ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 ข้ามเขตอันตราย

บทที่ 1 หุ่นซอมบี้


บทที่ 1 หุ่นซอมบี้

 

บนถนนสายเปลี่ยวมีซอมบี้ตนหนึ่งกำลังเดินเคว้งคว้างไปมา

 

มันแยกเขี้ยวเล็กน้อย น้ำลายไหลย้อยที่มุมปาก ส่วนนัยน์ตาคู่แดงก่ำฉายแววเย็นยะเยียบชวนขนลุก

 

ตรงหน้าไม่ไกลจากที่มันยืนเป็นซุปเปอร์มาร์เกตรกร้างขนาดเล็กแห่งหนึ่ง บนบานประตูกระจกเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดแห้งกรังสีน้ำตาล จากประตูกระจกที่เปิดอ้าออกนั้นพอให้เห็นชั้นวางสินค้าที่ล้มระเนระนาดและอาหารที่หล่นกระจัดกระจายไปทั่ว

 

ด้านหลังบานประตูซุปเปอร์มาร์เกต ยังมีซอมบี้เพศชายวัยกลางคนตนหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ดูจากเสื้อผ้าแล้วน่าจะเป็นพนักงานของซุปเปอร์มาร์เกตแห่งนี้นั่นละ

 

จากนั้นซอมบี้ตัวนี้ก็ค่อยๆ ขยับเคลื่อนเข้าไปใกล้ซุปเปอร์มาร์เกต หากแต่หลังจากเดินเฉียดไหล่ซอมบี้วัยกลางคนตนนั้นไปแล้ว มันกลับควักมีดปังตอเล่มใหญ่ออกมาจากอกและหันไปสับคอซอมบี้ตัวนั้นอย่างแรง

 

เลือดสาดกระจายไปทั่ว ก่อนที่ซอมบี้ไร้หัวตัวนั้นจะล้มลงแน่นิ่งทันที

 

หลังจากนั้นเจ้าซอมบี้ท่าทางประหลาดตัวนี้ก็รีบคว้าถุงใส่ของจากด้านหลังเคาน์เตอร์และเริ่มฉวยหยิบอาหารภายในซุปเปอร์มาร์เกตใส่ถุงอย่างรวดเร็ว

 

“ฮู้...เหนื่อยชะมัด...”

 

ภายในห้องพักอันมืดสลัว หลิงม่อที่เหงื่อเปียกโชกไปทั้งหัวกำลังมองดูถุงในมือซึ่งเต็มไปด้วยอาหารและสารพัดข้าวของเครื่องใช้อย่างพออกพอใจ

 

แต่ตรงหน้าเขามีซอมบี้ที่ปรากฏตัวที่ซุปเปอร์มาร์เกตตัวนั้นกำลังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ ทว่าสายตาที่ซอมบี้ตัวนี้มองหลิงม่อกลับไม่มีแววมุ่งร้ายเลยสักนิด มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

 

“พัฒนาขึ้นจากเมื่อสามสี่วันก่อนตั้งเยอะ ในที่สุดตอนนี้ก็ควบคุมได้คล่องกว่าเดิม”

 

หลิงม่อหันไปมองซอมบี้ตัวนั้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่มุมปาก

 

เมื่อครึ่งเดือนก่อนได้เกิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ชนิดหนึ่ง ทำให้โลกใบนี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นโรงฆ่าสัตว์ที่น่าสะพรึงกลัวภายในชั่วพริบตา

 

ผู้คนมากมายกลายเป็นซอมบี้...พูดให้ถูกคือ หลังจากติดเชื้อไวรัส ก็สูญเสียความเป็นตัวเอง กลายเป็นสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งที่รู้จักแต่การเข่นฆ่าเท่านั้น...

 

ส่วนคนที่โชคดีรอดพ้นจากไวรัสชนิดนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับหนูที่ต้องหลบซ่อนอยู่ตามซอกหลืบของเมืองเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อ

 

แต่หลิงม่อที่เดิมทีเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งกลับพบว่าตนเองสามารถควบคุมซอมบี้ได้หลังจากเกิดเหตุการณ์จุดจบของโลก

 

เขารู้สึกได้ว่าระหว่างตัวเองและซอมบี้มีมีการเชื่อมต่อรางๆ แอบซ่อนอยู่ ซอมบี้ที่ภายในหัวสมองว่างเปล่าก็คล้ายกับหุ่นที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิด เขาสามารถกรอกความคิดของตัวเองใส่เข้าไปและควบคุมการเคลื่อนไหวของซอมบี้ได้

 

แต่ช่วงเริ่มแรกของการทดลองยากลำบากมากทีเดียว เพราะซอมบี้มักจะหลุดจากการควบคุมของเขาอย่างกะทันหันอยู่เสมอ และบางครั้งก็ถึงกับนำมาซึ่งอันตรายแก่ชีวิตเขาอีกด้วย

 

หลังจากทดลองอยู่หลายครั้ง ในที่สุดหลิงม่อก็รู้เคล็ดลับบางอย่าง ซึ่งไม่เพียงทำให้เขาควบคุมซอมบี้ได้ตลอดเวลา แต่ยังสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของซอมบี้ให้ช่วยเขาเก็บพวกอาหารหรือสิ่งของที่จำเป็นได้

 

ทว่าระยะห่างนั้นจะต้องไม่ไกลเกินไปนัก ซึ่งนี่ก็ทำให้หลิงม่อค่อนข้างเซ็งทีเดียว

 

เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเป็นผู้ควบคุมซอมบี้ แต่เส้นใยในมือยังไม่ยาวพอ อีกทั้งฝีมือในการควบคุมก็ยังไม่เชี่ยวชาญ

 

อย่างไรก็ตามการที่สามารถใช้งานซอมบี้ได้ทำให้เขาใช้ชีวิตได้ปลอดภัยกว่าเดิม เท่านี้ก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกพอใจกับความสามารถนี้แล้ว แล้วเขาก็เรียกซอมบี้ตัวนี้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาว่าหุ่นซอมบี้

 

ในช่วงระหว่างที่ควบคุมเจ้าหุ่นซอมบี้ หลิงม่อแอบรู้สึกว่าขณะที่ตัวเองกำลังควบคุมอีกฝ่าย ความรู้สึกบ้าคลั่งอย่างหนึ่งก็กำลังส่งผลต่อตัวเขาเองเช่นกัน

 

ซึ่งผลกระทบที่ว่านี้จะดีหรือไม่ดี ตอนนี้เขาเองก็ยังบอกไม่ได้เหมือนกัน...

 

หลายวันมานี้หลิงม่อเองก็เริ่มเข้าใจลักษณะนิสัยของเจ้าซอมบี้ขึ้นมาบ้างแล้ว สิ่งที่แตกต่างจากซอมบี้ที่เขาเคยรับรู้มาก็คือ ซอมบี้พวกนี้ไม่ใช่คนตายที่มีชีวิต แต่เป็นคนมีชีวิตที่โดนไวรัสเล่นงานต่างหาก

 

แม้ว่าร่างกายภายนอกจะยังคงเป็นๆ อยู่ แต่ทางจิตใจได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปเสียแล้ว พวกมันโจมตีผู้ที่เหลือรอดจากการโดนไวรัสเล่นงาน ฉีกกัดเลือดเนื้อของผู้คนเหล่านี้ แถมยังมีพละกำลังมหาศาลจนน่าตกใจ เรียกได้ว่าแข็งแรงกว่าคนธรรมดามาก

 

ไวรัสทำลายสติสัมปชัญญะของพวกมันจนหมดสิ้นและชักนำความคิดให้พวกมันแทน ทำให้พวกมันกลายเป็นเพชฌฆาตที่ถูกกระตุ้นจากสัญชาตญาณการเข่นฆ่า

 

สำหรับหลิงม่อแล้ว ซอมบี้พวกนี้น่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาเคยเห็นในเกมหรือในภาพยนตร์เสียอีก เพราะพวกมันยังคงหลงเหลือสัมผัสทั้งห้าอยู่ ไม่ว่าเสียงหรือกลิ่นก็ล้วนแต่ดึงดูดความสนใจจากพวกมันได้ทั้งสิ้น

 

“พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว วันนี้กลับกันก่อนดีกว่า”

 

ห้องพักนี้ไม่ค่อยจะปลอดภัยนัก เป็นเพียงจุดหยุดพักชั่วคราวเวลาที่หลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้

 

หลังจากยัดข้าวของที่วันนี้เก็บมาได้ใส่ในเป้จนหมดแล้ว หลิงม่อก็ส่ายหัวที่ปวดตึ้บไปมา แล้วควบคุมให้เจ้าหุ่นซอมบี้ลุกขึ้นยืน

 

เมื่อมองดูหุ่นซอมบี้ตัวนี้ที่ยืนประจันอยู่ตรงหน้าเขาใกล้ๆ ในใจหลิงม่อนั้นยังคงรู้สึกแปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย

 

แม้จะไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนในภาพยนตร์ แต่ตามเนื้อตัวซอมบี้ก็ยังคงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด การติดเชื้อไวรัสทำให้ใบหน้าของมันซีดขาว ดวงตาแดงก่ำ นอกจากนี้ จากปากที่อ้ากว้างเล็กน้อย ทำให้เห็นซากเศษเนื้อที่ติดอยู่ที่ฟันได้

 

ไม่ต้องคิดให้เปลืองสมองก็รู้ว่านี่ต้องเป็นเศษซากที่เหลือจากการกินคนก่อนหน้านี้เป็นแน่...

 

รูปร่างหน้าตาของซอมบี้ตัวนี้ไม่เลวทีเดียว เป็นเด็กหนุ่มอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปด แต่สารรูปในตอนนี้กลับทำให้มันดูเหมือนผีร้ายมากกว่า

 

“ไปกันเถอะไป...”

 

หลิงม่อสะกดความรู้สึกคลื่นเหียนเอาไว้ แล้วควบคุมหุ่นซอมบี้ให้เดินลงบันไดไป

 

แม้จะมีหุ่นซอมบี้เดินนำเปิดทางให้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะปลอดภัยแล้ว หลิงม่อถือมีดปังตอเล่มคมไว้ในมือและเดินตามหลังหุ่นซอมบี้อย่างระมัดระวัง

 

จากตรงนี้ไปยังที่พักอาศัยชั่วคราวนั้นพวกเขาจะต้องเดินผ่านถนนใหญ่ ซึ่งเมื่อเช้าตอนที่เดินผ่าน หลิงม่อเจอประทัดจำนวนหนึ่ง เขาก็เลยสร้างเสียงดังนิดหน่อยในทิศทางตรงกันข้าม แล้วก็ดึงดูดซอมบี้ส่วนใหญ่ในถนนสายนี้ไปได้ ถึงกระนั้นก็ยังคงมีซอมบี้อีกจำนวนหนึ่งที่เดินโงนเงนอยู่บนถนน

 

หลังจากมาถึงสี่แยกได้อย่างปลอดภัย หลิงม่อก็พบว่าปัญหามาเยือนเสียแล้ว

 

มีซอมบี้สองตัวขวางทางอยู่ตรงสี่แยก ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันโผล่มาจากไหน เนื้อตัวมันเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสดๆ แล้วหนึ่งในนั้นก็กำลังก้มหน้าก้มตากัดกินแขนครึ่งท่อนที่อยู่ในมืออย่างบ้าเลือด

 

ในเมืองเอกประจำมณฑลที่มีประชากรนับสิบล้านคนแห่งนี้ ทุกวันจะมีผู้รอดชีวิตที่ต้องสังเวยชีวิตระหว่างที่ออกมาหาอาหาร เพราะฉะนั้นการที่มีคนตายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

แต่พอเห็นซากแขนนั้นแล้ว หลิงม่อเองก็อดรู้สึกเศร้าเสียใจไปกับเจ้าของแขนไม่ได้ เพียงเพราะตัวเองมีความสามารถถึงได้มีต้นทุนที่ดีกว่าจนมีชีวิตรอดมาได้ ดังนั้นเขาจะชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นอาหารอันโอชะให้กับสัตว์ประหลาดพวกนี้ก็เป็นได้

 

หลิงม่อควบคุมเจ้าหุ่นซอมบี้พลางเดินเข้าไปใกล้พวกมันอย่างระมัดระวัง แล้วเมื่อเข้าใกล้หนึ่งในนั้น เขาก็ชูมีดปังตอขึ้นมา

 

ขณะที่ซอมบี้อีกตัวถูกเสียงดึงดูดความสนใจไป หลิงม่อก็กำมีดแน่นและพุ่งไปที่ด้านหลังมันทันที ก่อนจะปักมีดเข้าที่ศีรษะด้านหลัง

 

ซอมบี้ทั้งสองตายลงเกือบพร้อมกัน จากนั้นหลิงม่อก็ออกแรงดึงมีดออกมาและใช้เท้าถีบพวกมันจนล้มลง

 

ทุกครั้งที่มีโอกาสลงมือ หลิงม่อไม่เคยพลาดสักครั้ง ถึงแม้การควบคุมหุ่นซอมบี้ได้จะมีประโยชน์มาก แต่ตัวเขาเองก็จำเป็นต้องมีทักษะการต่อสู้ไว้ป้องกันตัวเองเช่นกัน

 

นอกจากนี้ หลิงม่อแอบรู้สึกว่า ตอนที่ตัวเขาฆ่าซอมบี้ ความรู้สึกบ้าระห่ำบางอย่างภายในร่างกายกำลังปั่นป่วนไปทั่ว ชั่วขณะที่เขาดึงมีดออกมา เขาถึงกับแอบรู้สึกมีความสุขเล็กๆ ด้วยซ้ำ

 

“ไวรัสคงแพร่เชื้อผ่านทางการเชื่อมต่อทางจิตไม่ได้หรอกมั้ง...ถ้ามันแพร่เชื้อทางนั้นได้จริง เราก็คงติดเชื้อไปตั้งนานแล้ว...แล้วถ้าไม่ใช่เพราะไวรัส แล้วมันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ...”

 

หลิงม่อใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นี้เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ก็ยังคิดอะไรไม่ออก

 

อย่างไรก็ตามการที่สามารถจัดการฆ่าซอมบี้ได้อย่างราบคาบ แถมฝีมือยังเก่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเขาแล้ว

 

ก่อนที่จุดจบของโลกจะมาถึง เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ครั้งแรกที่ต้องฆ่าซอมบี้ ไม่เพียงจะตื่นเต้นหวาดเสียว หลังจากฆ่าแล้วก็ยังรู้สึกกลัวเกร็งอยู่พักหนึ่งจนสมองมึนงงไปเหมือนกัน

 

แต่เพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป ก็จำเป็นต้องยกระดับทักษะการต่อสู้ให้สูงขึ้น

 

แล้วภายในใจหลิงม่อก็คิดถึงห่วงหาใครคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลา ที่เขาหมั่นเร่งพัฒนาฝึกฝนการควบคุมซอมบี้ รวมถึงเก็บตุนสิ่งของที่จำเป็นให้มากเท่าที่จะมากได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อข้ามผ่านพื้นที่นี้ไปตามหาเธอ...

 

…………………………………………………………………………………………………………..

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด