ตอนที่แล้วบทที่19: ไป่หลงสิ้นใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่21: ในม่านหมอก

บทที่20: ต่างคนต่างเรื่องราว


บทที่20: ต่างคนต่างเรื่องราว

ในห้องพักของท่านย่าฝูมืดสลัว ประตูหน้าต่างปิดทึบ ทั้งที่ข้างนอกเป็นรุ่งเช้าของวันใหม่นานแล้ว แต่นางยังเก็บตัวอยู่ภายในห้อง นางนั่งอยูบนรถเข็น คล้ายอาการป่วยเมื่อวานจะทุเลาลงไปแล้วหลายส่วน แต่สีหน้าของแม่เฒ่ากลับดูเศร้าหมอง สักพักเสี่ยวจือเปิดประตูเข้ามาพร้อมชามข้าวต้ม

“ท่านแม่ ข้าเอาอาหารเช้ามาให้แล้ว กินอะไรสักหน่อยจะได้ทานยาบำรุงที่ต้มไว้”

ไม่มีเสียงตอบจากท่านย่าฝู เสี่ยวจือมองมารดาที่นั่งทุกข์ใจ จึงวางข้าวต้มลงบนโต๊ะแล้วเดินเข้าไปใกล้

“ท่านแม่ หากท่านไม่ทานอะไร เดี๋ยวจะล้มป่วยอีกนะ”

“ข้าไม่หิว ไม่อยากทานอะไร”

“แต่...”

“เจ้าวางไว้ที่โต๊ะนั่นแหละ แล้วจะออกไปทำธุระอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”

เสี่ยวจือรู้ดีว่ามารดาของตนนิสัยเป็นเช่นไร ใจแข็ง เมื่อนางพูดคำไหนย่อมเป็นคำนั้น เสี่ยงจือจึงไม่รบเร้าอะไรอีก แต่พอจะออกไปจากห้อง อีกฝ่ายกลับเป็นคนตั้งคำถามขึ้น

“งักเจียง... เขาเป็นยังไง”

“ตอนนี้อยู่ในห้องเย็น ข้าให้บ่าวไปจัดการเรื่องโลงศพกับข้าวของอื่นๆ แล้ว คิดว่าน่าจะเรียบร้อยในไม่กี่ชั่วยาม ทันทำพิธีคืนนี้แน่นอนค่ะ”

ท่านย่าฝูนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไรอีก เสี่ยวจือจึงบอกข่าวที่นางควรรู้

“ไป่ยู่กับพี่ชายของเขาถูกคุณชายใหญ่จับขังที่คุกศิลา สองคนถูก... ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่อง ตอนนี้พี่ชายของไป่ยู่สิ้นใจแล้วเพราะบาดแผลก่อนหน้านี้ คุณชายใหญ่ให้เจ้าเมืองมารับศพไปจัดการแล้วกำลังเกณฑ์คนเพื่อไปหางักโยวในป่า”

สิ้นคำบอกเล่า ท่านย่าฝูมีปฏิกิริยากับประโยคสุดท้าย นางคล้ายอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่รำพึงเบาๆ ใหได้ยินชัดกันแค่สองคน

“ข้าทำผิดไปใช่ไหม”

เสี่ยวจือไม่ตอบคำใด เพราะไม่แน่ใจว่าคำถามนั้นมีคำตอบที่คู่ควร...

 

..................................

 

เสียงนกบินออกมาจากป่าต้องห้าม ทำงักฮัวสะดุ้งตกใจ

“บ้าชะมัด ทำตกใจหมดเลย”

เด็กสาวบ่นขึ้นระหว่างที่ยืนอยู่ระแวงอยู่ตรงด้านหลังของคฤหาสน์ นางรอจนโอกาสเหมาะที่พวกบ่าวมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับงานศพของงักเจียงจึงได้มายืนอยู่ที่นี่ เบื้องหน้าเป็นป่าที่นางมักเขาไปทุกเช้า หากแต่หลังเกิดเรื่องที่โดนปีศาจหมูไล่ตามเมื่อสามวันก่อน นางก็ไม่ได้เข้าไปอีกเลย เวลานี้แม้จะกลัว แต่สิ่งที่กังวลในใจทำให้นางตัดสินจะเข้าไป

เกิดเรื่องมากมายเมื่อคืน แล้วในวันนี้พี่ใหญ่ก็มีท่าทางเปลี่ยนไปเป็นคนละคนราวกับไม่ใช่ตนเอง หรือจริงๆ นั่นอาจเป็นตัวตนของเขาที่น้องสาวอย่างงักฮัวไม่เคยรู้

มีหลายเรื่องน่ากังวลใจ ทั้งอาการของท่านย่าฝูที่หลังฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่เก็บตัวเงียบไม่ออกมาพบกับใคร ไหนจะเรื่องที่ไป่ยู่โดนจับขัง เรื่องพี่ไป่หลงสิ้นใจแล้วยังเรื่องที่งักโยวหายตัวไป ทว่าทั้งหมดยังไม่น่าวิตกเท่ากับเรื่องที่งักหลิวจะให้พวกเจ้าหน้าที่เข้าไปในป่าเพื่อตามหางักโยว

งักฮัวไม่รู้ว่างักโยวจะอยู่ในนั้นไหม และยิ่งไม่รู้ว่าปีศาจหัวหมูป่าจะยังเร้นกายรอนางอยู่หรือเปล่า ที่นางกังวลมีเพียงสิ่งเดียว คือกลัวคนจะพบเห็นความลับที่นางเก็บซ่อนไว้ในนั้น หวังไว้ในใจขณะที่ก้าวเดิน ว่ามันจะยังคงอยู่และปลอดภัยจากสิ่งต่างๆ อย่างที่นางต้องการ

 

.....................................

 

“เจ้ารู้ไหม งักเจียงตายแล้ว”

“เฮ้ย! คุณชายรองสกุลงักอะนะ เจ้าอย่ามาโกหก วันก่อนข้ายังเห็นออกมาเล่นที่บ่อนอยู่เลย”

“เรื่องจริง ท่านเจ้าเมืองเพิ่งไปรับศพคนร้ายจากคฤหาสน์สกุลงักมาที่อำเภอ ให้ชาวบ้านไปชี้ตัวอยู่ว่าคนร้ายเป็นใคร”

“แล้วมันผู้นั้นเป็นใคร”

“ยังไม่รู้เห็นว่าเป็นคนที่ช่วยคุณหนูงักฮัวไว้ แถมนี่เจ้าเมืองจะเกณฑ์คนไปช่วยตามหาคุณชายเล็กของสกุลด้วยนะ”

“คนที่สติไม่ดีน่ะเหรอ”

“ใช่ๆ”

“หาทำไม หาที่ไหน”

“เห็นว่าหายเข้าไปในป่าต้องห้าม”

เสียงผู้คนล้อมวงพูดคุยกันอย่างออกรส โจวหม่าจงนิ่งฟัง จับใจความได้บางส่วน เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลงักอยู่บ้าง แต่ที่เขาสนใจที่สุดในตอนนี้ คือคนสองคนตรงหนี่ก่อนนี้กล่าวว่าเกรงใจ ในขณะที่เวลานี้กำลังนั่งกินอาหารที่สั่งมาเต็มโต๊ะด้วยท่าทางที่ราวกับว่าจะไม่มีวันอิ่ม

หานตงยกมือจะเรียกเสี่ยวเอ้อ ทันทีที่บะหมี่ชามที่สองเพิ่งหมด หม่าจงคว้าแขนไว้แล้วกล่าวอย่างยากเย็น

“จะทำอะไร”

“สั่งบะหมี่เพิ่มอีกสองชามครับลูกพี่”

“ข้าว่า เจ้ากินอย่างอื่นให้หมดก่อนดีกว่านะ”

“แต่ว่า”

“เชื่อข้าสิ”

หม่าจงกล่าว เรียวปากยิ้มแต่ดวงตาจ้องเขม็งส่งแววห้ามให้อีกฝ่ายรู้ตัว หานตงเห็นก็พยักหน้ารับ ทว่า...

“เสี่ยวเอ้อ เอาบะหมีเนื้อมาอีกสองชาม”

“ได้ครับ”

หม่าจงหลับตาแน่นทันทีที่เฉินหลินซึ่งเพิ่งกินเป็ดย่างหมดไป เงยหน้าขึ้นมาสั่งอาหารโดยไม่ดูสถานการณ์ หานตงมองลูกพี่ที่หน้าซีดลงเรื่อย พลางยิ้มแหยอย่างไม่รู้จะทำไง

หากรู้ว่าคุณหนูเฉินผู้นี้กินอาหารราวกับพายุ หม่าจงคงไม่เอ่ยปากของเลี้ยงเพื่อถ่วงเวลารอให้คนของเศรษฐีหม่ามารับตัวว่าที่ลูกบุญธรรมของเขาไปเด็ดขาด

“ท่านไม่กินเหรอ” เฉินหลินกล่าวขึ้นเมื่อหอยเป๋าฮื้อเหลือเพียงชิ้นเดียว หม่าจงกำลังจะตอบรับทว่าช้าไป

“งั้นข้ากินนะ” เฉินหลินใช้ตะเกียบคีบแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย

หานตงได้แต่ตบบ่าลูกพี่ตัวเอง เพราะไม่รู้จะปลอบใจยังไง สถานการณ์นี้ทำเอาตัวหานดงเองก็ไม่กล้ากินอะไรอีก

พลันเสียงพูดคุยรอบด้านที่ดังเป็นระยะทำให้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวนั้นหุนหันลุกขึ้นจนชนเข้ากับหม่าจงที่นั่งอยู่ หานตงหันไปจะต่อว่า แต่คนผู้นั้นหันกลับมาขอโทษเสียก่อน

“ขอโทษด้วยพี่ชายข้าไม่ได้ตั้งใจ อะ อ้าว ใต้เท้าจง”

“หนานจิ่นสือ”

คนที่เดินชนหม่าจงคือพรานป่าที่ถูกเฉาเกาใส่ร้ายในคดีผีไร้ร่างจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ดีที่ได้ไป่หลงกับโจวหม่าจงช่วยเหลือ จึงได้มีโอกาสพบกับลูกชายของตัวเองซึ่งถูกไป่หลงพามารักษาตัวที่เมืองหัวอันนี่อีกครั้ง

“เจ้าทำไมถึง จริงสิ พี่ไป่หลงบอกว่าจะพาเจ้ามาพบลูกที่เมืองนี้นี่ ข้านึกว่าเจ้ากลับบ้านไปแล้วเสียอีก หายดีแล้วนะ”

“หายแล้วครับ หายแล้ว ลูกข้าก็ดีขึ้นแล้ว บังเอิญมากๆ ที่ได้พบกัน ข้ารู้เรื่องคดีกับเหตุการณ์ที่เกิดแล้ว หลังจากนั้นทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหมครับ”

“เรียบร้อยดี ก็เพราะพี่ไป่หลงกับไป่ยู่นั่นแหละ ไม่งั้นคงปิดคดีกันไม่ได้ ว่าแต่สองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง”

พอหม่าจงทักเรื่องนี้ขึ้นมา จิ่นสือก็คล้ายนึกธุระสำคัญที่เมื่อครู่จะทำได้

“ใต้เท้าจงโปรดรอข้าสักครู่” กล่าวจบพรานป่าก็เดินเข้าไปในกลุ่มสนทนาที่ตั้งวงอยู่ เขาสอบถามบางสิ่งจนได้ความจึงเดินกลับมาหาหม่าจงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เกิดอะไรขึ้นหรือ” หม่าจงถาม

“จอมยุทธ์ไป่สิ้นใจแล้ว”

หม่าจงลุกขึ้นกระชากเสื้อของจิ่นสือถามเสียงกร้าว

“เจ้าว่าไงนะ!”

“ลูกพี่ใจเย็นๆ” หานตงรีบห้ามไว้ ท่าทีของหม่าจงทำทุกคนรวมทั้งเฉินหลินตกใจ

“คุณชายรองบ้านสกุลงักถูกฆ่าตาย คนร้ายที่ก่อคดีตอนนี้ตายแล้ว เขาว่ากันว่าคนร้ายคือคนที่ช่วยคุณหนูของบ้านนั้นไว้ เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ แต่งชุดสีดำ หลายวันก่อนข้าได้ยินมาว่าพวกท่านไป่ คือคนที่ช่วยคุณหนูสกุลงักไว้”

หม่าจงตัวชา ทั้งตระหนกและสับสน เขาไม่เชื่อ คนมีฝีมืออย่างไป่หลงหรือจะตายง่ายดายเช่นนี้ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ สกุลงักอยู่ที่ไหน ข้าจะไปดูศพนั่นให้เห็นกับตาว่าไม่ใช่พี่ไป่หลง”

“ตอนนี้ศพอยู่ที่อำเภอครับใต้เท้า”

สิ้นคำบอก หม่าจงเดินออกไปจากโรงเตี๊ยมทันทีไม่รีรอ หานตงรีบรวบสัมภาระแล้วลุกตาม ทำให้เฉินหลินที่ยังนั่งตกใจอยู่รีบลุกขึ้นเช่นกัน ทว่ายังไม่ทันก้าวเท้าตาม เสี่ยวเอ้อรีบเข้ามาขวางไว้

“ยังไม่จ่ายเงิน”

“ขะ ข้า เอ่อ คนถือเงินเดินออกไปแล้วเดี๋ยวข้าไปตามให้”

“จะชักดาบหรือแม่นางน้อย”

“เปล่านะ แต่ข้าไม่มีเงิน”

“เถ้าแก่ มีคนกินไม่จ่าย”

เฉินหลินสีหน้าซีดเผือก หนานจิ่นสือล้วงเงินวางไว้บนโต๊ะ

“เท่านี้พอไหม”

เสี่ยวเอ้อเห็นพลันยิ้มหวาน

“พอครับนายท่าน”

“แม่นางน้อยรีบไปเถอะ เดี๋ยวตามใต้เท้าไม่ทัน”

“ขอบคุณ ขอบคุณพี่ชาย” เฉินหลินรีบคว้าสัมภาระของตัวเองแล้ววิ่งตามหม่าจงและหานตงไปพร้อมกับจิ่นสือ

 

............................................

 

 

ที่ว่าการอำเภอ หงซาเถียนกำลังปรึกษากับหัวหน้ามือปราบ เมื่อเห็นจำนวนคนที่เกณฑ์มาได้ เขากลับมีสีหน้าเคร่งเครียด เพราะนอกจากมือปราบที่มี ชาวบ้านที่มาช่วยช่างน้อยนิดและส่วนใหญ่เป็นคนแก่กับเด็ก

ซาเถียนคิดในใจ แบบนี้ขืนปล่อยให้เข้าป่าไป อย่างว่าแต่ตามหาคนหายไปไม่เจอ กระทั่งทีมอาสาค้นหาจะกลับมาครบหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

ระหว่างใช้ความคิด ด้านนอกพลันเกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้น ซาเถียนคิดจะถามแต่คนที่เข้ามาก็ทำให้รู้คำตอบเสียก่อน

“คารวะใต้เท้าเถียน”

“รองหัวหน้ามือปราบจง” ซาเถียนทักขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายมาหา

เจ้าเมืองเคยได้ยินชื่อเสียงและกิตติศักดิ์ของอีกฝ่ายดีว่าเป็นคนมากฝีมือขนาดไหน แม้ว่าจะเป็นเพียงรองหัวหน้ามือปราบ แม้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากเมืองข้างเคียง ซาเถียนก็อดนึกชื่นชมหม่าจงไม่ได้ คิดได้เช่นนี้ก็เหมือนจะเห็นทางสว่าง

“รองหัวหน้าจงมาได้จังหวะเหมาะพอดี ข้ามีเรื่องไหว้วาน”

“ได้ทุกเรื่อง แต่ก่อนอื่นข้าน้อยมีเรื่องอยากจะขอรบกวนใต้เท้าก่อน”

“เรื่องอะไร ว่ามาได้เลย”

“ข้าอยากดูศพที่ท่านเพิ่งพามาจากสกุลงัก” แม้จะแปลกใจ แต่ซานเถียนก็ยินยอม

ภายในห้องเย็นของที่ว่าการอำเภอ มีศพจำนวนมากมายที่ถูกเก็บร่างไว้ภายในนั้น จนเฉินหลินที่ตามมาด้วยรู้สึกหวาดผวา ขณะที่จิ่นสือซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพรานป่า เห็นเลือดเห็นศพมาไม่น้อย ยังแอบหวาดหวั่นไม่ได้ หานตงถามจากเจ้าหน้าที่คนอื่นว่าทำไมถึงมีศพเยอะขนาดนี้ จึงได้ความว่าเป็นศพที่เกิดจากคดีก่อนหน้าห้าสิบสองศพ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หม่าจงสนใจ

เขาจ้องศพเบื้องหน้าที่ถูกเสื่อคลุมปิดไว้ นึกหวั่นในใจก่อนจะเปิดเสื่อที่คลุมออก ร่างไป่หลงซีดขาวราวกับโดนแช่อยู่ในธารน้ำแข็ง ไม่ขยับ ไม่ไหวติง ไม่หายใจ

หม่าจงเลื่อนมือไปสัมผัสที่แก้มของร่างนั้น มันย้ำชัดถึงความตายที่อีกฝ่ายมี สองมือกำแน่นเพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น น้ำตาพลันหยดโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่เพิ่งพบกัน จากกัน ทำไมอีกฝ่ายถึงได้หมดอายุขัยเร็วเช่นนี้ ทำไมตัวเขาถึงได้รู้สึกโศกเศร้าถึงเพียงนี้

เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร ยกเว้นเพียงแค่เฉินหลิน

“ไป่ยู่ละ ถ้าพี่ไป่หลงอยู่ที่นี่ ไป่ยู่อยู่ที่ไหน”

คำพูดนี้เตือนสติของหม่าจงได้ในทันที จริงอย่างที่ดรุณีน้อยกล่าว สองพี่น้องไม่ห่างกาย หากไป่หลงตายไปแล้ว แล้วเกิดอะไรขึ้นกับไป่ยู่ เขาตายแล้วเช่นนั้นหรือ

“ใต้เท้าเถียน ข้าน้อยเรียนถาม คนที่มากับชายผู้นี้อยู่ที่ใด”

“ตอนไปรับศพคนผู้นี้ ข้าพบเพียงเขา ไม่สิ คุณชายใหญ่สกุลงักแบกร่างเขามาส่งให้ข้าเพียงคนเดียว ซ้ำยังยืนยันหนักแน่นว่าคนผู้นี้กระทำการต่างๆ เพียงลำพัง เจ้ารู้จักเขาเหรอ”

“ข้ารู้จักและขอยืนยันได้ว่าเขาไม่ใช่คนร้ายอย่างที่กล่าวอ้าง”

“ข้าเองก็รู้อยู่ว่าคดีนี้มีพิรุธ แต่อีกฝ่ายเจ้าเล่ห์เหลือเกิน แถมยังต้องตามหาคนที่สูญหายไปอย่างเร่งด่วน จึงต้องวางเรื่องนั้นเพื่อทำเรื่องที่สำคัญก่อน เจ้าช่วยข้าได้ไหม”

“ใต้เท้าจะให้ข้าทำอะไรบอกมาได้เลย ขอแค่ให้ข้าได้มีส่วนร่วมในการสืบคดีนี้ก็พอ”

“เดี๋ยวจะมีการเข้าไปในป่า เอ่อ... ป่าต้องห้าม เพื่อตามหายคนที่หายไป ถึงจะถูกเรียกเช่นนั้นแต่มันไม่เคยมีอันตรายอะไรหรอกนะ เพียงแต่ไม่ค่อยมีคนเข้าไปนานมากแล้ว ข้าไม่อยากเกณฑ์ชาวบ้านที่ไม่ประสีประสาอะไรเข้าไป เกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับพวกเขา จึงอยากไหว้วานให้เจ้าที่มีฝีมือเป็นคนนำทีมเข้าไป”

“ได้!” หม่าจงรับคำ ซาเถียนยิ้มอย่างพอใจ

 

..........................................

 

 

ในป่าทึบอากาศเย็นเยียบ มีหมอกหนาปกคลุมทั่วบริเวณ งักฮัวใช้สองมือลูบสองแขนเพราะหนาวสั่น คิดในใจว่าหากจึงคบไฟได้ก็คงดี แต่การทำเช่นนั้นน่าจะไม่ปลอดภัย เพราะนางยังไม่รู้ว่าปีศาจหัวหมูป่าที่ไป่ยู่เคยไล่ไปนั้น เป็นตายร้ายดีเช่นไร

เมื่อเป็นเช่นนั้นงักฮัวจึงทำได้เพียงใช้กิ่งไม้ขนาดเหมาะมือเป็นไม้เท้านำทางว่าหนทางด้านหน้าที่จะย่างก้าวไปมีหลุมบ่อหรือหุบเหวอะไรรออยู่ แม้ปกติจะคุ้นเคยและชินกับเส้นทาง แต่หมอกหนาขนาดนี้เกินวิสัยที่นางเคยเผชิญจริงๆ

เป็นอีกครั้งที่งักฮัวยิ่งร้อนใจว่าอากาศวิปริตเช่นนี้จะส่งผลร้ายอันตรายกับสิ่งที่นางกำลังจะไปหาหรือไหม ได้แต่หวังว่ามันจะปลอดภัยดี

เด็กสาวคิดเช่นนั้นโดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ในหมอกหนาทึบมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวตามนางอยู่

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด