ตอนที่ 43 ขโมยผลงาน 1
“เหลือเชื่อ!”
หลี่ ย่าหลินรู้สึกโกรธที่ได้ยินแผนของแผนกวิจัย เหตุผลหลักเพราะเธอกังวลถึงส่วนลด20%
“นี่เป็นเกมของเบื้องบน”หลิน เหยากล่าว“เราไม่อาจทำอะไรได้”
“อาจกำจัดหัวหน้าแผนกวิจัยได้”แลมเบิร์ตกล่าวอย่างชัดคำขณะลับมีด
หลิน เหยาจ้องมอง
“ลุง!อย่าพูดเรื่องแบบนั้น!”
“เอาละ ดูเหมือนว่าจะมีวิธีแก้ปัญหาอยู่...”หลี่ ย่าหลินคิดลึก ส่งผลให้หลิน เหยาต้องหลั่งน้ำตา
แม้พวกคุณจะไม่อยากมีชีวิต แต่ผมยังอยากมีชีวิตอยู่!เขาคิด
แม้หานเซี่ยวจะเข้าร่วมกับพวกเขาได้ไม่กี่วัน หลังปฏิบัติการแมงมุมดำ ทั้งสามก็ยอมรับเขาในฐานะสหายทันที โดยธรรมชาติ พวกเขาย่อมไม่พอใจกับสถานการณ์นี้
“ทำไมไม่ถามความเห็นเขาโดยตรง?”หลินเหยาถาม
“ที่อยู่ของเขาเป็นความลับสุดยอด และโทรศัพท์เขาก็ปิดอยู่เสมอ!”หลี่ ย่าหลินตะโกน“ใครจะไปรู้ว่าเขาอยู่ไหน..”
“งั้นเราควรทำยังไง?เราจะเฝ้าดูเขาถูกแผนกวิจัยกดดัน?”
“รอเดี๋ยว”แลมเบิร์ตกล่าวหยุด
เสียงฝีเท้าดังขึ้น และไม่กี่วินาทีต่อมา หญิงสาวก็ปรากฏตรงประตู
“เห้ หลิน หลิน ฉันได้ยินมาว่าเพื่อนใหม่เธอเป็นตัวสร้างปัญหา”
หญิงสาวผมสั้น และมีความงามในแบบฉบับเธอ แต่ทว่า เสียงเธอกลับเต็มไปด้วยความดูถูกและเธอก็มองทั้งสามคนด้วยสายตาเหยียดๆขณะยืนพิงประตู
ผิวของเธออย่างงดงาม และริมฝีปากเธอก็แดงสดราวกับกลีบกุหลาบ เธอให้ความรู้สึกยั่วยวนและแม้เธอจะสูง กลิ่นอายความแข็งแกร่งเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่ ย่าหลิน แม้หลี่ ย่าหลินจะสวยกว่า แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับให้เสน่ห์ที่เย้ายวนกว่า
สีหน้าของหลี่ ย่าหลินมืดลงทันทีที่เห็น
“นังจิ้งจอกซู”เธอคำรามรอดไรฟัน“อยากมีเรื่องรึไง?”
ซูซู หัวเราะเย้ยหยัน
“หากเธอกล้าละนะ”
ซูซูและหลี่ ย่าหลินเป็นคู่แข่งกันมาตลอด ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสามารถสืบย้อนไปตอนที่ทั้งคู่ยังเป็นศิษย์ของโรงฝึกต่อสู้ ขณะที่ซูซูมักเก่งในการทดสอบและต่อสู้ ฝีมือของหลี่ ย่าหลินมักธรรมดาทั่วไป และเธอก็มักแพ้ซูซูตลอด
จนกระทั่งทุกวันนี้ หลี่ ย่าหลินมักถูกเตือนต่อหน้าทุกคนและให้ทำตัวดีต่อซูซูแม้จะเกลียดกัน ขณะที่ทุกคนชื่นชมซูซูและให้คำแนะนำเธอ การสนทนาของหลี่ ย่าหลินกับอาจารย์พวกเธอมักจบด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค และเขาก็มักขอให้เธอยึดเอาซูซูเป็นแบบอย่าง
การระลึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นมักทำให้อารมณ์ของหลี่ ย่าหลินระเบิดเสมอ อาจารย์ของเธอปฏิบัติต่อเธอราวกับสุนัขที่ถูกทิ้งร้างกลางสายฝน
ในที่สุดทั้งคู่ก็จบลงด้วยการเข้าร่วมแผนก13 แต่ประวัติศาสตร์ก็ยังซ้ำรอย ฝีมือของซูซูมักโดดเด่นกว่ากลุ่มของหลี่ ย่าหลิน และกลุ่มเธอก็กลายเป็นมือหนึ่งของหน่วยลับ สิ่งที่หลี่ ย่าหลินเกลียดสุดคือการที่ซูซูชอบมาเยาะเย้ยเธอ และชอบเรียกเธอว่าหลินหลิน!
นังสุนัขตัวเมีย!เราสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร?
เห็นได้ชัดว่าซูซูตั้งใจและด้วยความที่หลี่ ย่าหลินรู้เรื่องนี้ดี เธอจึงไม่พอใจ
“ฮี่ๆ”ซูซูหัวเราะเบาๆ“ฉันได้ยินว่าพวกเธอมีสมาชิกใหม่ ดังนั้นฉันจึงมาหาเขาโดยเฉพาะ เขาอยู่ไหนละ?เขาไม่ได้กำลังหลบซ่อนตัวอยู่หรอกใช่ไหม?”
“เขาไม่อยู่ที่นี่”หลี่ย่าหลินตอบเสียงเย็น“เขาหลงทาง”
“ดูเหมือนฉันจะมาเสียเปล่า แต่นั่นก็เข้าใจได้ ในเมื่อเขากำลังยุ่งอยู่กับการถูกทำลายโดยแผนกวิจัย”
หลี่ ย่าหลินจ้องเธอ
“รีบไสหัวไปซะ!”
“อ้า เย็นชาจังเลย”ซูซูหน้ามุ่ย“ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็กนะ”
เธอมองหลินเหยาก่อนหมุนตัวเดินจากไป
หลี่ ย่าหลินหงุดหงิดอยู่แลว แต่เมื่อเธอกลับมาเห็นสีหน้าของหลิน เหยา ความโกรธของเธอก็ยิ่งปะทุ เธอกระชากคอเสื้อของเขาทันที
“ไม่ใช่ว่ามีสาวสวยอยู่ข้างนายอยู่แล้ว?!”เธอตะคอก“ทำไมนายถึงมองนังจิ้งจอกนั่น?!”
“ตะ-ตะ-แต่”หลินเหยาพูดติดอ่าง“เธอยิ้มให้ผม..”
“นายควรให้คำตอบที่ดีกว่านี้ : เธอกับฉันใครสวยกว่า?”เธอข่มขู่
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินเหยากลับใช้เวลาคิดสักพักก่อนตอบ“ผมคิดว่า...พี่สาวซูซูอ่อนโยนกว่าคุณ...”
“ฮึมมม หลินเหยา!ฉันคิดว่าสมองนายคงต้องการดัดแปลงซะบ้าง!”
“Reverse Suplex!”(มวยปล้ำ ฮ่าๆ )
ขณะที่แลมเบิร์ตกระดกแก้วน้ำในมือ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรออก
“เรียกหมอมาที่นี่-เอาผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก”
…
แผนกวิจัยคิดว่าหานเซี่ยวจะปฏิเสธความต้องการของพวกเขา
สำหรับช่างกล พิมพ์เขียวก็เหมือนเส้นชีวิตพวกเขา
พวกเขาไม่สนใจผลประโยชน์ส่วนตัวของหานเซี่ยวหรืออะไรอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดไว้ พวกหัวแข็งเป็นอริกับเขาตั้งแต่ต้น ในสายตาพวกเขา การให้หานเซี่ยวมีโอกาสร่วมมือคือการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลและเขาควรถูกกักขังและควบคุมไว้
ในทางกลับกัน ฝ่ายอนุรักษ์กลับคิดตรงข้าม พวกเขาเต็มใจมอบผลประโยชน์ให้หานเซี่ยวเพราะพวกเขาเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการร่วมมือ ทำไมถึงต้องทำให้เกิดความไม่สงบผ่านพิมพ์เขียวอุปกรณ์เริ่มต้นทั่วๆไปละ?
แล้วหากเขาไม่กลัวการทรมานละ?
แผนก13ได้ลองทุกวิธีกับการจับสมาชิกองค์กรต้นกำเนิดมาก่อน แต่การทรมานแทบไม่ได้ผล และ9ใน10จะให้ข้อมูลเท็จที่เป็นอันตรายแทนประโยชน์
นอกจากนี้ หานเซี่ยวก็ยังไม่เหมือนใครอื่นด้วย
เช่นนั้น ฝ่ายอนุรักษ์จึงโมโหกับแรงกดดันที่พวกหัวแข็งพยายามทุ่มใส่หานเซี่ยว พวกเขาเห็นว่าพวกหัวแข็งนั้นมีแต่พวกล้าสมัย เวลาเดินอยู่ตลอดเวลาและพรสวรรค์ก็เป็นที่ต้องการสูง-แผนก13ควรไว้ใจเขา ไม่ใช่กดดันเขา
ไม่ใช่ว่ามีช่างกลคนอื่นในแผนกด้วย?การขโมยผลงานของหานเซี่ยวย่อมสะท้อนให้เห็นถึงกลวงข้างใน
มันคือปีไหน?ทุกคนกำลังพูดถึงความภักดีและนั่นไม่เพียงแต่จะขับไล่โอกาสและพรสวรรค์ที่กำลังมองหาสถานที่หลบภัย อย่าลืมว่า6ประเทศคือตัวการหลักที่ทำให้เกิดการทำลายประเทศอื่นๆ!มันไม่แปลกใจหากผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้จะก่อกบฏ!
น่าเสียดาย แผนก13มีการแบ่งแยกมากเกินไป มีเพียงเบื้องบนถึงสามารถแทรกแซงการกระทำของแผนกวิจัยได้ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะแค่มองดูเท่านั้น
แผนกวิจัยกำลังเสนอเงินจำนวนมากให้เจ้าหน้าที่สำหรับมีดพับที่พวกเขาซื้อจากหานเซี่ยว ซึ่งทุกคนก็เห็นถึงการเคลื่อนไหว
เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่รู้ถึงสถานะพิเศษของหานเซี่ยว คนส่วนใหญ่จึงรู้สึกว่ามันไร้เหตุผลที่จะกลั่นแกล้งช่างกลธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจไม่ส่งมีดให้ เพราะการทำเช่นนั้นก็เหมือนการไม่เคารพหานเซี่ยวไปในตัว
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่ทำเพื่อเงิน
โคแรทคือเจ้าหน้าที่คนแรกที่ตกลงกับแผนกวิจัย เขาขอเงิน3หมื่นเหรียญ-ซึ่งมากกว่าราคาปกติถึงสามสิบเท่า-และแผนกวิจัยก็ยอม
เหตุผลนั้นเรียบง่าย-มันคุ้มค่ากับเงิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ยึดมั่นในศีลธรรม เขากลับหัวเราะเยาะคนเหล่านั้น
มันก็แค่อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ใครจะสนละ?ก็แค่รอจนแผนกวิจัยผลิตออกมาหากต้องการจริงๆ
...
ในแผนกวิจัย ลั่วซวนและหัวหน้าเลขานุการกำลังตรวจสอบมีดพัน
“ลั่ว ซวน นายสามารถผลิตมันขึ้นมาได้ไหม?”