ตอนที่ 23: เมเดียน VS คีห์ ประลองตามข้อตกลง
ตอนที่ 23: เมเดียน VS คีห์ ประลองตามข้อตกลง
ในพื้นที่ป่าซึ่งลึกเข้าไปในดาร์คเฮลฟอเรสซึ่งน้อยคนจะมีโอกาสได้ย่างกรายเข้าไป เสียงกัมปนาทราวกับเสียงระเบิดดังขึ้น มันคือเสียงจากฟ้าผ่าที่บรอธสร้างขึ้นเพื่อจัดการกับเมเดียนซึ่งหายตัววูบวาบอย่างรวดเร็วจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังต้นไม้อีกต้นหนึ่งด้วยความสามารถในการเคลื่อนที่ของเขาผสานกับการเคลื่อนไหวของปีกโดยปราศจากการเทเลพอร์ตช่วย
แต่เนื่องจากการเคลื่อนไหวของเมเดียนเร็วเกินกว่าจะตกเป็นเป้า สิ่งที่ถูกฟ้าผ่ามีแต่เพียงต้นสนซีคัวยาจัมโบ้ซึ่งเปลือกนอกของมันส่งกลิ่นไหม้ออกมาหอมกรุ่น
เฮเซคียาห์ในชุดเสื้อกล้ามสีขาว สวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำตัวโคร่ง หมุนกายมองรอบด้าน เขาต้องระวังตัวตลอด และต้องจู่โจมเมเดียนทันทีถ้าสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของอีกฝ่าย
ฟึ้บบบ
เฮเซคียาห์เขวี้ยงมีดของมูนนี่ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นดาบอย่างรวดเร็ว เขาถือวิสาสะเอามาใช้โดยไม่บอกเจ้าของ ซึ่งเมเดียนก็เห็นด้วยที่เฮเซคียาห์จะใช้อาวุธอื่นๆ อีกนอกเหนือจากเพนดูลัม แต่เมเดียนบังคับไว้ในกติกาการต่อสู้ครั้งนี้ ว่าสิ่งที่เฮเซคียาห์จะใช้สร้างความบาดเจ็บให้กับเขาหรือจับเขาไว้ได้เพื่อกุมชัยชนะจะต้องเป็นเพนดูลัมเท่านั้น
จากการต่อสู้กันนับสิบวัน เฮเซคียาห์พยายามสุดฝีมือเพื่อให้เมเดียนได้รับบาดแผลบ้าง แต่เขายังไม่ประสบผลสำเร็จ
“พลาดไปอีกแล้ว” เมเดียนจุ๊ปากใส่เขา และเข้ามาอยู่ในระยะใกล้ตัวเขามากกว่าเดิม
เฮเซคียาห์เกร็งกล้ามเนื้อ เขารู้ดีถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในลำดับถัดไป
เปรี้ยงงง
ร่างของเฮเซคียาห์ถูกเมเดียนซัดกระเด็นด้วยหมัดข้างหนึ่งจนไปปะทะกับต้นไม้อย่างแรง กระดูกในร่างกายหลายท่อนหักและแตกร้าว ร่างของเฮเซคียาห์ทรุดลงไปกองกับพื้นเหมือนหมอนที่นุ่นเปียกน้ำ แต่ตามกติกาของบทเรียนการต่อสู้ เมเดียนไม่เข้ามาซ้ำ เขายืนรอให้ร่างกายของเฮเซคียาห์ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
“ถ้าหากมัสตินเป็นพวกคนกลุ่มน้อยในโลก สงสัยจะถูกจับไปขายให้พวกซาดิสก์ เพราะอัดให้เจ็บเท่าไหร่ ก็หายเป็นปกติทุกครั้ง” เมเดียนเอ่ยออกมาพร้อมกับขยับคอของเขาคลายเมื่อย “ฉันยังรู้สึกสะใจหน่อยๆ หลังจากได้อัดเธอมาหลายต่อหลายครั้งไม่ต่างจากกระสอบทราย”
“เฮอะ!” เฮเซคียาห์ขยับกายลุกขึ้นยืน
“ว่าแต่ ใน 2-3 วันนี้ เธอแทบไม่ใช้เพนดูลัมเลยนะ”
“เพราะว่ามันยังดูไม่ใช่จังหวะที่จะใช้ยังไงล่ะ”
“ก็จริงนะ เธอยังไม่สามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของฉันได้ แม้ว่าฉันจะไม่ได้เทเลพอร์ต เธอนี่มันกระจอกจริงๆ” เมเดียนเยาะเย้ยเล่น ยั่วอารมณ์ของเฮเซคียาห์ให้หงุดหงิด
เมเดียนได้สอนเฮเซคียาห์แล้ว ให้ใช้เพนดูลัมเพื่อขัดขวางการเคลื่อนที่ของศัตรูเป็นหลัก แทนที่จะใช้เพื่อการโจมตีเหมือนกับที่เฮเซคียาห์เคยทำร่วมกับการใช้พลังธาตุ นอกจากนี้ ในระยะใกล้ การใช้เพนดูลัมรัดคอของคู่ต่อสู้จะเป็นวิธีการจัดการฝ่ายตรงข้ามอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
“อย่าปากเก่ง” เฮเซคียาห์พยายามเยือกเย็นเข้าไว้
เขาวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายตรงๆ และเมื่ออีกฝ่ายสวนหมัดใส่ เขารีบหลบอย่างฉับไว
ผลของการต่อสู้กับเมเดียนในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเสริมสร้างร่างกายของเฮเซคียาห์ให้ยืดหยุ่นได้ดี เขาเริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกมัดเชื่อฟังเขามากขึ้น
“คอยดูผมบ้างเถอะ” เฮเซคียาห์ยิ้มออก เขาพบจังหวะที่เขารุกได้บ้าง
เขายกแขนขวารับหมัดของเมเดียนที่อัดเข้ามา
“เอ๊ะ!” เมเดียนอุทาน หน้าระรื่นพลันบิดเบี้ยว การเคลื่อนไหวของเขาชะงักลง
เฮเซคียาห์ไม่เปิดโอกาสให้เมเดียนหนี เขาขยับอีกหมัดฮุคเข้าที่ใต้คางอีกฝ่าย
ผั้วะ!!!
เฮเซคียาห์ยิ้มออก แม้เมเดียนจะเคลื่อนไหวหายไปจากตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว
เขามั่นใจว่าเขาอัดมือเข้าใต้คางบริเวณกระดูกขากรรไกรของเมเดียนพอดี
“ออกมาซะดีๆ ให้ผมดูสีหน้าคุณหน่อย”
“เด็กนี่! เธอนี่มัน...” เมเดียนอยู่บนต้นไม้เหนือศีรษะของเฮเซคียาห์
แขนข้างหนึ่งของเขาตกห้อย เฮเซคียาห์รู้ว่ามันหัก
เขายกแขนข้างที่เมเดียนชกโดนเข้าให้เมเดียนดู และโบกไปมาน้อยๆ ให้อีกฝ่ายเห็นชัดๆ ถึงสิ่งที่เขาเอามาใช้ในการต่อกรกับเมเดียน ซึ่งมันก็คือถุงที่ผลิตจากดอกไม้ชนิดหนึ่งคล้ายต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงซึ่งเฮเซคียาห์บังเอิญไปพบโดยบังเอิญขึ้นอยู่ตามต้นสนซีคัวยาจัมโบ้ โดยเฮเซคียาห์พบว่าเนื้อดอกไม้มีความเหนียว เขาเอาตัวดอกหลายๆ ดอกมาใส่ก้อนหินเล็กๆ เป็นหลายๆ ถุง และจัดการมัดด้วยเถาวัลย์ติดกับแขนทั้งสองข้าง
ในช่วงแรกๆ เฮเซคียาห์เลือกใส่หินน้อยๆ ไว้ก่อน มันอาจถ่วงเขาให้เคลื่อนไหวช้าลง แต่เขาก็ค่อยๆ เคยชินมากขึ้น พร้อมๆ กับที่เพิ่มจำนวนหินในถุงที่มัดติดกับแขนเสียจนตอนนี้ถุงตุง
“ฉันว่าแล้วว่าเธอขอเสื้อแจ็คเก็ตจากฉันไปทำไม นี่หลอกตบตาฉันมาตลอดแล้วเตรียมการสินะ”
“ผมไม่ได้หลอกตบตา ก็ทำตัวปกติ คุณไม่สังเกตเอง” เฮเซคียาห์หัวเราะเสียงใสออกมาได้บ้าง หลังจากเคร่งเครียดมาตลอดหลายวัน
“ฉันต้องไปจัดการกับตัวเองก่อน เธอเห็นไหม เธอทำให้ฉันแขนหักเลย” เมเดียนขยับไหล่ แขนของเขาตอนนี้ต่องแต่ง
ก็ไม่น่าแปลก แรงที่อัดลงมาใส่เฮเซคียาห์รุนแรงมาก ก็ย่อมสะท้อนกลับไปหาเจ้าของแรงเป็นเท่าตัว
กระดูกแขนของเฮเซคียาห์ก็ร้าวเช่นกัน แต่กระดูกที่ร้าวสมานตัวกันอย่างรวดเร็ว เขาเลยไม่มีเรื่องต้องเป็นกังวล
“เห็นไหมล่ะว่าผมปรับปรุงพัฒนาการต่อสู้ของตัวเองขึ้น” เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นกอดอก
เขาคิดแผนนี้ขึ้นมาเอง บรอธไม่ได้มีส่วนช่วย
“ฮึ้ย! โว้ย!” เมเดียนทำเสียงไม่พอใจ แล้วกระโดดหลบไปจากกิ่งไม้ พาตัวเองหายไปอย่างลึกลับและรวดเร็ว
เฮเซคียาห์ทรุดกายลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน เขาต้องคิดต่อถึงวิธีการเอาชนะเมเดียน ตอนนี้เมเดียนแค่ลองซ้อมมือ แต่ในอีกไม่กี่วันนี้ เมื่อถึงกำหนดการประลองของพวกเขา เมเดียนจะต้องงัดทุกกลยุทธ์มาใช้ในการต่อสู้แน่ เพราะเมเดียนก็ได้เห็นแล้ว ว่าเฮเซคียาห์สามารถทำให้เขาต้องเจ็บตัวได้เหมือนกัน
บรอธเคลื่อนกายไปมาในเต็นท์พร้อมกับแสงสว่างเรืองๆ สีเขียวด้านในตัวของมัน ส่วนเฮเซคียาห์นอนนิ่งอยู่ในเต็นท์ ฮัมเพลงไปพลางๆ ตอนนี้อากาศข้างนอกเย็นสบาย และน่านอนเป็นอย่างยิ่ง แต่เฮเซคียาห์ที่พันสร้อยเพนดูลัมไว้กับแขนและมือขวาไม่สามารถหลับต่อไปได้ เขากำลังรอคอยให้ได้ยินเสียงของฝนตกซึ่งเกิดจากการกระทำของฟอร์สทีน เพราะนั่นคือสัญญาณเริ่มการต่อสู้
เฮเซคียาห์มาทบทวนคิดแล้วนึกขัน เมเดียนก็ช่างหวังน้อยเสียเหลือเกิน แค่อยากให้เขาย้ายไปจากหน้าบ้าน
แต่ก็นั่นแหละนะ เขาจำได้ เคยมีข่าวในหมู่ชาวมัสตินเรื่องการวิวาทเมื่อเพื่อนบ้านไม่เก็บยานโดยสารในโรงรถ แต่ไปจอดแถวรั้วหน้าบ้านเจ้าบ้าน หรือหน้าโรงรถของเจ้าบ้าน
“เราไปทำให้เขารำคาญมากเลยสินะ ไปตั้งป้อม สร้างกระท่อมอยู่หน้าบ้านเขาแบบนั้น” เฮเซคียาห์รำพึงถึงเมเดียน
“วิเคราะห์: เมเดียนรำคาญที่เราทำเสียงดัง และก่อกองไฟ เขม่าควันบางส่วนลอยไปเกาะตามต้นไม้ในสวนของเขา”
“อ้อ เป็นแบบนั้นเหรอ เขม่าควัน แล้วก็เสียงดัง” เฮเซคียาห์เพิ่งรับรู้ความเดือดร้อนของเมเดียน แล้วก็งงๆ “เสียงดังนี่ ดังมากเลยเหรอ นึกว่าไม่ได้ยิน”
“ดูเหมือนได้ยินชัดแจ๋ว เขาเคยบ่นให้ฟัง เมื่อครั้งแรกๆ ที่ฉันโทรจิตหาเขา”
เฮเซคียาห์ผงกศีรษะหงึกๆ แล้วเขาก็นิ่งงัน เงี่ยหูฟังเสียงภายนอกเต็นท์ เสียงเปาะแปะของสายฝนกระทบตัวเต๊นท์ดังขึ้น
“ได้เวลาแล้ว” เขาลุกขึ้นและรีบเปิดประตูเต็นท์ พาตัวเองออกไป
พลั่ก!!!
แค่ออกมาจากเต็นท์ก็โดนเล่นเข้าแล้ว ก้อนหินขนาดเท่าหนังสือถูกโยนใส่เขา ทำเอาหน้าผากแตกและเลือดอาบ ตัวเฮเซคียาห์เซไปเล็กน้อย ไม่สามารถปรับสมดุลการเดินได้ชั่วคราว เพราะสมองของเขาได้รับความเสียหาย แต่เนื่องจากเป็นความเสียหายเล็กน้อย เขาจึงไม่ถึงแก่ชีวิต
“เดี๋ยวก่อนนะ นี่คุณกะเอาผมให้ตายเลยเหรอ” เขาตะโกนฝ่าสายฝน
สายฝนหยุดทันตา แต่นั่นแหละ มันไม่ใช่สายฝนจริงๆ ตั้งแต่แรก แค่น้ำที่โปรยปรายลงมาจากเหล่าวิหคเหมันต์เมื่อน้ำแข็งที่ขนปีกของมันละลายจากการถูกแผดเผาจากแสงอาทิตย์ในตอนเช้าที่ระดับความสูงเหนือกลุ่มเมฆ
“อั้ก!” เฮเซคียาห์อุทานออกมาทั้งที่เพิ่งพูดจบ แล้วยกมือขึ้นแตะที่ซอกคอ
เมื่อครู่ มือของเมเดียนสับเข้าที่คอเขา
“ช็อตไฟฟ้าทั่วบริเวณ ช็อตฉันด้วย เร็วเข้า แต่อย่าใช้ไฟแรงนัก” เขาออกคำสั่งกับบรอธ
สายฟ้าจากในอากาศปะทุขึ้น และช็อตแทบทุกตารางนิ้ว เฮเซคียาห์ชักกระตุกเพราะกระแสไฟฟ้า แต่เขาไม่ปล่อยให้อาการชักกระตุกและเจ็บปวดซ่านๆ จี๊ดๆ มาหยุดเขาไม่ให้มองหาเมเดียน แต่เขาไม่พบอีกฝ่าย ก็แสดงว่าเมเดียนน่าจะหลบเลี่ยงออกไปไกลจากรัศมีช็อตไฟฟ้าแล้ว
เฮเซคียาห์คลานไปตามพื้น ตัวสั่น และในที่สุดเขาบอกบรอธแค่ให้ช็อตกระแสไฟฟ้าลงพื้นรอบตัวเขา ขณะที่เขาพยุงตัวเองนั่งขัดสมาธิ
ร่างกายของเขาฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ฟู่ว....” เขาถอนหายใจยาว ลืมตาขึ้น
รอบข้างตอนนี้เงียบฉี่
“บรอธ หาเขาพบไหม”
“ห่างออกไป 200 เมตร เขายืนดูเราอยู่ แต่ตอนนี้ไปอยู่ที่ 100 เมตร แล้วตอนนี้ไปอยู่ที่...” บรอธรายงานถึงเมเดียนไปเรื่อยๆ ซึ่งเมเดียนไม่ได้หยุดนิ่งให้เข้าสู้ได้ง่ายๆ
“ระวังทางขวา มือของเขา” บรอธเตือนเฮเซคียาห์
เฮเซคียาห์ไหวตัวทัน แม้จะเห็นเมเดียนเป็นเพียงเงาตะคุ่มดำๆ เคลื่อนผ่านสายตาอย่างเร็วเหลือเกิน
“จับได้แล้ว” เฮเซคียาห์จับมือของเมเดียนที่ทันเห็นทางหางตา เขากุมมืออีกฝ่ายไว้แน่นขณะเร่งคลายมัดสร้อยเพนดูลัมที่พันรอบแขนของตนไปมัดพันรอบแขนของเมเดียนในเวลาเดียวกัน
“เอาสิ สะบัดแขนผมไปด้วยเลย” เฮเซคียาห์หัวเราะออกมาด้วยความสะใจในความปราดเปรื่องของเขา
ถ้าอวัยวะของชาวเมเดียนไม่ถูกทำลายให้สิ้นซาก เขาสามารถควบคุมมันได้จากระยะไกล
“อ้ากกก!!!” เฮเซคียาห์ร้องออกมาเสียงดังลั่น
เมเดียนไม่ลังเลจะกระชากเอาทั้งเพนดูลัมและแขนของเฮเซคียาห์และเคลื่อนที่ถอยหลังหายไปอย่างรวดเร็ว
เฮเซคียาห์หายใจหอบถี่ เลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ไหล่ของเขา เขาสูดหายใจลึก ร้อนซ่านบริเวณบาดแผล นึกรู้ว่าร่างกายกำลังสร้างแขนใหม่ขึ้นมาทดแทน
“ถึงกับฉีกแขนของผมเป็นชิ้นๆ ไอ้คนซาดิสก์” เฮเซคียาห์ตะโกนบ่น เขาสะบัดแขนใหม่เร่าๆ ซึ่งแขนนี้ไม่มีถุงใส่หินใส่ไว้เพื่อปกป้องกระดูก ดังนั้นเขาจะต้องคอยระวังมากขึ้นกว่าเดิมว่าเมเดียนจะเล่นงานมือข้างนี้ “วิปริต...”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เฮเซคียาห์ต้องกระโดดพุ่งหนีไปยังด้านข้าง
เมเดียนตวัดสร้อยเพนดูลัมมาเหมือนแส้ ตั้งใจจะฟาดใส่ตัวเขา
“แม่งเอ้ย!” เฮเซคียาห์ครางประท้วงเสียงสั่น เพราะต้นไม้ที่ถูกฟาดแทนตัวเขา เนื้อไม้ถึงกับวิ่นไปทั้งที่ตัวไม้มีความแข็งแกร่งและยากจะถูกตัดได้แม้จะใช้ขวานหรือเลื่อยยนต์
“วิเคราะห์ซิบรอธ ฉันจะถูกฉีกตัวขาดสองท่อนด้วยเพนดูลัมสองเส้นนั้นไหม” เฮเซคียาห์กระโดดหลบการโจมตีของเมเดียนที่ตวัดสายสร้อยและลูกตุ้มเพนดูลัม การตวัดด้วยความเชี่ยวชาญของเมเดียนเป็นไปในลักษณะของการเหวี่ยงให้เป็นรัศมีวงรีซึ่งเท่ากับว่าสายสร้อยและลูกตุ้มเพนดูลัมมีการสะสมพลังงานไว้โข มันดูเหมือนใบพัดของเครื่องระบายอากาศยักษ์ในยานอวกาศ
“คำเตือน: ความเสี่ยง 80%” บรอธตอบได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่หยุดเพียงแค่นั้น “คำแนะนำ: โยนก้อนหินเข้าใส่เพนดูลัมทั้งสองเส้นที่กำลังเหวี่ยงอยู่ด้วยความเร็วสูง และวิ่งหาที่หลบกระสุนลูกหิน”
เฮเซคียาห์ทำตามโดยไม่รอช้า เขาแกะเอาดอกไม้ที่ทำเป็นถุงใส่หินบนแขนออกมาสองถุงในลักษณะกระชากพวกมันออกมา และโยนแต่ละถุงเข้าใส่สายสร้อยเพนดูลัมที่กำลังเหวี่ยงอยู่
แรงเหวี่ยงฉีกกระชากถุงใส่ และบดขยี้ก้อนหินในนั้น ก้อนหินเล็กๆ กระจายไปทั่วและพุ่งตัวเร็วเหมือนเมล็ดถั่วเขียวที่ถูกดีดออกจากเครื่องปั่นน้ำผลไม้ที่ไม่ได้ถูกออกแบบไว้ให้คั่นน้ำถั่วเขียวพร้อมกับแยกกากไว้
“เป็นไงล่ะ” เฮเซคียาห์ยิ้มกริ่ม เมเดียนร้องลั่น โดดโหยงเหยงไปมาหลังถูกลูกหลงของกระสุนลูกหินเสียเอง
บรอธช็อตไฟฟ้าใส่เมเดียนต่อ เพราะเฮเซคียาห์ออกคำสั่งในหัวให้มันทำ
แต่เมเดียวไม่ยอมให้เฮเซคียาห์แย่งเพนดูลัมคืนไปได้ เขาสะบัดสร้อยเพนดูลัมด้วยแรงพอดิบพอดีที่จะทำให้มันหดตัวและบินด้วยความเร็วหายวับไป รอดพ้นจากการถูกทำให้เป็นอัมพาตด้วยกระแสไฟฟ้า
“ไปอยู่ซะที่...”
เฮเซคียาถูกขัด
เขาถูกเตะกระเด็นไปกระแทกโคนต้นไม้ต้นหนึ่ง
เมเดียนเคลื่อนที่มาอยู่ทางด้านหลังในขณะที่เฮเซคียาห์ไม่รู้ตัวเลย
เฮเซคียาห์อาเจียนอาหารเช้าของเขา คือโจ๊กกับผักกาดดองออกมา
“ฉันเตือนแล้วว่าอย่ากินอะไรตอนเช้า” บรอธทัก
“หุบปากน่า!” เฮเซคียาห์ตวาด
เขารีบลุกขึ้นยืน
เมเดียนเข้ามาใกล้ แล้วใช้สายสร้อยเพนดูลัมรัดคอของเขาเอาไว้
“อึ้ก!” เฮเซคียาห์สะบัดกาย ดิ้นรนอย่างไรก็ไม่หลุด สายสร้อยเพนดูลัมเริ่มบดเบียดกับเนื้อและสร้างความเจ็บปวด เฮเซคียาห์รู้สึกได้ คอของเขาเริ่มมีเลือดไหล
“จะสั่งเสียอะไรหน่อยไหม ฉันจะทะลวงสมองของนายออกมาด้วย” เมเดียนใช้สายสร้อยเพนดูลัมอันหนึ่งรัดคอของเฮเซคียาห์แน่น พลางยกมืออีกข้างซึ่งถือลูกตุ้มเพนดูลัมปลายแหลมของสายสร้อยอีกอันข่มขู่เขา
“นี่เอาจริงเหรอ จะฆ่ากัน?” เฮเซคียาห์อึกอัก
“ไม่อย่างนั้นก็ยอมแพ้ไป” เมเดียนเขย่ามือที่รั้งจับสายสร้อยเพนดูลัมที่รัดคอเฮเซคียาห์อยู่
เฮเซคียาห์หายใจอย่างลำบาก และเขาเริ่มรู้สึกถึงเส้นเอ็นที่คอซึ่งกำลังจะฉีกขาด
“ไม่...” เขาคราง
และเพราะความเจ็บปวด เขาตะโกนออกมา
“โอเค ยอมแพ้!” เขาพ่นคำพูด แล้วร่างก็ค่อยๆ รูดลงกับพื้น สายสร้อยที่รัดคออยู่คลายออก ในคอร้อนผ่าวมีอาการระคายเคืองจากเส้นเลือดที่โป่งพองและเสียดสีกันระหว่างเขาถูกบีบคอให้หายใจไม่ออก เฮเซคียาห์ไอไม่หยุด แต่ต่อไปไม่นาน ร่างกายของเขาเริ่มฟื้นฟูตัวเองอย่างช้าๆ เขาหยุดไอ และรอยแผลลึกรอบคอก็ค่อยๆ สมานตัวจนกระทั่งหายดี