บทที่ 4 ศักยภาพของหุ่นซอมบี้
บทที่ 4 ศักยภาพของหุ่นซอมบี้
หากแต่ระหว่างที่ใจลอยอยู่นั้น ดวงตาเย่เลี่ยนก็ฉายประกายเย็นเยียบออกมาทันที ขณะเดียวกันหลิงม่อเองก็เจ็บจี๊ดขึ้นที่สมอง ดีที่เขาดึงสติกลับมาได้ไว แล้วกลับมาควบคุมเย่เลี่ยนไว้อีกครั้ง
แค่สติหลุดลอยไปนิดเดียว เย่เลี่ยนก็เกือบจะหลุดจากการควบคุมของเขาเสียแล้ว ทำให้หลิงม่อรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
เมื่ออยู่ตรงหน้าเย่เลี่ยน แม้แต่เจ้าหุ่นซอมบี้ยังไร้ซึ่งแรงจะต้านทานเลย ตัวหลิงม่อเองก็แทบจะต้านไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่อยากทำร้ายเย่เลี่ยน และก็ไม่อยากถูกเย่เลี่ยนฆ่า ตอนนี้ได้เจอกับเย่เลี่ยนแล้ว เขาก็ยิ่งตายไม่ได้เข้าไปใหญ่ เขาจะต้องหาวิธีทำให้เย่เลี่ยนกลับมาเป็นปกติให้ได้
จะอยู่ตรงนี้นานไม่ได้ หลิงม่อจึงรีบควบคุมให้เย่เลี่ยนเดินไปทางที่พักของตัวเอง
ในสถานที่ที่ผู้คนแออัดแบบนี้ ต่อให้ระวังตัวสักแค่ไหน ก็มีสิทธิ์เจอะเจอเข้ากับซอมบี้ได้อยู่ดี แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้อันยากลำบากอย่างเมื่อก่อนแล้ว มีเย่เลี่ยนอยู่ พวกซอมบี้ก็แทบจะพ่ายแพ้ ไร้ซึ่งการต่อต้าน
ไม่ว่าจะความเร็วหรือพละกำลัง เย่เลี่ยนก็ล้วนเหนือกว่าซอมบี้ธรรมดาอยู่ไกลโข ตอนแรกหลิงม่อกังวลว่าจะทำร้ายเย่เลี่ยน จึงไม่อยากควบคุมให้เธอไปสู้รบปรบมือกับใคร แต่พอซอมบี้ปรากฏตัวขึ้น เย่เลี่ยนก็ส่งสัญญาณความปรารถนาที่จะเข้าต่อสู้อย่างแรงกล้า จนทำให้หลิงม่อเองก็รู้สึกถึงความร้อนแรงนั้น ก่อนหน้านี้เขาก็เคยรับรู้ถึงความรู้สึกบ้าระห่ำเมื่อครั้งที่ควบคุมหุ่นซอมบี้ แต่เวลานี้มันเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าตัว
ตั้งแต่วินาทีที่เย่เลี่ยนพุ่งออกไป หลิงม่อก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองสามารถควบคุมเย่เลี่ยนได้แค่ครึ่งเดียว ขณะที่เธอกำลังต่อสู้ สัญชาตญาณของเธอถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ซึ่งกำลังความสามารถในการควบคุมซอมบี้ของหลิงม่อในตอนนี้ทำได้แค่รักษาสายสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับเย่เลี่ยนเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปควบคุมเวลาที่เธอต่อสู้ได้เลย
“คิดไม่ถึงว่าเธอจะแข็งแกร่งขนาดนี้...” หลิงม่อรู้สึกถึงความอันตรายขึ้นมาทันควัน หากไม่รีบเพิ่มศักยภาพของตัวเอง อีกไม่นานเย่เลี่ยนก็คงหลุดจากการควบคุมของเขาเป็นแน่ ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่จะช่วยให้เธอกลับมาเป็นปกติเลย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตายคามือเธอด้วยซ้ำ แล้วถึงแม้โชคดีรอดมาได้ แต่ต่อไปการจะตามหาเย่เลี่ยนในเมืองใหญ่นี้ ก็คงจะเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
พอคิดมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็กัดฟัน กำมีดเลาะกระดูกแน่น แล้วพุ่งไปอยู่ข้างกายเย่เลี่ยน
ตอนนี้มีซอมบี้สี่ตัวกำลังรายล้อมเย่เลี่ยน ซึ่งเธอเองก็กำลังเด็ดหัวซอมบี้ตัวหนึ่งอยู่ พวกมันไม่รุกโจมตีเย่เลี่ยนก่อน แต่เมื่อหลิงม่อโผล่เข้ามา เจ้าสามตัวที่เหลือกลับกระโจนเข้าใส่เขาพร้อมกัน
เป็นครั้งแรกที่ต้องรับมือซอมบี้หลายตัวแบบนี้ ทำให้หลิงม่อตึงเครียดสุดๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไร กลิ่นอายความบ้าระห่ำที่รับรู้ได้จากตัวเย่เลี่ยน กลับทำให้เขาเกิดแรงฮึกเหิมอยากจะต่อสู้ขณะที่ชูมีดเลาะกระดูกขึ้น
หลิงม่อส่งเสียงคำรามต่ำพลางพุ่งตรงเข้าไปใจกลางซอมบี้สามตัวนั้น
พวกซอมบี้มีเรี่ยวแรงเยอะมาก แล้วก็ไม่ได้เคลื่อนไหวแข็งทื่อเหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์ แต่เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์ประหลาดที่เคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น วิธีการโจมตีจึงค่อนข้างธรรมดา ไม่ซับซ้อน
เมื่อหนึ่งในซอมบี้ยื่นมือมาหมายจะคว้าตัวหลิงม่อ เขาก็เบี่ยงตัวหลบทันที แล้วระหว่างที่หลบหลีกการโจมตีของซอมบี้ตัวนี้ เขาก็แทงมีดเลาะกระดูกเข้าที่ท้องของซอมบี้อีกตัว
“ฉึก!”
เสียงปลายมีดแทงเข้าเนื้อดังขึ้น แต่หลิงม่อไม่มีเวลาจะหันกลับไปมอง ก็ยกเท้าขึ้นถีบไปที่ซอมบี้ตัวที่สาม
ซอมบี้ตัวนี้ถูกถีบกระเด็นไปอยู่ตรงหน้าเย่เลี่ยน มันยังไม่ทันจะลุกขึ้นมา เย่เลี่ยนก็ควักสมองมันออกไปเรียบร้อยแล้ว
แล้วตอนนี้เองซอมบี้ตัวที่หลิงม่อเบี่ยงตัวหลบก็กลับมาประจันหน้าอีกครั้ง คราวนี้หลิงม่อที่เพิ่งทรงตัวได้ต้องประสบวิกฤตการณ์ที่แท้จริงเสียแล้ว
หลิงม่อยังไม่ทันชักมีดออกมา มือที่เต็มไปด้วยเลือดของเจ้าซอมบี้ตัวนี้ก็ยื่นมาตรงหน้าเขาแล้ว ถ้าโดนจับได้ล่ะก็ ทีนี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสลัดให้หลุดได้
ขณะที่ความตายกำลังคืบคลานเข้ามา หลิงม่อกลับไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขาดึงมีดเลาะกระดูกเข้ามาข้างหน้า เมื่อรู้สึกว่าซอมบี้ตัวที่ติดอยู่กับมีดถูกมีดลากตัวมาข้างหน้า หลิงม่อก็เบี่ยงตัวไปทางด้านข้างอย่างว่องไว
ระหว่างที่ซอมบี้สองตัวชนกันอย่างจัง มีดเลาะกระดูกในมือหลิงม่อก็ได้เฉือนท้องของหนึ่งในซอมบี้ออกมา จากนั้นไม่รอช้ารีบแทงมีดเข้าที่ศีรษะด้านหลังของซอมบี้อีกตัว แล้วออกแรงบิด
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อหลิงม่อได้สติกลับคืนจากความบ้าเลือด สถานที่แห่งนี้ก็เหลือเพียงซากศพของซอมบี้แล้ว
เวลานี้หลิงม่อเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่เขาไม่เพียงจะแสดงให้เห็นถึงความสุขุมเยือกเย็น แต่ยังเห็นถึงความรวดเร็วในการตอบสนองทั้งทางจิตใจและร่างกายในเวลาเดียวกันด้วย แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาทางด้านจิตใจและร่างกายของเขาเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่าเจ้าอารมณ์บ้าระห่ำนั่นก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือพอมองดูซากศพที่ใต้ฝ่าเท้า ในมือก็กำมีดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ร่างกายของหลิงม่อก็อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่ากลัว แต่เป็นเพราะตื่นเต้น...
ตอนนี้เย่เลี่ยนได้กลืนกินก้อนเหนียวหนืดที่อยู่ในสมองของพวกซอมบี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วดวงตาทั้งสองข้างของเธอก็สว่างเป็นประกายมากขึ้น อีกทั้งดูเฉลียวฉลาดขึ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะสีแดงฉานที่แปลกประหลาดนั่น จะว่าไปแล้วตอนนี้เธอก็ดูไม่แตกต่างไปจากผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เลยสักนิด
ไม่รู้ทำไม ตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเย่เลี่ยน หลิงม่อเองก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่หลิงม่อก็รู้สึกได้จริงๆ ว่าพละกำลังของตัวเองแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก กำลังที่สูญเสียไปบางส่วนก็ฟื้นกลับคืนมาด้วย แล้วที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือสายสัมพันธ์ทางจิตระหว่างเขาและเย่เลี่ยนใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว
หรือเป็นเพราะเขามีสายสัมพันธ์ทางจิตกับเย่เลี่ยน ดังนั้นเวลาที่เธอเกิดการกลายร่าง ตัวเขาก็เลยได้รับผลกระทบไปด้วย? นอกจากข้อนี้ หลิงม่อก็หาคำอธิบายที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้หลิงม่อยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มันดีหรือไม่ดี แต่การเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้ในตอนนี้กลับทำให้หลิงม่อรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ไม่ส่งผลกระทบต่อสติสัมปชัญญะ แถมยังได้แข็งแกร่งไปพร้อมกับเย่เลี่ยนด้วย! หลิงม่อถึงขนาดเริ่มตั้งตารอคอยการเปลี่ยนแปลงขั้นต่อไปเลยทีเดียว แต่ในใจเขารู้ดีว่าจะรีบร้อนเกินไปไม่ได้ หากเกิดอันตรายอะไรกับเย่เลี่ยน ถึงตอนนั้นมานึกเสียใจก็คงสายไปแล้ว
ระหว่างทางกลับที่พัก หลิงม่อไปหาชุดเดรสสะอาดและรองเท้าแตะหนึ่งคู่ที่ร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เขาตั้งใจจะเปลี่ยนให้แทนชุดเปื้อนเลือดซึ่งเย่เลี่ยนใส่อยู่
รูปร่างลักษณะของเจ้าหุ่นซอมบี้ตัวก่อนหน้านี้ดูน่าขยะแขยงก็ช่างมันเถอะ แต่เย่เลี่ยนรักความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจ แม้จะกลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว ก็ไม่อาจปล่อยให้เธอใส่ชุดอะไรแบบนี้ได้
แต่หลังจากกลับมาถึงที่พัก หลิงม่อมองดูเย่เลี่ยนที่นั่งเงียบอยู่ตรงหน้าแล้ว เขากลับไม่รู้ว่าควรจะลงมืออย่างไรดี!
ไม่ว่าจะควบคุมเย่เลี่ยนให้ถอดเสื้อผ้าเอง หรือว่าเขาเป็นคนถอดให้ มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเห็นเรือนร่างที่เคยปรากฏอยู่ในจินตนาการของเขานับครั้งไม่ถ้วน...
ด้วยความที่เมื่อก่อนเขามีคุณสมบัติไม่เพียบพร้อมพอ แม้ในใจจะชอบเย่เลี่ยนมาก แต่หลิงม่อก็ไม่เคยได้สารภาพรักออกไป แล้วก็ยิ่งไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย่เลี่ยนจะมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรเสียเขาก็เป็นแค่หนุ่มเนิร์ดที่ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน รายได้ก็ไม่สูง ส่วนเย่เลี่ยนเป็นถึงดาวแห่งมหาวิทยาลัยเมือง X รอบกายมีแต่หนุ่มๆ โปรไฟล์เลิศมาขายขนมจีบมากมายนับไม่ถ้วน
แต่ตอนนี้ต้องช่วยเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่างไรก็ต้อง...
แม้เวลานี้เย่เลี่ยนจะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะใดๆ แต่หลิงม่อก็ยังคงรู้สึกคอแห้งผาก
เขาเหลือบมองกะละมังที่วางอยู่ข้างเท้าทีหนึ่ง แล้วก็มองเย่เลี่ยนที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมมทีหนึ่ง หลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ ในที่สุดหลิงม่อก็ค่อยๆ ยื่นมือออกไป...
“ใจเย็นไว้ ใจเย็นไว้...”
เมื่อประจันหน้ากับเรือนร่างของหญิงสาวอันเป็นที่รัก หากบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็คงโกหกแล้ว แต่พอมองดวงตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกของเย่เลี่ยนแล้ว หลิงม่อก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นในอก
เมื่อไรถึงจะทำให้เย่เลี่ยนได้สติกลับคืนมานะ...
.....................................................................