราณ
และตอนนี้เพียงไม่กี่วันต่อมาความก้าวหน้าครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ขั้นที่9วิถีลมปราณแห่งเซียนนั้นเทียบเท่าได้กับอาณาทะเลลมปราณอันลึกซึ้งของนักรบทั่วไป ดังนั้นด้วยความได้เปรียบของเคล็ดบัญญัติสวรรค์แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้วิชาลับผลาญวิญญาณ เขาก็สามารถสู้กับเจียงเมิ่งเอ๋อที่อยู่จุดสูงสุงของขั้นอาณาทะเลลมปราณอันลึกซึ้ง
ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง!
"เคล็ดบัญญัติสวรรค์นั้นน่าทึ่งอย่างมาก"เจียงวู่เฉิงอดคิดไม่ได้และเชื่อมันในความแข็งแกร่งของเขาในอนาคต
แม้ว่าตอนนี้หอคอยขกนกโลหิตอาจจะเป็นกำแพงที่ใหญ่เกินไปสำหรับเขา แต่ในอนาคตจะไม่ใช่อย่างแน่นอน
"พ่อแม่ป้าผู้อาวุโสทั้งสี่เผ่าจื่อและผู้บริสุทธ์ทั้งหมดที่มีความเกี่ยวข้องในการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อข้า ข้าเจียงวู่เฉิงจะวางเดิมพันทั้งหมดด้วยชีวิตของตัวเอง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้าจะสามารถฆ่าคนจากหอคอยขนนกโลหิตและทำลายมันให้หมดเพื่อล้างแค้นให้พวกท่าน!"
ดวงตาของเจียงวู่เฉิงเต็มไปด้วยความเย็นชาและความมุ่งมั่นของเขา!
...
เช้าของวันใหม่
"หนุ่มน้อยเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปในเมืองที่ใกล้เคียงที่สุดเพื่อหาข่าวสาร"ซื่อหม่าปู้กล่าว
"ได้เลย"เจียงวู่เฉิงพยักหน้า
เจียงวู่เฉิงอาศัยอยู่คนเดียวและฝึกฝนอยู่อย่างเงียบๆในถ้ำ ผ่านไป1ชั่วโมงซื่อหม่าปู้ก็กลับมา
"พี่ชายปู้เป็นอย่างไรบ้าง?"เจียงวู่เฉิงถามในทันที
"สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คาวคิดไว้ซะอีก ในเมืองใกล้เคียงมีนักฆ่าจากหอคอยขนนกโลหิตกระจายตัวอยู่รอบๆ เท่าที่ข้ารู้มี10คนและยังมีคนที่แอบซ่อนอยู่อีก มากกว่านั้นข้าไปที่หน่วยข่าวกรองลับของวังมังกรทองและรู้ว่าหอคอยขนนกโลหิตออกคำสั่งสีแดงสำหรับไล่ล่าเจ้า มีนักฆ่าของหอคอยขนนกโลหิตมากมายที่รอให้เจ้ามาปรากฏตัว"ซื่อหม่าปู้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
"อาจกล่าวได้ว่าหอคอยขนนกโลหิตมีคนอยู่เยอะมากในกองบัญชาการปาชุย รวมถึงในแคว้นเทียนหยานทั้งหมด หากเจ้าปรากฏตัวขึ้นเจ้าจะถูกผู้เชี่ยวชาญของหอคอยขนนกโลหิตฆ่าตาย โดยไม่สามารถทำอะไรได้ ด้วยความสามารถของหอคอยขนนกโลหิตแม้ว่าเจ้าจะสวมหน้ากากหรืออำพรางรูปร่างหน้าตาของเจ้า เจ้าจะถูกพวกเขาสังเกตเห็นได้ในทันทีที่มีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย"
“ในตอนแรกข้าจะพาเจ้าไปที่วังมังกรทองในเมืองปาชุย แต่เหมือนตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้”ซื่อหม่าปู้กล่าว
"ตอนนี้ข้าไม่สามารถอยู่ในเมืองปาชุยได้"เจียงวู่เฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ"ในราชวงศ์เทียนหยานไม่มีสักที่ที่ปลอดภัยสำหรับข้า ข้าต้องหนีไปอย่างรวดเร็ว"
"เจ้าพูดถูก" ซื่อหม่าปู้ "ข้ารู้ในตอนที่เดินทางกลับมา ว่าหอคอยขนนกโลหิตจะฆ่าเจ้าภายในแคว้นเทียนหยาน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะอยู่รอดสำหรับเจ้า แต่ในแคว้นอื่นเจ้ายังมีโอกาสอยู่รอด สำหรับที่ที่เจ้าควรจะไปที่สุดคือแคว้นเทียนหนานซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่โดยรอบของแคว้นเทียนหยาน”
"แคว้นเทียนหนานเป็นแคว้นเล็กๆซึ่งอยู่ในการปกครองของลานนักสู้ แคว้นเทียนหยานนั้นเต็มไปด้วยนักฆ่าที่ต้องการจะฆ่าเจ้า แต่สำหรับแคว้นอื่นเจ้ายังมีพอมีพื้นที่ให้เจ้าอยู่รอด และแคว้นเทียนหนานนั้นเหมาะสมที่สุด”
"แคว้นเทียนหนานเป็นหนึ่งในแคว้นที่ลานนักสู้ปกครองอยู่ ดังนั้นกองกำลังของหอคอยขนนกโลหิตนั้นจึงไม่แข็งแกร่งมาก มันจึงเป็นสถานทีที่เหมาะสมที่สุดที่เจ้าควรไป แต่เส้นทางระหว่างเมืองปาชุยไปแคว้นเทียนหนานนั้นค่อนข้างไกล และมันต้องผ่านป่าแห่งความมืด"
"ป่าแห่งความมืด?"เจียงวู่เฉิงกล่าว
เขาเคยได้ยินเรื่องป่าที่เต็มไปด้วยความมืดมิดระหว่างแคว้นเทียนหยานและแคว้นเทียนหนาน มันมีชื่อเสียงในเรื่องความอันตรายที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้าย
"ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปที่แคว้นเทียนหนาน"เจียงวู่เฉิงพูดอย่างจริงจัง"สำหรับป่าแห่งความมืดข้าต้องผ่านมันไปให้ได้"
"ฮ่าฮ่าเจ้ายังเยาว์วัย แต่ก็มีความกล้าหาญอย่างมาก ไม่ต้องห่วงข้าจะไปที่แคว้นเทียนหยานกับเจ้าและพาเจ้าผ่านป่าแห่งความมืดได้อย่างปลอดภัย"ซื่อหม่าปู้หัวเราะ
"ถึงแม้จะไม่มีท่าน ยังไงข้าก็ต้องผ่านป่าแห่งความมืดไปให้ได้"ดวงตาของเจียงวู่เฉิงเปล่งประกายด้วยพลังงาน
แคว้นเทียนหนานถือเป็นโอกาสเดียวของเขาที่จะมีชีวิตอยู่และไม่มีใครสามารถมาเอาชีวิตของเขาไปไดเ
...