บทที่ 26 อาณาเขตมังกรแดง 1
บทที่ 26 อาณาเขตมังกรแดง 1
และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ผมจะก้าวออกจากเมืองรีโอเป็นครั้งแรก!
“สวัสดีครับขอต้อนรับเข้าสู่ ไลฟ์สตรีมต่างโลกกับผมนายภาวิน นี่ก็เป็น EP.ที่ 6 แล้วนะครับ ถ้าใครที่ดู EP.ที่แล้วจบจะรู้แล้วว่า EP.นี้เราจะทำอะไรกัน นั่นก็คือออ ออกเดินทางทำภากิจกู้โลกนั่นเอง แต่ก่อนหน้านั้นผมจะพาคุณไปที่หนึ่งก่อน ตามมาเลย” ผมพูดเปิดรายการไปพร้อมกับก้าวขาออกจากโรงแรม อ่อจะบอกว่าเมื่อวานผมย้ายมาพักที่เดียวกับสาวเอลฟ์สองคนนี้แล้วเพื่อความสะดวกในการนัดเจอ แต่เดี๋ยวก่อน ไม่ได้นอนห้องเดียวกันหรอกนะ พวกคุณอย่าได้คิดไปไกลขนาดนั้น
“ภา เมื่อกี้นายพูดกับใครน่ะ?” ทีน่าที่เช็ดเอ้าท์โรงแรมเสร็จเดินเข้ามาอยู่ข้าง ๆ ถามขึ้นพร้อมกับทำหน้างง นาน ๆ จะเห็นทีน่าทำหน้าเอ๋อปกติจะเห็นเธอทำหน้านิ่งตลอด
ก็น่ารักดีนิ...
โอ้วววว นี่ตูคิดอะไรอยู่ฟะเนี่ยยย นี่มันแย่มาก ทำไมต่างโลกถึงมีแต่ผู้หญิงหน้าตาดีเข้าขั้นนางงามจักรวาลกันละเนี่ย ชาตินี้ผมต้องหาแฟนสาวยากชัวร์ ๆ มาตรฐานหญิงงามของผมยกระดับขึ้นทุกวันเลยยยย
“หยุดทำหน้าแบบนั้นเลยนะ เธอไม่ได้น่ารักขนาดนั้นหรอก” ไอ้ภาวินเอ๊ย ดันเผลอพูดปฏิเสธความใจในออกมาซะได้
“นายพูดอะไรเนี่ย ข้าถามว่านายคุยกับใครต่างหาก” ทีน่าพูดขึ้นโดยมีนาตาเลียที่เดินอยู่ข้าง ๆ พยักหน้าเห็นด้วย
“อะ อ่อออ ผม ผมคุยกับผู้ชมอยู่นะ จริงสิ! ทีน่าเธอลองทักทายพวกเขาดูสิต้องเรียกเรตติ้งได้เยอะชัวร์ นาตาเลียด้วย ๆ” ผมดึงแขนทีน่ากับนาตาเลียมาตรงหน้าทีมงานซัง กลบเกลื่อนความเปิ่นของตัวเอง
“อะไรของนาย”
“เหมือนที่ผมทำเมื่อกี้ไง ลองดู ไหน ๆ เราก็ต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน พวกเธอต้องทำความรู้จักพวกเขาไว้สิ”
“หืมมม นี่ข้างงไปหมดแล้วนะ อะไรอ่ะ ตรงนี้มีใครเหรอ” นาตาเลียหมุนตัวมองไปมาแถมยังกวาดแขนควานหาบนอากาศจนผมต้องเดินไปจับเธอกลับมาอยู่ใกล้ ๆ ทีน่าที่มีทีมงานซังคอยถ่ายอยู่
“พวกเขาอยู่หน้าเธอนี้ไง เธอแค่มองไม่เห็นเอง” ตอนพูดผมก็ชี้ไปทางจุดที่ทีมงานซังอยู่ ระหว่างพยายามคะยั้นคะยอให้พวกเธอทักทายผู้ชมช่องแชทก็เด้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แหมวันนี้ดูจะคึกคักตั้งแต่เริ่มเลย หลังจากยอดติดตามเพิ่มขึ้นเกินสามร้อยมันก็ยังเพิ่มเรื่อย ๆ วันนี้ตอนเริ่มไลฟ์ก็มีคนรอดูอยู่เกือบร้อยแหนะ ผมละปลื้มมม ทั้ง ๆ ที่ต้องเสียเวลาหนึ่งส่วนห้าของชีวิตอยู่กับผมแท้ ๆ
“อย่าบอกนะว่าเขาเป็นภูต หวาาา” นาตาเลียยกมือขึ้นปิดปากสีหน้าตื่นเต้น
โฮ่ สมแล้วที่เป็นจอมเวทเอลฟ์ถึงจะถูกแค่ครึ่งหนึ่งก็เถอะ ไง ๆ ทีมงานซังก็เป็นเผ่าภูตอ่านะ
“ใช่ พวกเธอเรียกเขาว่าทีมงานซัง แล้วก็ท่านผู้ชมนะ”
“มีภูตถึงสองตน พ่อมดสุดยอด” รอยยิ้มของทีน่าเจิดจ้าจนผมตราพร่าไปแวบหนึ่ง รู้สึกบาปมุสาของผมช่างหนักหนาเหลือเกิน นี่สินะที่เขาว่า ถ้าเริ่มโกหกแล้วเราต้องโกหกต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันสิ้นสุด
เฮ้อ สงสัยโกหกอะไรไว้ต่อจากนี้คงต้องจดไว้กันลืมซะล่ะมั้ง
“สวัสดีค่ะทีมงานซัง สวัสดีค่ะท่านผู้ชม ข้าชื่อทีน่าค่ะ ยินดีร่วมทีมกันนะคะ” ว่าเสร็จทีน่าก็โค้งตัวแทบจะวัดได้ 90 องศาจากพื้นดินเลย “ข้าดีใจมากที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ” ถึงตัวจะนิ่งแต่เห็นได้ชัดเลยว่าเธอพยายามอดกลั้นไว้อยู่ หน้าหน่อนี่แดงแปร๊ด
“ขะ ข้าด้วยข้าชื่อนาตาเลีย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ จะเป็นไรไหมถ้าข้า...” นาตาเลียจิ้มนิ้วชี้เข้าหากัน จึก ๆ ทำตาล่อกแล่ก “ข้า ขอสัมผัสท่านภูตหน่อยจะได้ไหมค่ะ!” จู่ ๆ เธอก็ตะโกนออกมาจนผมถึงกับสะดุ้ง แต่กระนั้นทีมงานซังก็บินมาทิ้งตัวบนฝ่ามือเธอ นาตาเลียที่แบมือรอถึงกับสะดุ้งและร้องว๊ายอย่างดี๊ด๊า ทีน่าก็เดินมาขอสัมผัสด้วยแก้มแดงแปร๊ดบ่งบอกว่าอยากจับนะแต่ไม่กล้าขอ
ตอนนั่นแหละแชทเด้งรัวซะยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ แต่ละคอมเมนต์ก็มีแต่เรื่องหื่น ๆ ทั้งนั้น รู้น่าว่ามุมกล้องมันล่อแหล่มแค่ไหน แต่นี่มันช่องเรท 13+ นะโว้ย ผมเลยต้องหยิบทีมงานออกมาจากพวกเธอ ขนาดไม่เห็นตัวทีมงานซังยังเป็นขนาดนี้ ถ้าได้เห็นตัวตนสุดคิ้วท์ของทีมงานซังละก็จะขนาดไหนกัน ต่างโลกนี่พวกภูตเขาฮอตกันเหรอวะ? พึ่งรู้นะเนี่ย
“ภาาา ข้าก็อยากมีภูตบ้างอ่า บอกหน่อยสิว่าทำยังไงให้พวกภูตเชื่อใจเจ้าน่ะ” นาตาเลียเอาอกอวบอึ๋มมาเบียดที่แขนผม
อึก...ถึงจะรู้ว่ามันเป็นของปลอมที่ถูกสร้างจากพลังเวท แต่ว่า มันนุ่มนิ่มเหมือนของจริงสุด ๆ เลย นี่มันงานเกรดพรีเมี่ยมชัด ๆ พริตตี้มอเตอร์โชว์เทียบไม่ติดเลยเฟ้ย
“ผมได้มาจากเท...ท่านอาจารย์ ใช่ ๆ ท่านอาจารย์ให้มานะ”
“โธ่ พวกพ่อมดนี่ดีชะมัด” นาตาเลียเบ้ปาก เมื่อรู้ว่าผมได้รับภูตมาจากอาจารย์
“ปล่อยเลยนะ วันนี้ผมมีเวลาแค่ 5 ชั่วโมงเอง รีบไปกันได้แล้ววันนี้ต้องไปหลายที่ก่อนออกเดินทาง” ใช่ครับไปหลายที่ และที่แรกของปาร์ตี้เราจะไปคือกิลนักผจญภัย
“เจ้าก็มี 5 ชั่วโมงทุกวันแหละ!”
“คร้าบ ๆ รู้ก็ดีแล้ว ไปเถอะ”
...............................
กิลนักผจญภัยก็ยังคึกคักเช่นทุกวัน เมื่อมาถึงผมก็เดินขึ้นมาบนชั้นสองคนเดียว พวกทีน่ารออยู่ชั้นล่าง ใช้เวลาต่อแถวไม่นานก็พบกับมีอา พนักงานกิลคนเดิม
“ไง” ผมเอ่ยทักทาย
“สวัสดีค่ะ ท่านนักผจญภัย มาเพราะเรื่องนั้นใช่ไหมเอ่ย?”
“ขอบคุณที่จำกันได้ แล้วได้เรื่องไหมครับ” มีอานี่มืออาชีพชัด ๆ เจอหน้ากันแค่ครั้งเดียวลูกค้าเธอก็มีเป็นร้อย ๆ คนต่อวันเธอยังจำผมได้อีกแฮะ ประทับใจสุด ๆ นี่สินักบริการที่แท้จริง ผมเข้าใจเลยเพราะพนักงานเซเว่นก็เป็นอาชีพบริการรูปแบบหนึ่ง สำหรับผมถ้าเจอกันครั้งเดียวยังไงก็ไม่มีทางจำได้
“ได้อยู่แล้วค่ะ รอสักครู่นะคะ” พูดจบมีอาก็ลุกขึ้นเดินไปในห้องเก็บของด้านหลัง ไม่นานเธอก็เดินกลับมาพร้อมแฟ้มเอกสาร
“นี่ค่ะ ข้อมูลที่ท่านนักผจญภัยต้องการ ราคา 500 coin ลดพิเศษสำหรับการใช้บริการครั้งแรกเหลือ 490 coin ค่ะ อ่ะแต่ว่าถ้าลูกค้าอ่านไม่ออกจะรับบริการอ่านข้อมูลของทางกิลไหมคะ รับประกันเลยว่าข้อมูลของท่านนักผจญภัยจะไม่รั่วไหลแน่นอน”
“ไม่ละคุณมีอา ตอนนี้ผมอ่านหนังสือออกแล้ว นี่ครับ 490 coin” ผมจ่ายเงินไปและรับแฟ้มเอกสารมา พูดขอบคุณเธออีกครั้งก่อนจะเดินออกมา
“แล้วแวะมาใช้บริการเราอีกนะคะ”
พอลงมาชั้นล่างผมก็เดินไปหาโต๊ะที่สองสาวนั่งอยู่ นาตาเลียถามขึ้นทันทีที่ผมมาถึง “แล้ว...เราจะไปไหนต่อ”
“เดี๋ยวนะ ขอผมอ่านไอ้นี่ก่อน” พูดเสร็จผมก็นั่งลงเปิดอ่าน แฟ้มในมือนี่คือสิ่งที่ผมจ้างทางกิลให้รวบรวมมาให้ มันคือข้อมูลการตามรอยพวกวิหารแห่งความมืดที่หนีไปได้ในวันนั้น สำหรับยุคที่ไร้โซเชียลแบบนี้ การรับรู้ข้อมูลได้ภายใน 3 วันนับว่าเร็วมากเลยทีเดียว ถึงความจริงผมพอจะมีสกิลของเฮียแบร์ กิลอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่โง่พอจะไปคุ้ยหาข้อมูลเองในต่างโลกที่ผมไม่คุ้นเคยหรอกนะ และถ้ารอจนผมคุ้นเคยมันก็คงไม่มีร่องรอยให้ตามแล้ว เพราะงั้นทางเดียวที่ทำได้คือจ้างผู้เชี่ยวชาญการตามรอยจากกิลนักผจญภัย
“รู้แล้วว่าจะไปไหน หมู่บ้านเบน” ผมวางกระดาษลงแล้วหยิบแผนที่ออกมากางหาแทน
“ไม่เห็นรู้จักเลย คุ้นไหมนาตาเลีย” ตอนพูดทีน่าก็ช่วยผมมองหาในแผนที่ด้วย แต่หล่อนแทบจะเอาหน้าจมเข้าไปให้แผนที่อยู่แล้วจนผมต้องผลักหัวเธอออก
“ขอบคุณที่ช่วยหาแต่ตาไม่ดีก็ไปนั่งเฉย ๆ เถอะน่า”
เรื่องสายตาทีน่า ผมเคยถามแล้วว่าทำไมไม่ใส่แว่น เธอก็บอกว่าเอลฟ์ที่ไหนเขาใส่แว่นกัน ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย
“ทำไมไม่ลองดูหมู่บ้านรอบ ๆ ล่ะ พวกมันคงหนีไปได้ไม่ไกลนักหรอก อืมม อยู่นี่ไงหมู่บ้านเบน” นาตาเลียยย สมแล้วที่เป็นเอลฟ์ผมมองหาตั้งนานไม่เจอ ยัยนี่กวาดตามองไม่กี่วิก็เจอ
แต่ไอคอนหมู่บ้านเบนก็เล็กจิ๋วจนเผลอมองข้ามจริง ๆ มองจากแผนที่แล้วดูเหมือนจะอยู่ไกลพอสมควร จากรีโอต้องผ่านถึง 3 หมู่บ้านกว่าจะถึงหมู่บ้านเบน แถมเขตหมู่บ้านยังอยู่ใกล้กับอาณาเขตมังกรแดงอีกต่างหาก ผมรู้ได้ไงน่ะเหรอ ก็พี่ชายแฟรงกลินเขียนมันไว้ในแผนที่น่ะสิ
“โฮ่ อยู่ติดอาณาเขตมังกรแดง งั้นก็ดีสิ” ทีน่ายื่นหน้าเข้ามามองใกล้ ๆ แผนที่พูดขึ้นมา
“ติดมังกรเนี่ยนะ ดีตรงไหนกัน แค่ชื่อก็โคตรอันตรายแล้ว” ผมเบ้หน้าอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก จะหนีไปไหนไม่ไป ดันหนีมาใกล้ที่อันตรายเนี่ยนะ ไหนจะเรื่องนักบุญหญิงอีก แค่คิดก็เห็นแววลำบากมาแต่ไกล หรือจะเป็นเหมือนที่ทีมงานซังมันเผลอสปอยไว้กันฟะ
“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก มังกรไม่โผล่มาให้เห็นนานมากแล้ว ว่ากันว่ามันจำศีลอยู่เพราะงั้นคงอีกหลายปีกว่าจะตื่น ที่ข้าว่าดีก็เพราะแทนที่เราจะขี่ม้าไป ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน เราสามารถนั่งรถไฟไปที่อาณาเขตมังกรแดงได้ภายในไม่ถึง 7 ชั่วโมง แล้วเราก็ค่อยวกขึ้นมาที่หมู่บ้านเบนแบบนี้ยังไงล่ะ อาณาเขตมังกรแดงคือสถานที่สุดฮิตของนักผจญภัยแรงค์สูงเลยมีรถไฟผ่าน แถมทุกเดือนยังมีเรือเหาะมาลงที่นี่ด้วย” ทีน่าพูดไปก็จิ้มนิ้วลากเส้นการเดินทางไปด้วย ทำให้ผมเข้าใจภาพรวมมากขึ้น ไอ้ที่ว่ามามันก็ดีนะ แต่...
แต่ลืมไปรึเปล่า วันแรกที่มาต่างโลกผมยังเห็นมังกรบินผ่านหัวไปอยู่เลย! ไอ้ที่ว่ามังกรแดงจำศีลน่ะ เชื่อไม่ได้ทั้งเพ ผมโอบกระชับไหล่ทีน่ากับนาตาเลียเข้ามาใกล้แล้วพูดออกมาเสียงเบาแต่จริงจัง
“ถ้าผมพูด พวกเธอจะเชื่อผมไหม คือวันก่อนพึ่งเห็นมังกรบินผ่านหัวไป แถมตัวมันเป็นสีแดงด้วย”
“ยะ...อย่าล้อเล่นแบบนี้สิภา ข้าไม่ตลกนะ” นาตาเลียกัดเล็บนิ้วโป้งแล้วพูดเสียงสั่น ส่วนทีน่านั้นนิ่งไปแล้ว
“บอกข้าสิว่าไม่จริง” ทีน่าพูดขึ้นเหมือนละเมอ
“เรื่องจริง วันนั้นผมยังตกใจเลย” ผมพูดย้ำอีกทีว่า ตัวเองไม่ได้ตาฝาดเพราะเมาค้างแน่นอน
“เจ้ารู้ไหมว่านี่มันเรื่องคอขาดบาดตาย เห็นแล้วทำไมไม่แจ้งทางการว่ามังกรแดงตื่นแล้วล่ะ!” ทีน่าที่ได้สติตบโต๊ะดังปัง แล้วพูดขึ้นเสียงเครียด
“อะไรนะมังกรแดงตื่นแล้วววววว” สาวเสิร์ฟที่เผลอได้ยินที่ทีน่าตะโกนวี้ดร้องเสียงดังลั่นร้าน ประโยคนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ชั้นล่างพากันเงียบกริบแม้แต่นักดนตรียังหยุดเล่น
“ใช่ มังกรแดงตื่นแล้ว แถมท่านพ่อมดท่านนี้บอกว่าวันก่อนเห็นมันบินอยู่ใกล้เมืองรีโอนี่ด้วย” ทีน่าจับผมลุกขึ้นแล้วพูด ผมที่โดนจับอยู่ก็ทำหน้าตื่น มองไปรอบ ๆ อย่างเลิ่กลั่ก
พอทุกคนได้รับคำยืนยัน จากที่นิ่งค้างเงียบกริบอย่างตกใจก็เริ่มแตกตื่น ไม่นานตรงหน้าผมก็มีนักรบเกราะเหล็กที่ดูหรูหรากว่าคนอื่นมาเชิญพวกเราเข้าห้องพิเศษ ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำยังไงเพราะกำลังถูกล้อมไปด้วยพวกกล้ามปูหน้าตาข่มขู่ ก็เลยจำยอมต้องเดินตามคนแปลกหน้าไปอย่างว่าง่าย
คุณนักรบเกราะเหล็กที่มาเชิญผมแท้จริงแล้วคือกิลมาสเตอร์ที่ทราบเรื่อง และลงมาหาด้วยตนเอง พวกเขาดำเนินเรื่องกันไวมาก เสมือนฝึกรับมือเรื่องเลวร้ายที่ไม่คาดฝันมาอย่างชำนาญ พวกเขาถามผมเรื่องเหตุการณ์ที่เห็นมังกรแดง ผมก็เล่าให้เขาฟังว่าเห็นที่ไหนยังไงอย่างไม่ปิดบัง ยังดีตั้งแต่แวบแรกที่ผมเห็นมังกรแดงบินผ่านหัวผมก็สร่างเมาทันที เลยยังจำรายละเอียดของมันได้ พอจบการสอบสวน พวกเขาก็พาผมกับสองสาวขึ้นเรือเหาะ ใช่ครับ มันคือเรือเหาะของจริง เรือที่แล่นอยู่ในน้ำ แต่ในโลกนี้ดันลอยอยู่บนฟ้า มันคือเรือเหาะของกิลที่เอาไว้ใช้ยามเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน และตอนนี้ พวกเรากำลังเดินทางไปอาณาเขตมังกรแดง เพื่อตรวจสอบว่ามังกรตื่นขึ้นแล้วตามที่ผมพูดจริงหรือไม่
ต้องบอกว่าตอนเห็นเรือเหาะครั้งแรกทำผมอ้าปากค้าง นี่มันโคตรจะอเมซิ่งจนต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่ มันทำมาจากไม้เหมือนเรือเดินสมุทรสมัยก่อน ถ้าคิดไม่ออกมันมีลักษณะเหมือนเรือในหนังไพเรทส์ออฟเดอะแคริบเบียน แต่มีกลไกบางอย่างที่ทำให้มันบินได้ บนใบเรือมีสัญลักษณ์กิลประจำเมืองรีโอถูกวาดไว้อยู่อย่างงดงาม มันช่างสุดยอดจริง ๆ
ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากตั้งแต่เรื่องที่ผมเห็นมังกรแดงหลุดออกจากปาก ตอนโดนสอบสวนก็คิดว่าพลาดแล้ว แต่พอโดนลากขึ้นเรือเหาะบินด่วนมาถึงอาณาเขตมังกรภายใน 1 ชั่วโมง ผมก็เปลี่ยนความคิดทันที มันพาผมมาถึงได้ไวเกินคาด ไวยิ่งกว่ารถไฟในแผนของทีน่าอีก ถึงงานจะเข้าแบบไม่ทันให้ตั้งตัว แต่ผมก็ทำใจไว้แล้วละ มีทีน่าอยู่ใกล้ ๆ ยังไงก็ต้องมีเรื่อง...อ่าเพิ่มนาตาเลียมาอีกคน งานเข้าคูณสองชัวร์ ๆ