ตอนที่ 26 สำเร็จอย่างงดงาม
ภายในห้องลับของตระกูลเซียว มีชายสองคนแต่งตัวด้วยชุดถักลาย พวกเขากำลังมองดูร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนพื้น ถ้าเซียวเฉินมาอยู่ที่นี่เขาคงประหลาดใจไม่น้อย เพราะร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนพื้นนั้นแท้จริงคือผู้เฒ่าจางจากตระกูลจางที่จบชีวิตลงในถ้ำของจักรพรรดิอัสนี
สองคนที่อยู่ที่นี้คือผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในตระกูลเซียว หนึ่งในนั้นคือผู้อาวุโสหนึ่งเซียวเฉียงอีกคนหนึ่งคือผู้นำตระกูลเซียว เซียวฉง
เซียวฉงคุกเข่าลงพร้อมกับพลิกศพสำรวจ “พบเขาตั้งแต่เมื่อไหร”
ศพนั้นเริ่มเน่ามาเป็นระยะเวลาหนึ่งส่งกลิ่นเหม็นออกมาในอากาศ เซียวเฉียงย่นจมูก “สิบวันก่อน ยามพบเขาตอนที่กำลังลาดตระเวน ท่านปิดประตูฝึกฝนเป็นการส่วนตัวมาโดยตลอด ไม่สะดวกที่จะเข้าไปแจ้งให้ทราบ”
หลังจากเว้นระยะครู่หนึ่งเซียวเฉียงก็เล่าต่อ “เจ้าหมอนี่ตายด้วยพิษของดอกสองฤดู ข้าถามอวี่หลันเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วนางยืนยันว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นางเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังแล้ว”
เซียวฉงลุกขึ้นและฟังเซียวเฉียงเล่าลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเขาฟังถึงจอมยุทธระดับขอบเขตนักบุญในชุดสีฟ้าลึกลับ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปช่วงครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับเป็นเหมือนเดิม มีความขำขันปรากฎบนหน้าของเขา “เจ้าหมอนี่มักจะได้ประมือกับพวกเราเสมอ แต่ในครั้งนี้เขากลับจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธของตระกูลเรา อยากรู้นักว่าเขารู้สึกเช่นไร”
เซียวเฉียงหัวเราะแห้งๆ เขาไม่ได้พูดเล่นกับเซียวฉงต่อ แต่ถามกลับด้วยความกังวลใจ “ท่านไม่กังวลเกี่ยวกับจอมยุทธระดับขอบเขตนักบุญลึกลับที่มายังเมืองม่อเหอรึ?”
สีหน้าของเซียวฉงเปลี่ยนไปเป็นยิ้มอย่างขมขื่น “นับตั้งแต่ตระกูลเซียวมาตั้งรกรากในเมืองเล็กๆอย่างเมืองม่อเหอ ตระกูลใหญ่ตกอับเหล่านั้นไม่สามารถอยู่รอดผ่านวันมาได้ เหล่าผู้เฒ่าของตระกูลเซียวเชื่อว่านั้นจะเป็นพวกเราที่ได้ผลประโยชน์ดังนั้นจะให้ข้ากังวลเรื่องอะไร”
“ถ้าเจ้าตัวตลกนั้นมีเป้าหมายเป็นตระกูลเซียวของข้า ข้าเซียวฉงตราบเท่าที่ข้ายังมีลมหายใจ หรือแม้ข้าจะตายกลายเป็นขี้เถ้า ข้าก็จะตามไปล้างแค้น” ปรากฎความแน่วแน่อย่างแรงกล้าในแววตาของเซียวฉง นั้นเป็นสิ่งที่สร้างความยำเกรงจากผู้พบเห็นได้อย่างง่ายดาย
เซียวเฉียงเข้าใจถึงความหมายของคำพูดที่เซียวฉงกล่าวออกมา นับตั้งแต่เขาขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสหนึ่งเขารู้ดีว่าศัตรูของตระกูลเซียวนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนในช่วงเวลานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตระกูลเซียวจะฝ่าฟันมาถึงจุดนี้ ในวันนี้ศัตรูที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่เทียบไม่ได้กับในวันก่อน
“จากคำอธิบายของอวี่หลันจิตวิญญาณต่อสู้ของชายชุดน้ำเงินคนนั้นคือศิลา ในมณฑลฉี่จื๊อนี้มีผู้บ่มเพาะพลังระดับขอบเขตนักบุญที่มีจิตวิญญาณต่อสู้ศิลามีเพียงหนึ่งเดียว ผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลเหลิ่งจากเมืองชิงเฮอ”
ตระกูลเหลิ่ง ได้รับการยอมรับว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของมณฑลฉี่จื๊อ ด้วยการสนับสนุนจากนิกายกระบี่เงาหมอกพวกเขาได้เติบโตอย่างรวดเร็วในหลายปีที่ผ่านมาและอิทธิพลของพวกเขาได้เข้ามาถึงเมืองเฮยซุ๋ย เมืองที่อยู่ติดกับเมืองม่อเหอ มีความเป็นไปได้ที่พวกมันร่วมมือกับตระกูลจางเพื่อจัดการกับตระกูลเซียว
เซียวฉงไม่ได้ใส่ใจกับข่าวนี้มากนัก เขากล่าวขึ้นโดยปราศจากการเปลี่ยนสีหน้า “สิ่งที่พวกมันต้องการคือภูเขาชีเจี่ยวของตระกูลเรา สัญญาสิบปีนั้นก่อตั้งขึ้นมาโดยผู้ปกครองเมืองม่อเหอ ถึงแม้พวกตระกูลเหลิ่งมันจะมีนิกายกระบี่เงาหมอกคอยหนุนหลังอยู่พวกมันก็ไม่กล้าลงมืออำอะไรผลีผลามหรอก แล้วสิ่งที่ข้าให้เจ้าไปช่วยตรวจสอบวันนี้ล่ะ?”
“จิตวิญญาณต่อสู้ของนายน้อยสองนั้นคือเปลวเพลิงสีม่วงที่มีพลังกดข่มแรงกล้า” ถึงแม้ว่าเซียวเฉิงจะมีความสงสัยต่อการที่เซียวฉงมีความกังวลเกี่ยวกับจิตวิญญาณต่อสู้ของเซียวเฉินเกินเหตุ เขาก็ยังคงพูดตามตรงในสิ่งที่เขารู้
เซียวเฉิงคลายความกังวลลง “แล้วเขาตกลงที่จะเข้าร่วมสัญญาประลองสิบปีหรือไม่?”
ได้ฟังเซียวฉงถามมา เซียวเฉียงปรากฎรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา “เข้าตกลงเข้าร่วม เจ้าหนูนี้มันเจ้าเล่ห์ เขาปล้นอาวุธวิญญาณของข้าไปชิ้นนึงด้วย”
…
ในขณะนั้นเอง เซียวเฉินผู้ที่ยังคงอยู่ในห้องของเป่าเอ๋อนั้นไม่รู้ว่าตอนนี้มีผู้ยิ่งใหญ่สองคนกำลังนินทาเขาอยู่
หลังจากที่เขากลับออกมาจากห้องของเป่าเอ๋อ เซียวเฉินก็ปรับอารมณ์และเริ่มที่จะลองสกัดเม็ดยาอดอาหารเป็นครั้งที่สอง หลังจากประสบการณ์ในครั้งแรกเซียวเฉินสามารถสกัดเม็ดยาออกมาได้อย่างง่ายดาย
“ฟู่”
โดยไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆ 2 ชั่วโมงผ่านมาเม็ดยาอดอาหารก็ออกมาเป็นรูปร่าง ต่อมาเซียวเฉินก็วางเม็ดยากลับไปในหม้อปรุงยามังกรฟ้า หลังจากหลอมไฟเป็นเวลากว่า 10 นาทีเซียวเฉินก็ดับเปลวเพลิงอัสนีม่วงที่แท้จริงลง
“ปุง!”
ประกายแสงสดใสออกมาจากหัวมังกรอีกด้านหนึ่งพร้อมกับเม็ดยา “กรุก” เม็ดยาหล่นลงไปในขวดที่เซียวเฉินเตรียมเอาไว้
เขาเช็ดเหงื่อตามหน้าผากของเขาออก เซียวเฉินเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ ในที่สุดเม็ดยาอดอาหารก็สำเร็จ อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เม็ดยาอดอาหารอาจจะดูลึกลับแต่มันไม่มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลัง เขาเพียงแค่ทำขึ้นมาเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับการสกัดเม็ดยา
ต่อไป เขาตั้งใจจะสกัดเม็ดยาบำรุงลมปราณและเม็ดยาฟื้นพลังฉี นั้นถึงจะเป็นเม็ดยาที่เขาต้องการอย่างแท้จริง
สำหรับเม็ดยาฟื้นพลังฉีหลังจากกินมันเข้าไปพลังวิญญาณที่อ่อนแรงก็จะกลับฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว ผลของมันคล้ายกับเม็ดยาฟื้นฟูลมปราณของทวีปเทียนวู่ ในสถานการณ์ที่ผู้บ่มเพาะพลังผลาญพลังปราณจนหมดหรือต้องใช้พลังปราณปริมาณมาก การมีเม็ดยานี้ไว้ฟื้นพลังปราณ ไม่ว่าจะอยู่ระหว่างการประลองหรือระหว่างการสกัดเม็ดยามันอาจจะช่วยพลิกสถานการณ์ได้
สำหรับเม็ดยาบำรุงลมปราณ มันมีประโยชน์มากกว่าเยอะ มันสามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนักบ่มเพาะพลังที่ขอบเขตพลังยังไม่สูงนัก นี้เป็นสิ่งที่เซียวเฉินต้องการเพื่อที่จะเร่งระดับการบ่มเพาะเป็นขั้นที่ 2 ของทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ เม็ดยาที่ให้ผลคล้ายกันที่มีอยู่ในทวีปเทียนวู่จะต้องการนักปรุงยาขั้นต่ำที่ระดับ 5 เพื่อสกัดมันออกมา
ถ้าเซียวเฉินไม่มีตำราการบ่มเพาะที่มีสูตรและวัตถุดิบที่แตกต่างจากของโลกนี้ ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ไม่มีทางสกัดเม็ดยาแบบนั้นออกมาได้
อย่างไรก็ตามเซียวเฉินไม่รีบร้อนที่จะสกัดเม็ดยาทั้งสองชนิดนนั้น เขายังคงสกัดเม็ดยาอดอาหารต่อไป ในตำราบ่มเพาะพลังเม็ดยาทั้งสองชนิดนนั้นอยู่ในระดับเดียวกับเม็ดยาอดอาหาร แต่ความยากในการสกัดนั้นสูงกว่าหลายเท่า ถ้าเขารีบร้อนสกัดยาสองชนิดนั้น โอกาสที่จะผิดพลาดมีสูง นอกจากนั้นเซียวเฉินให้เป่าเอ๋อไปซื้อวัตถุดิบปลุกยาทั้งสองชนิดนั้นได้แค่ชุดเดียวเท่านั้น เพราะเขาไม่มีเงิน
ถูกต้อง เขามีเงินไม่พอ ทุกๆเดือนเซียวเฉินจะได้รับเงิน 1000 เหรียญเงินจากตระกูลเซียว มันเพียงพอที่จะซื้อวัตถุดิบสำหรับเม็ดยาอดอาหาร แต่ยากที่จะซื้อวัตถุดิบสำหรับเม็ดยาบำรุงลมปราณและเม็ดยาฟื้นพลังฉี หากเขาล้มเหลวหลายครั้งเข้า เงินที่ต้องใช้ก็จะทวีคูณไปอีก
เมื่อพิจารณาถึงความขัดสนเรื่องเงินของเขา เซียวเฉินคิดทางออกไว้แล้วจึงไม่ได้กังวลกับมันมากนัก สายตาของเขาจับจ้องไปที่เม็ดยาอดอาหารภายในขวดหยก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือสร้างความคุ้นชินในการสกัดเม็ดยา
นำส่วนผสมออกมาตามที่สูตรเม็ดยาอดอาหารระบุไว้ เซียวเฉินเริ่มสกัดเม็ดยาอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เวลาไหลผ่านไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว และเฉพาะตอนที่พลังของเขาหมดเท่านั้นเขาจึงจะหยุดการสกัดยา
มองดูขวดสีหยกที่เต็มไปด้วยเม็ดยาอดอาหาร เซียวเฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจ มีเม็ดยา 20 เม็ดอยู่ภายในขวดหยกใบนี้ ด้วยการฝึกฝนอย่างไม่หยุดพักเขาคุ้นเคยกับการปรุงยามากขึ้นเรื่อยๆ เขาล้มเหลวไปเพียงหนึ่งครั้งจากความผิดพลาด
เขานั่งขัดสมาธิ เพ่งไปที่จุดตันเที่ยนของเขาและหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ เซียวเฉินเริ่มฟื้นฟูพลังปราณ สายพลังปราณในห้องตอนนี้เปี่ยมไปด้วยกลิ่นยาไหลเข้าไปในร่างของเขาอย่างช้าๆก่อนที่จะหลอมรวมกับเมฆขาวสามก้อนรอบตัวของจิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้า
ระหว่างการบ่มเพาะพลัง เซียวเฉินได้ลืมวันเวลาและเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งฟ้าก็สว่างเรียบร้อยแล้ว เซียวยืดร่างกายของเขาทำให้ข้อต่อส่งเสียงกรอบแกรบออกมา เขารู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดความเหนื่อยล้าจากเมื่อคืนหายไปยอ่างสมบูรณ์
“นายน้อย ข้าเข้าไปได้หรือไม่? ข้านำถังน้ำมาให้ท่านล้างหน้า” เสียงของเป่าเอ๋อเรียกเขาจากข้างนอกห้อง
เซียวเฉินรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู มองดูใบหน้าของเป่าเอ๋อที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เซียวเฉินรู้สึกสบายใจดูเหมือนเป่าเอ๋อจะยกโทษให้เขาเรื่องเมื่อคืนแล้ว
“อ่า! นายน้อย ห้องของท่านหอมมาก”
เขานั้นสกัดเม็ดยาอดอาหารออกมากระปุกใหญ่ในคืนที่ผ่านมา กลิ่นของมันยังตลบอบอวลอยู่ภายในห้องของเขา กลิ่นหอมสดชื่นลอยมาทางเป่าเอ๋อ ปลอบโยนความกังวลและอารมณ์ของนาง
ความจริงที่ว่าเซียวเฉินสามารถปรุงยาได้ เป่าเอ๋อนั้นรู้แล้วจากเรื่องเมื่อวาน จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องปิดบังนางแล้ว “ข้าปรุงยาเมื่อคืน นั้นทำให้ห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นยา ข้าไม่อยากให้คนอื่นมารู้ว่าข้าสามารถสกัดเม็ดยาได้ ดังนั้นเป่าเอ๋อเจ้าช่วยข้าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้หรือไม่?”
แม้ว่าการสกัดยาจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ให้คนอื่นรู้ก็จะมีแต่นำปัญหาเข้ามาหาเขา เขาได้แต่หวังว่าเป่าเอ๋อจะปากหนักพอที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ กับสาวน้อยอายุเพียง 14 หรือ 15 ปี เซียวเฉินไม่มีใจที่เหี้ยมพอที่จะทำอะไรอย่างปิดปากนางแบบถาวร
เป่าเอ๋อพยักหน้าอย่างหนักแน่น “นายน้อยสองไม่ต้องเป็นกังวล เป่าเอ๋อจะไม่บอกคนอื่น นายน้อยยังไม่ได้ล้างหน้าเลย ให้เป่าเอ๋อช่วยนะ”
หลังจากที่เป่าเอ๋อให้คำมั่น นางก็หยิบผ้าชุบน้ำและยื่นตรงมาที่หน้าของเซียวเฉิน ด้วยการที่เซียวเฉินนั้นเป็นผู้บ่มเพาะพลัง ทำให้ร่างกายของเขาเติบโตเร็วกว่าเป่าเอ๋อ จึงทำให้เขาตัวสูงกว่าเป่าเอ๋อค่อนข้างมาก ทำให้ยากที่นางจะเอื้อมมือไปถึงเขาถึงแม้นางจะยื่นแขนไปจนสุดนางก็ยังต้องเขย่ง
มองดูเป่าเอ๋อพยายามอย่างหนักเซียวเฉินขบขันอยู่ในใจ เขายื่นมืออกมาจับมือของนางและหยิบผ้ามาจากนาง “นายน้อยผู้นี้ยังมีมือมีเท้า ข้าทำเองได้ ครั้งหน้าเจ้าไม่ต้องทำก็ได้”
หลังจากที่เขาจับมือนาง หน้าเป่าเอ๋อเริ่มแดงพร้อมกับถามขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล “เช่นนั้นแล้วเป่าเอ๋อจะทำอะไรได้อีก?”
มองดูเป่าเอ๋อผู้น่ารักพึมพำด้วยเสียงค่อยเบาของนาง ทำหัวใจของเซียวเฉินกระเพื่อม… ฉีดความอยาก ‘จู่โจม’ นางเข้ามาในเส้นเลือดของเขา
เซียวเฉินส่ายหัวสลัดความคิดนั้นออกพร้อมกับเรียกสติ เมื่อสังเกตเห็นเตียงนอนที่ยับยู่ยี่ “ช่วยข้าจัดเตียงและเข้ามาทำความสะอาดห้องทีหลังด้วย เอาเป็นเช่นนั้น”
เป่าเอ๋อตอบด้วยเสียง ‘อือ!’ และลงมือจัดการอย่างร่าเริง ตราบเท่าที่นางมีงานให้ทำนางดูมีความสุข
หลังจากที่เขาล้างหน้า เซียวเฉินถือและมองดูขวดหยกที่เต็มไปด้วยเม็ดยาอดอาหาร “เดียวข้าจะออกไปที่เมือง เมื่อเจ้าเสร็จงานที่นี่แล้ว อยากเอาเวลาไปทำอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็ได้”
“รับทราบ” เป่าเอ๋อตอบออกมาอย่างอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้นางกลัวว่าเซียวเฉินจะขอให้นางทำอะไรไร้ยางอาย แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าเซียวเฉินไม่ใช่คนแบบนั้น ความรู้สึกที่ไม่มีอะไรจะทำค่อยๆเกาะกินนาง
ออกจากที่พักตระกูลเซียว เซียวเฉินหาที่ลับตาคนและสวมชุดคลุมดำปิดบังตัวของเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองม่อเหออย่างเร่งรีบ