บทที่ 4 วิ่ง!!!!!
บทที่ 4 วิ่ง!!!!!
ตอนที่เฉินเสี่ยวเลี่ยนจากไปเป็นเวลาตีห้ากว่า
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงเขาก็เกือบสิ้นหวังถึงขีดสุด!
เขาเดินไปทางทิศใต้... นาฬิกาของเขามีฟังก์ชั่นเข็มทิศอยู่
เดินอยู่ในป่าราวๆ สามชั่วโมง จนกระทั่ง... เขาเห็น...
ทะเล!
เส้นแนวชายฝั่ง
คลื่นที่ม้วนตัวซัดเข้ากับโขดหิน ทำเอาเฉินเสี่ยวเลี่ยนรู้สึกสิ้นหวังนิดหน่อย
เขารู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
เพราะว่า... ตลอดทางที่เดินมาไม่ว่าจะเป็นในป่า หรือชายฝั่งแห่งนี้ ก็ไม่เห็นร่องรอยของมนุษย์เลยสักนิด
แนวชายฝั่งแห่งนี้ยาวมาก หาดทรายก็ไม่เลวนัก ถ้ามองในมุมการท่องเที่ยวแล้ว นับว่าเป็นที่ที่เหมาะแก่การพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอย่างมาก ทว่าที่นี่กลับไม่ปรากฏร่องรอยกิจกรรมใดๆ ของมนุษย์เลย
ชายหาดสะอาดมาก ไม่มีขยะหรือของใช้ที่เป็นร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์อยู่สักนิด
ในป่าเองก็ไม่มีเหมือนกัน
เฉินเสี่ยวเลี่ยนตะโกนด้วยความโมโหใส่ทะเล ปลดปล่อยความโกรธในใจออกมา
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะหาคนไม่เจอ!”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนเตะก้อนหินก้อนหนึ่งจนกระเด็นเต็มแรง
คนบนเครื่องบินมากมายขนาดนั้นหายไปกันหมด เห็นชัดๆ ว่าหนีไปก่อนแล้ว... แปลว่าที่นี่จะต้องมีคนอยู่แน่นอน! จะต้องถูกช่วยไปแล้วแน่ๆ! แต่ว่าทำไมพวกเขาไม่พาฉันไปด้วยล่ะ?
เอาเถอะ ไม่เอาศพนั่นไปก็พอเข้าใจได้ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคนตายแล้ว...
แต่กูยังไม่ตายโว้ย!!!
โลลิเกาหลีกับแอร์โฮสเตสนั่นก็ยังไม่ตายเหมือนกัน!!!!
แล้วทำไมถึงไม่ช่วยพวกเราสามคนล่ะ?!
รอให้เจอพวกนั้นก่อนเถอะ... เฉินเสี่ยวเลี่ยนสาบานว่าจะต้องต่อยนักบินคนนั้นแรงๆ สักหลายที!!
กลับไปที่เดิมเหอะ!
เวลาประมาณสี่โมงเย็นกว่าๆ เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็กลับถึงต้นทางที่ออกเดินทางในตอนเช้า
ตอนที่เห็นซากเครื่องบิน เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
อืม! ไม่ได้หลงทาง! ถ้าหลงทางในป่าคงตายแน่
กองไฟดับไปแล้ว แต่ว่า...
ผู้หญิงสองคนนั่นไม่อยู่
“...เชี่ย!! ไม่ใช่มั้ง! สองคนนั่นหนีไปแล้วเหรอ?!!”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนรู้สึกเหมือนจะคลั่งไปชั่วขณะ
เดินจนล้ามาทั้งวันแถมยังหิวอีก... น้ำเปล่าสองขวดนั่นเขาดื่มไปจนหมดแล้ว
“ไม่รอฉันแล้วหนีไปกันเองงั้นเหรอ? มีคนมาช่วยแล้วหรือยังไง?” เฉินเสี่ยวเลี่ยนโมโหเตะกองฝืนจนกระจุย
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
ดังมาจากในซากเครื่องบิน!
เขามองไปก็เห็นหน้าคนโผล่ออกมาครึ่งหนึ่งจากด้านในซากห้องเคบิน เป็นแอร์โฮสเตสสาวชาวญี่ปุ่นคนนั้นเอง
ผมของแอร์โฮสเตสสาวยุ่งเหยิง ใบหน้ารูปไข่ที่แต่เดิมสวยงาม กำลังบิดเบี้ยวจากการออกแรงตะโกนมาทางเขา
“Come here!!! Come here!!!”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนรู้สึกตัวเองโชคดีขึ้นมาทันที อย่างน้อยก็โชคดีที่ไม่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวละนะ...
เขายิ้มขื่นเดินไปทางซากเครื่องบิน พลางพูดเสียงดังโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ “บอกว่าอย่าไปไหนไง? ไม่เห็นใครทำเอาฉันตกใจแทบแย่ รู้บ้างไหม...”
สีหน้าแอร์โฮสเตสสาวชาวญี่ปุ่นคนนั้นยิ่งดูน่ากลัวขึ้นมาในฉับพลัน ใบหน้านั้นยิ่งบิดเบี้ยว จู่ๆ ก็ตะโกนร้องด้วยความตื่นตระหนกขึ้นมา: “Run!!!!!!!!!”
......
ในคืนวันนับครั้งไม่ถ้วนหลังจากวันนั้น ทุกครั้งที่เฉินเสี่ยวเลี่ยนหวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นก็รู้สึกโชคดีอย่างประหลาดกับปฏิกิริยาในตอนนั้นของตน
ตอนนั้นเขาไม่ได้แสดงท่าทางหรือว่าพูดพล่ามอะไร และก็ไม่ได้มัวแต่อ้อยอิ่งซักไซ้ให้อีกฝ่ายอธิบายให้รู้เรื่อง
คล้ายกับว่าเป็นสัญชาติญาณ พอได้ยินแอร์โฮสเตสสาวชาวญี่ปุ่นตะโกนร้อง ในใจก็คล้ายเลือกปฏิกิริยาตอบกลับที่ไวที่สุดไว้แล้ว
กระทั่งในหัวเขาก็ไม่ได้ลังเลหรือคิดอะไร ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือ...
สับขาวิ่งอย่างไว!
ใช้ความเร็วสูงสุดของตนเองวิ่งอย่างบ้าคลั่ง! ใส่เกียร์หมาพุ่งไปทางซากห้องเคบินเครื่องบิน!!!
ในตอนที่เขาเพิ่งขยับได้ไม่กี่วินาที เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากด้านหลัง!
เสียงคำรามนั้น ไม่รู้แน่ว่าเป็นของสัตว์ชนิดไหน ในหัวของเฉินเสี่ยวเลี่ยนมีเพียงความคิดเดียว!
วิ่ง!!
หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างกับกลอง ใบหน้าที่บิดเบี้ยวและสายตาที่ตื่นตระหนกของแอร์โฮสเตสสาวชาวญี่ปุ่นดูเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที!
เฉินเสี่ยวเลี่ยนไม่ลังเลแม้แต่น้อย เค้นแรงเฮือกสุดท้ายอันน้อยนิดของตนออกมาจนหมด!
ในตอนก่อนจะถึงประตูซากห้องเคบินนั่นเอง เฉินเสี่ยวเลี่ยนเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาความว่องไวนั้นมาจากไหน ในชั่วแวบเดียวก็จะพุ่งกระโจนสุดแรง ทิ้งตัวเข้าไปทางรอยแยกของซากเครื่องบิน ใช้ท่าทางแสนตลกและสุดโอเวอร์มุดเข้าไปในช่องว่างนั้น
ด้านหลังเกิดเสียงดังกึกก้องตามมา
ตึง!!
ดูเหมือนว่าของหนักๆ บางอย่างชนเข้ากับผิวภายนอกห้องเคบินโดยสารอย่างแรง
เฉินเสี่ยวเลี่ยนตกลงบนพื้น ยังไม่ทันได้ขยับตัวให้ดีก็รีบหันกลับไปมองท่ามกลางความชุลมุนแวบหนึ่ง
ทว่าในแวบเดียวนั้น เกือบทำให้เขาแทบหยุดหายใจ
เงาร่างดำทะมึนร่างหนึ่ง ดูด้วยสายตาแล้วน่าจะสูงเกือบสองเมตร บนลำตัวคล้ายกับมีขนยาวสีดำอยู่ทั่ว ก้อนสีดำปี๋ใหญ่ยักษ์นั่นชนเข้ากับภายนอกห้องเคบินแล้วก็กลิ้งไปบนพื้นรอบหนึ่ง จากนั้นก็ยืนขึ้นมาใหม่ เงยหน้ากู่ร้องเสียงดังอย่างดุร้าย!
เขี้ยวโค้งแหลมคมสองข้างและปากใหญ่กว้างสีแดงฉานดั่งเลือด ทำเอาเฉินเสี่ยวเลี่ยนรู้สึกหวาดผวา!
หากว่ากันตามแหล่งความรู้ทั้งหลายแหล่ที่ได้จากการอ่านหนังสือตลอดระยะเวลาสิบแปดปีของเขา ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเรียนเล่มไหน ทีวีช่องใด สวนสัตว์ที่ไหนๆ หรือจะเป็นพวกนิตยสารภูมิศาสตร์แห่งชาติ อะไรจำพวกนั้น...
เขากล้าสาบานต่อหน้าแบร์ กริลราชาแห่งนักผจญภัยเลย!
เจ้าสิ่งนี้... เฉินเสี่ยวเลี่ยนไม่รู้จักอย่างแน่นอน!!
มัน... คือตัวอะไรกันแน่?!
มันมีรูปร่างคล้ายกับหมูป่า หัวคล้ายกับสัตว์ตระกูลแมว ทว่าตรงบริเวณเหนือจมูกดันมีนอโค้งใหญ่ยักษ์เหมือนกับแรด ในปากอันใหญ่โตที่มีสีแดงเหมือนกับเลือดยังมีเขี้ยวโค้งคมอีกคู่หนึ่ง!
ขนาดตัวอันบึกบึนมโหฬารนั่นคงไม่ต้องพูดถึง ส่วนตาของมัน...
ผีหลอกชัดๆ!
คุณเคยเห็นสัตว์ตระกูลแมวที่มีสี่ตาบ้างไหมล่ะ ทั้งข้างซ้ายและขวา แต่ละข้างมีลูกตาอยู่สองดวง!!!
สัตว์ตัวนั้นค้อมเอวแอ่นตัวอยู่กับที่ กู่ร้องเสียงดังสนั่นใส่ซากห้องเคบิน สั่นหัวไปมา คล้ายกับว่าความดุร้ายของมันไม่ได้ลดทอนลง มันโก่งตัวอีกครั้งแล้วพุ่งมาทางซากเครื่องบิน
คราวนี้เฉินเสี่ยวเลี่ยนมองเห็นได้ชัดแจ๋ว
ตอนที่สัตว์ประหลาดนั่นยังไม่ทันถึงตัวซากเครื่องบิน จู่ๆ ตรงส่วนพื้นผิวของซากเครื่องบินก็ปรากฏแสงสีฟ้ากลุ่มหนึ่งที่คล้ายกับกระแสฟ้าแลบขึ้นมา กลุ่มแสงนั้นดีดเข้าใส่สัตว์ประหลาดอย่างรุนแรง
เจ้าสัตว์ประหลาดถูกแสงยิงใส่ก็ร่วงลงกับพื้น มันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและคำรามอย่างไม่ยอมแพ้แล้วหมุนตัวอยู่กับที่อีกสองรอบ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นใช้ขาหน้าอันใหญ่โตแทกใส่ลำต้นไม้ที่อยู่ด้านข้างอย่างแรง
สวรรค์เป็นพยาน ต้นไม้ต้นนั้นมีขนาดหนาพอๆ กับเอวของเฉินเสี่ยวเลี่ยน แต่กลับถูกโค่นลงดื้อๆ ลำต้นกระเด็นปลิวไปไกล!
เฉินเสี่ยวเลี่ยนมองตาถลนจนแทบจะหลุดลงมาอยู่แล้ว!
สัตว์ประหลาดตัวนั้นพ่นลมทางจมูกทีหนึ่งพลางมองมาทางเฉินเสี่ยวเลี่ยนที่อยู่ในเครื่องบินอย่างชั่วร้าย คล้ายกับยังไม่ยอมถอดใจ ร่างอันใหญ่โตค่อยๆ เดินไปทางป่า และหายไปลับไปในดงไม้
“ชะ ชิบหายเอ๊ย!! แม่งถ่ายหนังอยู่หรือไงวะ!!!!”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนแทบบ้า: “นั่นมันอะไรกัน?! พวกเรายังอยู่บนโลกใช่หรือเปล่า?!!”
…………………………