ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 : หากความสิ้นหวังมีสี

บทที่ 1 จงเลือกเถิด หนุ่มน้อย


บทที่ 1 จงเลือกเถิด หนุ่มน้อย

“ความจริงจงปรากฏ ดวงวิญญาณจงสูญสิ้น จงละทิ้งโลกใบนี้ จงทำตามพันธะสัญญาโลหิต ข้าเรียกเจ้าอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว จอมมารตัวน้อย!”

 

ในสวนสาธารณะช่วงพลบค่ำ เด็กหนุ่มวัยเยาว์วางมือซ้ายทาบเหนือหน้าอก มือขวาเหยียดนิ้วทั้งห้ากางออก คล้ายกับจะปล่อยอะไรสักอย่างออกจากใจกลางฝ่ามือ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมจริงจัง ดวงตาสุกประกายดั่งดวงดาวคู่นั้นสะท้อนเป็นเงาสายหนึ่ง ซึ่งคล้ายจะเปี่ยมด้วยความมืดมิดของโลกทั้งใบ

 

“พี่ชาย พี่เป็นใครอ่ะ?”

 

ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม เป็นเด็กชายร่างอ้วนอายุประมาณ 5-6 ขวบคนหนึ่ง เขากำลังกอดลูกฟุตบอล เนื้อตัวมอมแมมเลอะเทอะ เวลาพูดน้ำมูกแทบจะไหลย้อยเข้าปาก

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

 

เด็กหนุ่มหัวเราะลั่น พลิกมือขวากลับมาปิดบังใบหน้าและดวงตาข้างหนึ่งไว้

 

จากนั้นเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าเป็นใครรึ? ข้าเคยถูกขนานนามว่าเทพแห่งขุนเขา บิดาแห่ง สุริยา วิญญาณวีรบุรุษโบราณ จิตวิญญาณแห่งสรรพสัตว์ เทพเจ้า ภูตผี เอเลี่ยน ต่อมาก็เป็นเทพ มาร ปีศาจ มนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตนอกโลก เป็นอนุภาคของทุกสรรพสิ่งการขนานนามเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่ชื่อของข้ามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!”

 

“ไม่ผิด! ข้าคือผู้ควบคุมโชคชะตา ผู้ส่งสาส์นแห่งความยุติธรรม ฮีโร่ผู้พิทักษ์โลก สือเสี่ยวไป๋!”

 

เมื่อกล่าวจบ สือเสี่ยวไป๋ยิ้มมุมปาก เงยหน้าขึ้นหัวเราะร่า

เด็กอ้วนสูดน้ำมูกแรงๆ หนึ่งที น้ำมูกที่ไหลย้อยพลันย้อนกลับขึ้นไปที่จมูก นัยน์ตาทั้งสองเปล่งประกายขณะเอ่ย “ที่แท้พี่ชายก็เป็นฮีโร่นี่เอง! คุณแม่เคยบอกว่า ฮีโร่เอาชนะปีศาจและปกป้องทุกคนได้ พี่ชายก็ทำได้เหมือนกันใช่ไหม?”

 

สือเสี่ยวไป๋ยกสองแขนขึ้นกอดอก พยักหน้ารับพลางกล่าว “แน่นอน ไม่มีสัตว์ประหลาดหรือปีศาจใดที่หนึ่งหมัดของสือเสี่ยวไป๋จัดการไม่ได้! ถ้าหนึ่งหมัดไม่ไหวก็ใช้สองหมัด! สือเสี่ยวไป๋จะเป็นผู้พิทักษ์โลกที่ล่มสลายใบนี้เอง! ส่วนเจ้า จอมมารตัวน้อย จากวันนี้ไปเจ้าต้องเป็นผู้ติดตามของข้า มาร่วมกันขับไล่ค่ำคืนมืดมิดของโลก ทำลายโซ่ตรวนแห่งชะตากรรม เพื่อเป็นฮีโร่ชั่วนิรันดร์!”

 

“ผม...ผมก็เป็นได้เหรอ?” เด็กอ้วนตื่นเต้นดีใจ ใช้หลังมือปาดน้ำมูกที่ไหลออกมาอีก

 

“เจ้าได้ทำพันธสัญญาโลหิตกับข้าแล้ว ในฐานะผู้ติดตามของราชา เจ้าจะได้รับพลังหนึ่งส่วนจากร้อยล้านส่วนของข้า ด้วยอานุภาพแห่งพลังนี้ เจ้าจะสามารถเอาชนะปีศาจทั้งหมด! จงหัวเราะเถิด จงตื่นเต้นเถิด จอมมารตัวน้อย โชคชะตาของเจ้าถูกข้าเปลี่ยนแปลงไปจนสิ้นแล้ว!” สือเสี่ยวไป๋ชี้ไปยังเด็กอ้วน แสงสว่างในดวงตาเร่าร้อนสุกสว่างดั่งสุริยา

 

“พี่ชาย ผมจะ...เอาชนะปีศาจได้ จะปกป้องคุณแม่ได้จริงๆ ใช่ไหม?” เด็กอ้วนเช็ดหลังมือที่ใช้ปาดน้ำมูกบนเสื้อผ้าด้านหลังเอวตัวเอง ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังรอคอย

 

“ได้สิ จิตวิญญาณจอมมารหลับใหลอยู่ในร่างของเจ้ามานับพันหมื่นปี บัดนี้ได้ถูกข้าสือเสี่ยวไป๋ปลุกขึ้นมาโดยสมบูรณ์แล้ว เจ้ามีพลังพิทักษ์ทั้งหมดแล้ว! บัดนี้ข้าขอประกาศว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าคือสมาชิกคนที่สองของทีมฮีโร่เสี่ยวไป๋!” สือเสี่ยวไป๋กล่าวทุกถ้อยคำอย่างหนักแน่น ด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

 

“ไชโย!” เด็กอ้วนร้องตะโกนดีใจ กอดลูกบอลวิ่งไปมาในสวนสาธารณะ ทันใดนั้นก็ทะยานตัวลงสู่บ่อทราย โยนลูกบอลทิ้งไป มือเท้าเอวหัวเราะลั่น “ผมเป็นฮีโร่แล้ว ผมเอาชนะปีศาจได้ คุณแม่จะต้องซื้อขนมให้ผมเยอะแยะ เสี่ยวฮ่าวจื่อจะไม่เรียกผมว่าเด็กอ้วนอีก เสี่ยวเหล่ยก็จะต้องยอมเป็นแฟนผมแน่ วู้ววว ฮะฮะฮ่าๆ...”

 

แสงตะวันยามพลบค่ำสาดแสงสีแดงอ่อนลงบนผืนดิน เหลือเพียงคนสองคนในสวนสาธารณะเล็กๆ เด็กอ้วนตะโกนโห่ร้องดีใจอยู่ในบ่อทราย เด็กหนุ่มยืนถัดออกไปไม่ไกล ใบหน้าของเขาแต้มไปด้วยรอยยิ้มพอใจเป็นอย่างมาก

 

“ในที่สุดทีมฮีโร่เสี่ยวไป๋ก็รับสมาชิกคนที่สองแล้ว หนึ่งก้าวเล็กๆ ในวันนี้ของข้าสือเสี่ยวไป๋ จะเป็นหนึ่งก้าวที่ยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้”

 

สือเสี่ยวไป๋กำหมัดไว้ที่หน้าอก แววตาดั่งเปลวไฟทอดมองไปยังพระอาทิตย์ที่อยู่ไกลลิบตา

 

“จ๊อกกก~”

 

ทันใดนั้นเสียงท้องก็ร้องดังขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาของสือเสี่ยวไป๋ขมวดมุ่น อุทานว่า “หิวชะมัด ในโลกพังพินาศใบนี้ ที่แท้ข้าก็กลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา”

 

สือเสี่ยวไป๋ไม่ใช่คนของโลกใบนี้ เขามาจากอีกโลกหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือเขาทะลุมิติมา

 

ก่อนทะลุมิติ ในมือเขาชูดาบวิเศษเจ็ดดวงดาว สวมชุดเกราะมังกรทอง เท้าเหยียบกิเลนแห่งความวิบัติ กำลังสู้ประชิดกับจอมมารร้ายที่ต้องการกลืนกินฟ้าดิน เขาจำได้เพียงว่า ครั้งสุดท้ายได้เผาผลาญพลังชีวิตเพื่อใช้ดาบเอกซ์คาลิเบอร์ ทันใดนั้นขุนเขาแม่น้ำล่มสลาย ฟ้าถล่มดินทลาย จอมมารร้ายถูกฆ่าตาย แต่เขาเองก็ต้องสูญสิ้นพลังจนตายลง—ในเกม

 

สือเสี่ยวไป๋คิดมาถึงตรงนี้พลันอุทาน “สิ่งที่ข้าสือเสี่ยวไป๋เล่นอยู่นั้นไม่ใช่เกม แต่เป็นชีวิตจริงต่างหาก”

 

เขาเล่นเกมจนกระทั่งทะลุมิติมายังโลกใบนี้ และนี่ก็ผ่านมาถึงสองวันแล้ว ในช่วงสองวันมานี้สือเสี่ยวไป๋เดินทางไปทั่วทุกสารทิศ ก็ยังคิดไม่ออกว่าสถานะของตนเองบนโลกใบนี้คืออะไร แต่ก็พอจะเข้าใจโครงสร้างของโลกต่างแดนแห่งนี้ทีละนิด

 

ความจริงโลกนี้ดูจะคุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคย มีหลายที่ที่มีเทคโนโลยีคล้ายคลึงกับโลกในศตวรรษที่ 21 มีรถยนต์ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์เหมือนกัน...แต่เรื่องความบันเทิงนั้นกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มีแต่การเผยแพร่ข่าวฮีโร่กับปีศาจสู้รบกันตลอดทั้งวัน รายการที่ถ่ายทอดก็เป็นรายการต่อสู้อันโหดร้ายต่างๆ

 

อีกอย่าง จากที่สือเสี่ยวไป๋เข้าใจนั้น ผู้คนบนโลกนี้สามารถฝึกฝนความสามารถทางพลังจิต จนกลายเป็นผู้ใช้พลังจิตได้ อีกทั้งรายการต่อสู้ที่ฉายทางโทรทัศน์ล้วนเป็นการถ่ายทอดสดจากสนามประลองจริง ฉากต่อสู้เหล่านั้นงดงามยิ่งกว่าฉากในภาพยนตร์บนโลกจริงๆ ของเขาเสียอีก

 

ทว่าเมื่อผู้คนได้ครอบครองพลังแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็เกิดขึ้นตามมามากมาย ทั้งอาชญากรและองค์กรก่อการร้ายมีมาไม่ขาดสาย สถานการณ์ความรุนแรงระหว่างประเทศทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ถึงขั้นซุ่มทำสงครามกันเองระหว่างประเทศ

 

และสิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดของโลกนี้คือ การปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องของสิ่งมีชีวิตต่างถิ่น สัตว์ประหลาดจากฟากฟ้า สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่มาเยือนกะทันหัน และที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุดก็คือปีศาจร้ายนอกโลก

 

ปีศาจร้ายตนนั้นอยู่อีกภพหนึ่ง แต่มันเปิดช่องว่างระหว่างภพเข้ามายังโลกมนุษย์ได้ตลอดเวลา บางทีตอนคุณเข้าห้องน้ำอยู่ จู่ๆ โถส้วมอาจเกิดรอยแยกระหว่างภพ แล้วปีศาจร้ายก็โผล่ออกมาจับคุณคว้านไส้พุง แน่นอนว่าอัตราการปรากฏตัวของปีศาจยังไม่สูงเท่าไร หากใครโชคร้ายไปเจอเข้าก็ถือว่าเป็นความซวยเท่านั้นเอง

 

ถึงแม้ว่าบนโลกนี้จะเต็มไปด้วยภัยอันตราย สิ่งชั่วร้าย และความตาย ตามกฎธรรมชาติแล้ว ต้องมีสิ่งพิเศษดำรงอยู่เพื่อมาจัดการภัยเหล่านี้ ต่อสู้กับสิ่งชั่วร้าย และช่วยสิ่งมีชีวิตที่ใกล้จะสูญพันธุ์

 

สิ่งพิเศษที่ดำรงอยู่นี้เรียกว่า ‘ฮีโร่’

 

ฮีโร่นั้นไม่ใช่สรรพนามหรือคำสรรเสริญเพียงอย่างเดียว แต่มันคือองค์กรระดับโลก เป็นอาชีพที่ได้รับการยอมรับนับถือ คือสัญลักษณ์แห่งผู้แข็งแกร่ง คือตัวแทนของผู้กล้า ฮีโร่โจมตีปีศาจร้ายให้พ่ายแพ้ ปกป้องเหล่ามนุษย์ ปกป้องโลก นี่คือฉันทามติของทุกคน

 

“แม้ว่าในตอนนี้ข้าจะเป็นเพียงมนุษย์อ่อนแอแสนธรรมดาคนหนึ่ง แต่สักวัน ข้าจะกลายเป็นผู้มีพลังจิตที่แข็งแกร่ง นำทีมฮีโร่เสี่ยวไป๋กอบกู้โลกใบนี้ ทั้งหมดคือตัวเลือกแห่งชะตากรรมของทีมเสี่ยวไป๋!”

 

สือเสี่ยวไป๋คลี่ยิ้ม แม้ว่าท้องยังส่งเสียงร้อง แต่ในดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งหวังแห่งอนาคต

 

ทันใดนั้น รูม่านตาของเขาหดลงอย่างรวดเร็ว ลมหายใจเข้าออกขาดห้วง นั่นเป็นเพราะประมาณหนึ่งเมตรเหนือบ่อทรายเกิดรอยแยกสีดำขึ้น เพียงครู่เดียวรอยแยกก็ขยายกว้างขึ้นเป็นหลุมดำขนาดเท่าบานหน้าต่าง

 

ในหลุมดำนั้นมีหัวสีม่วงคล้ำโผล่ออกมา

 

จังหวะนั้น สือเสี่ยวไป๋ฉุกคิดถึงคำบรรยายเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้ของคนที่ผ่านไปมา ปีศาจร้ายกำลังจะโผล่มาแล้ว!

 

หัวสีม่วงคล้ำนั้นอัปลักษณ์อย่างยิ่ง หัวล้านไร้เส้นผม ดวงตาสามดวงเรียงกันเป็นแถว นอดำขลับแท่งหนึ่งยื่นออกมาจากหน้าผาก เขี้ยวแหลมคมยื่นออกจากริมฝีปากล่าง น้ำลายสีดำเหนียวหนืดไหลย้อยลงบ่อทรายจนเป็นรูดำเกรียม เกิดเป็นเสียงดังซ่า

 

เด็กอ้วนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในบ่อทรายอยู่ห่างจากหัวปีศาจร้ายที่เพิ่งโผล่มาเพียงสองสามเมตรเท่านั้น แถมตาทั้งสามดวงของมันก็จ้องไปยังเด็กอ้วนเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็นและอำมหิต

 

“เร็ว รีบหนีเร็ว!” สือเสี่ยวไป๋ผู้ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนี้ ได้กลิ่นอายความหวาดกลัวจากจิตวิญญาณ ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นเทา ในใจร้องคร่ำครวญ ปากก็ดูคล้ายกับติดอะไรสักอย่างจนไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้

 

ตอนนี้เอง เด็กอ้วนที่หวาดกลัวกลับคำรามอย่างฮึกเหิม

 

“ตอนนี้ข้าคือฮีโร่ที่จะจัดการแก ไอ้หัวล้าน!”

 

เด็กอ้วนชี้ไปยังหัวของปีศาจร้ายตนนั้น ร่างเล็กๆ เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย แต่ในน้ำเสียงยังฉายแววกล้าหาญและเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่

 

ครั้นปีศาจร้ายได้ยินประโยคนี้ ก็เปล่งเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

 

“จบกัน ทำให้ปีศาจร้ายโมโหเข้าเสียแล้ว”

 

เบื้องหน้าสือเสี่ยวไป๋มืดไปชั่วขณะ ความหวาดกลัวในจิตใจขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ สมองของเขาว่างเปล่าไปหมด

 

ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าโลกทั้งใบถูกสะกดให้หยุดนิ่ง ภาพเด็กอ้วนชูมือค้างอยู่ราวกับภาพยนตร์ที่กดหยุดไว้ หัวของปีศาจร้ายที่ปีนออกมาจากหลุมดำนั้นก็พลันหยุดนิ่ง ราวกับว่าเวลาถูกแช่แข็ง

 

ทุกสิ่งในสายตาของเขาหยุดนิ่ง แม้กระทั่งร่างกายของเขาเองก็ไม่อาจขยับเขยื้อนหรือควบคุมตนเองได้อีก มีเพียงสติรับรู้ของเขาเท่านั้นที่ยังชัดเจนและยังสามารถใช้ความคิดได้อยู่

 

“นี่...นี่คงไม่ใช่ภาพลวงตาใช่ไหม? หยุดนิ่ง...หยุดนิ่งจริงๆ หรือนี่?”

 

เมื่อความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวของสือเสี่ยวไป๋ ข้อความสีดำขนาดใหญ่สามบรรทัดโผล่ขึ้นมาในฉากตรงหน้า

 

[ตัวเลือกที่ 1 : ช่วยเด็กอ้วน (รางวัลระดับ A)]

[ตัวเลือกที่ 2 : หนี (รางวัลระดับ F)]

 

[ตัวเลือกที่ 3 : ชมเหตุการณ์ (รางวัลระดับE)]

 

ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงดุดันดังก้องขึ้นในหัวของสือเสี่ยวไป๋ “จงเลือกเถอะ หนุ่มน้อย!”

 

เสียงนั้นดังก้องในหัวสือเสี่ยวไป๋วนไปวนมาไม่หยุด คล้ายกับดนตรีที่เปิดเล่นวนด้วยเนื้อร้อง “จงเลือกเถอะ หนุ่มน้อย!”

 

เมื่อมองผ่านฉากข้อความสีดำนั้นไป จะเห็นเงาของเด็กอ้วนและปีศาจร้ายหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่เช่นเดิม กิ่งใบของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปไม่ไหวติง และร่างกายของเขาเองก็ขยับไม่ได้เช่นกัน

 

“หากไม่เลือก เวลาจะหยุดนิ่งอยู่เช่นนี้”

 

สือเสี่ยวไป๋ค่อยๆ ได้สติจากอาการหวาดกลัว เริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้า สายตาจับจ้องไปยังข้อความสีดำทั้งสามแถว

 

“รางวัลระดับ A ระดับ F และระดับ E...ต่างกันเกินไปแล้วมั้ง? เหอะ ข้าสือเสี่ยวไป๋เป็นพวกที่เอารางวัลมาหลอกล่อได้ซะที่ไหน?”

 

“ข้า...จะช่วยเจ้าเด็กอ้วน จะต้องช่วยเด็กอ้วน หากแค่เด็กคนหนึ่งข้ายังช่วยไม่ได้ แล้วจะพิทักษ์โลกได้อย่างไรกัน? ก็แค่ปีศาจกระจอกตนหนึ่งเท่านั้น คิดว่าข้าจะกลัวอย่างนั้นหรือ? จงหวาดกลัวเถิด สิ้นหวังเถิด เจ้าปีศาจร้าย วันอวสานของเจ้ามาถึงแล้ว!”

 

......

 

“รางวัลระดับ A ข้าสือเสี่ยวไป๋มาแล้ว!”

 

“ข้าเลือกตัวเลือกที่หนึ่ง ช่วยเด็กอ้วน!”

 

ในขณะที่สือเสี่ยวไป๋เลือกตัวเลือกในใจนั้น เสียงลมโชยพร้อมเสียงหัวเราะอันโหดร้ายของเจ้าปีศาจก็แว่วมา เวลาเริ่มเดินอีกครั้งแล้ว!

 

“รีบหนีเร็ว! รีบหนีออกจากตรงนั้นเร็วเข้า!”

 

ครั้งนี้สือเสี่ยวไป๋ตะโกนเสียงลั่นพร้อมกับกระโจนตัวไปยังบ่อทราย เส้นเลือดเขียวเข้มปูดบนใบหน้าอันหล่อเหลา ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางดูบ้าคลั่ง

 

“พี่ชาย!”

 

เด็กอ้วนหันหน้ามาร้องเรียกด้วยความดีใจ นัยน์ตาตี่นั้นแฝงความเชื่อมั่นและหวังพึ่งพาอย่างที่สุด

 

ระหว่างนั้นเอง ร่างของปีศาจโผล่ออกมาเกินครึ่งแล้ว พร้อมกับมือทั้งสองข้างที่ยื่นออกมา บอกว่าเป็นมือ ก็เหมือนจะเป็นเคียวแหลมสีม่วงคล้ำเสียมากกว่า ในเวลานี้มือซ้ายคล้ายเคียวข้างนั้นชูขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว มันวาววับเป็นประกายเย็นเยียบท่ามกลางความสลัวของพลบค่ำ ราวกับสายตาจากยมทูตที่จับจ้องมา

 

“ไม่ ไม่นะ!”

 

ดวงตาของสือเสี่ยวไป๋เบิกกว้าง อีกนิดจะกระโจนถึงบ่อทรายอยู่แล้ว อีกนิดมือขวาจะเอื้อมถึงใบหน้ากลมขี้มูกโป่งของเด็กอ้วนคนนั้นอยู่แล้ว

 

“ฟึบ!”

 

โลหิตสีแดงสดอุ่นๆ สาดกระเซ็นเข้าใส่หน้าสือเสี่ยวไป๋ จนเห็นโลกทั้งใบเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงอันหนาวเหน็บ

 

เมื่อมองผ่านหยาดเลือดที่ไหลริน เห็นเพียงศีรษะของเด็กอ้วนกระเด็นขึ้นสูง ส่วนร่างนั้นล้มหงายตึงไปข้างหลัง ลำคอที่ถูกตัดขาดมีเลือดแดงสดพุ่งกระฉูดเป็นสาย อาการตกตะลึงและหวาดกลัวบนใบหน้าอ้วนกลมที่ลอยเคว้งนั้น ยิ่งมองก็ยิ่งน่าสยดสยอง แต่สิ่งที่สือเสี่ยวไป๋มองเห็นในดวงตาไร้ชีวิตคู่นั้น คือความหวังที่ถูกทำลายสิ้น

 

ดวงตาของเด็กอ้วนกำลังจดจ้องเขาอยู่

 

“พี่ชาย พี่เป็นใครอ่ะ?”

 

“ที่แท้พี่ชายก็เป็นฮีโร่นี่เอง! คุณแม่เคยบอกว่า ฮีโร่เอาชนะปีศาจและปกป้องทุกคนได้ พี่ชายก็ทำได้เหมือนกันใช่ไหม?”

 

“ข้า...ข้าก็ทำได้เหมือนกันใช่ไหม?”

 

“พี่ชาย ผมจะ...เอาชนะปีศาจได้ จะปกป้องคุณแม่ได้จริงๆ ใช่ไหม?”

 

“ผมเป็นฮีโร่แล้ว ผมเอาชนะปีศาจได้ คุณแม่จะต้องซื้อขนมให้ผมเยอะแยะ เสี่ยวฮ่าวจื่อจะไม่เรียกผมว่าเด็กอ้วนอีก เสี่ยวเหล่ยก็จะต้องยอมเป็นแฟนผมแน่ วู้ววว ฮะฮะฮ่าๆ...”

 

“พี่ชาย!”

 

“......”

 

หากความสิ้นหวังมีสีแล้วล่ะก็ สีนั้นคงเป็นสีแดงโลหิตเช่นนี้แน่นอน

 

“ตุ้บ!”

 

สือเสี่ยวไป๋กระโจนตัวไปข้างหน้า มือทั้งสองคว้าศีรษะของเด็กอ้วนมากอดไว้ ก่อนจะตกลงในบ่อทราย

 

“ข้า...เกลียดที่สุด...ก็คือการถูกเรียกว่าเจ้าหัวล้าน หึหึ...” น้ำเสียงเย็นชาอำมหิตเปล่งออกมาจากปากของปีศาจร้าย เป็นน้ำเสียงที่แหบแห้ง แตกพร่า ดุจดั่งเสียงเลื่อยที่เสียดแทงกับกระดูก

 

สือเสี่ยวไป๋กอดศีรษะเด็กอ้วน หันกายเผชิญหน้ากับปีศาจที่ตอนนี้ออกมาจากหลุมดำเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาสูงไม่ถึงครึ่งของเจ้าปีศาจเลยด้วยซ้ำ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น น้ำตาก็พลันไหลอาบแก้มลงมา

 

“จงสั่นเทา จงสิ้นหวัง เจ้าหัวล้าน! วันอวสานของเจ้ามาถึงแล้ว! แค่ข้าสือเสี่ยวไป๋โบกมือ เจ้าก็จะแหลกสลายเป็นผงธุลี” สือเสี่ยวไป๋น้ำตาไหลอาบแก้ม แม้ในใจของเขาจะหวาดกลัวเหลือล้น แต่ก็ยังกัดฟันสู้

 

นัยน์ตาเจ้าปีศาจฉายแววโกรธเคือง ยกมือขวาโค้งงอดั่งเคียวยมทูต ตวัดเข้าใส่ลำคอของหนุ่มน้อย คล้ายกับเกี่ยวตัดต้นหญ้าให้ขาดวิ่น

 

สือเสี่ยวไป๋รู้สึกเจ็บที่ลำคอ ภาพตรงหน้าพลันมืดดำ เพียงครู่เดียวชีวิตก็ถูกคร่าไป

 

......

 

“จงเลือกเถิด หนุ่มน้อย!”

 

เสียงดุดันดังก้องในสมองของสือเสี่ยวไป๋อีกครั้ง

 

“จงเลือกเถิด หนุ่มน้อย!”

 

เสียงนี้ดังขึ้นอีกครั้ง สือเสี่ยวไป๋สะดุ้งตื่นขึ้น ดวงตาเบิกโพลง ข้อความสีดำสามบรรทัดยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า

 

และเมื่อมองทะลุข้อความสีดำเหล่านั้นไป จะเห็นภาพเด็กอ้วนที่มีร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์ยืนนิ่งอยู่ ปีศาจที่กำลังปีนออกมาจากรอยแยกสีดำ ในเวลานี้มีเพียงส่วนหัวเท่านั้นที่โผล่ออกมา ร่างของมันหยุดนิ่งเหมือนกับรูปปั้นน้ำแข็งแกะสลัก

 

“จงเลือกเถิด หนุ่มน้อย!”

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด