ภาค 1 ตอนที่ 1 นายมาเพื่อใคร
ภาค 1 ราตรีที่ขาดวิ่น
ตอนที่ 1 นายมาเพื่อใคร
ในขบวนรถไฟฟ้าใต้ดินที่โคลงไปมา หญิงอุ้มเด็กสนทนากันเบาๆ คนแก่ในที่นั่งพิเศษหลับตาพักผ่อน คนหนุ่มสาวหลายคนยืนเงียบๆ ในโบกี้ โยกไปเบาๆ ตามการเคลื่อนไหวของรถ
จู่ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ก็หันกลับมาพูดกับชายอีกคนว่า “คืนฉันมา”
ชายหนุ่มสีหน้างุนงง “ของอะไร”
“กระเป๋าเงินที่นายขโมยไปจากฉัน”
“ประสาท ใครเอาอะไรของเธอไป...” เขาพูดพลางหันกลับเพื่อเดินจากไป พอก้าวออกไปได้สองก้าวก็สะดุดล้ม พอเรียกสติคืนมาได้ ก็ถูกกดทับอยู่กับพื้นอย่างแรง บนตัวเขาเป็นผู้หญิงเมื่อสักครู่ ขณะที่เขากำลังตั้งสติจะวีนใส่ ก็สังเกตว่าบนคอของตัวเองเย็นวาบ เพราะมีมีดผ่าตัดขนาดกะทัดรัดทาบอยู่บนคอ เมื่อมองตามแสงสะท้อนมีดที่เย็นเฉียบ ก็พบกับสายตาเย็นของหญิงสาว
ในโบกี้เงียบสงัด ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด
หญิงสาวไม่สนใจบรรยากาศรอบตัว คร่อมอยู่บนตัวชายหนุ่ม มีดผ่าตัดในมือขวากดอยู่บนคอของเขา มือซ้ายก็เริ่มค้นตัวเขา เห็นเขาขยับไปเล็กน้อย จึงยิ้มพูดว่า “เลือดออกทางเส้นเลือดแดงเพียงห้านาทีแกก็ต้องไปหาพระเจ้าแล้ว สบายใจได้ ถึงเวลานั้น ฉันจะรับผิดชอบส่งแกไปที่ห้องดับจิตเอง”
เขารู้สึกว่ามีเหงื่อออกที่หัว
ในโบกี้ คุณแม่สาวเริ่มพาลูกเคลื่อนตัวไปทางเดินอย่างเงียบเชียบ คนแก่คลำหามือถือที่ห้อยคออยู่ด้วยมือสั่นระริก เพื่อโทรแจ้งความ
ครู่หนึ่ง กระเป๋าเงินหลากสีก็ถูกหญิงสาวล้วงออกจากกระเป๋าลับของชายหนุ่มทีละใบ
“เวลาออกนอกบ้าน นายเอากระเป๋าเงินมาเยอะเนอะ” เธอพูดยิ้มๆ
ในโบกี้มีเสียงซุบซิบดังขึ้นมา
เมื่อหญิงสาวล้วงกระเป๋าเงินใบเล็กสีกาแฟได้แล้ว เหมือนจะยิ้มอย่างพอใจ แล้วพูดกับชายหนุ่มที่ถูกคร่อมอยู่ใต้ร่างของตนว่า “ขอบคุณที่ช่วยดูแลกระเป๋าแทนฉันไปสิบนาทีนะ” พูดไปก็เลื่อนมีดผ่าตัดบนคอของเขาเบาๆ “อีกเรื่อง ฉันยินดีให้แกไปแจ้งความ แกสามารถไปที่หน่วยตำรวจอาชญากรรมของเทศบาลเมืองโดยตรง แจ้งความเสร็จ ก็ขึ้นมาหาฉันได้ ห้องทำงานฉันอยู่ทิศตะวันตกสุดของชั้น 4 ห้องชันสูตรศพของแผนกนิติเวช”
เธอยิ้มชื่นชมกับสีหน้าตะลึงงันของชายหนุ่ม ค่อยๆ ลุกขึ้น ปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าออก พลันสีหน้าเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น “ไสหัวไป เดี๋ยวนี้”
ทุกคนตะลึงอยู่กับที่ ชายหนุ่มบนพื้นกวาดตามองในโบกี้รถไฟ สายตาผู้คนที่มองมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันทำให้เขาหน้าเขียวจนกลายเป็นแดงก่ำ ผ่านไปหลายวินาที เมื่อประตูรถไฟฟ้าเปิดออก ชายคนนั้นรีบพุ่งออกไปอย่างทุลักทุเล
ในโบกี้เงียบสงัด ทุกคนบอกกับตัวเองว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จู่ๆ ริงโทนเพลงการ์ตูน “มอมแมมน้อย” ก็ดังขึ้นมา หลายคนมองไปยังเสียงเพลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ เห็นหญิงสาวคนนั้นรับโทรศัพท์ขึ้นมาหน้าตาเฉย
“...หา...รู้ละ หัวหน้าหน่วยอาชญากรรมที่หน้าตาเหมือนสารวัตรแมวดำ[1] ชื่ออะไรนะ...อืม นั่นแหละคนนั้นแหละ ช่วยส่งเบอร์มือถือมาให้ฉันหน่อย ฉันจะโทรแจ้งข่าวร้ายนี้กับเขา”
——————————————
เมื่อวานทางเทศบาลเมืองก็ได้ประชุมกดดันอีกครั้ง เพื่อได้คดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระยะนี้คืบหน้า ทำให้โจวต้าเจิ้งแทบไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนสายคลานกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองอย่างสะลืมสะลือ เพิ่งจะชงชาไปแก้วหนึ่ง กำลังคิดจะปิดผ้าม่านแล้วแสร้งหายสาบสูญสักครู่ มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้นมา ในใจกำลังคิดว่า ถ้าตั้งใจทำตัวหายสาบสูญก็ต้องทำให้สำเร็จจงได้ ปล่อยให้มือถือดังไปสามรอบ ในที่สุด หัวหน้าหน่วยอาชญากรรมก็ต้องยอมแพ้
“ฮัลโหล ผมโจวต้าเจิ้ง ไม่ทราบว่าใครกำลังคุยสายด้วย” รับโทรศัพท์พลางดื่มชาไป
“ยินดีด้วย หัวหน้าโจว เมื่อคืนศพหญิงไร้หัวที่คุณส่งมาคลานออกมาเที่ยวเล่นล่ะ”
...น้ำชาในปากของต้าเจิ้งพ่นออกไปครึ่งหนึ่ง...“คุณ...ใคร”
“สวินเข่อหรัน แผนกนิติเวช”
ต้าเจิ้งอึ้งไปครู่หนึ่ง จึงนึกออกว่าคนนี้คือใคร ได้ข่าวว่าเป็นลูกศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงจากหมอนิติเวชคนเก่าที่เพิ่งเกษียณไปเมื่อเดือนก่อน เป็นหญิงสาวหน้าเด็กที่ทำงานในแผนกนิติเวชซึ่งเป็นที่ที่ทั้งกองบังคับการตำรวจไม่กล้าล่วงเกิน สมองแล่นไปอย่างรวดเร็ว เธอมาแค่ไม่กี่เดือน ข้าเคยทำอะไรให้นางไม่พอใจเหรอ
“คุณ...คุณหมอสวิน ผมไม่ค่อยเข้าใจ”
“ฉันจะไปถึงห้องผ่าศพในอีกสิบห้านาที”
...โทรศัพท์ทางฝั่งโน้นถูกตัดไปแล้ว ต้าเจิ้งที่อยู่ฝั่งนี้เริ่มปวดหัว
——————————————
ปิดโทรศัพท์ สวินเข่อหรันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย มองเข้าไปโบกี้พลางคิดในใจ วันนี้มันเรื่องอะไรกัน วุ่นวายชะมัดเลย มีคนบังอาจมาขโมยศพในห้องชันสูตรของตำรวจอาชญากรรม เชอะ ไม่ว่าแกจะเป็นหรือตาย คอยดูเถอะ
คนในรถไฟฟ้าพลันเหมือนรู้สึกมีลมเย็นพัดวูบขึ้นมา...
——————————————
ศพหาพบในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ใครเขียนบนหนังสือจัดการไว้ว่า “ศพในตู้หมายเลข 46 จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งเผาได้” ผลก็คือ ศพถูกเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบส่งไปที่หอประกอบพิธีฌาปนกิจตั้งแต่เช้า ต้าเจิ้งโทรไปดักไว้ทัน แต่พอเห็นศพที่รับกลับมา เขาก็โมโหอีก เพราะเห็นได้ชัดว่า ศพหญิงผู้นี้มีหัว
“คุณหมอสวิน ผมจำได้ว่าคุณบอกในโทรศัพท์ว่าเป็นศพหญิงไร้หัว” ต้าเจิ้งตามสวินเข่อหรันเข้าไปในห้องชันสูตรศพ
“โอ้ คุณศพไร้หัวอยู่ในตู้หมายเลข 64 คุณคิดถึงเธอเหรอ” สวินเข่อหรันพูดอย่างใจเย็น
ต้าเจิ้งรู้สึกหายใจไม่ออก “แล้วศพหญิงที่เสียรูปไปนี้เป็นของคดีไหน”
“คดีเมาแล้วขับ”
“อะไรนะ”
“หุๆ หน่วยจราจรขอให้แผนกเราช่วยหน่อย” ผู้ช่วยของแผนกนิติเวชซูเสี่ยวเจ๋อเดินเข้ามาพอดี “เมื่อเช้าผมกำลังจะชันสูตร ก็พบว่าเธอไม่อยู่แล้ว เลยโทรไปหาพี่สวิน โอ้” เสี่ยวเจ๋อชูหนังสือจัดการในมือขึ้น “ประโยคบนหนังสือที่เขียนว่า ‘ศพในตู้หมายเลข 46 จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งเผาได้’ ผมไม่ได้เป็นคนเขียน พี่สวินเขียนเหรอ”
สวินเข่อหรันรับหนังสือมาดูแล้วขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ฉัน”
คนที่อยู่ในห้องต่างคนต่างมองตาของอีกฝ่าย
ต้าเจิ้งยิ้ม “คราวนี้ได้สนุกกันแล้ว”
“มีอะไรสนุกเหรอ หัวหน้า” ชายหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่งชะโงกหัวออกมาจากประตูของห้องชันสูตรศพถามขึ้นมา
“อยากรู้ก็ไสหัวเข้ามา อย่าทำลับๆ ล่อๆ อยู่ที่ประตู ขายหน้าฉัน” ต้าเจิ้งตะคอกใส่
คนหนุ่มเปิดประตูเข้ามาอย่างอ้อยอิ่ง สวินเข่อหรันเห็นสายตาของเขาจับจ้องที่ฝ้าเพดาน คาดว่าคงกลัวศพ จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “คนที่กลัวคนตายก็เป็นตำรวจอาชญากรรมได้เหรอ”
“ใครบอกว่าผมกลัว!”
“พอเถอะ อย่าทำเป็นเก่ง คนในนี้ทุกคนใจกล้ากว่านาย” ต้าเจิ้งส่ายหัว “หมอนี่ชื่อว่าไป๋หลิง เพิ่งมาใหม่ เรียกเขาเสี่ยวไป๋”
“หัวหน้า ผมอายุไม่น้อยแล้ว...” ไป๋หลิงบ่นพึมพำ ลดสายตาจากฝ้าเพดานลงมา พอสายตาปะทะกับโต๊ะชันสูตร เอ่อ...หันไปมองสีของพื้นแทน
สวินเข่อหรันขมวดคิ้วดูที่หนังสือจัดการต่อ
ต้าเจิ้งมองไปที่ไป๋หลิง “สืบได้อะไรมาบ้าง”
ไป๋หลิงนับบล็อคบนพื้นพลางตอบว่า “หอฌาปนกิจบอกว่า เมื่อคืนมีผู้ชายโทรมาจากห้องนี้ ให้มาเคลื่อนย้ายศพ ถึงแม้รปภ.จะรู้สึกแปลก แต่เห็นว่าในหนังสือจัดการเขียนอย่างชัดเจนว่าให้ส่งไปเผา ก็เลยปล่อยออกไป”
“เสียงผู้ชายเหรอ”
“ใช่”
ต้าเจิ้งมองไปที่ผู้ช่วยหมอนิติเวชเสี่ยวเจ๋อ
เสี่ยวเจ๋อรีบบอก “ไม่ใช่ผม เมื่อคืนผมยังอยู่ที่เมืองมหาวิทยาลัยที่ชานเมือง เพิ่งนั่งรถของมหาวิทยาลัยเข้ามาเมื่อเช้า”
“แผนกนิติเวชยังมีผู้ชายคนอื่นที่มีอำนาจออกคำสั่งจัดการศพหรือเปล่า” ต้าเจิ้งถาม
“เรื่องจัดการศพมีแค่ผมกับพี่สวิน ยังมีอาจารย์อีกสองคน คนหนึ่งไปมณฑลอื่นช่วยสืบคดีที่ค้างมานาน ส่วนอีกคนไปงานสัมมนาที่ต่างประเทศ จะกลับมาเดือนหน้า ยังมีลุงพ่อบ้านอีกคนที่ช่วยทำความสะอาด” เสี่ยวเจ๋อบอก
“ไม่ใช่ลุงพ่อบ้าน” สวินเข่อหรันเงยหน้าขึ้น “ลายมือบนหนังสือดูมีพลัง ไม่ใช่คนอายุขนาดลุงเป็นคนเขียน ส่วนประโยคก็ลื่นไหล เขียนติดกันระหว่างตัวอักษร ต้องเป็นคนที่มีการศึกษาดี ลุงก็อายุหกสิบกว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ตัวหนังสือในประโยคท้ายๆ ดูหวัดกว่าตัวข้างหน้า แสดงว่าเขายิ่งเขียนยิ่งร้อนรน คนนี้ใจกล้าไม่เบา เสี่ยวเจ๋อ เมื่อเช้านายแตะโทรศัพท์บนโต๊ะหรือเปล่า”
เสี่ยวเจ๋อส่ายหัว
“ไปเก็บลายนิ้วมือและน้ำลายบนโทรศัพท์ เผื่อไอ้หมอนั่นโง่จนทิ้งร่องรอยไว้ ถึงจะจับคู่ DNA กับฐานข้อมูลของอาชญากรไม่ได้ ก็สามารถเก็บไว้เพื่อเปรียบเทียบเมื่อจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว”
เสี่ยวเจ๋อคิดได้ทันที รีบไปหยิบเครื่องมือ
ต้าเจิ้งจ้องมองศพที่อยู่บนโต๊ะครุ่นคิด “เป็นไปได้ไหมว่า คนนั้นเข้าใจผิดสลับระหว่างตู้หมายเลข 46 กับ 64 จริงๆ แล้วเขาต้องการทำลายศพไร้หัวนั่น”
“จริงสิ” ไป๋หลิงร้องตาม “จะว่าไปแล้ว ศพหญิงไร้หัวถือว่าเป็นคดีดัง ทั้งเบื้องบนและสื่อต่างก็จับตาดูอย่างใกล้ชิด”
สวินเข่อหรันเก็บหนังสือจัดการ “เป็นไปได้ แต่ในเมื่อเป็นศพไร้หัว ก็แสดงว่าผู้ร้ายคนนี้ได้กำจัดหลักฐานเด่นชัดบนศพที่เป็นภัยกับตนออกไปแล้ว ถ้ามีเวลาตัดหัว โดยทั่วไป แสดงว่าเขาไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากหัว แล้วตอนนี้ทำไมถึงมาทำลายศพซึ่งเป็นการกระทำที่อาจเปิดเผยตนได้” ถึงแม้สวินเข่อหรันจะขมวดคิ้ว แต่ก็ยังไปดึงลิ้นชักหมายเลข 64 ที่มีศพหญิงไร้หัวออกมา
ด้านซ้ายคือศพหญิงหมายเลข 64 ไม่มีหัว ไม่มีข้อมูลบ่งชี้ตัวบุคคล นอกจากนั้นแล้วยังไม่มีรอยแผลอื่นๆ บนร่างกาย
ด้านขวาคือศพหญิงหมายเลข 46 ร่างถูกล้อรถทับจนไม่เป็นรูปเป็นร่างจากอุบัติเหตุรถยนต์
ไอ้หมอที่มาเล่นตุกติกในห้องชันสูตรกลางดึก นายมาเพื่อใคร
เดินไปหาพวกต้าเจิ้ง สวินเข่อหรันถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสาว่า “ถ้ามีคนบุกรุกห้องทำงานของคุณกลางดึก แล้วไปฉี่ข้างๆ โต๊ะทำงานของคุณ คุณจะทำยังไง”
“อัดมัน!” เสี่ยวไป๋พูดโดยไม่ต้องคิด
ต้าเจิ้งดีดหน้าผากเขาหนึ่งที “คุณหมอสวินครับ ไม่ว่าเรื่องนี้มีสาเหตุจากอะไรหรือพุ่งเป้ามาที่ใคร ผมรับรองจะถือเป็นอันดับแรกของหน่วยผมที่จะต้องสืบให้รู้เรื่อง ในขณะเดียวกัน ผมก็จะเพิ่มการรักษาความปลอดภัยที่นี่ ขอให้วางใจ”
สวินเข่อหรันพยักหน้า เดินผละไป “รปภ.ที่มีชีวิตไม่ต้องหรอก ที่นี่ฉันมีที่ตายไปแล้วก็พอใช้ได้”
...เพียงเสี้ยววินาที ต้าเจิ้งกับไป๋หลิงรู้สึกเย็นวาบ
——————————————
เวลาเที่ยง โรงอาหารของหน่วยอาชญากรรมคับคั่งไปด้วยผู้คน สวินเข่อหรันนั่งอยู่บนที่นั่งที่มีแสงแดดส่องถึง ดื่มอะไรอยู่คนเดียวเงียบๆ ตอนที่เพิ่งมาถึงหน่วยอาชญากรรมใหม่ๆ เนื่องจากความไม่สมดุลของจำนวนชายและหญิงที่นี่ แล้วสวินเข่อหรันก็ดูเหมือนสาวน้อยอายุยี่สิบนิดๆ ที่น่ารักคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวที่โรงอาหาร ก็จะมีผู้ชายจากหลายแผนกอ้างเหตุผลแปลกๆ มากมายมานั่งใกล้เธอ สวินเข่อหรันรู้สึกตลก ก็จะพูดเล่นเอาเรื่องการผ่าศพเกี่ยวโยงกับอาหารอย่างเนียนๆ ทำให้คนรอบตัวกินไม่ลง แล้วผู้ชายเหล่านั้นก็ค่อยๆ หายไป เธอพอใจที่ได้ความสงบกลับมาอีกครั้ง เวลาเที่ยงของทุกวันจะโอ้เอ้อยู่ในแสงแดดภายใต้กระจกของโรงอาหาร เหม่อลอยไปพักหนึ่ง
ที่นั่งฝั่งตรงข้ามมีเงาดำทะมึนนั่งทับลงมา สวินเข่อหรัยเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าของโจวต้าเจิ้งที่รกไปด้วยหนวดเครา
“หญ้ารก” สวินเข่อหรันพูด
“อะไรนะ” ต้าเจิ้งงง
“เปล่า ฉันบอกว่าอากาศแจ่มใส” เข่อหรันเบะปาก “ท่านหัวหน้า ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงนะ”
ความหมายแฝงก็คือ ไสหัวไปไกลๆ
โจวต้าเจิ้งยิ้ม เริ่มคลำหาบุหรี่ เงยหน้าเห็นสาวน้อยฝั่งตรงข้ามยกมือชี้ไปที่ป้ายห้ามสูบบุหรี่ อึ้งไปอึดใจหนึ่ง เก็บบุหรี่กลับที่เดิม
สวินเข่อหรันยิ้ม ถือว่ายังรู้จักกาลเทศะ
“กลิ่นอะไร หอมจัง” ต้าเจิ้งลอบมองเครื่องดื่มที่อยู่หน้าสวินเข่อหรัน
ยังไม่ทันรอให้เธอเอ่ยปาก ต้าเจิ้งก็ยื่นมือไปหยิบแก้วของเธอ กลิ่นหอมหวานของช็อคโกแลตกระจายออกมา ภายใต้แสงแดดระยิบระยับเปล่งประกายความอบอุ่นอย่างประหลาด
ต้าเจิ้งยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นเด็กที่ชอบกินโกโก้”
สวินเข่อหรันลุกพรวดขึ้นมา กระชากแก้วคืน หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ต้าเจิ้งอดยิ้มไม่ได้ เพราะเห็นเธอหน้าแดงเล็กน้อย
ยิ้มอยู่คนเดียวอยู่นานถึงนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองจะมาถามหารายงานของศพหญิงไร้หัว
——————————————
ตอนเที่ยง ไป๋หลิงกินไก่อบอันโอชะ แล้วกลับมาที่ห้องทำงานเรอออกมาอย่างดัง กำลังจะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับอำนาจมืดที่รุกรานโลก
ต้าเจิ้งที่เพิ่งเข้ามาในห้องทำงานก็เห็นเสี่ยวไป๋ที่ท่าทางฮึกเหิมเหมือนไก่ชน
เขายิ้ม แล้วโบกมือพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เสี่ยวไป๋ นายไปเร่งรายงานชันสูตรศพที่หมอสวินหน่อย”
เสี่ยวไป๋ค้างในท่าบิดขี้เกียจเมื่อได้ยิน
หงอนไก่ตก ผู้กล้าไก่ชนเสี่ยวไป๋ก้าวอย่างเชื่องช้าไปที่ห้องชันสูตรศพ
ไม่รู้ใครเปิดรายการวิทยุเป็นอุปรากรจีนร้องว่า ออกรบไม่ทันชนะก็สิ้นชีพไปเสียก่อน...
——————————————
มาถึงหน้าห้องแผนกนิติเวช เสี่ยวไป๋เห็นคนหนึ่งใส่ชุด รปภ. เฝ้าอยู่ที่ประตูไม่ขยับเขยื้อน หุๆ คนของแผนกรักษาความปลอดภัยมาเร็วจังเลย เสี่ยวไป๋เดินไปตบบ่าคนนั้นด้วยจิตใจเบิกบาน ยังไม่ทันได้ทักทาย ก็พบว่าภายใต้หมวกของ รปภ. คือกระโหลกศีรษะขาวโพลน
เสี่ยวไป๋สบตากับหัวกระโหลกที่ไร้ดวงตาอยู่สองวินาที
“ว้าย...”
ประตูห้องแผนกนิติเวชเปิดออก สวินเข่อหรันพิงกรอบประตูยิ้มมองเสี่ยวไป๋ที่ตกใจเหมือนวิญญาณออกจากร่าง
“สวิน...สวิน...สวิน...” เสี่ยวไป๋พยายามเรียกขวัญตัวเองกลับมา
“โครงกระดูกไว้สอนหนังสือ ใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยได้ไม่เลว” โกโก้ประเมิน “รายงานเกือบเสร็จแล้ว เข้ามาสิ”
แต่เสี่ยวไป๋นิ่งงันเหมือนหินไปแล้ว
——————————————
ไป๋หลิงตามสวินเข่อหรันเข้าไปในห้องชันสูตรศพด้วยหัวใจที่แตกสลาย หายใจได้กลิ่นโกโก้ที่หอมหวานลอยอยู่ในอากาศ ทำให้เขาผ่อนคลายลงทันที
“ชอบกลิ่นศพขนาดนั้นเลยเหรอ” โกโก้แซว
เสี่ยวไป๋ส่ายหัว ส่ายหัว แล้วส่ายหัว
“มานี่ เอานี่ไป” โกโก้ส่งรายงานฉบับหนึ่งให้เสี่ยวไป๋ “หัวหน้าของพวกนายชอบรายงานของศพหญิงไร้หัวที่สุด รอยตัดตรงคอเกิดภายหลังเสียชีวิต”
“เอ๊ะ แล้วเธอตายยังไงล่ะ”
“บนร่างกายเธอไม่มีรอยบาดแผลอื่นที่ทำให้เสียชีวิตได้ จากสภาพที่เลือดในร่างกายออกสีแดงคล้ำและยังอยู่ในสถานะไหลอยู่บ้าง มีเลือดคั่งอยู่อวัยวะภายใน เลือดออกเป็นจุดใต้เยื่อหุ้มปอด สาเหตุการตายอาจเกิดจากการขาดอากาศหายใจ ฉันได้บรรยายอย่างละเอียดในรายงาน 3 จุด จุดแรกคือรอยตัดที่คอเกิดจากเลื่อยไฟฟ้า รายละเอียดการวิเคราะห์ของรอยตัดต้องรอเปรียบเทียบกับข้อมูลที่แผนกพิสูจน์หลักฐาน ถ้าโชคดี จะหารุ่นและช่องทางการจำหน่ายของเลื่อยไฟฟ้าได้ จุดที่สองคือ ในศพมีห่วงคุมกำเนิดสำหรับผู้หญิงที่เสียรูปไปแล้วหนึ่งอัน มีรอยถลอกอันเกิดจากการ่วมเพศก่อนตาย แต่ในร่างกายไม่มีอสุจิของคนอื่น จุดที่สาม บนตัวศพสะอาดมาก”
“สะอาดเหรอ”
“ใช่ ไม่ว่าซอกเล็บหรือจุดปลีกย่อยอื่นๆ นอกจากฝุ่นที่อาจเกิดจากตอนทิ้งศพ ไม่มีขนหรือเส้นผมของมนุษย์ติดมา”
“ความหมายของคุณคือ”
“ปิดรายงานในมือของนาย” โกโก้หันมามองหน้าเสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋เหวอ
“ปิดรายงานในมือของนาย” โกโก้ย้ำ “รายงานของหมอนิติเวชบรรยายตามความจริงร้อยเปอร์เซนต์ ปิดรายงานซะ ฉันจะบอกสิ่งคาดเดาที่ไม่รับผิดชอบ ฉันเห็นในรายงานบอกว่า ตอนที่พบศพ ศพเปลือยถูกโยนลงในกองขยะ ถ้าทิ้งศพอย่างนี้ มีฝุ่นบนตัวศพจะเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไม่มีแม้แต่เศษผิวหนัง ขนหรือเส้นผมในซอกเล็บ ก็เป็นเรื่องผิดปกติ”
“คุณคิดว่า ศพนี้ถูกทำความสะอาด” เสี่ยวไป๋คิดตามทันแล้ว
“เป็นไปได้”
“คนคนนี้เจ้าเล่ห์จัง” เสี่ยวไป๋ถอนหายใจ
“ไม่เพียงแต่เจ้าเล่ห์ ยังสุขุมจนน่ากลัว เขาอาจจะใช้วิธีรัดคอหรือให้ขาดอากาศหายใจ แล้วตัดหัวซึ่งมีหลักฐานทิ้งไว้เยอะที่สุดออกมา ทำความสะอาดร่างเสร็จก็ทิ้งไปอย่างไม่แยแส ไม่ว่าขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งในนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาสามารถดำเนินการเสร็จอย่างราบรื่น ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่ง ไม่มีหัว ก็จะไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ตั้งแต่แรก ถึงโชคดีตรวจสอบได้ แต่หลักฐานบนร่างกายถูกทำความสะอาดจนหมด ก็ไม่สามารถติดตามสืบต่อได้อีก”
“ถ้างั้น... ก็จบนะซี่”
“นายคิดจะเลิกล้มความตั้งใจเหรอ” โกโก้เงยหน้ามองไป๋หลิงยิ้มๆ
“ไม่อยู่แล้ว ข้าจะเลิกล้มได้ยังไง” อาจจะถูกใบหน้ายิ้มแย้มของผู้หญิงตรงหน้ายั่วจนไป๋หลิงร้องเอะอะออกมา
โกโก้ถูจมูกแล้วยิ้ม ในใจพลางคิด ก็มีแต่ตอนต้าเจิ้งไม่อยู่นั่นแหละ นายถึงกล้าใช้คำว่าข้า “ฉันยังพูดไม่จบ” เธอยกแก้วที่อยู่ขอบโต๊ะขึ้นมา “ในศพมีห่วงคุมกำเนิดสำหรับผู้หญิง แต่ถูกดันเข้าไปในร่างกายจนเสียรูปไปแล้ว นายคิดว่ายังไง”
“จะคิดยังไงได้ ก็มีการร่วมเพศนะซี่”
“แต่ในร่างกายไม่มีอสุจิของผู้ชาย”
“นั่น...นั่นเพราะว่าผู้ชายก็ใช้ถุงยางเหมือนกัน”
“ในเมื่อผู้หญิงใช้แล้ว ทำไมผู้ชายยังต้องใช้อีก”
“...นั่น นั่นเพราะว่า ผู้ชายอาจจะไม่รู้ว่าผู้หญิงใช้อยู่”
“ผู้หญิงประเภทไหน เตรียมห่วงคุมกำเนิดภายในก่อนที่จะเห็นผู้ชาย” โกโก้ถาม
เสี่ยวไป๋ฉงน
“ผู้หญิงประเภทไหนที่ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจขั้นพื้นฐานกับผู้ชายคนหนึ่งก็ขึ้นเตียง”
เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว พอเข้าใจบ้างแล้ว
“มองอีกมุมหนึ่ง ถ้านายเป็นฆาตกร นายสุขุม ใจกล้า วางแผนรัดกุม นายอยากให้ศพยากแก่การระบุตัวตนโดยสิ้นเชิง”
“ทางที่ดีที่สุด ต้องเป็นคนที่ไม่มีใครสนใจว่าหายสาบสูญหรือไม่” เสี่ยวไป๋เริ่มเข้าใจแล้ว
โกโก้ดื่มโกโก้ไปคำหนึ่ง “มีผู้หญิงประเภทหนึ่ง เตรียมห่วงคุมกำเนิดเอง ไม่พูดอะไรมากก่อนร่วมเพศกับผู้ชาย เวลาหายตัวก็ไม่มีคนสังเกต”
ไป๋หลิงก้มหน้าครุ่นคิด “คนที่ทำงานบริการประเภทนี้ในเมืองนี้ก็มีหลายพันคน หายากจริงๆ”
โกโก้ยิ้ม “ผู้หญิงหายาก แต่เลื่อยไฟฟ้าหาไม่ยากหรอก”
ไป๋หลิงเงยหน้าพรวด “นั่นนะซี่ เลื่อยไฟฟ้าหาซื้อไม่ได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ต้องไปร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะ พี่สวินบอกเร็วกว่านี้หน่อยซี่ นี่มันทิศทางการสืบสวนนี่นา”
โกโก้เงยหน้ามองเขา “ที่ฉันพูดอะไรกับนายไว้มากมาย ก็เพื่อบอกนายว่า คนนี้อันตรายมากแค่ไหน ฉลาด ใจกล้า อำมหิต แล้วก็” โกโก้ชี้ไปที่ตู้หมายเลข 64 “นี่อาจจะเป็นเพียงการเริ่มต้น ถ้าพวกนายยังจับเขาไม่ได้”
ไป๋หลิงนิ่งเงียบ
——————————————
เอี๊ยด ประตูถูกเปิดออก ผู้ช่วยเสี่ยวเจ๋อเดินเข้ามา เห็นไป๋หลิงยืนอยู่ข้างตัวสวินเข่อหรัน สีหน้าจริงจัง บรรยากาศเงียบสงบ บนใบหน้าแสดงอารมณ์เคียดแค้น
ไป๋หลิงหยิบรายงานชันสูตรศพบนโต๊ะขึ้นมา เดินออกไปไม่พูดไม่จา
“พี่สวิน เขาเป็นอะไรไป” เสี่ยวเจ๋อถามอย่างใคร่รู้
เข่อหรันยิ้ม “ไม่มีอะไร ตกใจกับศพจนเอ๋อ เออ เอารายงานอุบัติเหตุนั่นมาแล้วใช่ไหม” เข่อหรันเดินไปข้างโต๊ะชันสูตร เลิกผ้าขาวขึ้นมา
“ครับ” เสี่ยวเจ๋อเปิดรายงานอ่าน “คืนวันที่ 21 ตุลาคมเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ผู้ก่อเหตุขับจากด้านทิศใต้ไปทิศเหนือบนทางหลวง a ขณะขับผ่านบริเวณพื้นที่สีเขียวด้านใต้ของเมือง ชนผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากเบรครถไม่ทัน หลังจากชนผู้ตายจนตัวลอย ทับผ่านอีกครั้ง แล้วลากถูไปกับพื้นประมาณ 15 เมตร จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ก่อเหตุมีระดับแอลกอฮอล์เกินมาตรฐานไป 27 เปอร์เซ็นต์จัดอยู่ในประเภทเมาแล้วขับ แต่เขากลับยืนยันว่า ผู้ตายพุ่งออกจากข้างถนนอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว บอกว่าผู้ตายจงใจฆ่าตัวตาย”
เข่อหรันสำรวจตัวศพ “พวกเขาอยากตรวจสอบอะไรใหม่”
“เอ่อ ผมดูก่อน กระดาษที่ทางจราจรเขียนมาบอกว่า อยากให้ตรวจสอบว่า บาดแผลที่ทำให้เสียชีวิตเกิดจากการชนหรือลากถูกับทับผ่าน ถ้าเป็นไปได้ มีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าผู้ตายจงใจฆ่าตัวตาย พวกเขามีความคิดแตกแยกเวลาสรุปเหตุการณ์อุบัติเหตุ”
“อืม...” เข่อหรันวนรอบโต๊ะชันสูตรพลางสำรวจ เสี่ยวเจ๋อรู้สึกว่าสีหน้าเธอเหมือนวนรอบเขียงหมูยังไงอย่างนั้น ขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน เข่อหรันใส่ถุงมือแล้วพูดว่า “มา เสี่ยวเจ๋อ เคสนี้ถือว่าเป็นการทดสอบย่อยของนายแล้วกัน”
เหอะๆ เสี่ยวเจ๋อหน้าตาประจบ “พี่สวิน ถ้าเกิดสอบไม่ผ่าน คงไม่ลงในผลการฝึกงานของผมนะครับ”
“ไม่หรอก” เข่อหรันสีหน้าอ่อนโยน “ถ้าไม่ผ่าน ฉันจะให้นายคัดบทที่ 1 ถึงบทที่ 3 ของหนังสือหลักนิติเวชศาสตร์เบื้องต้นด้วยลายมือหนึ่งจบ”
เสี่ยวเจ๋อเกิดความรู้สึกอยากเปลี่ยนตัวกับคนที่อยู่บนโต๊ะชันสูตรนั้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
——————————————
สวีหวั่นลี่เข้ามาเป็นตำรวจยังไม่ถึงครึ่งปี ปกติจะแค่ช่วยงานด้านเอกสาร แต่แท้ที่จริงเธอยังมีภารกิจลับส่วนตัวอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ จับตามองความสัมพันธ์ของคนที่โจวต้าเจิ้งติดต่อด้วย
“ไฮ หวั่นลี่” ต้าเจิ้งเดินสวนกับเธอที่ระเบียง บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก
“หัวหน้า โบนัสออกแล้วเหรอ” หวั่นลี่ที่คิดจะไปทางตะวันออกแต่แรก รีบหันกลับมาเดินตามต้าเจิ้งอัตโนมัติ
“เปล่านี่ ใครบอก”
“ก็รอยยิ้มสดใสบนใบหน้า”
ต้าเจิ้งจับหน้าของตัวเอง “มีเหรอ อืม...ฉันแค่รู้สึกว่าเจอของที่น่าสนใจเข้าแล้ว”
น่าสนใจ? ของ? สมองของหวั่นลี่ตามไม่ทันชั่วขณะ
“เออ เธอรู้จักสาวน้อยที่อยู่แผนกนิติเวชใช่ไหม คนที่ชอบกินโกโก้คนนั้น” คำพูดของต้าเจิ้งทำให้เท้าของสวีหวั่นลี่หยุดชะงัก
“คุณว่า...ใครนะ”
“หมอนิติเวชหญิงที่แซ่สวิน” ต้าเจิ้งพูด
“เออ...ไม่ค่อยสนิท” บนหน้าของหวั่นลี่ยังมีรอยยิ้มค้างอยู่ แต่ในใจกลับบ่น ใหญ่มาจากไหนเชียว คาดไม่ถึงว่าจะทำให้หัวหน้าสนใจ เหมือนเคยได้ยินใครพูดถึงผู้หญิงคนนี้ แค่...เด็กผู้หญิงที่อายุเพิ่งจะยี่สิบนิดๆ มั้ง
[1] สารวัตรแมวดำ เป็นภาพยนตร์การ์ตูนของประเทศจีน