บทที่ 3 พบกับเพื่อนรักตั้งแต่เด็ก
บทที่ 3 พบกับเพื่อนรักตั้งแต่เด็ก
ขณะนี้หลิงม่อกวาดตามองสภาพภายในรถผ่านทางสายตาของเจ้าหุ่นซอมบี้
ภายในรถที่มืดสนิทมีเงาคนตะคุ่มๆ อยู่มากมาย และทุกคนล้วนอยู่ในสภาพแน่นิ่งกันหมด
เมื่อเดินอ้อมผ่านหน้ารถไปก็จะเห็นได้ว่าประตูรถทั้งด้านหน้าและด้านหลังเปลี่ยนสภาพไปเพราะถูกชนอัดกระแทกจนไม่สามารถเปิดออกมาได้
แม้หน้าต่างกระจกจะแตกไปหลายบาน แต่ก็ไม่มากพอที่จะให้คนปีนออกมาได้ หลิงม่อบังคับหุ่นซอมบี้ให้ทุบหนึ่งในบานหน้าต่างจนโล่ง แล้วปีนเข้าไป
ภายในรถกลิ่นรุนแรงมากทีเดียว แม้จะรับรู้ผ่านทางเจ้าหุ่นซอมบี้ แต่หลิงม่อก็ยังอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
เมื่อกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเน่าเปื่อยมารวมกัน ก็ทำให้คนที่ได้กลิ่นอยากจะอาเจียนออกมาจริงๆ
พอหุ่นซอมบี้กระโดดเข้าไปในรถ เท้าก็เหยียบลงบนศพๆ หนึ่งพอดี เมื่อก้มลงดู หลิงม่อก็ตกใจกลัวขึ้นมาทันที
ถึงแม้ศพนี้จะเน่าเปื่อยไปแล้ว หากแต่ยังคงมองเห็นใบหน้าบวมเป่งและดวงตาแดงก่ำได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าก่อนที่จะตาย เขาคนนี้ได้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว
ไม่มีใครหนีออกมา แล้วก็ไม่มีใครเข้าไป ถ้าเช่นนั้นเจ้าซอมบี้ตัวนี้หิวตายหรือ
หลิงม่อรีบควบคุมหุ่นซอมบี้ให้เดินเข้าไปในตัวรถต่อ ทว่าจากนั้นไม่นานก็พบว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ข้างในรถมีแต่คราบเลือดปื้นใหญ่เต็มไปหมด แล้วก็ยังมีเศษเสื้อผ้า เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่มีคนกลายพันธุ์ขึ้นในรถ การเชือดสังหารครั้งใหญ่ก็ได้เปิดฉากขึ้น
แต่พวกที่นอนตายกันอยู่ตรงนี้กลับเป็นพวกซอมบี้ทั้งนั้น นอกจากนี้หลิงม่อยังสังเกตเห็นว่าบริเวณศีรษะด้านหลังของพวกมันต่างถูกคว้านเปิดออกหมด
ใครทำกันนะ?
จู่ๆ หลิงม่อก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมากะทันหัน ขณะที่เขากำลังตะลึงงันอยู่นั้นเอง ก็มีเงาดำกระโดดพุ่งออกมาจากด้านหลังที่นั่งอย่างคล่องแคล่วว่องไวราวกับเสือชีตาห์ เพียงครู่เดียวก็กระโจนมาอยู่บนหลังของเจ้าหุ่นซอมบี้
เงาดำที่ว่านี้เคลื่อนไหวไร้เสียงและปราดเปรียวเป็นอย่างมาก แม้พละกำลังจะไม่มาก แต่กว่าหลิงม่อจะรู้สึกตัว เงาดำนี้ก็ใช้มือแทงสับเข้าที่ศีรษะด้านหลังของหุ่นซอมบี้แล้ว
หลิงม่อตกใจวาบ ควบคุมให้หุ่นซอมบี้ถอยหลังกลับแทบจะด้วยสัญชาตญาณทันที ก่อนจะใช้แรงกดเงาดำนั้นไว้กับพื้น
แต่ชั่วขณะนั้นเองศีรษะด้านหลังของหุ่นซอมบี้ก็แตกออก เลือดสดๆ พุ่งออกมาทันที
“ให้ตายเถอะ...มือนี่อย่างกับมีดแหนะ!”
กว่าจะเลี้ยงเจ้าหุ่นซอมบี้หนุ่มแข็งแรงมาได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย หลิงม่อรู้สึกปวดใจอยู่พักหนึ่ง ขณะเดียวกันก็หวาดกลัวเจ้าเงาดำที่ถูกกดอยู่กับพื้นเช่นกัน
เขาควบคุมให้เจ้าหุ่นซอมบี้ใช้ศอกกดลงไปที่คอของเงาดำ ส่วนอีกมือก็คว้าจับข้อมือของเงาดำไว้ พร้อมกับตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา
แต่นึกไม่ถึงว่าทันทีที่ลุกขึ้นยืน มืออีกข้างหนึ่งของเงาดำก็แทงจวกเข้าที่ช่วงท้องอันอ่อนนุ่มของเจ้าหุ่นซอมบี้เสียแล้ว
แม้ว่าเจ้าหุ่นซอมบี้จะไม่รู้สึกเจ็บอะไร แต่สีหน้าของหลิงม่อกลับกลายเป็นสับสนอย่างมาก
พูดให้ถูกก็คือ ช่วงวินาทีที่เงาดำกำลังจะลงมือนั้น หลิงม่อเองก็เตรียมพร้อมจะตอบโต้กลับอยู่แล้ว แต่พอได้เห็นหน้าตาของเงาดำชัดๆ เขาก็ตะลึงงันไปทันที
“เย่...เย่เลี่ยน...”
เขาล้มลงนั่งกับพื้น เงาดำคนที่ใช้มือจ้วงเข้าที่ท้องหุ่นซอมบี้ก็คือคนที่เขาตามหามาตลอด...เย่เลี่ยน
หลิงม่อเคยตั้งสมมติฐานไว้มากมาย แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมาเจอเย่เลี่ยนในสถานการณ์เช่นนี้
หลังจากที่กลายร่าง ดวงตากลมโตคู่สวยของเย่เลี่ยนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ทว่าสีหน้าไม่ได้บิดเบี้ยวเหมือนกับซอมบี้ทั่วไป มันกลับดูปกติและเย็นชามาก
หลิงม่อถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะ แต่พอเย่เลี่ยนควักไส้ของเจ้าหุ่นซอมบี้ออกมาเต็มมือ หลิงม่อก็ตื่นจากภวังค์ทันที
มือเล็กๆ คู่นั้นของเย่เลี่ยนดูเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เล็บมือกลับดูแข็งกว่าปกติ นิ้วมือก็มีพละกำลังมากจนสามารถแทงทะลุเนื้อหนังได้เลย เห็นได้ชัดว่าเธอแตกต่างจากซอมบี้ทั่วไป
นอกจากนี้ ซอมบี้ปกติทั่วไปก็ไม่มีทางโจมตีเจ้าหุ่นซอมบี้ที่เป็นพวกเดียวกันแบบนี้...พอนึกย้อนถึงศพซอมบี้ที่ตายเกลื่อนรถ และหันมามองเย่เลี่ยนแล้ว หลิงม่อก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที
หลังจากมนุษย์ปกติทั้งหลายที่อยู่ในรถถูกซอมบี้แย่งกันกินจนหมดแล้ว ซอมบี้ที่เหลือก็ฆ่าพวกเดียวกันเองด้วยแรงกระตุ้นจากความหิว และเย่เลี่ยนซึ่งเป็นผู้เหลือรอดสุดท้ายก็ดูเหมือนจะเกิดการกลายพันธุ์ที่แปลกประหลาดกว่าเดิมภายใต้พื้นฐานของซอมบี้...
ขณะที่หลิงม่อกำลังงงันอยู่นั้น หุ่นซอมบี้ก็ถูกเย่เลี่ยนควักลากไส้ออกมาแล้ว เลือดสดพุ่งกระฉูดเปรอะเปื้อนตัวเธอไปทั่ว
เมื่อได้รับแรงกระตุ้นจากกลิ่นคาวเลือดสดๆ ก็ดูเหมือนดวงตาของเธอจะยิ่งแดงก่ำขึ้นและพละกำลังก็เพิ่มมากกว่าเดิม เธอคว้าแขนของหุ่นซอมบี้แน่น แล้วจับโยนไปอีกด้าน
เจ้าหุ่นซอมบี้เพิ่งจะร่วงลงไปกองกับพื้น เย่เลี่ยนก็พุ่งเข้ามาหาแล้ว จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างบีบเค้นที่คอของมันทันที
การเคลื่อนไหวของเธอคล่องแคล่วว่องไวกว่าซอมบี้ทั่วไปมาก หลิงม่อยังไม่ทันจะได้ตอบโต้กลับก็โดนเย่เลี่ยนสวนเข้าให้เสียแล้ว
เมื่อรู้สึกหายใจไม่ออก สัญชาตญาณของหุ่นซอมบี้ก็ถูกปลุกขึ้นมาทันที ส่วนหลิงม่อก็รู้สึกว่าสมองเขาว่างเปล่าไปหมด เมื่อเกิดสภาพเช่นนี้ขึ้น นั่นก็หมายความว่าเจ้าหุ่นซอมบี้กำลังจะหลุดจากการควบคุมของเขาแล้ว
แต่แล้วหลิงม่อก็สามารถดึงสติกลับมาจากอารามตกใจที่ได้เจอเย่เลี่ยนอีกครั้งได้ในที่สุด การที่เย่เลี่ยนกลายเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ล้วนแต่เป็นความรับผิดชอบของเขา...
ระหว่างที่กำลังพยายามควบคุมเจ้าหุ่นซอมบี้อย่างสุดฤทธิ์ ทันใดนั้นหลิงม่อก็เกิดไอเดียสุดห่ามขึ้นมา
ในเมื่อซอมบี้แค่ถูกไวรัสเล่นงาน แถมดูแล้วไวรัสในตัวเย่เลี่ยนเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าอาจจะหาทางทำให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้...
ถึงแม้ความหวังนี้จะแสนเลือนราง แต่ขอแค่มีความเป็นไปได้เพียงสักนิด หลิงม่อก็อยากจะลองดู
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หลิงม่อก็รีบควบคุมให้เจ้าหุ่นซอมบี้จับจ้องไปที่ตาของเย่เลี่ยนทันที เมื่อหลิงม่อรวบรวมสมาธิได้ ไม่นานนักเขาก็เห็นส่วนศีรษะของเย่เลี่ยนกลายเป็นแสงดวงกลมๆ ลูกหนึ่ง
แต่สีของแสงดวงนี้กลับไม่เหมือนกับแสงของซอมบี้ทั่วไป ซอมบี้พวกนั้นสูญเสียสติสัมปชัญญะและทำสิ่งต่างๆ ไปตามสัญชาตญาณเพราะได้รับผลกระทบจากไวรัส ดังนั้นดวงแสงที่สะท้อนถึงจิตใจข้างในของพวกมันจึงล้วนเลือนรางและนิ่งสงัด แต่แสงแห่งจิตของเย่เลี่ยนนั้นกลับสว่างกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเจือสีแดงจางๆ อีกด้วย
นี่มันเรื่องอะไรกัน
แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้หลิงม่อไม่อาจครุ่นคิดต่อได้ เขาพยายามพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่แสงดวงนั้นของเย่เลี่ยนและลองเข้าไปข้างใน
แล้วมันก็ไม่เหมือนกับซอมบี้ทั่วไปจริงๆ สำหรับซอมบี้ทั่วไป หลิงม่อไม่เคยมีอุปสรรคมากีดขวาง แต่พอถึงคราวเย่เลี่ยนเขากลับรู้สึกได้ถึงการต่อต้าน ซึ่งแม้จะไม่รุนแรง แต่หลิงม่อก็รู้สึกว่าหัวใจเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะหนึ่ง
หรือว่าเย่เลี่ยนจะฟื้นความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่ดูจากท่าทางของเธอแล้ว ก็ไม่ค่อยเหมือน...
กว่าที่หลิงม่อจะสามารถควบคุมเย่เลี่ยนได้อยู่ เขาก็เหงื่อเปียกโชกไปทั่วทั้งตัวแล้ว ซึ่งในระหว่างนี้เจ้าหุ่นซอมบี้ก็ได้ตายคามือของเย่เลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ขณะที่หลิงม่อกำลังค่อยๆ ควบคุมให้เย่เลี่ยนลุกขึ้นยืนนั้น จู่ๆ เขากลับรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอย่างหนึ่ง แล้วเจ้าความปรารถนานี้ก็มาจากภายในจิตใจของเย่เลี่ยนเอง ซึ่งเป้าหมายก็คือบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ข้างในสมองของเจ้าหุ่นซอมบี้...
ก่อนที่จะเข้าควบคุมหุ่นซอมบี้ หลิงม่อไม่เคยสัมผัสรับรู้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ของหุ่นซอมบี้เลย เพราะนอกจากสัญชาตญาณแล้ว เจ้าหุ่นซอมบี้เองก็ไม่ได้มีความต้องการใดๆ
แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างจากตัวเย่เลี่ยน ซึ่งนี่ก็ทำให้หลิงม่อทั้งรู้สึกสับสนและประหลาดใจ ในเมื่อหลังจากกลายร่างแล้วสามารถเกิดความปรารถนาได้ ถ้าอย่างนั้นหากมีการกลายร่างต่อไป ก็ไม่แน่ว่าอาจจะฟื้นสติสัมปชัญญะกลับคืนมาก็ได้!
พอคิดมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็ควบคุมเย่เลี่ยนให้แทงทะลุศีรษะด้านหลังของหุ่นซอมบี้ แล้วภายใต้การชี้นำของแรงปรารถนานี้เอง ทำให้เย่เลี่ยนควักวัตถุลักษณะเหนียวหนืดชิ้นเล็กๆ ออกมาจากสมองของมันได้อย่างรวดเร็ว
มันคล้ายกับเนื้อเยื่อบางส่วนภายในสมองหลังจากที่โดนไวรัสเล่นงาน สีมันค่อนข้างแดงหน่อยๆ แล้วก็ยืดหยุ่นคล้ายยางลบเวลากำอยู่ในมือ
หลังจากพลิกดูไปมาอยู่พักหนึ่ง หลิงม่อก็สะกดกลั้นอาการคลื่นเหียน แล้วยัดเจ้าก้อนเหนียวหนืดนี้เข้าไปในปากของเย่เลี่ยน
จากนั้นความร้อนก็แผ่มาจากช่องท้องทันที และแผ่ขยายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเย่เลี่ยนที่แต่เดิมค่อนข้างอ่อนแอก็ดูเหมือนจะได้รับพลังเสริมเข้ามา
คิดไม่ถึงว่าเจ้าก้อนเหนียวหนืดน่าขยะแขยงก้อนนี้จะส่งผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่แน่ว่าสาเหตุที่เย่เลี่ยนกลายร่างอาจจะมาจากการกินเจ้าก้อนนี้ลงไปก็เป็นได้...
เขาควบคุมให้เย่เลี่ยนกระโดดออกมาจากด้านในรถ หลังจากกลับมายังที่ซ่อนตัวแล้ว ตอนนี้ถึงค่อยเรียกได้ว่าหลิงม่อได้เจอกับเย่เลี่ยนจริงๆ แล้ว
เมื่อมองดูร่างกายที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ใบหน้าที่ซีดเซียว แล้วก็ดวงตาที่แดงก่ำจนแทบจะส่องประกายคู่นั้นของเย่เลี่ยนแล้ว ในใจหลิงม่อก็เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย แม้ว่าตอนนี้เย่เลี่ยนจะทำให้รู้สึกเหมือนมีไอเย็นยะเยือกแผ่ซ่านอยู่ทั่วร่าง เพียงแค่มองก็เป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่ใบหน้าอันคุ้นเคยนี้กลับทำให้หลิงม่ออดไม่ได้ที่จะเคลิบเคลิ้มอยู่หน่อยๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปเช็ดคราบเลือดออกจากหน้าของเย่เลี่ยน “วางใจเถอะ พี่จะต้องคิดหาวิธีทำให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้”
…………………………………………………………………………………………………