DC บทที่ 23: สำนึกกระบี่
“...ความสวยของเธอร่ำลือกันว่างามถึงขั้นล่มอาณาจัการและความเป็นอัจฉริยะกระบี่นั้นถึงขั้นไร้เทียมทาน เหล่าแม่ทัพ กษัตริย์ แม้กระทั่งจักรพรรดิมากมายต่างพยายามเกี้ยวพาเธอ อนิจจา ไม่มีใครสมหวัง เพราะเธอมองหาเพียงชายผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเธอซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้ในยุคนั้น”
เสียงสงบเรียบของซูหยางและเรื่องราวที่ดำเนินไปอย่างกระชับทำให้สถานที่นั้นเงียบลงอย่างรวดเร็ว
“เวลานั้นปรากฏเด็กหนุ่มผู้ฝึกปราณพเนจรได้ตกหลุมรักเธอ อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มคนนี้มีพื้นเพธรรมดาถือเป็นเพียงมดตัวเล็กในสายตาของเหล่ากษัตริย์และจักรพรรดิ เขาเป็นคนไร้ความหมายในสายตาของเธอแม้จะอีกกี่ชาติ”
“แต่ทว่า แม้จักรู้ว่าเขาไม่อาจสู้หน้ากับเธอได้ เด็กหนุ่มไม่เคยละความพยายามและฝึกฝนร่างกายและฝีมือกระบี่อย่างจริงจัง ปรารถนาเพียงให้ระยะห่างสุดขอบฟ้านั้นใกล้เข้ามาบ้างสักนิด...”
ซูหยางเรื่องไว้เพียงเท่านั้นและมองไปยังไต้เจิงด้วยความสงบ สายตากดดัน “เจ้าคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่มคนนั้น” เขาถาม
“คนโง่ไล่คว้าเงา…มันชัดเจนอยู่แล้วมิใช่รึว่าจักเกิดอะไรขึ้น” ไต้เจิงเหยียด
ซูหยางยิ้มกับคำตอบของอีกฝ่าย เขายกกระบี่ในมือขึ้นแบบขอไปที
"!!!"
ทันใดนั้นดวงตาผู้อาวุโสโจวก็เบิกกว้าง เต็มไปด้วยความตกตะลึงไม่เชื่อสายตา
“แสงเรืองรอบกระบี่นั่นคืออะไร”
“ข้ามิเคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน...”
เหล่าศิษย์ต่างงุนงงกับรัศมีที่พลันปรากฏขึ้นรอบกระบี่ในมือซูหยาง มันส่งแรงกดดันและทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นบิดเบี้ยว
“เป็นไปมิได้ นั่นเหมือนเป็นสำนึกกระบี่” ผู้อาวุโสโจวจดจำรัศมีรอบดาบได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่รู้กลับทำให้เขาสับสนตกใจถึงที่สุด
สำนึกกระบี่เป็นแก่นแท้ของกระบี่ เป็นสิ่งที่ปรากฏก็ต่อเมื่อผู้ใช้สามารถควบคุมและมีความหยั่งรู้เหนือกระบี่อย่างสมบูรณ์ ผู้ใช้นี้จะถูกเรียกกันว่าจอมกระบี่ และพวกเขาล้วนเป็นผู้ที่คนทั่วโลกยำเกรง
“เป็นสำนึกกระบี่ได้เช่นไร เขาอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตปฐพีวิญญาณยังมิมีใครที่สร้างสำนึกกระบี่ได้” ผู้อาวุโสโจวไม่อยากเชื่อว่าคนปัญญาอ่อนอายุ 16 ปีดังเช่นซูหยางจะเป็นจอมกระบี่แม้จะเห็นสำนึกกระบี่อย่างชัดเจน เขาจึงบังคับตนเองให้เชื่อว่าซูหยางได้เตรียมกลลวงบางอย่างเพื่อให้มันดูเหมือนสำนึกกระบี่
ซูหยางกวัดแกว่งกระบี่อย่างไร้เจตนา พลังกดดันเกรี้ยวกราดก็ครอบคลุมไปทั่วสถานที่ ทำให้ทุกคนรวมถึงผู้อาวุโสโจวหนาวเย็นไปทั้งร่าง
“สำนึกกระบี่ขึ้นกับประสบการณ์และความชำนาญการใช้กระบี่ มิเกี่ยวว่าจะเป็นปุถุชนหรือเซียน ตราบใดที่ข้าหยั่งรู้ถึงกระบี่ข้าก็สามารถใช้สำนึกกระบี่” ซูหยางรำลึกถึงเวลามหาศาลที่เขาใช้เพื่อเข้าถึงกระบี่ในชีวิตก่อน
“เจ้า..คู่ฝึกของเจ้าชื่อไรรึ” ซูหยางพลันถามไต้เจิง ผู้ซึ่งดูเหมือนแข็งค้างไปตั้งแต่สำนึกกระบี่ที่กดดันปรากฏขึ้น
“เชินอวี...” ไต้เจิงตอบโดยไม่ได้ตั้งใจ
ซูหยางผงกศีรษะและกล่าวเสียงเรียบว่า “มิต้องกังวล ข้าจักดูแลหญิงของเจ้าอย่างดีหลังเจ้าตาย เธอจะได้มิโดดเดี่ยวเมื่อปราศจากเจ้า...ผู้อาวุโสโจว พวกเราเริ่มกัน”
ไต้เจิงถึงกับกระอักเลือดหลังจากได้ยินถ้อยคำเผ็ดร้อนของซูหยาง
เมื่อได้ยินซูหยางพูดคำเช่นนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ไต้เจิงก็แทบจะตายไปเพราะความโกรธก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น
“เชี่ย ข้าจักฆ่าเจ้า ซูหยาง” ไต้เจิงเปลี่ยนจากท่าเตรียมสู้เป็นพุ่งเข้าหาซูหยางคล้ายคนบ้าตาแดงก่ำ เขาโกรธจนทำให้สายตามืดบอดจนไม่เห็นประกายกระบี่วาดผ่านมาทางเขา
ซูหยางทอดถอนใจ “ข้าหวังว่านี่จักเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่คร่าชีวิตคนในสถานที่แห่งนี้...”
ซูหยางไม่ใช่คนที่ฆ่าผู้คนด้วยเรื่องเล็กน้อย เขาต้องการตัวอย่างสำหรับคนอื่นเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้ง ในชีวิตก่อนเขามีเหตุการณ์มากมายที่เขาใจอ่อนและถูกแว้งกัดซ้ำรุนแรงภายหลัง
“รอก่อน” ผู้อาวุโสโจวรีบเรียกออกไป อนิจจามันสายเกินไป
ปลายกระบี่ในมือซูหยางสัมผัสพื้นอย่างแผ่วเบา ปรากฏแสงรูปโค้งที่สวยงาม ตัดไต้เจิงเป็นสองส่วนจากบนลงล่างอย่างหมดจด
ต่างพากันปากอ้าค้างอย่างตกใจเมื่อชิ้นส่วนร่างกายตกสู่พื้น เลือดสาดไปทั่วลานรวมถึงซูหยาง ทุกคนเหม่อมองฉากสยดสยองด้วยดวงตาเบิกโพลงและกรามตกค้าง ราวกับเห็นเหตุการณ์จากนรก
ไม่มีใครรวมไปถึงผู้อาวุโสโจวเคยเห็นการฆ่าไร้ปราณีเช่นนี้บนเวทีมาก่อน แม้กระทั่งการต่อสู้เป็นตายที่โหดร้ายที่สุด
ซูหยางหันกายกลับมาเผชิญหน้ากับผู้ชมด้วยท่าทางสงบ และพูดเสียงเย็นเยียบ “เคาะประตูเรียกข้าได้ตามสบาย ข้าจักเล่นกับเจ้า แต่พวกเจ้าก็ต้องเตรียมพร้อมกับผลลัพธ์”
ซูหยางเปล่งพลังอำนาจอันกดขี่ข่มเหง เหตุให้หลายคนล้มก้นจ้ำเบ้า เขาคล้ายกับแม่ทัพกร้านสงคราม คนที่ลึกล้ำสุดหยั่ง
“ตอนจบของเรื่องราว...มิเพียงแต่เด็กหนุ่มจักมีชัยเหนือหัวใจของแม่ทัพหญิงด้วยวิชากระบี่ของเขา เขายังประสบความสำเร็จที่เหลือเชื่ออีกหลายเรื่อง ที่แม้กระทั่งบรรดากษัตริย์และจักรพรรดิ์มิคาดว่าจะทำให้เป็นจริงได้ด้วยตนเอง มิต้องกล่าวถึงคนที่พวกเขาถือว่าเป็นมด...”
ซูหยางตรงไปยังผู้อาวุโสโจวผู้ที่ยืนอยู่ด้วยใบหน้าแตกตื่น และส่งคืนกระบี่เปื้อนเลือด “กระบี่ที่ดี” เขากล่าวก่อนที่จะเดินลงจากเวทีอย่างใจเย็น