ตอนที่แล้วSD:บทที่ 14 : คำขอบคุณอันแสนกะทันหัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSD:บทที่ 16 : ให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง

SD:บทที่ 15 : มีโชค


SD:บทที่ 15 : มีโชค

เมื่อเขาลงชื่อเขาบัญชี Weibo ของตัวเอง ซู ฉิวไป่ กลับพบว่ายอดผู้ติดตามของได้เพิ่มมากขึ้นหลายพันเท่า รวมถึงมีคนส่งข้อความมาหาเขาอีกด้วย!

หลังจากการอ่านคร่าว ๆ แล้ว เขาพบว่าสื่อหลายสำนักกำลังสนใจที่จะขอสัมภาษณ์เขา!

อีกทั้งยังมีการพาดหัวข่าวไร้สาระที่ทำให้เขาโกรธจริง ๆ โดยเฉพาะอันที่กล่าวว่า : ชายหัวร้อนเข้าทุบรถสปอร์ตแล้วเข้ากระทืบคู่กรณี!

            โถ่เว้ย! เขารู้ตัวว่าเขาทำลายรถคันหนึ่งจริง ๆ แต่ว่าเคยไปกระทืบคนที่ไหนกัน!

อีกซักพักหนึ่ง ซู ฉิวไป่ จึงนึกขึ้นได้ว่า ดง เจี่ยเว่ย ยังคงจ้องเขาอยู่ เขาจึงเลิกใส่ใจเรื่องไร้สาระของตัวเอง แล้วแสดงให้เธอเห็นโพสประกาศที่เขาเขียนไว้เมื่อคืนว่าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ แล้ว

แต่ทว่าผู้หญิงตรงหน้าเขายังคงมุ่งมั่นที่จะให้เงินของเธอกับ ซู ฉิวไป่ เขาจึงกล่าวยืนยันกับเธอว่าถ้าถึงคราวไหนที่เขาจำเป็นต้องใช้เงิน เขาจะรับเงินจากเธอแน่นอน

ทั้งสองจึงกลับมานั่งที่โซฟาดังเดิม ดง เจี่ยเว่ย ดื่มน้ำที่เขารินให้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วน ซู ฉิวไป่ ยังคงนั่งนิ่ง พลางเค้นหาเรื่องให้พูดเพื่อทำลายความเงียบที่น่าอัดอัดนี้

เขารู้สึกเคอะเขิน ยิ่งเมื่อมีผู้หญิงที่สวยเช่นนี้อยู่ในห้องเดียวกับเขาด้วยแล้ว เขาต้องยิ่งพยายามหาเรื่องชวนคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันน่าอึดอัดมากขึ้นไปอีก

ทันใดนั้น คนขับรถดันผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้

เนื่องจากระบบการนำทางตอนนี้เชื่อมต่อกับจิตของเขาแล้ว เขาจึงเลือกหมวดค่าความรักอย่างว่องไว แล้วลองเพิ่มแต้มสะสมการเติบโตไปเสียสิบแต้ม

อย่างไรก็ตาม หลังจากการเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อครบหนึ่งนาทีอันยาวนาน กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ซู ฉิวไป่ ยังไม่ยอมแพ้ เขาเพิ่มค่าความรักไปอีก 20 แต้มสะสมการเติบโต

แทบจะทันทีที่เขาเพิ่มแต้มเข้าไป ดง เจี่ยเว่ย ที่ยังนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ลุกพรวดขึ้นมาแล้วพูดขึ้น “เดี๋ยวขอตัวกลับก่อนนะคะ ฉันยังมีธุระที่ต้องทำที่โรงเรียนอีก ถ้ายังมีอะไรที่ฉันช่วยเหลือคุณได้ สามารถบอกได้ทันทีเลยนะคะ”

ดง เจี่ยเว่ย คงรู้สึกอีดอัดเป็นแน่แท้ที่ทั้งสองนั่งในความเงียบมานานสองนาน เธอจึงขอตัวลากลับเพราะเหตุนั้น คนขับรถตกอยู่ความงุงงนเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า นี่เธอจะไปได้อย่างไรทั้งที่เขาลงทุนเพิ่มค่าความรักด้วยแต้มสะสมเสียมากขนาดนั้น

ซู ฉิวไป่ ท้อแท้ใจ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางที่เขาจะรั้งเธอไว้ได้อยู่แล้ว ในขณะที่เขาเดินไปส่งเธอที่ประตูหน้าอย่างช่วยไม่ได้ กลับเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น

ในขณะที่ ดง เจี่ยเว่ย เดินหน้าเข้าไปหาประตู เธอกลับเผลอชนเข้ากับโต๊ะเขาเข้าอย่างจังแล้วล้มลง แก้วน้ำหลุดจากมือของเธอแล้วร่วงลงกระแทกกับพื้น

ชายเจ้าของบ้านพลันพุ่งเข้าไปรับเธอ และด้วยความบังเอิญ รับเธอไว้ได้ในอ้อมแขนเขาเสียทันเวลาพอดิบพอดี สัมผัสและความอบอุ่นของร่างกายหญิงสาวราวกับจุดประกายไฟในตัวเขา และทำให้ในหัวของเขาขาวโพลนขึ้นมาฉับพลัน

เมื่อเขามองลงไปที่ ดง เจี่ยเว่ย เขาจึงสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของเธอเปียกโชกไปหมด และเสื้อขาวใต้สูทของเธอก็เปียกชุ่มเช่นกันจนมันรัดติดกับรูปร่างของเธอแน่น ซับในเสื้อสีชมพูของเธอพลันทะลุเห็นออกมาได้ชัดเจน

แน่นอนว่า ดง เจี่ยเว่ย สะดุ้งตกใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเธอพลันสังเกตสภาพท่าของพวกเขาที่น่าอายเข้า หน้างดงามของเธอแดงขึ้นจนเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพู คนขับรถต้องอาศัยพลังใจในการควบคุมตัวเองอย่างมาก เพื่อห้ามไม่ให้เขาเผลอจูบเธอเสียตั้งแต่ตอนนี้

“ขะ-ขอโทษนะคะ... ช่วยพยุงฉันขึ้นทีค่ะ”

หญิงสาวไม่กล้าที่จะมองหน้าชายเจ้าของบ้านตรง ๆ เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดดังกว่าเสียงกระซิบเพียงเล็กน้อย หูของเธอแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“อ้อ เออ... โทษทีนะครับ”

ซู ฉิวไป่ รับพยุงเธอขึ้นแล้วขอโทษอีกหลายครั้ง แต่ในใจเขากลับร้องโวยวายอย่างตื่นเต้น

            แต้มสะสมการเติบโตทั้งสามสิบแต้มได้ใช้คุ้มค่ามาก!

ดง เจี่ยเว่ย พยายามทรงตัวยืน แต่กลับขมวดคิ้วทันที เธอหอบหายใจแรงขณะที่เธอเกือบจะเผลอล้มลงอีกครั้ง

“เป็นอะไรเหรอครับ” ซู ฉิวไป่ เอ่ยถามขึ้นด้วยความกังวล

“เท้าของฉัน...ดูเหมือนว่ามันจะบวมน่ะค่ะ” หน้าของเธอยังคงแดงในตอนที่เธอชำเลืองมองมาที่เขาและตอบด้วยความอับอาย

บวมเหรอ

ซู ฉิวไป่ เองก็ประหม่าเช่นกัน แต่เขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าสำหรับผู้หญิงแบบเธอ การเดินชนโต๊ะเขาที่หนักอึ้งอย่างแรงเช่นนั้น ไม่แปลกเลยที่มันจะทำให้เท้าของเธอบวมขึ้นมา

“เร็ว เชิญนั่งเลยครับ ให้ผมช่วยคุณเถอะ”

โดยที่ไม่เสียเวลาลังเลเลย เขาเร่งเร้าให้ ดง เจี่ยเว่ย นั่งลง

ดง เจี่ยเว่ย ยังคงเงียบงันเช่นเดิม แม้เธอจะลังเลและยังคงดื้อรั้นที่จะได้รับความช่วยเหลือ แต่เท้าของเธอนั้นก็บวมมากจริง ๆ เธอไม่มีหนทางที่จะปฏิเสธไม่ให้ ซู ฉิวไป่ ช่วยเธอเลย

ซู ฉิวไป่ ยังคงยืนอยู่ข้างหญิงสาวที่ตอนนี้นั่งพักบนโซฟา ในหัวได้แต่พยายามเค้นความคิดอย่างหนักว่าบ้านเขามียาทาบรรเทาอาการปวดบ้างหรือไม่ แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็เผลอมองลงไปที่เสื้อขาวเปียกโชกของ ดง เจี่ยเว่ย อีกแล้ว

เจ้าตัวคงจะสังเกตเห็นว่าสายตาเขาจ้องไปตรงไหน เธอเลยพยายามยกมือขึ้นปกปิดแม้มันจะไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรมากนัก หน้าของเธอพลันแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ซู ฉิวไป่ ยิ่งรู้สึกเหนียมอายมากขึ้นไปอีก ถึงเมื่อกี้เขาจะไม่ได้ตั้งใจมองก็เถอะ

“เออ... ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำได้มั้ยค่ะ แล้วก็คุณมีไดร์เป่าผมมั้ย” ดง เจี่ยเว่ย ตระหนักดีว่าตอนนี้สภาพของเธอดูเปิดเผยมากเกินไปนัก จึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม ซู ฉิวไป่ เบา ๆ

“ผมมีไดร์เป่าผมอยู่ แต่เสื้อผ้าคุณ...” ซู ฉิวไป่ ไม่อยากให้เธอคิดว่าเขาโรคจิตไปมากกว่านี้แล้ว จึงหยุดพูดขึ้นมากลางทัน

“ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการได้เอง”

หญิงสาวคงจะเข้าใจเจตนาเขาดีตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เธออับอายเสียจนเธอไม่สนใจแล้วด้วยซ้ำว่าในตอนท้ายเขาพูดอะไรไปบ้าง

ซู ฉิวไป่ ค่อย ๆ ช่วยพยุงเธอไปเข้าห้องน้ำ นอกจากนั้น เขายังวางเก้าอี้ตัวหนึ่งไว้ให้ ดง เจี่ยเว่ย ได้มีที่ให้นั่งดี ๆ ก่อนที่เขาจะออกจากห้องน้ำแล้วปิดประตูให้เธอ

ณ ตอนนี้ เขากลับมานั่งถอนหายใจบนโซฟาตัวเก่า ความคิดของเขาแล่นเตลิดไปไหนต่อไหน ยิ่งตอนนี้ที่เขาได้ยินเสียงที่แผ่วเบาของหญิงสาวที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า

โถ่... ฉันต้องเป็นสุภาพบุรุษสิว่ะ! อย่ามอง และอย่าแอบฟังด้วย!

เขาพึมพำปฏิญาณกับตัวเอง แต่สุดท้ายก็อดใจแอบเพ่งเล็งไปในทิศทางของห้องน้ำไม่ได้เลย ช่วยไม่ได้เลยที่ ดง เจี่ยเว่ย งดงามเสียยิ่งกว่าอะไร! ทั้งรูปร่างและหน้าตาของตาดีไปไม่น้อยกว่าดาราซักคนเลย

จากที่เขาเงี่ยหูฟังดูแล้ว หญิงสาวน่าจะถอดเสื้อผ้าเสร็จหมดแล้ว จากนั้นเสียงของไดร์เป่าผมดังขึ้นมาจากในห้องน้ำ ซู ฉิวไป่ ดื่มน้ำอึกใหญ่เพื่อทำให้ใจเย็นลง พลางหักห้ามตัวเองไม่ให้คิดว่าตอนนี้เธอจะดูเป็นยังไงในห้องนั้น

            นี่เขากำลังทำบาปใหญ่หลวงชัด ๆ

เมื่อทุกอย่างเงียบลง เสียงของ ดง เจี่ยเว่ย ปลุกเขาจากภวังค์ความคิด “ฉันเสร็จแล้วค่ะ คุณเข้ามาได้แล้วค่ะ”

เมื่อได้ยินเธอบอกเช่นนั้น ชายเจ้าของบ้านแทบจะวิ่งไปที่ห้องน้ำ แล้วผลักประตูเปิดเบา ๆ

อย่างที่คาดเอาไว้ ดง เจี่ยเว่ย ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อยดี คนขับรถแอบผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็กลบเกลื่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้ในใจ

เขาจับแขนของเจี่ยเว่ยช้า ๆ แล้วค่อย ๆ พยุงเธอเดินออกจากห้องน้ำ เมื่ออยู่ในระยะที่ใกล้เพียงนี้ เขาได้กลิ่นน้ำหอมออกมาจากร่างเธอด้วย

หลังจากที่พยุง ดง เจี่ยเว่ย มาที่โซฟาได้สำเร็จอย่างยากลำบาก ซู ฉิวไป่ ลังเลเสียนานก่อนจะพูดขึ้น “ให้ผมดูเท้าของคุณหน่อย ถ้ามันบวมมาก ผมจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาลแถวนี้”

ทว่า ดง เจี่ยเว่ย กลับปฏิเสธเขาอย่างกระอักกระอ่วน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเมื่อดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ซู ฉิวไป่ เองก็อับอายเช่นกัน เขาไม่มีเจตนาอะไรนอกจากจะตรวจดูอาการบวมของเท้าเธอ อีกอย่าง หญิงสาวเองก็มาหาเขาถึงบ้านเพื่อมาเอ่ยคำขอบคุณ แล้วเขาจะทิ้งให้ไว้คนเดียวทั้งที่เธอบาดเจ็บได้อย่างไรกัน!

หลังจากที่ครุ่นคิดว่าเขาจะทำอะไรเพื่อช่วยเธอได้บ้าง เขาเกิดมีความคิดดี ๆ ความคิดหนึ่งขึ้นมา!

ถ้าจำไม่ผิด มันมีหมวดความสามารถในการรักษาในระบบพัฒนาทักษะของระบบการนำทางนี่!

ซู ฉิวไป่ จึงใช้จิตเฝ้าค้นหาทักษะนั้น เขาพบว่าอันที่จริง ความสามารถในการรักษานั้นเองก็สามารถเลือกพัฒนาไปได้ในหลายประเภท หลังจากที่ค้นดูทุกแบบแล้ว เขาตัดสินใจเลือกทักษะการนวด แล้วใช้แต้มสะสมการเติบโตไปยี่สิบแต้มในการพัฒนามัน

ทันใดนั้น เขารู้สึกได้ว่าจิตของเขาได้เรียนรู้ทักษะและวิชาของหมอนวดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับตำแหน่งการฝังเข็มทั่วทั้งร่างกาย และเส้นเอ็นทุกเส้นในร่างกายมนุษย์ ราวกับว่าข้อมูลทั้งหมดนั้นได้ถูกเก็บไว้ในสมองของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว

เขาเอ่ยกับ ดง เจี่ยเว่ย อย่างกระวนกระวาย “ให้ผมดูมันเถอะ ผมได้เรียนรู้เทคนิคการนวดมาบ้าง บางทีผมน่าจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ซักนิด”

คำพูดของ ซู ฉิวไป่ นั้นซื่อสัตย์และออกมาจากใจเขาอย่างจริงแท้!

ดง เจี่ยเว่ย อึ้งจากสถานการณ์ทั้งหมดนี่ ในตอนแรกนั้น บรรยากาศเงียบงันที่น่าอึดอัดของบ้านนี้ทำให้เธอเอาแต่ครุ่นคิดหาข้ออ้างที่จะขอตัวกลับ ส่วนชายเจ้าของบ้านกลับนิ่งเงียบตลอดเวลาที่เขานั่งตรงข้ามเธอ หลังจากที่ไม่พูดไม่จามาตลอด อยู่ดี ๆ เขาก็ประกาศว่าเขามีความรู้ด้านการนวดมาก่อนเหรอ... นี่หรือว่าเขาคิดจะ...

ด้วยความคิดเช่นนั้น ดง เจี่ยเว่ย ปฏิเสธข้อเสนอของเขา และทำให้ ซู ฉิวไป่ มั่นใจว่าเดี่ยวเธอจะกลับไปหายาทาที่บ้านของเธอเอง

แต่ ซู ฉิวไป่ จะปล่อยให้เธอกลับบ้านในสภาพนี้ได้อย่างไรกันเล่า หากเขาทำเช่นนั้น เขาคงนึกรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ทำให้หญิงสาวที่รู้สึกสำนึกในบุญคุณที่เขาช่วยพ่อของเธอไว้ กลับต้องกลับบ้านเธอไปโดยเจ็บตัวเสียอย่างนั้น

เขาจึงยังยืนยันที่จะช่วยเธอ แล้วเดินช้า ๆ เข้าไปหา ดง เจี่ยเว่ย

นั่นยิ่งทำให้ ดง เจี่ยเว่ย เกิดอาการอายมากขึ้นไปอีก เธออยากจะเอ่ยปฏิเสธจริง ๆ แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาช่วยชีวิตพ่อของเธอไว้เชียวนะ บางทีเขาอาจจะมีเจตนาที่บริสุทธิ์จริง ๆ ก็ได้

หลังจากการพยายามอย่างหนัก ซู ฉิวไป่ ก็ถอดรองเท้าส้นสูงของเธอได้เสียที

ดง เจี่ยเว่ย ตัวสั่นเมื่อฉิวไป่วางมือของเขาบนเท้าของเธอ เธอไม่เคยให้ผู้ชายที่ไหนมาจับเท้าของเธอมาก่อน ในตอนนี้ เธอทั้งรู้สึกอับอายและรำคาญไปพร้อมกัน

แต่ชั่วขณะต่อมา กลับมีพลังงานบางอย่างไหลเวียนจากมืออันใหญ่หนาของเขา เจี่ยเว่ยรู้สีกได้ว่าความเจ็บปวดกำลังทุเลาลง ในขณะที่ความรู้สึกชาเข้ามาแทนที่ แต่ถึงกระนั้น เท้าของเธอยังคงปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ได้ ถ้าเธอไม่ยั้งตัวเองไม่ให้กรีดร้องออกมาดัง ๆ ล่ะก็ เธอแน่ใจว่าเธอคงอับอายต่อหน้าชายคนนี้มากกว่าเดิมอีกแน่

ส่วนทางด้านของ ซู ฉิวไป่นั้น เขาไม่ทันสังเกตเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเจี่ยเว่ยด้วยซ้ำ เขาแค่รู้สึกว่าตอนนี้เท้าของเธอไม่แข็งเกร็งเหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้เขาแค่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการนวดเท้าของเธอ พร้อมกับที่สังเกตได้ว่าอาการบวมของเท้าเธอเริ่มหายไปภายใต้การนวดอย่างระมัดระวัง

เท้าของ ดง เจี่ยเว่ย บวมมากจริง ๆ มิฉะนั้น มันคงไม่ทำให้เธอเจ็บปวดมากจนเธอเดินไม่ได้ขนาดนี้หรอก

แม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ในสถานการณ์ที่ชวนล่อแหลม แต่เนื่องจากความจริงจังในการกระทำของชาตรงหน้า ดง เจี่ยเว่ย จึงไม่รู้สึกหวั่นวิตกอีกต่อไป แต่กลับมีความสบายอกสบายใจโดยธรรมชาติแทน

เธอแอบรู้สึกเสียดายด้วยซ้ำเมื่อมือของฉิวไป่ปล่อยจากเท้าของเธอ

“เสร็จแล้วเหรอค่ะ” เมื่อเห็น ซู ฉิวไป่ ยืนขึ้น ดง เจี่ยเว่ย ก็เอ่ยถามอย่างแผ่วเบา

“เรียบร้อยแล้วล่ะครับ... อาการบวมน่าจะหายแล้ว คุณลองเดินดูหน่อยสิ” ซู ฉิวไป่ ยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ

ดง เจี่ยเว่ย ยืนขึ้นอย่างระมัดระวังหลังจากที่สวมรองเท้าส้นสูงของเธอแล้ว ในตอนแรก แม้เท้าของเธอจะยังมีความปวดเมื่อยหลงเหลืออยู่บ้าง แต่หลังจากเดินไปได้สองสามก้าว เธอก็ตระหนักว่าจริง ๆ แล้วเธอรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว ความเจ็บปวดมันหายไปแล้ว!

“หายแล้วจริง ๆ ด้วยค่ะ! คุณนี่มีความสามารถมากเหมือนกันนะคะเนี่ย!”

ดง เจี่ยเว่ย ตกตะลึงจากการที่อาการบวมของเท้าหายไปได้เร็วเยี่ยงนี้ จึงชื่นชมเขาไม่หยุดปาก พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ

ชายผู้ได้รับคำชมเอาแต่ยิ้มด้วยความเคอะเขิน เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร โดยปกติเขามักจะขี้อายเมื่อใดก็ตามที่เขาอยู่กับผู้หญิงอยู่แล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยงามอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ทั้งคู่รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นหลังจากนั้น

พวกเขาคุยกันต่อไปอีกพักหนึ่งก่อนที่โทรศัพท์มือถือของหญิงสาวจะดังขึ้นมาในทันทีทันใด เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักหลังจากที่เธอเห็นหมายเลขโทรศัพท์

ซู ฉิวไป่ สามารถได้ยินเสียงที่แสดงความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดจากปากของเธอหลังจากที่เธอรับสาย

"นี่คุณปฏิเสธที่จะดูหนังกับผมตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว นี่คุณอยากให้ผมสอนบทเรียนให้คุณหลาบจำจริง ๆ ใช่มั้ย”