ตอนที่ 37 เศร้าสลด
"แม่ของข้า?"เจียงวู่เฉิงถามอย่างสนใจ
เขาเติบโตมาพร้อมกับพ่อของเขาจนกระทั่งเขาอายุ12ขวบ เมื่อพ่อของเขาได้่จากไปอย่างกระทันหัน สำหรับแม่ของเขา..เขาไม่เคยเห็นนางและพ่อของเขาก็ไม่เคยพูดถึงนางเลย
ดังนั้นจนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเขาชื่ออะไร
"ท่านรู้จักแม่ของข้าเหรอ?"เจียงวู่เฉิงกำลังจะถาม แต่ทันใดนั้นจื่ออู่เยวี่ยก็ผลักเขาไปทางชายร่างกำยำที่กำลังเดินเข้ามาหานาง
"อู่เยวี่ย ท่าน.."ชายกำยำรับเจียงวู่เฉิงอย่างรวดเร็วและมองไปที่จื่ออู่เยวี่ยในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
ผ้าคลุมของจื่ออู่เยวี่ยหล่นลงเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนอง พร้อมกับเส้นเลือดสีน้ำเงินเผยอยู่บนผิดราวกับแมลงหลายล้านตัวกัดหน้าของนางอยู่ จืออู่เยวี่ยคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่งและน่าสังเวชใบหน้าของดูน่าเจ็บปวดอย่างมาก
"บัดซบ ยาพิษ"สีหน้าของปู้ ชายร่างกำยำเปลี่ยนไป"นี่ไม่ได้เกิดขึ้นก่อนหน้าหรือหลังจากนั้น แต่ตอนนี้มันกลับเกิดขึ้น"
"พิษ?" เจียงวู่เฉิงมองดูจื่ออู่เยวี่ยอย่างตกใจ
"เจียงวู่เฉิง"ทันใดนั้นน้ำเสียงที่ฟังดูบ้าคลั่งก็พุ่งออกมาจากปากของนาง"ตั้งใจฟัง..แม่ของเจ้าจื่อวู่เหมิงเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลจื่อ เมื่อสามปีก่อนพ่อของเจ้าถูกตามล่าโดยหอคอยขนนกโลหิต ด้วยความที่ไม่มีทางเลือกเขาจึงหนีไปที่ตระกูลจื่อเพื่อให้ปกป้องเขา ตระกูลจื่อได้ไปที่หอคอยขนนกโลหิตและส่งผู้เชี่้ยวชาญทั้งหมดออกไป"
"ในตอนท้าย*.."
"แม่ของเจ้าถูกฆ่าตาย พ่อของเจ้าถูกจับตัวไปที่หอคอยขนนกโลหิต และตระกูลจื่อของพวกเราก็พังทลายลง ข้าเป็นเพียงคนเดียวที่โชคดีรอดมาได้
"ดังนั้นเจ้าต้องจำเอาไว้ ว่าเจ้าไม่เพียงเป็นลูกของเจียงหนานเทียน แต่ยังเป็นสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลจื่ออีกด้วย เจ้าต้องพยายามเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะสามารถทำลายหอคอยขนนกโลหิตและล้างแค้นให้ตระกูลจื่อทั้งหมดของข้าด้วย!"
"และ...ที่นั่น..."จื่ออู่เยวี่ยแสดงออกถึงความบ้าคลั่งเนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากพิษ ทำให้นางพูดอย่างยากลำบาก"เจ้าต้องรักษา...ดาบสะบั้นชีพ...พ่อของเจ้า...ได้พูดเอาไว้ว่า...มันคือกุญแจ...ที่จะเข้าสู่ดินแดนบรรพบุรุษ!"
ในตอนท้ายเสียงของจื่ออู่เยวี่ยพลันเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง
"ไป!ปู้พาเขาไปเดี๋ยวนี้!"
ทันใดนั้นเสียงของจื่ออู่เยวี่ยก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
ปู้มองเข้าไปในดวงตาของจื่ออู่เยวี่ยอย่างลึกซึ้งจากนั้นเขาก็เอาเจียงวู่เฉิงขึ้นไปบนหลังของเขา "ไป!"
"ป้า นางคือป้าของข้า"ในที่สุดเจียงวู่เฉิงก็เข้าใจในทันทีว่าจื่ออู่เยวี่ยคือใคร"ไม่! ไปนำป้าของข้ามา เราต้องไปด้วยกัน!"
"เมื่อได้รับพิษอู่เยวี่ยจะกลายเป็นบ้าคลั่งอย่างไร้สติ นางจะโจมตีทุกคน ถ้าเราพานางไปด้วยพวกเราจะหนีไม่ทัน"ปู้กล่าวเสียงเบา
"ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถทิ้งนางไว้ได้"เจียงวู่เฉิงตะโกน
สีหน้าของปู้พลันเปลี่ยนเป็นมืดมน เขาตบเข้าไปที่หลังคอของเจียงวู่เฉิงทำให้หมดสติในทันที
เมื่อเจียงวู่เฉิงหมดสติปู้ก็หลบหนีออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าชายหนุ่มคนหนึ่งในจำนวนคนที่สวมชุดคลุมม่วงจากหอคอยขนนกโลหิตก็พบกับจื่ออู่เยวี่ยที่กำลังบ้าคลั่ง
"ฮ่าฮ่า จื่ออู่เยวี่ยตามข้ามาซะดีดี"
"เฒ่าหยิงสารเลว เจ้าจะต้องพบกับจุดจบอันสยดสยอง!"
...
ครึ่งวันต่อมาการไล่ล่าสังหารในป่าก็ได้สิ้นสุดลง
กระดูกและศพกระจัดกระจายอยู่ทั่วสนามรบและมีชายสวมชุดคลุมและหน้ากากสีดำมากกว่า12คนยืนอยู่ตรงนั้น นำโดยชายชุดคลุมม่วง
"แม้แต่การส่งนักฆ่าสวมหน้ากากสีเงินมากกว่า30คน และนักฆ่าหน้ากากทองคำ3คน ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสังหารเป้าหมาย มากกว่าครึ่งของนักฆ่าหน้ากากเงินนั้นถูกสังหารหรือได้รับบาดเจ็บ และแม้แต่หนึ่งในนักฆ่าหน้ากากทองคำก็ตกตายไป การสูญเสียที่มากมายขนาดนี้ เจ้าจะรับผิดชอบยังไง?"ชายในชุดคลุมม่วงเอ่ยถามเสียงเย็น
ชายในเสื้อคลุมสีดำคลุกเข่าลงข้างหลังของเขา
"มอบคำสั่งสีแดงออกไปให้ทั่วทั้งแคว้นเทียนหยาน จะต้องหาเขาให้พบแม้ว่าจะต้องพลิกแคว้นเทียนหยานหาก็ตามที"ชายชุดคลุมม่วงกล่าวเสียงเย็น
"รับทราบ"ชายชุดคลุมดำตอบในทันที
"แม้ว่าเราจะไม่ได้ฆ่าเป้าหมายในครั้ง แต่การจับจื่ออู่เยวี่ยได้ก็ถือว่าดีระดับนึง" ชายในชุดคลุมม่วงพึมพำ "ด้วยการใช้จื่ออู่เยวี่ยข้าคิดว่าเจียงหนานเทียนต้องพูดนี้ออกมาแน่ๆ"
...
หลักจากการต่อสู้ที่น่าหดหู่ ตำหนักขุนพลดาบกลายเป็นซากปรักหักพังและบรรยากาศก็ตกต่ำลงอย่างมาก
ศพถูกย้ายไปด้านหลังของลานประลองมากถึง100ศพอย่างรวดเร็ว
ลูกศิษย์จำนวนมากของตำหนักขุนพลดาบ ยืนอยู่บนขอบของลานฝึกซ้อมพลางมองไปที่ศพนับร้อยแต่ละคนมีสีหน้าที่น่าเกลียด
"ท่านประมุข จำนวนศพได้ถูกนับเรียบร้อยแล้ว"ผู้อาวุโสของหอยุทธ์แดงกล่าวกับเจียนซินหง
"ไม่เป็นไร ทำต่อไป"
หน้าของเจียนซินหงซีดและรอดเลือดที่มุมปากของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาได้ผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่แถมยังได้รับบาดเจ็บสาหัส
"ผู้เชี่ยวชาญทั้งแปดคนที่เหนือกว่าอาณาทะเลลมปราณได้ตายไป สี่คนคือผู้อาวุโสของหอดาบส่วนที่เหลือเป็นคนรับใช้ของหอดาบ"ผู้อาวุโสกล่าว
"พวกเข้าทั้งหมดมาจากหอดาบ?"ดวงตาของเจียนซินหงจับจ้องไปที่เขาและถามย้ำอีกครั้งว่า "แล้วลูกศิษย์ที่ตายล่ะ?"
"มีลูกศิษย์94คนในขั้นวิถีลมปราณที่ตายไปแล้ว พวกเขาเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ได้คิดที่จะเข้าร่วมสงคราม แต่พวกเขาถูกลากเข้ามาอย่างไร้ประโยชน์ ศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดคืออายุ12ปีและเขาเพิ่งจะรวบรวมลมปราณได้"ผู้อาวุโสตอบด้วยความเศร้า
เมื่อได้ยินจำนวนผู้เสียชีวิตเจียนซินหงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียวและกลายเป็นซีดในฉับพลัน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถอนหายใจพลางพูดอย่างลึกซึ้งว่า "ฝังพวกเขาให้ดี!"
ในลานฝึกซ้อมมีอีกหลายคนที่ยืนอยู่ดูอย่างหดหู่เช่นกัน พวกเขาคือไป่ฉงและคนอื่นๆจากลานนักสู้
แต่คนรับใช้ที่ติดตามไป่ฉงจาก6คนก็เหลือ3คน
ไป่ฉงกำลังดูศพที่กระจายไปทั่วพื้นดินและมือขวาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะแตะไปที่แขนซ้ายของเขาซึ่งมันกลายเป็นว่างเปล่าและถูกปกคลุมไปด้วยเลือด
"เจียงหนานเทียน และ เจียงวู่เหมิงข้าไม่ได้เป็นติดหนี้บุญคุณพวกท่านอีกต่อไป!"
ในวันนี้สงครามได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันแม้แต่กองกำลังของทุกฝ่ายที่ไม่ได้มีการเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ผลที่ได้รับกลับมาคือ...
ในตำหนักขุนพลดาบผู้อาวุโสทั้งสี่ของหอดาบได้ตายไป!
จิ่วจุ้นได้เสียชีวิต!
คนรับใช้ของหอดาบทั้งสี่คนและบรรดาลูกศิษย์เกือบร้อยชีวิตได้เข้ามาพัวพันและถูกฆ่าเช่นเดียวกัน
ตำหนักขุนพลดาบเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บมากมาย
คนรับใช้หน้ากากทองจากลานนักสู้มีสามคนที่เสียชีวิตและอีกสามคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ไป่ฉงสูญเสียแขน!
จื่ออู่เยวี่ยถูกจับตัว!
โศกนาฏกรรม! สงครามครั้งนี้เต็มไปด้วยเรื่องน่าเศร้า!ที่มาของสงครามครั้งนี้คือการปลุกจิตวิญญาณดาบของเจียงวู่เฉิง
...