ตอนที่ 42 ความโลภของแผนกวิจัย
ในระหว่างทางกลับโรงงาน หานเซี่ยวคิดถึงการเริ่มธุระกิจกับแผนก13
สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือการสร้างชื่อ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาหลี่ ย่าหลินเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังเจรจาบางอย่าง เธอก็ยอมช่วยเขาด้วยเงื่อนไขส่วนลด20%ตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตา มันยังมีปัญหาอยู่-โรงงานไม่ได้มีอุปกรณ์พอรองรับแผนของหานเซี่ยว ดังนั้นเขาจึงไม่อาจดำเนินการผลิตจำนวนมากได้ หลังขบคิด เขาก็ตัดสินใจไปคุยกับลู่เฉียนโดยตรง
..
“พี่สาวเฉียน ผมมีเรื่องจะพูดด้วย”
ลู่เฉียนตัวสั่น
‘มันหลีกเลี่ยงตลอดไปไม่ได้’เธอคิด’แต่ตอนนี้ฉันพร้อมจะรับฟังแล้ว!’
“มีบางอย่างที่ผมอยากบอกคุณ”หานเซี่ยวพูดต่อ“จริงๆแล้วผม-”
ทันใดนั้น หานเซี่ยวก็หันมาเผชิญหน้ากับเขาและก้มหัวให้
“ขะ-ขอโทษนะ แต่ฉันต้องปฏิเสธนาย อย่าเข้าใจฉันผิดนะ นายเป็นคนดี”
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที
เปลือกตาของหานเซี่ยวกระตุก แม้เขาจะไม่มีความตั้งใจในเรื่องนี้ แต่การถูกปฏิเสธด้วยท่าทางเช่นนี้ก็ยังทิ้งรสขมไว้ในปากเขา
“…”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่อยากปรับโฉมโรงงานและติดตั้งห้องทำงานอิสระของผม เพื่อนผมให้ผมยืมเงินมา คุณคิดว่าไง?มันก็เหมือนการปรับแต่งเล็กๆน้อยๆ”
ลู่เฉียนหน้าแดงก่พ เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตายจากความอับอาย
“ได้ ฉันเห็นด้วย”เธอตอบก่อนวิ่งหนีกลับขึ้นห้อง
“อ้า!น่าอายจังเลย!”
หานเซี่ยวกลอกตา เขาสงสัยว่าเธอคงไม่ได้สนใจที่เขาพูดด้วยซ้ำ
...
หานเซี่ยวนำข้อเสนอเขาไปยื่นให้เฟิงจุนเพื่อรอการอนุมัติจากเบื้องบน
ด้วยความที่แผนก13ให้ความสำคัญกับหานเซี่ยวอย่างมาก มันจึงได้รับการอนุมัติทันที และในไม่ช้าฝ่ายก่อสร้างก็มาถึงโรงงาน
สองวันต่อมา ตอนนี้มีโรงงานขนาดเล็กหลังใหม่อยู๋ข้างอาคารหลัก แผนก13คือคนจ่ายมัน หรือพูดให้ถูกว่าหานเซี่ยวขอยืมนั่นเอง และภายใต้คำขอเขา พวกเขายังสร้างห้องใต้ดินเพื่อความสะดวกให้แก่เขา
ไม่กี่วันต่อมา หานเซี่ยวก็ได้รับคำสั่งซื้อสำหรับมีดพับ
แม้ลูกค้าทั้งหมดจะเป็นเจ้าหน้าที่ของแผนก13 หานเซี่ยวก็ไม่ต้องการพบพวกเขาโดยตรง เขาพึ่งพาหลี่ ย่าหลินให้เป็นคนกลางแทน
วัสดุถูกส่งมายังโรงงานของหานเซี่ยวโดยตรง และเขาก็สร้างมีดพันหลายสิบเล่มในช่วงสองสามวันมานี้ ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมาก ซึ่งบางครั้งเขาก็ใช้เพื่อเพิ่มระดับความสัมพันธ์กับเครื่องกล
ย้อนกลับไปยังแผนก13 คำพูดที่ว่ากลุ่มของหลี่ ย่าหลินได้รับช่างกลชื่อหานเซี่ยวเข้ามา-และเขายังเปิดรับคำสั่งซื้อส่วนตัวได้กระจายราวกับไฟป่า
ส่งผลให้ปริมาณการสั่งซื้อพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว และหานเซี่ยวก็พบว่าตัวเองแทบไม่อาจตอบสนองต่อความต้องการได้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณสิ่งนี้ เขาสามารถได้รับค่าประสบการณ์มากมายในแต่ละวัน
ไม่เหมือนชีวิตก่อนหน้าเขา มันไร้คู่แข่ง ดังนั้นหานเซี่ยวจึงยึดครองตลาดหมด
หานเซี่ยวตั้งใจรับคำสั่งซื้อแค่มีดพับและดินปืนระเบิดแรงสูง แต่เขาก็ยกเว้นการสร้างแขนกลน้ำหนักเบาให้หลี่ ย่าหลิน
ขณะที่มีดพับกำลังขายดี หานเซี่ยวก็รู้ว่าความนิยมของมันจะหายไปในไม่ช้า เหนือสิ่งอื่นใด ผู้เล่นส่วนใหญ่มักซื้อเพราะความแปลกใจ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากการออกแบบมันไม่ได้ซับซ้อนอะไร มันคงไม่แปลกหากมีผลิตภัณฑ์เลียนแบบปรากฏขึ้น
เช่นนั้น หานเซี่ยวจึงวางแผนรีบรับคำสั่งซื้อ เมื่อเทียบกับ[ดินปืนระเบิดแรงสูง]ที่มีศักยภาพกว่า ไม่เพียงแต่มันจะมีราคาไม่แพง แต่มันยังมีประโยชน์มาก และเป็นของใช้แล้วทิ้ง ซึ่งลูกค้าต้องกลับมาซื้อใหม่
นอกจากนี้ ไม่เหมือนกับมีดพับ[ดินปืนระเบิดแรงสูง]ยังไม่ออกลอกเลียนแบบได้ง่าย-ทันทีที่ปลอกกระสุนถูกเปิด ดินปืนจะทำปฏิกิริยากับอากาศเพื่อเผาไหม้และไม่หลงเหลือร่องรอยใด โดยพื้นฐานแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างโดยไร้ซึ่งพิมพ์เขียวและกระบวนการผลิตสำหรับเทคโนโลยีในปัจจุบันของดาวเคราะห์
หานเซี่ยวใช้งเนที่เขาได้รับจากมีดพันในทุกวันเพื่อซื้อวัสดุจำนวนมากเพื่อทำ[ดินปืนระเบิดแรงสูง] เขาวางแผนผลักดันมันเข้าสู่ตลาดหลังสะสมได้เป็นจำนวนมาก
...
วันหนึ่ง เมื่อเฒ่าลู่และชายชราร่างสูงมาเล่นหมากกัน หานเซี่ยวก็เห็นชายชราร่างสูงเดินมาหาเขา
“แขนเทียมใช้ดีไหมครับ?”เขาถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เลว”ชายชราหัวเราะและม้วนแขนเสื้อขึ้น แขนเทียมได้รับการติดตั้งด้วยชั้นผิวหนังเทียม ทำให้มันดูเหมือนจริงอย่างมาก
“แค่คุณชอบก็พอ หากมันต้องการซ่อมบำรุง อย่าลังเลที่จะมาหาผม”
ชายชราร่างสูงพยักหน้าและถาม“ฉันได้ยินจากเฒ่าลู่ว่าเธอเข้าร่วมแผนก13แล้ว?”
“ครับ”
“ช่างเป็นเด็กดีที่ทำเพื่อประเทศจริงๆ”เขาปรบมือ
หานเซี่ยวยิ้มอยู่ข้างใน ชายชราไม่รู้ว่าหานเซี่ยวรู้ว่าเขาเป็นใคร
การทำงานให้แผนก13ไม่ใช่ความลับที่ต้องปกปิดขนาดนั้น ไม่ว่าจะยังไง แผนกก็ต้องมีฉากหน้า คนธรรมล้วนเคยได้ยินถึงแผนก13 แต่พวกเขารู้แค่ว่ามันเป็นบริษัท
ขณะสนทนากัน หานเซี่ยวก็สงสัยว่าชายชราร่างสูงมาเพื่ออะไร
ทันใดนั้น เฟิงจุนก็เข้ามาในโรงงานอย่างเร่งรีบและกล่าวกับหานเซี่ยวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ไปคุยกันข้างนอก”
ในฐานะผู้ดูแลหานเซี่ยว เฟิงจุนจึงมักทิ้งหน่วยเล็กๆไว้รอบๆโรงงาน คอยจับตาดูหานเซี่ยวหรือการมาขององค์กรต้นกำเนิด
เมื่อพวกเขาก้าวออกไปข้างนอก ชายชราร่างสูงก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“แผนกวิจัยกำลังจับตาดูคุณอยู่!”
หานเซี่ยวหรี่ตาแคบ
“หมายความว่าไง?”
“แผนกวิจัยมีหน้าที่ประดิษฐ์และคิดค้นอาวุธใหม่ พวกเขามีอำนาจในการประเมินความเสี่ยงของอุปกรณ์ที่เราใช้ ด้วยการอ้างว่ามีดพับของคุณอันตราย พวกเขาจึงร้องขอพิมพ์เขียวคุณ!พวกเขามีสิทธิ์ทำเช่นนั้น และแผนกอื่นก็ไม่อาจแทรกแซงได้”
‘งั้นพวกเขาก็ต้องการพิมพ์เขียวของฉัน!’
‘การประเมินความเสี่ยง?ไร้สาระสิ้นดี!’
หานเซี่ยวส่งเสียงไม่พอใจ หากเขาส่งพิมพ์เขียวมีดพับไป พวกเขาก็จะเริ่มการผลิตพวกมันทันที!
เฟิงจุนยังคงให้ความรู้แก่หานเซี่ยวถึงความขัดแย้งในแผนก13 แผนกวิจัยและกิจการภายในคือพวกหัวแข็ง และเป็นศัตรูต่อเขา
เนื่องจากแผนกวิจัยไม่ได้สร้างผลงานมาหลายปีแล้ว งบประมาณของพวกเขาจึงลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี ในแผนก13 จุดยืนของพวกเขาต่ำยิ่งกว่าแผนกโลจิสติกส์ ซึ่งทำให้พวกเขาตอนนี้ตั้งเป้าหมายมาที่พิมพ์เขียวของหานเซี่ยว พวกเขากำลังจนมุม
“แล้วหากผมปฏิเสธละ?”
“คุณจะถูกขึ้นบัญชีดำโดยพวกเขา และมันจะส่งผลถึงบันทึกคุณ เรื่องดีคือคุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทั่วไป และแผนก13ก็ให้คุณค่าคุณไว้สูงมาก มันควรไม่ส่งผลอะไรต่อคุณ ไม่ว่าจะยังไง แผนกวิจัยก็ไม่อาจบังคับคุณได้เนื่องด้วยตำแหน่งของคุณ”
“งั้นก็ไม่เป็นไร ผมจะไม่มอบพิมพ์เขียวให้พวกเขา”หานเซี่ยวส่ายหัว
เฟิงจุนหัวเราะอย่างขมขื่น เขารู้อยู่แล้วว่าหานเซี่ยวต้องปฏิเสธ
แม้มีดพับจะจบลงด้วยการอิ่มตัวในตลาด แต่มันก็ยังคงทำเงินให้เขาได้มาก ตามปกติ หานเซี่ยวย่อมไม่มีทางยอมแพ้
ชายชราร่างสูงโทรหาใครบางคนในแผนก13 มื่อเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่พอใจ
“พวกโลภมาก!สิ่งที่พวกเขาทำมันไร้สาระสิ้นดี!”
ที่หานเซี่ยวสามารถบรรลุความสัมพันธ์กับแผนก13ได้ก็เพราะการเล่นบทบาทของเขา แต่ตอนนี้ กลุ่มคนภายในแผนก13กลับพยายามทำลายความมุมานะของเขา!จะเกิดอะไรขึ้นหากหานเซี่ยวกลายเป็นเกลียดชังและตัดสินใจเก็บข้าวของจากไป?!จากนั้น ความคิดและความพยายามทั้งหมดของเขาก็จะสูญเปล่า
“พวกไร้ปัญญา!”