ตอนที่แล้วซัพที่29: ฮุ่ยอยู่ร์จิน สุดยอดนักประพันธ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่31: นี่นิยายข้าดังขนาดนั้นเชียวหรือ?

ซัพที่30: ท่านจะพรากคนที่ไว้ใจไปจากข้าเชียวหรือ?


ซัพที่30: ท่านจะพรากคนที่ไว้ใจไปจากข้าเชียวหรือ?

คืนวันนี้เจ้าตัวแสบกลับมาช้ากว่าเคย ทำให้ต้องแอบย่องเข้าห้องทางหน้าต่าง ทว่าเมื่อแง้มหน้าต่างห้องออกดู ก็พบเหล่านางกำนัลกำลังนั่งร่ำไห้ สร้างความฉงนนัก

“องค์ชาย! พระองค์กลับมาแล้ว!” จินหลงกระพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจนี่มันเรื่องอะไร

“ก..เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าตัวแสบถามตะกุกตะกัก หรือเรื่องที่เขาหนีออกนอกวังจะแตกเพล้งถึงเสด็จพ่อจนมีคนถูกตัดหัวแล้ว?

“คุณ..คุณชายอู๋..คุณชายอู๋ถูกจับไปแล้วเพคะ!”

“ห้ะ!!!” ตลก! บ้าบอบ้าไปแล้วบ้าสิ้นดี คุณชายอู๋เนี่ยนะโดนจับ?!

“เพราะข้าเหรอ? เพราะข้าหนีจากวังบ่อยเกินงั้นหรือ ข้า..ข้าจะไปคุยกับเสด็...พลั่ก! โอ้ย!” เพราะร้อนรนเกินไปจนปีนข้ามหน้าต่างไม่พ้น ส่งผลให้หน้าของเจ้าตัวแสบกระแทกเข้ากับพื้น

“องค์ชาย! ทรงเป็นอะไรไหมเพคะ!” นางกำนัลรีบเข้ามาดูจินหลงที่กองกับพื้น เจ้าตัวแสบใช้มืออุดจมูกตัวเองที่มีเลือดไหลลงมาก่อนจะลุกขึ้น

“ข้าไม่เป็นอะไร แค่เลือดกำเดาเอง ข้าเป็นเหตุให้เจียงสงถูกจับ ข้าต้องรีบไป” จินหลงตอบพร้อมทำท่าจะเดิน ซูเม่ยจึงรีบอธิบาย

“องค์ชายทรงเข้าใจผิดแล้วเพคะ คุณชายอู๋มิได้ถูกจับด้วยเรื่ององค์ชาย แต่เพราะโดนข้อหากบฎ” ข้อหาใหญ่หลวงที่ได้ยินทำเอาจินหลงอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโผล่ง หน้าซีดขาว

“กบฎเนี่ยนะ!!!” องค์ชายน้อยถึงกับพูดไม่ออก สมองคิดวนไปมา

“ไม่ๆ.. เป็นไปไม่ได้ ข้าเคยพบขุนนางอู๋ครั้งนึง เขาไม่ใช่คนไม่ดีแน่ๆ จะไปโดนข้อหากบฎได้ยังไง” ตอนเขาพาเมิ่งชงหยวนออกนอกเมือง ก็เห็นช่วยปิดเรื่องนี้เสียดิบดี ไม่เห็นวิ่งโร่ไปฟ้องท่านพ่อเลยนี่

“กระหม่อมเองก็ไม่ทราบเพคะ แต่..แต่หลังองค์ชายหายไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ก็..ก็มีทหารบุกเข้ามาจับกุมคุณชายอู๋แล้ว!” จินหลงนวดหว่างคิ้วตัวเอง พร้อมเดินวนไปมาในห้อง

จำได้ว่าเจียงสงเคยบอกว่าตระกูลตัวเองอยู่เป็นกลางตลอด แต่เพิ่งจะมามีเรื่องกันก็ตอนที่ทำท่าจะไปอยู่ฝ่ายกุ้ยเฟย.. ถ้าอย่างนั้นฝีมือฮองเฮาหรือ? แต่ช่วงนี้เหวินหลงก็ดูบ้าอำนาจผิดปกติ หรือจะมีอะไรลึกกว่านั้น

จินหลงหยุดเดิน ก่อนนึกได้ว่าภายในห้องเงียบผิดปกติ เขาจึงหันไปมองเหล่านางกำนัลที่กำลังมองเขาด้วยสายตาประหลาด คล้ายจะไม่เชื่อว่าตรงหน้าคือองค์ชายตน

ฉิบหาย ลืมบ้า!!

ทันทีที่คิดได้เจ้าตัวแสบจึงต้องลงไปดิ้นกับพื้นทันที

“ไม่เอาๆๆๆ จินหลงจะหาเจียงโสงงง เสี่ยวเหมยไปพาเจียงสงกลับม๊าที๊!! เค้าจะหาเจียงสงๆๆๆๆๆ อ๊ากกๆๆๆ” เมื่อเห็นองค์ชายน้อยยังมีอาการบ้าอยู่จึงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คิดว่าองค์ชายจะกลับเป็นปกติ

ไงก็ช่าง แต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยโว้ยยยย

 

ตกดึงเจ้าตัวแสบนั่งคิดอยู่นาน จะให้ไปสืบข่าวมาก็คงใช้เวลานานเกิน จะไปถามจากเจียงสงเดี๋ยวก็หาว่าเป็นการปล้นคุก จะไปรื้อห้องฎีกาเสด็จพ่อนี่ก็ข้อหาร้ายแรง

“โอ้ยยย นี่ถ้ามีสายอยู่ในวังได้ก็ดีสิ!” เจ้าตัวแสบโวยวายกับตัว คืนนี้ช่างเงียบเหงานักเมื่อไม่มีเจียงสงคอยดุ

“รอหรือลุย รอหรือลุย..อ๊ากกก ชีวิตจริงทำไมมันยากขนาดนี้!” จินหลงถอนหายใจ ไม่รู้ว่าหากไปสืบค้นตอนนี้ จะทำให้เรื่องใหญ่โตกว่าเดิมหรือไม่ แต่หากรู้เรื่องก่อนก็จะได้รับมือทัน

พลันดวงตาของเจ้าตัวแสบก็วาววับ จัดการนำของมากมายมาซุกไว้ใต้ผ้าห่ม ทำทีเป็นมีใครนอนอยู่ ก่อนจะดับไฟและปีนหน้าต่างหลบหนีอีกครั้ง

ในเมื่ออยู่ในวังไม่รู้ ก็ต้องออกไปหานอกวัง!

 

ก็อกๆ

เสียงเคาะจากนอกหน้าต่างไม่ได้ทำให้ร่างหนาที่กำลังอ่านตำราสนใจ เมิ่งชงหยวนยังคงนั่งอ่านตำราแพทย์ภายใต้แสงเทียน พร้อมกับจิบน้ำชาที่หลานหรงทำไว้

ก็อกๆๆ

ท่านหมอวางถ้วยชาลงด้วยท่าทีงดงาม ก่อนจะพลิกหน้ากระดาษไปอีกหน้าหนึ่ง

อา.. การได้อ่านตำราภายใต้บรรยากาศทีเงียบสงบเช่นนี้ ช่างดียิ่งนัก

ปังๆๆ

ท่านหมอสะดุ้งเฮือกหันไปมองที่หน้าต่างด้วยความตกใจ

ไม่ใช่ว่าหนานจิงต้องเฝ้ายามหรือ!

ท่านหมอวางตำราลง ก่อนจะค่อยๆ ย่องฝ่ากองหนังสือที่เกลื่อนกลาดบนพื้น ไปหยิบไม้กวาดที่ผิงพนัง แล้วจึงเดินไปทางหน้าต่างบานนั้น

ปังๆๆๆ!!!!

“ย๊ากกกก” ท่านหมอยกไม้ล็อกหน้าต่างออก ก่อนจะแทงปลายไม้กวาดไปตรงกลาง หมายให้โดนผู้บุกรุก จินหลงที่กำลังจะก้าวเข้าไปด้านในไม่คาดว่าท่านหมอจะทำเช่นนี้ จึงถูกปลายไม้กวาดกระแทกเข้ากลางหน้าผากจนหงายหลัง

“ท่านอยู่ร์หาน!” หนานจิงที่อยู่บนหลังคารีบคว้าแขนจินหลงไว้ ก่อนผู้นำตระกูลตนจะตกลงจากชั้นสอง

“เมิ่ง..ชง..หยวน!!!” จินหลงกัดฟันคำรามลั่น ดวงตาวาววับจนท่านหมอสะดุ้งเฮือก เขารีบมองไม้กวาดในมือสลับกับพระพักตร์องค์ชาย  ก่อนจะรีบโยนไม้กวาดทิ้งแล้วปิดหน้าต่าง กลับไปนั่งอ่านตำราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ปึง!!

จินหลงถีบเข้าที่หน้าต่างอย่างแรงจนมันเปิดออก ก่อนจะกระโดดเข้าไปด้านใน พร้อมกับรอยวงกลมสีแดงที่ประทับอยู่กลางหน้าผาก

“ไม่กลัวตัดหัวแล้วหรือไงหะ..” จินหลงแยกเขี้ยว ขณะที่หนานจิงห้อยตัวลงมาจากหลังคาเพื่อเข้ามาทางหน้าต่างเช่นเดียวกับจินหลง

“แหม่ๆ องค์..เอ้ย! คุณชายเหอ ท่านพูดเรื่องอะไรข้าไม่รู้สักนิด ตัวข้านั้นเพียงอ่านตำราแพทย์อยู่ในห้อง มิได้เคลื่อนไหวไปที่ใด” เมิ่งชงหยวนเหงื่อแตกพลั่ก โดยเฉพาะเมื่อองค์ชายน้อยหยิบไม้กวาดที่เขาโยนทิ้งขึ้นมา

หนานจิงเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบปิดหน้าต่าง แล้วถอยไปหลบมุมห้อง มิให้โดยลูกหลง

“เจ้าตาย!!!” สิ้นเสียงจินหลง มหกรรมวิ่งไล่ทั่วห้องจึงเริ่มขึ้น พร้อมเสียงร้องของท่านหมอคนสำคัญ

“อ๊ากก ข้าโทษๆ ม๊ายยย อย่าคุณชายอย่าเหยียบหนังสือเล่มนั้น! โอ้ยยยๆๆ พอแล้ว พอแล๊ววว” เสียงดังอึกทึกทำให้จื่อจงที่อยู่ห้องใกล้ๆ ต้องเปิดประตูมาดู ทว่าสภาพวุ่นวายภายในห้องก็ต้องทำให้เขาฉงน จึงต้องชี้ไปที่ทั้งสองแล้วหันไปหาหนานจิงที่ยืนดู

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมอยู่ร์หานมาอยู่นี่เวลานี้” จื่อจงถาม หนานจิงเพียงส่ายหน้าช้าๆ

“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่เจ้าเถอะควรไปหาสมุนไพรมาประคบให้ท่านหมอนะ ท่าทางจะได้แผลเยอะอยู่” หนานจิงตอบ ขณะมองดูท่านหมอที่ถูกจินหลงฟาดไปไม่รู้กี่รอบ

 

ไม่นานหลังจากเจ้าตัวแสบฟาดท่านหมอจนสาแก่ใจ จึงมานั่งไขว่ขาบนเตียง ยกน้ำชาที่หนานจิงนำมาให้กระดก

“ทีหลังหัดถามกันก่อนว่าใคร ไม่ใช่เอะอะฟาดๆ ถ้าไม่ใช่ข้ามีหรือหนานจิงจะปล่อยให้มาเคาะอยู่อย่างนี้น่ะห๊า!” จินหลงบ่นยาว มองดูท่านหมอที่นอนกองกับพื้น โดยมีจื่อจงปฐมพยาบาล

“แล้วนี่ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ตอนนี้ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” จื่อจงถามขณะทาสมุนไพรบนรอยฟกช้ำที่แขนเมิ่งชงหยวน จินหลงจึงนึกขึ้นได้ รีบหันไปเอ่ยกับท่านหมอ

“เกิดเรื่องใหญ่กับเจียงสงแล้วน่ะสิ” ท่านหมอยังคงไม่กระเตื้อง นอนเบะอยู่กับพื้น

“เรื่องอะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าเจียงสงถูกทำโทษเพราะปล่อยท่านออกมาวิ่งเล่นน่ะ” เมิ่งชงหยวนคาดเดา จินหลงขมวดคิ้วไม่พอใจ

“ถ้าแค่เรื่องแค่นั้นข้าไม่เสียเวลามานี่หรอก! เจียงสงถูกจับข้อหากบฎต่างหาก!” ดวงตาทั้งหมอเบิกโผล่งก่อนจะรีบเด้งขึ้นมา

“ข้อหากบฏเนี่ยนะ?!” เมิ่งชงหยวนอ้าปากค้าง จินหลงพยักหน้ายืนยัน

“ใช่ แต่ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงจะลองมาถามที่นี่ดู ยังไงซะตระกูลอู๋ก็ถูกจับนอกวัง ขาเม้านอกวังก็น่าจะรู้อยู่แล้ว”

“...ขาเม้าคืออะไร?” เมิ่งชงหยวนถาม เจ้าตัวแสบยิ่งเหนื่อยใจ

โอ้ยยยย ทำไมไม่มีใครเข้าใจข้าเลยย

“ก็พวกคนที่พูดมากๆ น่ะสิ” จินหลงตอบ จื่อจงจึงนึกขึ้นได้

“จะว่าไปวันนี้ก็มีคนไข้มาพูดกับข้านะ เห็นว่ามีขุนนางแถวนี้โดนจับข้อหากบฏ มีทหารมาล้อมบ้านเต็มเลย” เจ้าตัวแสบหันขวับไปทางพี่ชายร่วมสาบาน

“เล่ารายละเอียดมาที!!”

“ก็.. ได้ยินว่าถูกจับข้อหากบฏเพราะมีพบอาวุธภายในบ้านเป็นจำนวนมากน่ะ คนรับใช้ในบ้านก็ถูกฆ่าตายจนหมด คนในตระกูลก็ถูกจับ” จื่อจงเล่าออกมาตามที่ได้ยิน หนานจิงจึงถามขึ้น

“ทำไมแค่มีอาวุธในบ้านก็โดนจับแล้วล่ะ? จะมีอาวุธป้องกันตัวไม่ได้เหรอ?” จินหลงหันไปมองหนานจิง หากเด็กกำพร้าอย่างหนานจิงไม่รู้ก็คงไม่แปลก

“ถ้ามีอาวุธจำนวนไม่มากก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามากเกินก็จะถูกหาว่าส่องสุมกำลังหรือค้าอาวุธเอาได้น่ะ มีแต่ตระกูลแม่ทัพเท่านั้นที่สามารถมีเก็บไว้ กรณีของตระกูลอู๋เป็นเพียงตระกูลขุนนาง ไม่มีสิทธิครอบครองอาวุธ อาจมีโทษถึงประหารเก้าชั่วโคตร” จินหลงอธิบาย หนานจิงและจื่อจงถึงกับตะลึง

“เก้าชั่วโคตรเชียวหรือ?!” เจ้าตัวแสบพยักหน้ายืนยัน

“แล้วท่านพอมีทางช่วยไหม?” เมิ่งชงหยวนหันไปถาม จินหลงเอียงคอครุ่นคิด

“ยาก ยากมาก ยากมากๆ เรื่องนี้ ตัวข้าตอนนี้ไม่ได้มีอำนาจอะไรถึงขั้นไปต่อรองกับฮ่องเต้ได้” เจ้าตัวแสบถอนหายใจ หากเขามีอายุสักสิบแปดหรือยี่สิบปีเรื่องอาจจะง่ายกว่านี้นัก

“มันก็ปกติอยู่แล้ว ท่านเป็นแค่บุตรชายของขุนนางนี่ จะไปช่วยอะไรได้” หนานจิงขมวดคิ้ว จินหลงมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ

“ก็นะ แต่ข้ากำลังคิดว่าอย่างน้อยก็จะหาทางช่วงเจียงสงมาให้ได้ เพียงแต่จะทำยังไงนี่สิ” เจ้าตัวแสบเอนกายลงบนเตียง

“ถ้าเอาเรื่องความดีความชอบเข้าสู้ล่ะ ตระกูลอู๋มีความดีความชอบมากนี่” จินหลงโบกมือปัดๆ ให้กับคำพูดของท่านหมอ

“ช่วยได้อย่างมากก็ประหารสามชั่วโคตรเท่านั้นแหละ โดนเจียงสงอยู่ดี” เมิ่งชงหยวนกลับไปคิดใหม่ จังหวะเดียวกับที่จื่อจงปฐมพยาบาลเสร็จ

“เช่นนั้นพวกท่านไปขอร้องคนยศสูงๆ มาขอร้องไม่ได้เหรอ?” หนานจิงถาม

“ยากอยู่ดี” แต่หากให้เสด็จแม่ช่วยก็คงพอจะเป็นไปได้ ทว่าจะโดนเหวินหลงขวางไว้เสียก่อนไหมก็ไม่รู้

ขณะที่บรรยายกาศเริ่มมาคุ เมิ่งชงหยวนจึงคิดอะไรดีๆ ได้ เขาจึงโผล่งขึ้น

“ข้าคิดออกแล้ว!!”

 

เช้าวันต่อมาจินหลงจึงมุ่งหน้าไปยังห้องทรงงานของเสด็จพ่อ ก่อนถวายความเคารพ

“กลับไปซะจินหลง” ยังไม่ทันที่เจ้าตัวแสบจะเอ่ยปาก ก็ถูกไล่ออกมา

“เสด็จพ่อรู้หรือว่าข้ามาทำไม?” จินหลงยังคงนิ่ง

“ฮึ อย่างเจ้าก็คงมาร้องขอเรื่องเจียงสงกระมัง” ฮ่องเต้ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองบุตรชาย เจ้าตัวแสบที่คาดอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องทำเช่นนี้ จึงล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบปึกกระดาษวิเศษออกมา

“ช่างแย่นัก ที่ข้าเพียงจะทำผลงานเรื่องใหม่มาให้เสด็จพ่อทดลองอ่านเป็นคนแรก แต่กลับถูกไล่ส่งเช่นนี้.. เห้อ ไว้รวมเล่มจนจบเมื่อไรข้าค่อยเอาให้เสด็จพ่ออ่านแล้วกัน” จินหลงแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายพร้อมจะเดินกลับ ทว่าคำพูดของเขากลับทำให้ฮ่องเต้ต้องรีบเงยหน้าขึ้น

“เดี๋ยว!” ฮ่องเต้รีบตะโกนรั้งบุตรชายไว้ทันที จินหลงลอบแสยะยิ้ม ก่อนจะหันมามอง

“ผลงานลูกชายข้าทั้งที เหตุใดข้าจึงจะไม่อ่านเล่า” จินหลงได้ยินดังนั้นจึงส่งกระดาษในมือให้กับขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ เพื่อนำกระดาษนั้นไปให้ฝ่าบาทได้ทรงอ่าน

“เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรงั้นหรือ?” พระองค์ทรงถาม

“ตำนานรักนิรันดร์ บัลลังก์ทมิฬ” ใบหน้าของฝ่าบาทเครียดขึ้นทันที ทั้งยังเงยหน้ามองจินหลงอย่างไม่ชอบใจนัก เจ้าตัวแสบจึงเล่าต่อ

“เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของฮ่องเต้หยางฮุ่ยหลงกับฮองเฮาหลิวพะยะค่ะ ในอดีตฮ่องเต้หยางฮุ่ยหลงเติบโตมาท่ามกลางพี่น้องมากหน้าหลายตา ทว่าเพราะบัลลังก์มีเพียงหนึ่ง ทำให้ฮ่องเต้หยางจำต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ทั้งเรื่องการลอบสังหารและอำนาจในวัง จนกระทั่งได้พบกับฮองเฮาหลิวซึ่งในเวลานั้นเป็นเพียงสนมนางหนึ่ง ฮ่องเต้หยางทรงโปรดปรานและรักใครในตัวฮองเฮาหลิวมาก ทว่าวันหนึ่งพระองค์กลับถูกคนรอบข้างวางอุบาย ใส่ร้ายว่าฮองเฮาหลิวเป็นฆาตกรสังหารเชื้อพระวงศ์ แม้ในใจฮ่องเต้หยางจะเชื่อมั่นในฮองเฮาหลิว แต่หลักฐานพยานรอบข้างล้วนถูกซื้อตัวไว้แล้ว ทำให้สิ้นหนทางรอด ฮ่องเต้หยางไร้ที่ปรึกษาที่ไว้ใจ สุดท้ายจึงต้องประหารฮองเฮาหลิวทั้งน้ำตา ฮองเฮาหลิวแม้จะถูกฮ่องเต้หยางสังหาร แต่ก็ยังสาบานรักต่อพระองค์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฮ่องเต้หยางจึงตกอยู่ในความเศร้า ไร้ผู้ที่สามารถเชื่อใจ จนกระทั่งถูกน้องชายแท้ๆ สังหารแย่งบัลลังก์” จินหลงเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่สนใจว่าเป็นการสปอยหรือไม่ เจ้าตัวแสบไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้ถามอะไร รีบเล่าต่อทันใด

“เสด็จพ่อ ท่านฟังแล้วก็น่าจะเข้าใจ ว่าเรื่องราวความโหดร้ายในพระราชวังนั้นเป็นเช่นไร การไม่มีผู้ที่สามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้นั้นลำบากเพียงใด แล้วท่าน...จะพรากเจียงสงไปจากข้า พรากคนที่ข้าเชื่อใจไปเชียวหรือ?” จินหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ฮ่องเต้เงียบไปพักหนึ่ง ดวงตาไล่อ่านตัวหนังสือในกระดาษ ก่อนจะเอ่ยว่า

“เรื่องนั้นกับเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกัน เจียงสงมิใช่ฮองเฮาเจ้า”

ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นไหม๊!!!

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด