ตอนที่แล้วตอนที่ 21 เทพบุตรคิกิ และ เพกัส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23 การต่อสู้ของทั้งสอง Part 2

ตอนที่ 22 การต่อสู้ของทั้งสอง Part 1


ตอนที่ 22 การต่อสู้ของทั้งสอง Part 1

 

“ฮ่า!”

เทพบุตรคิกิดิ่งลงเหยียบพื้นก่อนจะพุ่งตัวตามชุนไป ผืนดินที่ถูกย่ำเมื่อครู่พลันแตกร้าวออกเป็นเสี่ยง ๆจากนั้นพายุมรกตขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นล้อมรอบร่างเทพบุตรคิกิ ซึ่งมีใบไม้คมกริบปะปนอยู่ภายใน

“หน็อย…!”

ชุนกัดฟันกรอด เขาไม่มีเวลาหลีกหนีแล้ว

เมื่อสองเท้าสัมผัสพื้นก็ลากถอยไถลดินเป็นสองเส้น ก่อนจะหยุดนิ่ง จากนั้นสองมือก็กระชับดาบแล้วหันคมดาบไปด้านหน้า สองตาพลันหลับก่อนที่จะร่ายคาถาเวท

“เวทพายุอัคคี!”

พอชุนลืมตาวงเวทสีแดงก็ปรากฏบนพื้น

พายุเพลิงก่อตัวทะยานสู่ฟ้าสกัดกั้นทิศทางจู่โจมของเทพบุตรคิกิ

ทว่าพายุมรกตก็แหวกทะลวงเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำเบื้องหน้า

ลมหมุนของเทพบุตรคิกิเข้าปะทะร่างของชุนโดยพลัน

“อั่ก…”

พายุมรกตหอบร่างของชุนลอยขึ้นฟ้า เศษใบไม้คมกริบบาดเฉือนร่างจนเสื้อผ้าขาดเห็นเนื้อหนัง ความเจ็บปวดผุดขึ้นทั่วร่างอย่างฉับพลัน ชีพจรกระตุกเฮือกสั่นระบมไม่เป็นจังหวะในทันที

“ฮะฮ่า… อ่อนหัด!”

เทพบุตรคิกิหัวเราะเย้ยหยัน ทะยานตามร่างของชุนไปอย่างรวดเร็ว

เมื่ออยู่ในระยะประชิน มือหนาข้างหนึ่งก็บีบเข้าที่คอของชุนอย่างรุนแรง

“แอ่ก…”

ฝ่ามือกระตุก ปล่อยดาบกระดูกเทพร่วงหล่นปักลงดิน

“หน็อย…”

เลือดซึมออกมาจากในปากของชุน ก่อนที่การมองเห็นจะเริ่มพร่าเลือน

น่านฟ้าเปิดไร้หมอกเมฆ สายลมพัดผ่านเย็นสบาย แม้จะปรากฏเปลวเพลิงอยู่ตรงหน้า แต่ก็เป็นเพียงแค่แสงเย็น ๆ เท่านั้น

ลินจิซึ่งอยู่บนหลังของเพกัสสังเกตทิวทัศน์เบื้องล่าง ก่อนจะเอียงคอมองเพกัสตาปริบ ๆ

แม้ปีศาจม้าตนนี้จะคาบลินจิขึ้นหลังแล้วเหาะขึ้นฟ้าราวกับลักพาตัว แต่มันก็ไม่ได้ทำอันตรายลินจิเลย

เมื่อเป็นเช่นนี้ลินจิจึงเฝ้าดูสถานการณ์

“นี่… จะพาไปไหนเหรอ”

มีเพียงเสียงม้าร้องฮี่ ๆ ตอบกลับมา

“พูดไม่ได้สินะ พากลับไปหน่อยไม่ได้เหรอ”

เพกัสร้องฮี่ ๆ เช่นเคย ลินจิจึงถอนหายใจ

เมื่อผ่านภูเขาไปหลายสิบลูกก็พบโพรงถ้ำขนาดใหญ่กลางเขาลูกหนึ่ง จังหวะนั้นเพกัสก็ยกสองขาหน้าหยุดกลางคัน ทำให้ลินจิเกือบจะตกลงจากหลังของเพกัส

“อ๊ะ! อ๊ะ!...”

เขาร้องพร้อมตะเกียกตะกายกอดคอปีศาจม้าไว้อย่างตกใจ

“มีอะไรงั้นหรอ”

สองตาจับจ้องไปยังเพกัสซึ่งมีท่าทีตื่นตระหนก เห็นเช่นนั้นลินจิจึงพยายามใช้มือลูบปลอบประโลมหลายครั้งจนเพกัสพอที่จะสงบนิ่งลงได้

น่าแปลกใจที่เพกัสไม่ยอมเคลื่อนไปไหน มันหยุดมองโพรงถ้ำอยู่นานพักหนึ่ง

ลินจิมองตามเพกัส กะพริบตาสองครั้ง ก่อนที่ไอปีศาจจะลอยหึ่งเข้าจมูก

ขนทั่วกายลุกซู่ ตอนนั้นเองลินจิก็สงสัยว่า

…ในถ้ำนั้นมีอะไรอยู่กันนะ

แม้ความหวาดกลัวจะผุดขึ้นมาในใจของลินจิ แต่เขาก็พึงระลึกว่า ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังได้เชี่ยวชาญกว่าเก่า ทั้งกลายร่างเป็นเทพจิ้งจอกสวรรค์ แถมยังมีเขตอาคมเทพเจ้าที่แข็งแกร่ง

ขณะที่คิดว่า บางทีผลึกดวงดาวอาจจะอยู่ในถ้ำ ลินจิก็ทำเสียงน่ารัก

“เพกัส ขอร้องล่ะ ไปทางนั้นที”

ปลายนิ้วชี้ไปยังโพรงมืดกลางภูเขา

จู่ ๆ เพกัสก็ดิ้นพลางร้องฮี่ ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ สายลมก็พลันโหมกระหน่ำย้อนไปทางปากถ้ำ

เสี้ยววินาทีนั้นร่างของทั้งสองก็ม้วนตลบกลางอากาศไปกับสายลมโดยไม่มีสิ่งใดช่วยประคอง

“อ๊ะ!”

เมื่อร่างม้าและร่างคนถูกลมดูดเข้าไป ปากถ้ำก็ปิดตัวทันที

“โอ๊ย… เจ็บชะมัด”

ลินจิลุกขึ้นพลางลูบก้นที่เกิดจากแรงกระแทกเมื่อครู่ แสงสว่างจากเกือกทั้งสี่และขนไฟของเพกัสช่วยส่องให้มองเห็นภายในถ้ำเป็นวงแคบ

แม้เหตุการณ์จะดูมีเงื่อนงำแต่ลินจิก็เป็นห่วงเพื่อนใหม่ที่เพิ่งพบเจอ

“เจ้าม้า เจ็บตรงไหนมั้ย”

เขาถามพลางใช้ฝ่ามือเรียวเล็กลูบหลังเพกัสเบา ๆ

“ฮี่ ๆ”

เพกัสร้องตอบ

“เจ็บสินะ มานี่สิ เดี๋ยวผมรักษาให้”

แม้ไม่เข้าใจภาษาม้า แต่ลินจิก็ทึกทักไปเองว่าเพกัสคงจะเจ็บ ดังนั้นจึงใช้ทักษะ ‘ฟื้นฟู’ รักษาให้

[‘ฟื้นฟู’ เริ่มทำงาน]

แสงระยิบระยับโปรยปรายทั่วร่างของเพกัสราวกับหมู่ดาว ครู่หนึ่งก็ค่อย ๆ วูบดับลงไป

“เอาล่ะ…”

มือหนึ่งตีหลังเพกัสดังปุ ๆ พอเหลียวมองตรงปากถ้ำ ลินจิก็กะพริบตาปริบ ๆ

“อ๊า… ปากถ้ำปิดไปแล้ว”

ว่าแล้วเขาก็สะดุ้งถอยหนึ่งก้าวแล้วยกมือทาบอก

เมื่อหันมองหน้าเพกัส ลินจิก็ไม่ได้คำตอบ จึงนั่งลงใช้ความคิดอยู่ข้าง ๆ ม้าอสูร

ภายในถ้ำห้อมล้อมด้วยหิน ความหนาวยะเยือกเข้ามาจู่โจมตั้งแต่เมื่อครู่ไม่หยุดหย่อน

แม้เพกัสจะมีเปลวเพลิง แต่ก็ไม่ได้ช่วยส่งความร้อนมาแต่อย่างใด ลินจิจึงนั่งกอดอกตัวสั่น

…มีปีศาจอยู่แถวนี้ ถ้าทำได้ก็ไม่อยากเข้าใกล้มากกว่านี้แล้ว

ขณะที่นั่งอยู่นั้นลินจิก็สังเกตเห็นบางสิ่ง ซึ่งคล้ายมนุษย์กำลังนอนอยู่ไกลออกไปในระยะสายตา

เห็นเช่นนั้นเขาจึงลุกขึ้นมา ก่อนจะก้าวขาไปด้านหน้าสองสามก้าวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

[‘หยั่งรู้’ เริ่มทำงาน]

[การใช้ทักษะผิดพลาด]

“เอ๊ะ!”

ตอนนั้นลินจิก็คิดว่าคงเป็นเพราะอยู่ห่างเกินไป จึงเดินไปข้างหน้าอีกหน่อย

“ใครน่ะ…”

ไม่มีเสียงตอบกลับ ลินจิจึงรู้ลึกกลัวขึ้นมา ตนเกรงว่าจะเป็นศพคนตายจึงหันมาทางเพกัส

“เพกัส มาด้วยกันหน่อยได้มั้ย เดี๋ยวผมเปิดใช้เขตอาคมป้องกันให้”

เขตอาคมสีทองพลันปรากฏล้อมตัวทั้งสองไว้ ลินจิค่อย ๆ ก้าวขาเข้าไปพลางใช้อีกมือสัมผัสหลังของเพกัส อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่ายังมีใครอีกคนอยู่ข้าง ๆ

อากาศภายในถ้ำเย็นชื้นอึมครึม แม้พื้นไม่เปียกแต่ก็รู้สึกลื่นเท้า ลินจิจึงค่อย ๆ ก้าวไปอย่างระมัดระวัง

“…ยังมีชีวิตอยู่มั้ย”

เขาถามพลางก้าวขาไปเรื่อย ๆ

ทันใดนั้นก็ได้กลิ่นอายน่าสะอิดสะเอียนลอยโชยมา

…นี่มัน

…กลิ่นเดียวกับอุรามิ

รู้สึกเช่นนั้นลินจิจึงรีบกระโจนขึ้นไปบนหลังของเพกัสอย่างเก้ ๆ กัง พอทรงตัวได้เขาก็ย่นคิ้วมองข้างหน้า

แม้ร่างปริศนาจะอยู่ห่างออกไป แต่ก็ยังอยู่ในระยะสายตา ลินจิไม่แน่ใจว่านั่นเป็นคนหรือปีศาจกันแน่

แสงสว่างจากไฟของเพกัสก็ส่องไปไม่ถึงตรงจุดนั้น ตนจึงไม่สามารถฟันธงได้

“แอ่ก ๆ”

เสียงผู้ชายที่นอนอยู่ดังจากไกล ๆ

ลินจิหน้าซีดเผือดทันที

“ชะ…ช่วยข้าด้วย”

[‘หยั่งรู้’ เริ่มทำงาน]

[การใช้ทักษะล้มเหลว]

“อ๊ะ!”

ขณะที่สงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงใช้ทักษะหยั่งรู้ไม่ได้ ชายคนนั้นก็ร้องเสียงแหบแห้งอีกว่า…

“ชะ…ช่วยด้วย”

เพกัสหยุดสี่เท้าอยู่แค่นั้น ไม่ยอมก้าวเข้าไป

ลินจิบังคับม้าไม่เป็นจึงกระโดดลงมาจากหลังของม้าอสูร แล้วหันไปพยักหน้าให้เพกัสหนึ่งครั้ง บอกว่า…

“ไปเป็นเพื่อนหน่อยนะ…”

จังหวะนั้น เพกัสก็สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายจากด้านหลังดีดตัวลอยขึ้น แล้วพ่นเพลิงอสูรแผดเผาศัตรูตรงหน้าทันที

“อ๊ะ!”

ทว่า… เมื่อลินจิเหลียวไปมองอย่างตกใจ เขาก็ไม่พบอะไรอยู่ตรงหน้า

เมื่อรู้สึกหวาดผวา ขนทั่วกายก็พลันลุกชัน มือเท้าเย็นลง แขนขาสั่นระริก

จู่ ๆ ร่างของทั้งสองก็กระเด็นไปคนละฟากกระแทกกับผนังถ้ำในพริบตา

ขณะทรุดร่วงลงกับพื้น ลินจิก็งุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ส่วนเพกัสก็ร้องฮี่ ๆ รีบลุกขึ้นมา

ตอนนั้นก็พบว่าชายปริศนาที่นอนขอความช่วยเหลืออยู่เมื่อครู่ได้หายตัวไปแล้ว

ลินจินิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดปนสงสัย

เมื่อกลอกตาไปด้านข้างจึงเห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่

เพกัสปะทุเพลิงขึ้นมา ไฟที่ห่อหุ้มเกือกทั้งสีข้างลุกโชติช่วงอย่างฉับพลัน

สำหรับเพกัสแล้ว ตนแค่ทำตามคำสั่งของ ‘เทพบุตรคิกิ’ ซึ่งปลดผนึกให้เท่านั้น โดยเทพบุตรคิกิได้ทำตามคำเรียกร้องของอุรามิที่ว่า ‘ให้นำร่างของเทพเจ้าผู้สร้างโลก เพกัส และชุนกลับมาหาเขา จากนั้นอุรามิจึงจะคืนดวงจิตเทพให้’

ลินจิเงยหน้าสูงเพื่อมองหน้า ก่อนจะเบิกตากว้างทันที ปากสั่นลั่นเสียงตะกุกตะกักว่า…

“อุ…อุรามิ!”

“ไง …หึหึ”

อุรามิยกมุมปากให้อย่างวิปริต พลางยื่นมือไปคล้ายจะเข้าลูบหัวของลินจิ

ทว่าตอนนั้นเพกัสก็พ่นเพลิงอสูรใส่ร่างของอุรามิทันที

แต่เขตอาคมสีดำของอุรามิก็ปัดเป่าเพลิงอสูรกระจายออกไปด้านข้าง

ลินจิซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ลืมว่าตนมีเขตอาคมเทพเจ้าคุ้มกัน จึงรีบกระโจนหนีเพราะกลัวลูกหลง

“อ้า!”

“ฮะฮะฮ่า เพกัสเอ๋ย ใจเย็น ๆ”

อุรามิเปิดปากหัวเราะ แม้จะเป็นปีศาจแต่ฟันก็ขาวเรียงตัวสวยยิ่งนัก

ทันใดนั้นความหนาวเย็นยะเยือกก็พลันหายไป ลินจิสัมผัสถึงความร้อนระอุราวกับใกล้กองเพลิง เมื่อมองไปยังเพกัส ดวงตาสีแดงเพลิงของม้าอสูรก็จับจ้องไปยังอุรามิอย่างดุร้าย

…เพกัสเองก็เห็นอุรามิเป็นศัตรูเหมือนกันเหรอ

เปลวเพลิงบนเกือกทั้งสี่ข้างของปีศาจม้าพลันโหมกระหน่ำขึ้นมา ขนไฟด้านหลังลุกโชติช่วงแผ่ไอร้อนไปทั่วบริเวณ

ดวงตาของลินจิสะท้อนแสงสีส้มสั่นไหว

“เพกัส…”

ลินจิพึมพำก่อนพยายามเกร็งร่างลุกขึ้น

ตอนนั้นเองแสงสีแดงชาดส่องสว่างอยู่ภายในปากของเพกัสที่อ้าค้างไว้

“ไหนขอดูพลังหน่อยสิเพกัส”

อุรามิเอ่ยอย่างสบายใจราวกับไม่เกรงกลัวต่ออันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น

ทันใดนั้นลำแสงสีแดงเพลิงก็พุ่งออกมาจากปากเพกัสเป็นสาย ลินจิรีบวิ่งหนีตามสัญชาตญาณ

เสียงระเบิดพลันดังก้องสนั่นหวั่นไหว เศษหินภายในถ้ำร่วงหล่นลงมา ควันโขมงพร้อมเพลิงร้อนแผ่กระจายอยู่ในระยะสายตา ร่างของอุรามิแหลกเละกระจายในทันที

เมื่อควันจางลงเศษเนื้อที่ตกอยู่ทั่วพื้นก็ขยับเขยื้อนได้ราวกับตัวทาก

“อ้า!”

ลินจิร้องตกใจ

เศษเนื้อบนพื้นพุ่งเกาะเข้าทั่วร่างของเพกัส ก่อนจะรวมตัวกันราวกับโคลนที่กำลังจะดูดม้าให้จมลงไป

เพกัสร้องฮี่ ๆ ดิ้นรนอย่างยากลำบาก ลินจิเห็นเช่นนั้นจึงคุกเข่าเพื่อยันตัวขึ้น

“อ๊ะ! เพกัส”

“ข้าเป็นคนสั่งให้เทพคิกิปลดผนึกเพกัส แล้วสั่งให้มันพาเจ้ามาเอง และผู้ที่ปลดผนึกเพกัสคนแรกก็จะได้เป็นนายของมัน ตอนนี้เจ้าชุนคงจะรับศึกหนักอยู่ ฮะฮะฮ่า ในที่สุดข้าก็จะได้ดูดกลืนร่างของพวกเจ้าเข้าไป รอคอยมานานแสนนาน”

อุรามิเอ่ยดังก้องทั่วถ้ำอย่างไร้ต้นตอ

เสียงร้องของเพกัสดังขึ้นไปอีก มันพยายามดิ้นอย่างสุดกำลัง เพื่อออกจากกลุ่มก้อนเนื้อเหลวที่พยายามดูดกลืนมันเข้าไป

“อย่าแตะต้องเพกัสนะ ไอ้ปีศาจน่าขยะแขยง!”

ลินจิตะคอก ทว่าวินาทีนั้นอุรามิก็ปรากฏกายอยู่ต่อหน้าของลินจิราวกับวิญญาณที่สามารถหายตัวได้

“เฮ้อ หนวกหูเหลือเกิน น่าขยะแขยงงั้นเหรอ”

มือมารนับสิบโผล่ออกมาจากโพรงมืดที่อุรามิเปิดไว้กลางท้อง จากนั้นก็ค่อย ๆ ยื่นเข้าไปในเขตอาคมของลินจิ ราวกับบางสิ่งที่เจาะเข้าไปในฟองสบู่

“อ๊ะ! อย่าเข้ามานะ”

ลินจิรีบแบมือเหยียดแขนออกไป ใช้ทักษะ ‘God Light’ ในทันที

มือมารแหลกเป็นชิ้นตกสู่พื้นเมื่อปะทะกับแสงศักดิ์สิทธิ์ ไอพิษก็แผ่กระจายออกมาจากชิ้นเนื้อโดยพลัน

ทว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ของลินจิก็ชำระล้างไอพิษเหล่านั้นจนหมดไป ส่วนร่างของเพกัสตอนนี้ก็ถูกชิ้นเนื้อห่อล้อมไว้เป็นก้อนกลม ซึ่งส่องแสงจากด้านในคล้ายกับโคมไฟสีแดง

“อะ…”

เงาดำปรากฏขึ้นด้านข้าง ขณะที่ลินจิขมวดคิ้วจ้องหน้าขาวเรียวของอุรามิอย่างไม่พอใจ

ทันทีที่หันมองไป เล็บแหลมคมของมือมารซึ่งก็กระชากเสื้อผ้าทันที

“อ๊า!”

ลินจิเบี่ยงตัวหลบ หลังพิงผนังถ้ำ เหงื่อเย็นเฉียบไหลพราก เมื่อครู่แขนมารกระชากเสื้อที่เขาได้มาจากสำนักเอ็นพีจนขาดถึงหัวไหล่

จู่ ๆ ฝ่ามือขาวซีดก็โผล่ออกมาจากผนังถ้ำมากมาย ก่อนจะทะลวงเข้าเขตอาคมเทพเจ้าแล้วรวบตัวของลินจิจากด้านหลังราวกับเชือกที่รัดไว้

“หึ”

อุรามายกยิ้มแล้วเดินเข้ามา

“เมื่อกี้ว่าไงนะ ขยะแขยงงั้นเหรอ”

มือขาวข้าวหนึ่งรวบแก้มลินจิแล้วยกขึ้น

ดวงตาสีฟ้าของอุรามิดูวิปริตยิ่งนัก เขาเลียปากราวกับเจออาหารเลิศรส

ลินจิมองกลับด้วยแววตาสั่นระริก เขาพยายามรวบรวมสติ พลางเหลือบไปมองก้อนเนื้อที่ห่อหุ้มเพกัสไว้

…เพกัส

มือมารชอนไชเข้าไปในเสื้อผ้า รูดไถหน้าท้อง อก ต้นแขน

ร่างของลินจิถูกรัดแน่นติดผนังถ้ำแข็ง ๆ ไว้จนรู้สึกปวด

ตอนนี้เขามีเพียงหนทางเดียวที่จะพาเพกัสหนีรอดไปพร้อมตนได้

แต่การกลายร่างเป็น ‘เทพจิ้งจอกสวรรค์’ มีระยะเวลาจำกัดเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น ต้องแน่ใจจริง ๆ ว่าการแปลงการครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า หรือผิดพลาด

ในช่วงเวลาคับขันสุดชีวิตแบบนี้ จะตัดสินใจอย่างไรดีล่ะ

อุรามิฝ่าเขตอาคมของลินจิเข้ามา ใบหน้าเคลื่อนเข้าประชินจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจน่าสะอิดสะเอียน

“อ๊ะ! จะทำอะไรนะ”

ลินจิตะโกนพลางเบือนหน้าหนี

“เอาซี่ ร้องอีก ร้องดัง ๆ โวยวายเข้าไป หึหึหึ”

เรือนผมสีทองของอุรามิเฉียดโดนใบหน้าของลินจิ แม้จะอ่อนนุ่มแต่ก็น่าขยะแขยง

“ออกไปน้า…”

ลินจิหลับตะโกนลากเสียง พร้อมกับใช้ทักษะ ‘กลายร่าง Lv.2’ ในทันที

[‘กลายร่าง Lv.2’ เริ่มทำงาน]

แสงสว่างสาดออกมาเป็นสายจากทั่วร่างของลินจิ แขนมารซึ่งรัดจากด้านหลังพลันแหลกสลาย แม้ไอพิษจะกระจายแต่ก็โดนชำระล้างในทันที

เปลวเพลิงสีขาวสลัวลุกโชนท่วมร่าง เมื่อแสงสว่างบนร่างกายวูบดับลง เทพจิ้งจอกสวรรค์ก็ปรากฏกาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด