ตอนที่ 195 ผู้แทนพระองค์
เฟิงเฉินหยูวิตกกังวลน้อยกว่าจินเฉิน ในเวลานั้นเพื่อจัดการกับเฉินซื่อ จินเฉินเลือกที่จะเสี่ยงและเลือกตัวเลือกที่อันตรายกว่า แม้เฟิงหยูเฮงจะปลอบโยนนางในภายหลังโดยบอกว่าร่างกายของนางดี แต่เฟิงหยูเฮงก็ยังเพิ่มตัวยาบางอย่างเพื่อช่วยให้นางหายดีขึ้น
อย่างไรก็ตามเฟิงเฉินหยูก็เลือกได้ดีเพราะนางชอบเทคนิคใหม่ล่าสุดจากศตวรรษที่ 21 หลังจากเสร็จสิ้นแล้วเฟิงหยูเฮงก็มอบผ้าอนามัยแก่เฟิงเฉินหยู
หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไป เฟิงเฉินหยูฟื้นขึ้นมาและรู้สึกเจ็บที่ท้องส่วนล่างของนาง มันรู้สึกเหมือนเจ็บปวดจากระดูของนาง
นางกลัวเล็กน้อยและถามเฟิงหยูเฮง “ทำไมข้าถึงปวดท้อง ?”
“ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันจะหยุดเจ็บในเวลาประมาณครึ่งชั่วยาม” นางพูดพร้อมปรับอัตราการไหลของน้ำเกลือ
เฟิงเฉินหยูพบว่านางยังอยู่ในห้องเก็บยาของเฟิงหยูเฮง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มีขวดแปลก ๆ ข้างเตียง ขวดถูกเชื่อมต่อกับด้านหลังมือของนางโดยสายอะไรสักอย่าง นางขยับตัวเล็กน้อยและพบว่ายังมีอาการปวดอยู่บ้าง
“อย่าขยับตัวมากนัก” เฟิงหยูเฮงเตือนนางว่า “มีเข็มอยู่ในเส้นเลือดของท่านพี่ หากท่านทำให้มันหลุด ข้าจะต้องแทงเข็มกลับเข้าไปใหม่”
เฟิงเฉินหยูไม่สามารถซักถามเพิ่มเติมได้ เมื่อพูดกับน้องสาวคนที่สองของนาง นางไม่เคยเอาชนะได้ซักครั้ง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดนางมาขอความช่วยเหลือ เฟิงหยูเฮงได้นำเงินของนางไปจัดการกับความหายนะของนาง นางง่วงมาก ดังนั้นนางจึงหลับไป เฟิงหยูเฮงได้แต่หัวเราะ แม้ว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นนางก็ยังหลับไปได้ นางยังเด็กจริง ๆ แม้ว่านางจะเป็นผู้ใหญ่ นางก็ยังอายุแค่ 14
นางยืนอยู่ข้าง ๆ เฟิงเฉินหยู และดูน้ำเกลือ หลังจากน้ำเกลือหมดกระปุกแล้วเข็มก็ถูกดึงออกจากมือของนาง
เมื่อเฟิงเฉินหยูตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางตื่นขึ้นมาอย่างแท้จริง นางพยายามเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ และพบว่าไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากความเหนื่อยล้าเล็กน้อย ความเจ็บปวดในช่องท้องส่วนล่างของนางก็ลดลงเช่นกัน นางรู้สึกแปลกใจ
“เด็กหายไปแล้วใช่หรือไม่ ?”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “มันหายไปแล้ว”
เฟิงเฉินหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรู้สึกว่าฝันร้ายในที่สุดก็มาถึงจุดจบ สีหน้าของนางผ่อนคลายลง
เฟิงหยูเฮงมองดูนางและไม่ได้พูดอะไรอีก เฟิงหยูเฮงยืนขึ้นแล้วหยิบยารักษาโรคสองสามห่อให้นางพร้อมกับให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการกินยา และสิ่งที่ควรทราบในช่วงเวลาหลังจากที่นางทำแท้ง จากนั้นเฟิงหยูเฮงเปิดประตูห้องเก็บยา แล้วพูดกับนางว่า "ท่านกลับไปได้แล้ว"
เฟิงเฉินหยูพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม นางเก็บยาไว้ในแขนเสื้อของนางและออกไปด้วยการประคองจากยี่หลิน
อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงกำลังระลึกถึงขั้นตอนที่นางทำกับเฟิงเฉินหยู และจำได้ในทันที นางอดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้หวงซวน และถามว่า “ข้าจำได้ครั้งแรกที่ข้าเข้าไปในพระราชวัง ข้าจำได้ว่ามีบ่าวรับใช้คนหนึ่งบอกข้าว่ามารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชายเจ็ดเสียชีวิตจากการตกเลือด”
หวงซวนพยักหน้า “เจ้าค่ะ” จากนั้นนางไม่รอคำถาม นางกล่าว “นี่เป็นสิ่งที่พระราชวังพูดกันมาตลอด แต่ความจริงก็คือนางสนมจาวได้พูดถึงตำแหน่งของนางหลังจากที่เสียชีวิต ในช่วงเวลาแห่งการตายอันน่าเศร้าของนาง นางไม่มีชื่อ นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ฮ่องเต้นำกลับมาจากภาคใต้ ฮองเฮาคนก่อนพบว่านางรกหูรกตาและทรมานนางจนตาย ต่อจากนี้ฮ่องเต้ได้พระราชทานตำแหน่งพระชายาให้นาง เพื่อเห็นแก่ตำหนักในของฮ่องเต้ พระองค์จึงให้คำอธิบายถึงการตกเลือกเมื่อให้กำเนิด”
“มันเป็นเช่นนั้น” เฟิงหยูเฮงพึมพำกับตัวเอง นางต้องการถามเกี่ยวกับพระชายาหยุนเล็กน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางมีนิสัยประหลาด นางรับซวนเทียนฮั่วมาเลี้ยงได้อย่างไร ? แต่เมื่อเห็นว่าหวงซวนส่ายหน้าเล็กน้อย นางรู้ว่าต้องเป็นสิ่งที่เป็นความลับอย่างยิ่ง ระหว่างหวงซวนและวังซวนดูเหมือนว่าไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ลืมมันไปเถิด” นางโบกมือ “ไปพักผ่อนก่อน เราไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราจะต้องไปที่ร้านห้องโถงสมุนไพรต่อ”
คืนนั้นเฟิงหยูเฮงพักอยู่ที่เรือนตงเซิง เมื่อกลับมาจากร้านห้องโถงสมุนไพร ฉิงหยูได้เริ่มนำผู้คนที่วังซวนไปขอมาจากพระราชวังไปยังพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติภายในเมืองหลวงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
นางไปที่ตำหนักหยูและร้านห้องโถงสมุนไพร ตลอดทางนางได้รับความอนุเคราะห์และการยกย่องอย่างมาก
วันต่อมาเมื่อเฟิงหยูเฮงมาถึงร้านห้องโถงสมุนไพรพร้อมกับหวงซวนแล้ว ฉิงหยูได้เตรียมเสบียงของสิบอย่างเรียบร้อยแล้ว นางกำลังจะออกเดินทางและส่งเสบียงเหล่านี้ให้กับบ้านแต่ละหลัง เมื่อนางมาถึง ฉิงหยูก็รีบไปรายงาน “บ่าวรับใช้คนนี้สั่งซื้อสิ่งของจำเป็นมูลค่า 20 เหรียญเงินสำหรับแต่ละครอบครัวซึ่งประกอบด้วยเสื้อผ้า อาหาร และชุดยาสามัญประจำบ้านจากร้านห้องโถงสมุนไพร วันนี้เราจะส่งมอบให้บ้านที่ยังอยู่ได้ บ่าวรับใช้คนนี้เรียกให้คนงานเริ่มซ่อมแซมบ้านบางหลังที่ได้รับความเสียหาย สำหรับบ้านที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้มีการเตรียมการเพื่อสร้างใหม่ โดยได้มีการเจรจากันแล้ว และทุกคนตกลงที่จะคืนโฉนดเหล่านั้นกลับไปที่ตำหนักหยู ตราบใดที่พวกเขายังคงอยู่ที่นั่นได้ฟรี”
เฟิงหยูเฮงแสดงความพึงพอใจอย่างมากกับความสามารถของฉิงหยูในการดำเนินการตามแผน นางรีบเร่งให้ฉิงหยูเริ่มแจกจ่ายเสบียง สำหรับร้านห้องโถงสมุนไพรจะแจกชาร้อนต่อไป
หลังจากการกระทำของเฟิงหยูเฮง ผู้คนที่ได้รับความช่วยเหลือจากร้านห้องโถงสมุนไพร รู้วิธีที่จะตอบแทนความใจดีนี้ เมื่อสุขภาพฟื้นตัวเล็กน้อย พวกเขาหยิบเครื่องมือขึ้นมาทันทีและเริ่มกวาดหิมะ
หลายวันต่อมาภัยพิบัติในช่วงฤดูหนาวสิ้นสุดลงในที่สุด เมื่อเจ้าเมืองเข้าไปในพระราชวังเพื่อกราบทูลต่อฮ่องเต้ เขาได้เน้นหนักถึงการมีส่วนร่วมของร้านห้องโถงสมุนไพรและตำหนักหยูในช่วงหายนะฤดูหนาวนี้ เขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงจำนวนคนที่เข้ามาและได้รับการรักษาโดยร้านห้องโถงสมุนไพรรวมถึงจำนวนบ้านที่ได้รับการซ่อมแซมและสร้างใหม่โดยตำหนักหยู นอกจากนี้เขายังรายงานเรื่องการแจกชาร้อนฟรีโดยองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน และสิ่งของจำเป็นที่นางแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติฤดูหนาว เรื่องนี้ถูกรายงานอย่างชัดเจนในราชสำนักทำให้บรรดาข้าราชสำนักรู้สึกถึงแรงบันดาลใจ
ฮ่องเต้พยักหน้าและชื่นชมมันซ้ำ ๆ ใต้เท้าปิงหนานและเสนาบดีฟุงมองหน้ากันและทั้งคู่ก็เดินไปข้างหน้า จากนั้นเสนาบดีฟุงกล่าวว่า “องค์ชายเก้าและองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันอุทิศตนเพื่อประชาชน บรรดาข้าราชสำนักต่างก็ประทับใจมาก ตอนนี้ประชาชนในเมืองหลวงที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมแล้ว ประชาชนที่อยู่นอกเมืองหลวงก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ กระหม่อมต้องการบริจาคเงิน 50,000 เหรียญเงินเพื่อช่วยจัดการภัยพิบัตินอกเมืองหลวงพะยะค่ะ”
ใต้เท้าปิงหนานคล้อยตามและเอ่ยว่า “กระหม่อมต้องการบริจาคเงิน 50,000 เหรียญเงินเช่นกันพะยะค่ะ”
ข้าราชสำนักคนอื่น ๆ ก็แสดงความปรารถนาที่จะบริจาคเงิน บางคนต้องการบริจาค 30,000 บางคนบริจาก 15,000 และบางคนถึงกับบอกว่าพวกเขาต้องการเปิดร้านโจ๊กนอกเมืองหลวงเพื่อแจกโจ๊กฟรี
ในฐานะเสนาบดี เฟิงจินหยวนไม่สามารถบริจาคน้อยกว่าเสนาบดีฟุงได้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “กระหม่อมต้องการบริจาค 50,000 เหรียญเงินเช่นกันพะยะค่ะ”
ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยกับบรรยากาศแบบนี้มาก เขาให้จางหยวนจดบันทึกว่าข้าราชสำนักแต่ละคนต้องการบริจาคเท่าไหร่ และทรงตรัสอย่างมีความสุขว่า “ทุกคนแสดงความห่วงใยต่อประชาชนได้อย่างแท้จริงทำให้เรารู้สึกสบายใจ องค์ชายเก้าและองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันเป็นแบบอย่างที่ดีมากยิ่งขึ้น เสนาบดีเฟิงให้กำเนิดบุตรสาวที่ดีอย่างแท้จริง!”
ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เฟิงจินหยวนแทบจะยิ้มแก้มปริ ในที่สุดฮ่องเต้ก็นับการกระทำที่ดีของเฟิงหยูเฮงเป็นของเขา ในที่สุดพระองค์ก็จำได้ถึงตอนหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญนี้ว่านางเป็นบุตรสาวของเขา
เขาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและคุกเข่า เขากราบทูลว่า “การช่วยแบ่งเบาภาระของฮ่องเต้และแก้ปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องที่ครอบครัวของเหล่าข้าราชสำนักสมควรกระทำพะยะค่ะ”
“ดีมาก !” ฮ่องเต้พยักหน้า “สำหรับความห่วงใยของเจ้า ถือเป็นความโชคดีของราชวงศ์ต้าชุนของข้า !”
เฟิงจินหยวนตัดสินใจที่จะตีเหล็กขณะที่ร้อน และพูดถ้อยคำที่เขาอยากจะพูดมาเป็นเวลานาน “ฝ่าบาท เนื่องจากภัยพิบัติฤดูหนาวในเมืองหลวงรุนแรงมาก ทางตอนเหนือของอาณาจักรก็คงเป็นเช่นเดียวกัน รุนแรงยิ่งขึ้น กระหม่อมได้เรียนรู้บทเรียนจากปีที่ผ่านมา ปีนี้กระหม่อมได้ทำการเจรจากับพ่อค้าในภาคเหนือเรื่องข้าวแล้วไม่ให้กักตุนสินค้าและขายในราคาแพง ซึ่งคงจะเพียงพอที่จะสนับสนุนเราให้ผ่านภัยพิบัติในช่วงฤดูหนาวไปได้พะยะค่ะ”
“คำพูดเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่” จักรพรรดิมีความสุขอย่างแท้จริง ทุกปีอาหารเป็นปัญหาใหญ่ในช่วงภัยพิบัติฤดูหนาว พ่อค้าทุกแห่งที่จะเพิ่มราคาอาหาร แม้ว่ารัฐบาลจะเปิดร้านค้าข้าวแต่ก็ไม่เพียงพอ ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่มีราคาสูง พ่อค้าข้าวก็จะกักตุนข้าวแล้วก็ปฏิเสธที่จะขาย สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในฤดูหนาวกลุ่มหนึ่งจะแข็งตาย ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งต้องอดตาย
“กระหม่อมพูดจริงอย่างแน่นอนพะยะค่ะ”
"ดี! ดี! ดีมาก!“ฮ่องเต้ยืนขึ้นทันที”เสนาบดีเฟิง ถ้าเจ้าสามารถแก้ไขปัญหาอาหารในภาคเหนือได้ในปีนี้ เราจะมอบรางวัลให้เจ้าอย่างแน่นอน ! ”
“กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตาพะยะค่ะ” เฟิงจินหยวนกล่าวเพิ่มเติมอีกครั้งว่า “กระหม่อมขอขึ้นไปทางเหนือด้วยตนเองเพื่อช่วยผู้ประสบภัยจากภัยพิบัตินี้ โปรดทรงอนุญาตด้วยพะยะค่ะ!”
ฮ่องเต้ตกใจเล็กน้อย เฟิงจินหยวนขอไปช่วยภัยพิบัติที่ภาคเหนือเป็นการส่วนตัว…นี่มันไม่บ้าหรือ?
“เสนาบดีเฟิงต้องการจะเดินทางไปยังบริเวณที่ประสบภัยพิบัติด้วยตนเองหรือ ?”
“พะยะค่ะ นับตั้งแต่ฤดูหนาวมาถึง กระหม่อมเป็นห่วงเรื่องอาหาร เวลานี้ถ้ากระหม่อมไม่ไปด้วยตัวเอง กระหม่อมกลัวว่าพ่อค้าจะทำการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง นอกจากนี้หากกระหม่อมไปในเวลานี้ ปีต่อ ๆ ไปจะได้รับประโยชน์และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนอาหารในฤดูหนาวอีกต่อไปพะยะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักหน้า เมื่อพูดถึงวิธีนี้ เขาก็พูดถูก การไปครั้งเดียวจะแก้ปัญหาเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นมันจะค่อนข้างคุ้มค่า
“นั่นเป็นเรื่องดี” พระองค์เห็นด้วยกับคำขอของเฟิงจินหยวน “เราจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นตัวแทนของเราไปทางภาคเหนือ เจ้าจะเดินทางไปทางเหนือในอีกสามวัน!”
“พะยะค่ะ”
วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดสำหรับเฟิงจินหยวนในช่วงครึ่งปีหลัง เขายังคงยิ้มแม้ว่าเขาจะกลับไปที่คฤหาสน์ นี่ทำให้บ่าวรับใช้ที่เห็นเขาเริ่มคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้น
เฟิงจินหยวนเรียกเฮ่อจง และออกคำสั่ง “ไปที่ห้องบัญชี และเตรียมเงิน 50,000 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พระราชวังจะส่งคนมารับ”
“ขอรับ” เฮ่อจงไม่สนใจสิ่งที่เป็นอยู่ เมื่อเฟิงจินหยวนออกคำสั่ง ดังนั้นเขาจะทำมัน
เฟิงจินหยวนเดินไปพร้อมกับพูดว่า “ไปเรียกคุณหนูใหญ่ ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับนาง”
เฮ่อจงคำนับของเขาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเฟิงจินหยวนไม่มีคำสั่งอีกแล้ว เขาก็หันหลังกลับ
หลังจากกลับไปที่เรือนไผ่หยก เฟิงจินหยวนรออยู่ครึ่งชั่วยามก่อนที่เขาจะเห็นเฟิงเฉินหยูค่อย ๆ เดินเข้ามา ใบหน้าของนางซีดเล็กน้อย แต่นางก็มีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยกว่าก่อนหน้านี้
เขามองเฟิงเฉินหยูและนึกถึงเรื่องราวจากมณฑลเฟิงตง อารมณ์ของเขาก็พลุ่งพล่านเล็กน้อย เขาต้องการที่จะดุนางแต่เขาก็ยังจำได้ถึงเหตุผลที่เขาเรียกนางได้ ดังนั้นคำพูดที่เขาอยากจะพูดก็ถูกกลืนลงไป
เฟิงเฉินหยูมาถึงหน้าเฟิงจินหยวนและทักทายด้วยความจริงใจ โดยอย่างเชื่อฟัง “เฉินหยูคารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”
เฟิงจินหยวนพยักหน้า “นั่งก่อน ข้ามีบางอย่างที่จะพูดกับเจ้า ”
เฟิงเฉินหยูไม่ลังเลและเดินไปที่ที่นั่งแล้วนั่งลง จากนั้นนางมองเฟิงจินหยวนและถามว่า “ท่านพ่อเรียกเฉินหยูมา มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ ?”
เฟิงจินหยวนมองที่บุตรสาวคนนี้ และรู้สึกว่าเฟิงเฉินหยูกลายเป็นคนที่น่ารักยิ่งขึ้นไปอีกหลังจากเหตุการณ์นั้น แม้ว่าผิวพรรณของนางจะไม่ดีนัก แต่ตอนนี้นางดูงดงามและอ่อนแอซึ่งสามารถกระตุ้นความสงสารจากผู้ชายได้ไม่รู้จบ
เขาแอบผงกหัวขณะที่เขาดีใจมากที่ได้ให้นางมีชีวิตอยู่ในเวลานั้น ก่อนหน้านี้ในวันรุ่งขึ้นหลังจากช่วงเช้าของการประชุมที่ราชสำนัก องค์ชายสามเอ่ยถามถึงนางว่า “ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงไม่สบาย อาการของนางดีขึ้นหรือไม่ ?” คิดดูสิ องค์ชายสามไม่อาจตัดใจละทิ้งความงามของเฟิงเฉินหยู ในฐานะของหงส์เพลิง ไม่มีใครสามารถทนเพิกเฉยต่อนางได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าพระชายาขององค์ชายสามจะไม่ได้ป่วยอีกต่อไป แต่นางก็ยังเป็นผู้หญิง เฟิงจินหยวนเข้าใจว่าหากชายคนหนึ่งต้องการฆ่าภรรยามันก็เป็นเรื่องง่ายจริง ๆ เขาไม่เคยเชื่อว่าพระชายาขององค์ชายสามจะกลายเป็นอุปสรรคสำหรับเฟิงเฉินหยู ตราบใดที่องค์ชายสามได้รับการสนับสนุนของเขา สิ่งที่ยิ่งใหญ่สามารถทำได้และเฟิงเฉินหยูจะกลายเป็นคู่ครองที่คู่ควรที่สุดสำหรับเขาอย่างแน่นอน
“เฉินหยู” เขาสงบลงแล้วพูดว่า “ข้าจะออกเดินทางไปทางเหนือเพื่อเป็นผู้แทนพระองค์ในอีกสามวันข้างหน้า ก่อนหน้านี้มีบางสิ่งที่จะต้องได้รับการจัดการก่อน”
เฟิงเฉินหยูไม่เข้าใจ “ท่านพ่อกำลังพูดถึงอะไรเจ้าคะ ?”
เฟิงจินหยวนกรอกตาและประหลาดใจกับตัวเอง บุตรสาวคนนี้เรียนรู้วิธีการเช่นนี้จากเฟิงหยูเฮงหรือ ? นางเข้าใจดีมากแต่นางแสร้งโง่เกลา
เขากระแอมสองสามครั้งแล้วพูดว่า "ครั้งล่าสุดเจ้าบอกว่าตระกูลเฉินให้ตั๋วแลกเงินเจ้ามา 1,000,000 พ่อขอยืมก่อนได้หรือไม่ ? ”