บทที่ 24 : จบการสอบรอบแรก
บทที่ 24 : จบการสอบรอบแรก
ตะวันคล้อยลอยต่ำส่องแสงตัดริ้วเมฆเปลี่ยนฟ้าเป็นสีส้มแสดยามเย็น คู่กันกับจันทร์ดวงใหญ่ซึ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัดแม้ดวงอาทิตย์ยังไม่เลือนลับกลับไปจำศีล ราวกับจันทร์เองก็ยังตื่นเต้นถึงเทศกาลในคืนนี้จนรั้งรอไม่ไหว ต้องอวดโฉมให้เชยชมก่อนเวลา
และพร้อมกันนั้นเองที่ด้านล่าง บนลานสนามทรายรูปวงกลมบัดนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้ชมมากมายจากทั่วทุกสารทิศ ด้วยข่าวคราวว่าการทดสอบ นักผจญภัยสังกัดสมาคมเทรียลในปีนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นักผจญภัยฝึกหัดเพียงอย่างเดียวเหมือนปีก่อนๆ หากแต่ยังมีหุ่นสงครามอย่างฮอรัสร่วมแสดงความสามารถด้วย แล้วใครบ้างจะอยากพลาดโอกาสได้เห็นฝีมือเต็มๆ ของหนึ่งในตำนานวีรบุรุษแห่งเทรียล
เพียงแต่ดูจากสีหน้าของแต่ละคนบนอัฒจันทร์ที่ดูจะไม่ได้ตื่นเต้นตื่นตาเท่าใดนัก ทั้งที่นั่งกันจนเกือบเต็มความจุ ก็พอจะบอกได้ไม่ยากว่าการทดสอบของฮอรัสนั้นจบลงไปแล้วทั้งสามฐานด้วยคะแนนเกือบจะสมบูรณ์แบบ
โดยอย่างที่รู้กันในฐานแรกเขาทำลายสถิในการช่วยเหลือ เคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยด้วยความเร็วที่ยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง
ส่วนในฐานที่สองซึ่งเป็นการจำลองภารกิจช่วยเหลือตัวประกันและจับกุมคนร้าย โดยปกติเป็นฐานที่วัดความสามารถในการตัดสินใจและการทำงานร่วมกันภายใต้ความกดดันสูง
ซึ่งมันควรจะเป็นฐานที่ยากที่สุดในสามฐานเพราะนอกจากจะต้องสุ่มจับฉลากรวมทีมเฉพาะกิจสามคนกับนักผจญภัยฝึกหัดคนอื่นๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้ว ผู้ร้ายที่ต้องจับกุมยังเป็นนักผจญภัยอาชีพมีประสบการณ์ อีกทั้งตัวประกันทั้งสามคนก็มีการวางบทบาทล่อหลอกทางจิตวิทยาเอาไว้ ให้คนนึงบาดเจ็บสาหัสปางตาย หนึ่งคนเป็นเด็ก และคนสุดท้ายเป็นผู้หญิงท้องแก่แต่อยู่ฝ่ายเดียวกับโจรปลอมมาเป็นตัวประกัน
ไม่เคยมีนักผจญภัยฝึกหัดคนไหนผ่านการสอบนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์มาก่อน ผู้เข้าทดสอบส่วนใหญ่ไม่สามารถจับโจรได้ หรือถ้าจับได้ก็มักจะมีตัวประกันต้องตายเสมอ และแทบจะไม่มีใครเคยเอะใจเกี่ยวกับเบาะแสคำใบ้ของหญิงท้องแก่เลยว่าเธอเป็นภรรยาของโจร ซึ่งส่งผลให้สุดท้ายมักจะถูกหญิงท้องตลบหลังใช้มีดปลอมๆ แทงตายยกกลุ่มอยู่ดี
ด้วยว่าการสอบนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้นักผจญภัยฝึกหัดสามารถผ่านไปได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันเป็นสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้กรรมการคุมสอบเก็บข้อมูลของผู้เข้าทดสอบเท่านั้น และที่สำคัญที่สุดมันคือบทเรียนที่นักผจญภัยทุกคนจะต้องเรียนรู้ถึงความไม่แน่นอนในภารกิจ
ทว่าเงื่อนไขทั้งหมดนั้นใช้ได้แค่กับนักผจญภัยฝึกหัดหรือนักผจญภัยอาชีพประสบการณ์น้อยเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับหุ่นสงครามยอดขุนกำลังรบจากยุคบรรพกาล เพราะต่อให้นักวิเคราะห์สาวแยกเดียวเขาออกมาทดสอบคนเดียว แถมเพิ่มระดับโจรให้เป็นนักผจญภัยชั้นอาเกตสองคน และกำชับเงื่อนไขพิเศษว่าห้ามทำร้ายใครจนบาดเจ็บรุนแรงหรือเลือดตกยางออกอย่างเด็ดขาด แม้แต่โจรก็ห้าม ส่วนหญิงท้องที่ปกติต้องใช้มีดปลอมแทงผู้เข้าสอบ เธอก็สั่งเปลี่ยนบทเพราะรู้อยู่แล้วยังไงฮอรัสก็หลบทัน เลยให้แทงตัวประกันคนอื่นแทนเพื่อดูว่าเขาจะจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ยังไง
แต่สุดฮอรัสก็ยังทำให้เธอต้องตาค้างอย่างคาดไม่ถึงอยู่ดี เพราะไม่คิดว่าเขาจะพุ่งเข้าใส่โจรของเธอแล้วใช้มือบีบคอกดเส้นเลือดใหญ่พร้อมกันทั้งสองคนอย่างแม่นยำจนพวกเขาหมดสติลงไปภายในเวลาไม่ถึงเจ็ดวินาทีดี
ส่วนหญิงท้องที่จะหันไปแทงตัวประกันอีกคนตามบทก็ดันทำพลาด เพราะเพียงแค่ฮอรัสใช้สายตาสีนิลจ้องเขม็งแผ่นแรงกดดันสังหารเข้าไปเธอก็เผลอทำมีดหล่นแล้วทรุดลงคุกเข่าร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น ถึงกับต้องปลอบขวัญกันอยู่พักหนึ่งถึงจะดีขึ้น และทั้งหมดนั่นฮอรัสใช้เวลาเพียงแค่สิบสองวินาทีเท่านั้น
ว่ากันตามตรงต่อให้เป็นนักผจญภัยระดับอัญมณีก็ยังไม่แน่ว่าจะทำได้ขนาดนี้รึเปล่า ความสามารถและทักษะทางกายภาพของเขามันเหนือล้ำเกินจินตนาการไปแล้วทุกทาง ทั้งความรุนแรง แม่นยำรวมไปถึงความละเอียดอ่อน ลำพังแค่ร่างกายอันซับซ้อนมหัศจรรย์แบบหุ่นสงครามอย่างเดียวคงไม่สามารถทำได้ขนาดนี้
มันคือการบ่งชี้ว่านี่ไม่ใช่การพึ่งพาเพียงร่างกายเท่านั้น แต่ฮอรัสผ่านการฝึกฝนขัดเกลาทักษะและการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วนแบบนี้มาแล้วมากมายอาจนับได้เป็นหมื่นชั่วโมง
สำหรับหัวหน้านักวิเคราะห์อย่างเธอ การสอบในฐานแรกของฮอรัสอาจจะไร้ประโยชน์ไม่ได้ข้อมูลอะไร แต่ในฐานที่สองเธอได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากมาย และหนึ่งในนั้นอาจเป็นจุดอ่อนในความเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบของหุ่นสงคราม
เธอเห็นความผิดพลาดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบนรอยแผลช้ำที่ลำคอของนักผจญภัยซึ่งรับบทเป็นโจร ฮอรัสอาจไม่ได้ถูกสร้างมาให้เป็นเครื่องสังหารที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ทุกคนคิด เพราะรอยช้ำนั้นเคลื่อนไปจากจุดที่ควรจะเป็นหลอดเลือดเลี้ยงสมอง (Carotid) ไปเล็กน้อยและใช้แรงกดไม่มากพอ
เป็นอันรู้กันดีอยู่แล้วสำหรับนักผจญภัยทั่วไป ว่าจะมีหนึ่งท่าในการต่อสู้ที่หากมีโอกาสได้ใช้เมื่อไหร่ก็แทบจะเป็นการปิดฉากการต่อสู้นั้นทันที เพราะมันคือท่ารัดคอแบบมั่นหมายให้หมดสติชั่วคราว ซึ่งจะเน้นไปที่การกดหลอดเลือด คาโรติด บนลำคอข้างๆ หลอดลมสองเส้นซ้ายขวาด้วยท่อนแขน ซึ่งท่านี้จะทำให้คู่ต่อสู้หมดสติอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากฮอรัสกดได้ตรงจุดกว่านี้ ด้วยแรงที่พอเหมาะกว่านี้ พวกนักผจญภัยจะหมดสติวูบไปภายในเวลาสามหรือสี่วินาทีเท่านั้น แต่การใช้แรงที่น้อยกว่าควรของเขาทำให้ยังมีออกซิเจนไปเลี้ยงสมองแม้จะเล็กน้อยแต่ก็เพียงพอจะเปลี่ยนสิี่วินาทีให้กลายเป็นเจ็ด เพิ่มเวลาขึ้นมาสองเท่า
มันอาจฟังดูบ้าที่ไอน์มาให้ความสนใจกับการคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยเท่านี้ เพราะนักผจญภัยคนอื่นต่อให้เป็นระดับอัญมณี การจะทำอย่างฮอรัสนั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากหรืออาจเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แต่มันเป็นงานของเธอ เธอคือนักวิเคราะห์ เธอคือคนที่กรองข้อมูลต่างๆ แม้มันจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม และข้อมูลเล็กๆ นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกสนใจพอสมควรเลยทีเดียวเมื่อเอามันมาเทียบกับความสมบูรณ์แบบที่ฮอรัสแสดงออกตลอดมา
มันอาจเป็นการคิดเข้าข้างทัศนคติของตัวเธอที่มีต่อฮอรัสก็ได้ แต่หุ่นสงครามตนนี้บางทีอาจไม่เคยถูกฝึกให้รับมือกับสิ่งมีชีวิตอื่นใดเลยนอกจากอสูรและปีศาจ
แน่นอนลำพังความรวดเร็วรุนแรงในการออกอาวุธของฮอรัสนั้นก็มากเพียงพอแล้วสำหรับสังหารทุกชีวิต แต่รูปแบบเหล่านั้นดูไปก็คล้ายกับเอามีดปอกผลไม้ไปใช้หั่นปลา มันทำแทนได้ แต่ไม่ได้ถูกออกมาแบบมาให้ทำ
รูปแบบการเคลื่อนไหวของเขาไม่เหมือนกับทักษะที่ออกมาแบบมาเพื่อใช้กับมนุษย์หรือเอลฟ์ หรือเผ่าใดๆ ในสภาเอกภาพ และความผิดพลาดเล็กๆ นั้นเป็นเหมือนเครื่องยืนยันว่าเธออาจคิดถูก
ทว่ามันไม่สำคัญเลยว่านักวิเคราะห์อย่างเธอจะคิดยังไง เมื่อในการสอบฐานที่สาม ซึ่งเป็นการสอบเพื่อค้นหาความถนัดในงานด้านการสำรวจ ตรวจสอบและเก็บข้อมูลพื้นที่นั้น ฮอรัสดันกลายเป็นคนที่ได้คะแนนต่ำที่สุดไปเสียอย่างนั้น
ในฐานที่สาม ผู้เข้าทดสอบจะถูกจำลองบทบาทของตัวเองให้ทำภารกิจเฝ้าระวังและเก็บข้อมูลภายในพื้นที่สนามทรายรูปวงกลมขนาดมาตรฐานหนึ่งหมื่นสามพันตารางเมตรไม่รวมพื่นที่อัฒจันทร์ ซึ่งถูกจัดวางอุปสรรคบังสายตา กับดัก และเบาะแสจำลองเอาไว้มากมาย
หน้าที่ที่ผู้เข้าทดสอบต้องทำก็คือการตรวจสอบพื้นที่เพื่อค้นหาร่องรอยความเสี่ยงต่างๆ ที่น่าสงสัย เช่นรอยเท้า ร่องรอยสัตว์เดิน หรือแม้แต่สิ่งผิดปกติที่ไม่เข้าที่เข้าทาง และประเมินความเป็นไปได้ว่าร่องรอยนั้นอาจเป็นอะไร อันตรายหรือไม่ ภายใต้เงื่อนไขคือห้ามเกิดเสียงดัง ห้ามทำให้กับดักที่ซ่อนไว้ทำงาน และมีเวลากำหนดเพียงแค่หนึ่งนาทีครึ่งเท่านั้น
แน่นอนว่าฮอรัสค้นพบกับดักทั้งหมดนั้นในทันที รวมไปถึงเบาะแสต่างๆ ที่ถูกจัดวางไว้ทั้งหมดเองก็ถูกตรวจเจออย่างครบถ้วน เพียงแต่เขาไม่สามารถประเมินความเป็นไปได้ อีกทั้งยังประเมินความเสี่ยงผิดหมด ราวกับเขามองโลกด้วยวิธีที่แตกต่างออกไปจากคนปกติ
รอยหยดเลือดที่นักผจญภัยฝึกหัดคนอื่นมักจะพลาดไป เขาสามารถหามันเจอได้เสี้ยววินาทีแต่ดันไม่สนใจและให้ค่าลำดับความสำคัญต่ำกว่ารอยเท้ากวางเสียอีก กลับกันเบาะแสปลอมอย่างเส้นทางคาราวานจำลองกลับถูกประเมินให้กลายเป็นความเสี่ยง รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการสอบอย่างหยดเหงื่อของผู้เข้าทดสอบคนก่อนหรือลมที่พัดเปลี่ยนทิศก็ยังเอามาเป็นประเด็น
มีเพียงอย่างเดียวในการสอบครั้งนี้ที่ทำให้ไอน์ยื้มออกคือรอยเท้าของอสูรเทียม เพราะฮอรัสเดินผ่านมันไปเฉยๆ ผิดจากที่เธอคาดไว้ว่าหุ่นที่บ้าอสูรอย่างเขาจะต้องปรี่ไปตรวจสอบเป็นอย่างแรก
แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจจนกระทั่งได้ไต่ถามนั้นเอง ถึงรู้ว่าเธอทำรอยเท้าของอสูรออกมาได้ห่วยจนฮอรัสคิดว่าอสูรเจ้าของรอยเท่านั้นป่วยกำลังจะตายไม่มีค่าให้ใส่ใจ แต่ถึงเธอจะยิ้มด้วยความขบขันปนเสียหน้า ทว่านั่นก็ยิ่งทำให้ฮอรัสถูกหักคะแนนไปอีก เพราะคนทั่วไปต่อให้เป็นอสูรป่วยก็ปล่อยร่องรอยเหล่านี้ทิ้งไปเฉยๆ ไม่ได้
ในท้ายที่สุดไอน์ก็ประเมินว่าฮอรัสไม่สามารถทำภารกิจประเภทลาทตระเวนหรือเฝ้าระวังภัยใดๆ ได้เลย เพราะทักษะในการประเมินความเสี่ยงของเขาผิดแปลกเกินไป ซึ่งพอจะเข้าใจได้ เพราะจากคำบอกเล่าของเจ้าตัวรวมไปถึงช่วงเวลาที่เขาใช้พบปะกับผู้คนในสมาคมตลอดช่วงที่ผ่านมา ทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้มีชีวิตและคุ้นชินกับวิถีของปัจจุบันเท่าไหร่นัก
นั่นหมายความว่าสื่งที่เธอวิเคราะห์ประเมินเอาไว้เกี่ยวกับการให้เอเดลมาเป็นพาร์ทเนอร์ของฮอรัสนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
“อืม... ตรวจเจอกับดักถึงเก้าในสิบโดยที่กับดักไม่ทำงานเลยแม้แต่ครั้งเดียว พบเบาะแสจำลองของเราเกือบครบแถมยังเก็งความเสี่ยงจากร่องรอยถูกต้องถึงร้อยละแปดสิบห้า นี่มันสถิติเลยนะคะเนี่ย...” นักวิเคราะห์สาวอ่านรายงานในสมุดบันทึกของตัวเองต่อหน้านักผจญภัยฝึกหัดหนุ่มจากต่างหมู่บ้านด้วยความทึ่ง
ภายหลังจากที่ผิดหวังกับฮอรัสไป เธอก็แทบจะไม่ได้คาดหวังว่าผู้เข้าทดสอบในปีนี้จะมีใครมีความสามารถในฐานะหน่วยสำรวจเฝ้าระวังอีก เพราะเผ่าจิ้งจอกซึ่งมีความสามารถด้านนี้สูงกว่าใครก็ดันถอนตัวกันออกไปหมดตั้งแต่แรกแล้ว จนได้มาเห็นผลทดสอบของนักผจญภัยฝึกหัดคนเดียวกันกับที่ดูจะคลั่งไคล้ในตัวฮอรัสกว่าใคร คนนี้เองที่เหนือชั้นขึ้นมามาก
"แน่ใจนะคะ ว่าอยากจะสมัครกับเทรียลจริงๆ ... ถ้าให้พูดตามตรง ความสามารถของคุณต่อให้ไปสมัครกับสมาคมกลางก็คงผ่านได้ไม่ยาก เผลอๆ คะแนนระดับนี้ไปสมัครเป็นหน่วยสำรวจโดยตรงยังได้เลย” ไอน์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแอบซ่อนความรู้สึกยินดีเอาไว้ในใจ เพราะคะแนนที่เธอเห็นนั้นเป็นคะแนนฐานสามที่สูงที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาตลอดแปดปี มากยิ่งกว่าคะแนนเฉลี่ยของนักผจญภัยฝึกหัดเผ่าจิ้งจอกในปีที่ผ่านๆ มาถึงสองเท่า ทั้งที่เจ้าของคะแนนเป็นมนุษย์
“ที่อื่นไม่มีรุ่นพี่นี่ครับ” หนุ่มน้อยว่าพร้อมกับใช้มือเกาศีรษะตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันไปทางที่ม้านั่งรอสำหรับผู้เข้าทดสอบที่สอบเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
ซึ่งตอนนี้นั่งแยกแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจนคือกลุ่มที่นั่งติดกันอยู่ริมซ้าย กับฮอรัสที่นั่งเดี่ยวคนเดียวอยู่ริมขวา เพราะไม่มีใครเข้าใจความนิ่งเฉยเย็นชาของเขา นักผจญภัยฝึกหัดทั้งหลายก็เลยเหมาเอาว่าฮอรัสคงจะไม่อยากสุงสิงกับพวกตน จึงถอยออกมาไม่กล้ารบกวน ทั้งที่ในใจแต่ละคนแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจ ป่าวประกาศให้ทั่วว่าตัวเองมาเข้าทดสอบที่เทรียลก็เพราะได้ยินชื่อเสียงของปีศาจสีเงิน
“งั้นฉันก็ดีใจด้วยนะคะ” ไอน์ที่ได้ยินคำตอบแบบนั้นก็ยิ้มแก้มปริ เพราะรู้ว่านอกเหนือจากฮอรัส เธอก็ได้นักผจญภัยศักยภาพสูงมาเพิ่มอีกคนคนในปีนี้แล้ว ก่อนจะหันไปทางนักผจญภัยฝึกหัดทุกคนที่นั่งรออยู่เพื่อแล้วประกาศ “ทุกคนค้า! ยินดีด้วยค่ะ ทุกคนผ่านการสอบรอบแรกแล้วค่า”
ไอนตะโกนออกไปเสียงดัง เพื่อแจ้งข่าวการประเมินความสามารถของทุกคนว่าไม่มีใครสอบตกเลยแม้แต่คนเดียว ก่อให้เกิดบรรยากาศอึกอัก ต่างคนต่างก็ทำตัวไม่ถูกทั้งดีใจทั้งสับสน
แต่ไม่นานเท่าไหร่นักเสียงเฮยินดีก็ดังลั่นขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือจากผู้ชมบนอัฒจันทร์ ที่ดังระงมลงมาแสดงความยินดีแก่นักผจญภัยรุ่นใหม่ของเทรียลทั้งสิบสามคน
“อย่าเพิ่งฉลองกันเร็วจนเกินไปนะคะ อย่าลืมว่าจะมีการสอบรอบที่สองในช่วงค่ำนี้ เพราะฉะนั้นฉันอยากให้ทุกคนใช้เวลาว่างในตอนนี้ไปพักผ่อนให้หายเหนื่อย ใครที่บาดเจ็บสามารถไปขอโพชั่นรับการรักษาได้ที่สถานพยาบาลนะคะ... แล้วเจอกันคืนนี้ค่ะทุกคน” ไอน์กล่าวกับนักผจญภัยฝึกหัดทุกคนด้วยรอยยิ้มพร้อมกับโบกมือ ก่อนที่ทั้งหมดจะเริ่มเดินแยกย้ายกันออกจากสนามทราย รวมทั้งฮอรัสที่ตอนนี้หันหลังตั้งใจจะเดินออกไปด้านนอก
แต่ตอนนั้นเองที่เขาถูกมือเล็กๆ ของชาวช่างสาวดึงรั้งแขนเสื้อเอาไว้ซะก่อน “ฮอรัสรอก่อนค่ะ”
สิ้นเสียงของไอน์ดังนั้นหุ่นสงครามจึงหยุดเดิน แล้วหันกลับไปมองด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่สาวน้อยมองออกว่าคือความฉงน
“เอ่อ ฉันแค่จะบอกว่ายินดีด้วยนะคะ...” ไอน์ว่าพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ ที่น้อยคนนักจะได้เห็นเธอยิ้มแบบนี้ ก่อนที่ชั่วขณะนั้นเองที่เอลฟ์สาวเอลีอาจะวิ่งลงมาจากอัฒจันทร์แล้วโผเข้ามากอดฮอรัสเพื่อแสดงความยินดี
และโดยที่ไม่มีใครรู้ ชั่วพริบตาที่เขาได้รู้สึกถึงอ้อมกอดนั้นดวงตาสีนิลพลันส่องประกาย คล้ายว่ามีหยดน้ำมาเกาะอยู่ชั่วพริบตาแล้วหายไป
ก่อนที่เอลีอาจะถอนกอด แล้วพบว่าปฎิกริยาของฮอรัสที่แสดงออกหลังจากที่เธอเผลอกอดเขาด้วยความเอ็นดูนั้นต่างไปจากสิ่งที่เธอคิด เมื่อใบหน้านิ่งเฉยนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอัดอั้น โสกาอย่างที่เธอเองไม่เคยสัมผัสจากหุ่นตนนี้มาก่อน ด้วยครั้งเดียวที่ฮอรัสเคยถูกกอด คือครั้งเดียวที่เขาสูญเสียอาร์มุน